ตอนที่ 440 ความโกรธของเซี่ยอี
เย่ว์หยางไม่ได้มุ่งตรงไปหอทงเทียนชั้นห้าโดยตรง
เพราะเขาไม่รู้ตำแหน่งที่แน่นอน เย่ว์หยางตัดสินใจขึ้นไปที่หอทงเทียนชั้นที่หกและจากนั้นกลับไปที่ป้อมสายฟ้า
ถ้าราชาเฮยอวี้ไม่รู้ว่าไตตันคือคุณชายสามแห่งตระกูลเย่ว์ อย่างนั้นสถานะของเขาในป้อมสายฟ้าก็ยังคงปลอดภัย หรือถ้าราชาเฮยอวี้ยังรวบรวมอิทธิพลในทวีปมังกรทะยานได้ไม่มากพอ เขาคงไม่ผลีผลามลงมือกับสมบัติของไตตันแน่ ขณะที่เหมืองซึ่งได้รับการแก้ไขสิทธิ์แล้วนั้น ไม่ว่าใครที่ได้มา เขาจะต้องจัดวางกำลังคนดูแล ขณะที่เขาจะไม่ยอมยักย้ายถ่ายโอนไป ดังนั้นจึงอาจตกเป็นเป้าหมายของศัตรูเมื่อใดก็ได้ ยิ่งกว่านั้นราชาเฮยอวี้มีเหมืองนับไม่ถ้วนอยู่ในหอทงเทียน ถ้าเขาโกรธกับพี่น้องไตตัน ก็คงจะง่ายสำหรับเย่ว์หยางที่จะล้างแค้น
ราชาเฮยอวี้ไม่ใช่คนโง่ เขาต้องการพิชิตทวีปมังกรทะยานทั้งหมด ไม่ใช่เหมืองเล็กๆ สองแห่งในป้อมสายฟ้าในชั้นหกหอทงเทียน
การพิชิตทวีปมังกรทะยานเป็นแค่เพียงการเริ่มต้นพิชิตหอทงเทียนทั้งหมด
ไม่ว่ายังไง เหมืองก็ยังไร้ประโยชน์เมื่อเทียบกับทวีปมังกรทะยาน
“โอว, เจ้านายกลับมาแล้ว! ข้าคิดถึงท่านนัก, ขอให้ข้าได้เปลี่ยนชุดให้ท่านด้วยเถอะ” สาวลูกครึ่งเอลฟ์หน้าเด็กอกโตมีความสุขที่สุดที่ได้เห็นเย่ว์หยางกลับมา นอกจากนี้ยังมีพ่อค้ากบอ้วนจั๊ดด์ก็ปลาบปลื้มดีใจ ตำแหน่งจั๊ดด์ในตอนนี้ไม่ใช่แค่ประธานหอการค้าไตตันเท่านั้น แต่เขายังเป็นรองพ่อบ้านอีกด้วย เรื่องการพูดเจรจาต่อรองเขาเชี่ยวชาญมากกว่าพ่อบ้านเหยียนเจิ้ง เขาจึงมีระดับสูงสุดในหมู่คนงาน แน่นอนว่า เซี่ยอีและสาวใช้ลูกครึ่งเอลฟ์ไม่รวมอยู่ในรายการนี้
ขณะที่เย่ว์หยางฟังรายงานจากพ่อบ้านเหยียนเจิ้ง สาวใช้ลูกครึ่งเอลฟ์ถือโอกาสถอดเสื้อนอกให้เย่ว์หยางและนำน้ำสะอาดมาขณะที่นางนั่งลงและล้างเท้าให้เขา
จั๊ดด์ก็ต้องการจะเข้าไปช่วยเช่นกัน
แต่โชคดีที่เขารู้ว่าไม่ควรทำ ไม่อย่างนั้นสาวใช้ลูกครึ่งเอลฟ์คงเกลียดเขาเข้ากระดูกดำ และเย่ว์หยางคงเตะเขาปางตายแน่
เย่ว์หยางมองดูบัญชีที่พ่อบ้านเหยียนเจิ้งดูแล เขาไม่จำเป็นต้องกังวลเลยแม้แต่น้อย
“จั๊ดด์, เร็วๆ นี้ไม่มีอะไรเกิดขึ้นใช่ไหม?” เย่ว์หยางรู้จักวิธีใช้คนของเขา สำหรับคนที่ไร้ประโยชน์แต่ก็ยังมีความกระตือรือร้น เขาก็ยังยกย่องเป็นบางครั้ง มิฉะนั้นกำลังใจของพวกเขาคงตกต่ำ ยิ่งกว่านั้นเจ้ากบอ้วนจั๊ดด์ก็ยังมีประโยชน์ต่อเขา
“ไม่, ไม่มีอะไรเกิดขึ้น หลังจากท่านจากไป ทุกอย่างยังเป็นไปด้วยดี” สาวใช้ลูกครึ่งเอลฟ์ยังล้างเท้าให้เขาอย่างมีความสุข, ดังนั้นนางจึงไม่รู้ตัวว่าเย่ว์หยางไม่ได้คุยกับนาง “เจ้าพูดว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้นหรือ? มีบางอย่างเกิดขึ้น และมันน่ากลัวมาก! สำคัญมากๆ” เจ้ากบอ้วนรู้สึกว่าการตอบสนองของนางไม่น่าประทับใจเสียเลย จากนั้นเขาจึงอธิบายถึงเรื่องเล็กๆ น้อยๆ ทั้งหมดที่เกิดขึ้นในป้อมสายฟ้า “มีการพบสุดยอดอัญมณีในเหมืองที่ห้าอีกครั้ง เดือนนี้เราติดอันดับสูงสุดในป้อมสายฟ้าอีกครั้ง เซี่ยเหอ, ซานเซียวและฉงนี่ตั้งใจจะจัดเลี้ยงต้อนรับท่าน นี่สำคัญมาก แล้วเจ้าบอกว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้นได้อย่างไร?”
“ตอนนี้ข้ายังไม่ว่างเข้าร่วมงานเลี้ยงของราชาฉงนี่ ช่วยปฏิเสธให้ข้าด้วย” เยว์หยางไม่มีเวลากับงานเลี้ยงอย่างนั้น
“เอ่อ…” จั๊ดด์และคนที่เหลือทำเหมือนกับว่าพวกเขาเห็นสัตว์ประหลาด ขณะที่พวกเขามองเห็นเย่ว์หยางไม่ได้แม้แต่จะกระพริบตาเมื่อเขาบอกว่าเขาต้องการปฏิเสธข้อเสนอของราชาฉงนี่ พวกเขาฟังผิดไปหรือเปล่า?
“ตอนนี้ข้ายุ่งจริงๆ ข้ามั่นใจว่าราชาฉงนี่คงจะเข้าใจ” เย่ว์หยางโบกมือเล็กน้อย จากนั้นเขาชะงักชั่วขณะและตัดสินใจปล่อยข้อมูลบางอย่างในที่สุด “เมื่อเร็วๆ นี้ข้าได้สร้างศัตรูไว้ ดังนั้นข้าอาจต้องสู้กับพวกเขา ไว้ค่อยคุยเรื่องงานฉลองหลังจากการต่อสู้ของข้าผ่านพ้นไปแล้วก็ได้! ถ้าใครมาหาและพบปัญหายุ่งยาก ก็ให้เลื่อนสิ่งที่พวกเขาพูดไปสักระยะก่อน รอให้ข้ากลับมาก่อนค่อยตัดสินใจลงไป ชีวิตของพวกเจ้าสำคัญเหนือสิ่งอื่นใดทั้งหมด”
“ไม่, ข้าจะไม่ติดตามเจ้านายคนอื่น ถ้าเจ้านายตายเพราะต่อสู้ ข้าจะฆ่าตัวตายเพื่อปกป้องความภักดีต่อท่าน” สาวใช้ลูกครึ่งเอลฟ์กอดขาเย่ว์หยาง ร้องไห้น้ำตานองหน้า
“ข้าคงจะไม่แพ้หรอก เพียงแต่ต้องใช้กลยุทธบางอย่าง ศัตรูอาจมาถึงที่นี่ก่อนข้าจะเอาชนะพวกเขาได้ ดังนั้นเตรียมตัวเตรียมใจให้พร้อม สำหรับเจ้า หลังจากเริ่มต่อสู้แล้ว ข้าจะพาเจ้าเร้นภัยชั่วคราว” เย่ว์หยางกอดลูบศีรษะของสาวลูกครึ่งเอลฟ์แผ่วเบาขณะที่เขาใช้นิ้วปาดน้ำตานางอย่างนุ่มนวล เขาคาดว่าราชาเฮยอวี้คงไม่มาหาเรื่องยุ่งยากที่นี่ มันไม่มีผลกระทบอะไรต่อเย่ว์หยางมากนัก ยิ่งกว่านั้น ฉงนี่ราชาแห่งป้อมสายฟ้าคงไม่ยอมให้ใครรุกรานที่ของเขา เพราะจะเป็นเรื่องน่าอายสำหรับเขา
“ท่านหมายความว่าไง? เราจะไม่ยอมแพ้ เรายอมตายมากกว่ายอมแพ้ศัตรูของเรา” เจ้ากบอ้วนรู้ว่าทันทีที่พวกเขายอมแพ้ เขาจะไม่มีตำแหน่งที่สูงอีกต่อไป เขาคงต้องกลับไปเป็นหนูสกปรกที่น่าสมเพชตามถนนต้องคอยต่อสู้จนกว่าจะตายเพื่อรักษาสถานะของเขา
“ขอถามได้ไหม ใครคือศัตรูของท่าน?” พ่อบ้านเหยียนเจิ้งพูดมีเหตุผลมากกว่า
“ศัตรูน่ะเหรอ?? มีเยอะแยะไปหมด.. ที่มีตอนนี้ก็ได้แก่ จักรพรรดิม่วงซุ่นเทียนและองค์ชายเงาดำ, บางทีอาจรวมถึงประมุขนิกายพันปีศาจ แต่ศัตรูที่หนักมือที่สุดก็คือราชาเฮยอวี้” พอได้ยินคำพูดของเย่ว์หยาง เจ้ากบอ้วนจั๊ดด์ทรุดตัวลงกับพื้นทันทีขณะที่มีอาการน้ำลายฟูมปาก
เหยียนเจิ้งก็เหงื่อไหลพร่างพรูเช่นกัน
เพราะศัตรูที่ว่ามานี้ ไม่มีคนใดเลยที่อ่อนแอ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง พวกเขาเป็นนักสู้ปราณก่อกำเนิดที่ทรงพลานุภาพสามารถสั่นสะเทือนหอทงเทียนได้ด้วยการย่ำเท้าเท่านั้น
อย่าว่าแต่พี่น้องไตตันผู้เพิ่งจะมาถึงหอทงเทียนชั้นที่หกเลย แม้แต่ฉงนี่ เจ้าป้อมสายฟ้าก็ยังมิกล้าล่วงเกินคนพวกนี้แม้แต่คนเดียว
เฉินเซียนเซิงที่เพิ่งเข้ามาถึงก็ตกตะลึงเช่นกัน
จากนั้นเขาระเบิดเสียงหัวเราะลั่นพร้อมกับยกนิ้วให้เย่ว์หยาง “เยี่ยม, เยี่ยมมาก เจ้าได้ชื่อว่าเป็นชายหนุ่มที่โดดเด่นที่สุดในหอทงเทียน คนอย่างเจ้านับว่ามีความกล้ามาก แม้ว่าจะมีนักสู้ปราณก่อกำเนิดมากมายในหอทงเทียน แต่กลับมีไม่มากที่กล้าต่อกรกับคนเหล่านี้ อย่าว่าแต่ต่อต้านพวกเขาทั้งหมดรวดเดียวเลย ไตตันน้อย ข้าสงสัยว่า เจ้าจะทำให้พวกเขาทุกคนขุ่นเคืองได้ยังไง?”
เสียงของเย่ว์หยางสงบเหมือนน้ำไหลผ่านโขดหิน “ข้าเป็นศัตรูกับซุ่นเทียนและองค์ชายเงาดำมานานแล้ว เราปะทะกันมาสองสามครั้ง ข้ามีปัญหาบางอย่างกับประมุขนิกายพันปีศาจด้วยเช่นกัน ขณะที่ราชาเฮยอวี้ต้องการจะรุกรานและพิชิตทวีปมังกรทะยาน ดังนั้นในฐานะประชาชนของทวีปมังกรทะยาน ข้าต้องต่อสู้กับเขาแน่นอน”
เฉินเซียนเซิงตะลึงอีกครั้ง “ท่านสู้กับซุ่นเทียนและองค์ชายเงาดำมาสองสามครั้งแล้วหรือ?”
“นายท่าน หน้ากากของท่านถูกพวกเขาทำเสียหายใช่ไหม?” คำถามของหญิงสาวลูกครึ่งเอลฟ์ทำให้คนอีกมากตระหนักได้ในที่สุดว่าหน้ากากเจมินี่เสียหาย นั่นจะต้องใช้พลังที่หนักหน่วงขนาดไหน?
“ไม่ใช่พวกเขาหรอก แต่เสียหายเพราะคนที่ยังมีพลังมากกว่าซุ่นและองค์ชายเงาดำ” พอได้ยินถึงตอนนี้ เจ้ากบอ้วนจั๊ดด์ที่เพิ่งได้สติถึงกับขาแกว่งอีกครา
ซุ่นเทียนและองค์ชายเงาดำนับได้ว่าเป็นนักสู้ระดับชั้นยอดในหอทงเทียนชั้นหกและเจ็ด อาจจะรวมอยู่ในชั้นแปดและเก้าก็ได้ พวกเขาถูกมองว่าเป็นนักสู้ที่แข็งแกร่ง
สำหรับคนที่ยังมีพลังมากกว่าซุ่นเทียนและองค์ชายเงาดำ น่าจะเป็นสุดยอดนักสู้อย่างจื้อจุนกระมัง?
แต่จื้อจุนก็มาจากทวีปมังกรทะยานเช่นกัน ดังนั้นเป็นไปไม่ได้ที่นางจะต่อสู้กับไตตันน้อย อย่างนั้นเป็นผู้ใดกันแน่? อย่าว่าแต่กบอ้วนจั๊ดด์และเหยียนเจิ้งเลย แม้แต่เฉินเซียนเซิงก็คาดเดาไม่ออกว่าเป็นผู้ใดกันแน่ที่ทำลายหน้ากากทองของเย่ว์หยางได้ เย่ว์หยางไม่ได้อธิบายอะไรต่อ แต่ดำเนินข้อตกลงกับเฉินเซียนเซิงและเก็บอสูรสายฟ้าและเกราะสายฟ้าไว้ในแหวนเก็บของ เขาดูผ่อนคลายลงมาก และไม่กังวลถึงสงครามที่กำลังจะมาถึงแม้แต่น้อย
เฉินเซียนเซิงมองดูเย่ว์หยางด้วยความทึ่ง เขาไม่เข้าใจว่าเหตุใดบุรุษหนุ่มผู้เพิ่งมาถึงชั้นที่หกถึงได้แข็งแกร่งนัก
ซุ่นเทียน, องค์ชายเงาดำและราชาเฮยอวี้ ทุกคนยังเอาชนะเขาไม่ได้อีกหรือ?
เย่ว์หยางแข็งแกร่งขนาดไหนกันแน่?
เย่ว์หยางโอบศีรษะของสาวลูกครึ่งเอลฟ์ไว้อย่างนุ่มนวล “ขอให้มั่นใจเถอะ เจ้าไม่ต้องกังวลกับข้ามากเกินไป แค่รอให้ข้ากลับมาก็พอ”
“เจ้าค่ะ, ข้าศรัทธาในตัวนายท่าน” สาวลูกครึ่งเอลฟ์เชื่อมั่นเย่ว์หยางที่สุด นางศรัทธาในตัวเขาไม่คลาย
“ถ้าซุ่นเทียน, องค์ชายเงาดำหรือบริวารของราชาเฮยอวี้มาที่นี่ และครอบครองเหมืองของเรา พวกเราจะทำอย่างไร?” พ่อบ้านเหยียนเจิ้งถาม
ทางเลือกแรกคือยอมพวกเขาไปก่อนชั่วคราว แต่ถ้าท่านไม่ยินดี ทางเลือกที่สองให้บอกพวกเขาว่าถ้าพวกเขาไม่กลัว ข้าจะไปถล่มวังจื่อเว่ยและคิดบัญชีคืนเป็นร้อยเท่า อย่างนั้นเชิญทำตามที่เขาต้องการได้เลย ถ้าใครมีปัญหา ก็บอกไปว่าข้าคือศิษย์ของจื้อจุน, เป็นน้องชายของจักรพรรดินีราตรีและเป็นหนึ่งในสิบมารฟ้าจากวังมาร ถามพวกเขาดู คิดว่าพวกเขามีพลังอำนาจเพียงพอก่อนจะหาเรื่องกับข้าหรือเปล่า! ความจริงพวกเจ้าทุกคนไม่ต้องกังวลเรื่องการต่อสู้ของข้ากับซุ่นเทียน, องค์ชายเงาดำและราชาเฮยอวี้ว่าจะส่งผลต่อพวกเจ้าทุกคนเลยก็ได้” เย่ว์หยางยกการติดต่อที่เขามีทุกทางมากล่าวอ้าง แม้ข้อมูลจะเป็นเท็จบ้าง แต่เขาก็ต้องโกหกไว้ก่อน โดยเฉพาะอย่างยิ่งลากเอาพวกวังมารเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย
“แค่ก, แค่ก, แค่ก!” เจ้ากบอ้วนจั๊ดด์เพิ่งจะประคองตัวเองขึ้นมาและกำลังจะดื่มน้ำ แต่พอได้ยินเย่ว์หยางก็สำลักน้ำอีก
แม้แต่เฉินเซียนเซิงก็ตะลึงอีกครั้ง
เขาไม่เคยคิดว่าเบื้องหลังของไตตันน้อยจะดูเหลือเชื่อเกินจริงอย่างนั้น เป็นศิษย์ของจื้อจุน, เป็นน้องของจักรพรรดินีราตรีและเป็นส่วนหนึ่งของสิบมารฟ้า เย่ว์หยางได้รับประโยชน์ทั้งหมดอย่างเห็นได้ชัด มิน่าเล่าเขาถึงกล้าท้าทายซุ่นเทียน, องค์ชายเงาดำและราชาเฮยอวี้ เทียบกับซุ่นเทียนกับพวกที่เหลือแล้ว จื้อจุน, จักรพรรดินีราตรีและวังมารมิได้อ่อนแอแต่อย่างใด พวกเขาอาจนับได้ว่าแข็งแกร่งด้วยซ้ำ
เจ้ากบอ้วนจั๊ดด์เพิ่งจะหายจากอาการไอ ขณะที่เขาส่ายก้นไปมาและเริ่มเต้นระบำกบ
มีเบื้องหลังที่น่าประทับใจอย่างนั้น ทำไมพวกเขาจะต้องกังวลเรื่องเหมืองอีกเล่า? ต่อให้พวกเขาเสนอให้ศัตรู พวกศัตรูก็คงไม่กล้ารับไว้แน่นอน
สำหรับซุ่นเทียน เขาคือจักรพรรดิแห่งจื่อเว่ย ด้วยสถานะที่สูงส่งอย่างนั้น เขาจะมาป้อมสายฟ้าเพียงเพื่อชิงเหมือนสองแห่งได้ยังไง? ถ้าเขาทำเช่นนั้นจริงๆ เขาคงกลายเป็นตัวตลกใหญ่ไปทั้งหอทงเทียน
พ่อบ้านเหยียนเจิ้งเงียบอึ้งอยู่ชั่วขณะ เหมือนกับว่าพยายามแยกแยะเรื่องที่น่าตกใจออกจากเย่ว์หยาง จากนั้นเขาถามคำถามหนึ่งทันทีว่า “มารมังกรฟ้า หนึ่งในสิบมารฟ้าตายแล้วใช่ไหม?”
เย่ว์หยางโบกมือและตอบคร่าวๆ “ข้าฆ่าเขาเอง และหกมารฟ้าจากวังมารก็ตามไล่ล่าข้า หลังจากสู้กับพวกเขาแล้ว ข้าก็ต้องร่วมกับวังมารตามเงื่อนไขของพวกเขาที่จะให้มารกฎฟ้าหมั้นกับข้า ดังนั้นข้าจึงเป็นส่วนหนึ่งของมารฟ้าคนใหม่ นั่นเป็นเรื่องที่เพิ่งเกิดไม่นาน ถ้าราชาฉงนี่ถาม อย่างนั้นก็ตอบเขาไปอย่างนั้น ถ้าเขาไม่ถามก็ไม่ต้องกระจายข่าว เพราะที่สำคัญ นี่จะไม่ทำให้วังมารดูดี และข้าต้องพิจารณาตามความรู้สึกของมารสัมฤทธิ์ฟ้าด้วย”
ปกติเย่ว์หยางรู้ว่าฉงนี่คงไม่ถามเรื่องนี้แน่
ทันทีที่ฉงนี่รู้เรื่องความสัมพันธ์เหล่านี้ ด้วยความฉลาดของเขา เขาจะไม่เปิดเผยเรื่องนี้ให้ซุ่นเทียนและพวกที่เหลือรู้ ตรงกันข้ามเขาจะลอบแนะนำบริวารของตนเอง
หลังจากตัดสินใจอย่างดีที่สุดเพื่ออนาคตของเขา ก็เป็นการบังคับให้เขาติดต่อกับเย่ว์หยาง สำหรับเขาที่กลายเป็นเจ้าป้อมสายฟ้า ฉงนี่นับว่าไม่ใช่คนโง่
หลังจากเฉินเซียนเซิงได้ฟังแล้ว สีหน้าของเขาเปลี่ยนเป็นรับรู้ทันที เหมือนกับรับรู้ทางใจว่า “เป็นไปตามคาด”
นอกจากนี้เขาคาดว่ามารมังกรฟ้าก็ตายในวันนั้น แต่ไม่เคยคิดว่าไตตันน้อยจะไม่ต้องรับโทษใดๆ จากการฆ่ามารมังกรฟ้าและกลับเข้าร่วมกับวังมารแทนกลายเป็นส่วนหนึ่งของสิบมารฟ้า
“ท่านต้องการให้ข้าช่วยอะไรบ้าง? บอกมาได้ไม่ต้องเกรงใจ เราเป็นสหายกันนี่นา” เฉินเซียนเซิงถาม
“ถ้าข้าต้องการความช่วยเหลือของท่านในอนาคต ข้าจะขอแน่ แต่ตอนนี้ ยังก่อน” เย่ว์หยางโบกมือและขอบคุณเฉินเซียนเซิงที่ปรารถนาดี
การกระทำของเย่ว์หยางถึงกับทำให้เจ้าอ้วนจั๊ดด์น้ำตาคลอ
เจ้านายของเขาปฏิเสธข้อเสนอช่วยเหลือของนักสู้ปราณก่อกำเนิดอย่างเฉินเซียนเซิงได้หน้าตาเฉย เขาต้องมีพลังมากมายแน่นอน.. ถ้าเป็นไปได้อย่างนั้น เจ้ากบอ้วนจั๊ดด์ยินดีจะไปยืนแก้ผ้าบนจุดสูงสุดของป้อมสายฟ้าแล้วร้องเพลงสรรเสริญเจ้านายของเขา เพียงแค่คิดว่านี่อาจทำให้เขาได้แสดงความรักภักดีเจ้านาย แน่นอนว่านี่เป็นแค่ความคิดฝันของเขาเท่านั้น เพราะจุดสูงสุดของป้อมสายฟ้าก็คือหอคอยของราชาฉงนี่ แม้แต่นางสนมของเขายังถูกห้ามไม่ให้ขึ้นไปใช้
สาวลูกลูกครึ่งเอลฟ์ยังคงชื่นชมเย่ว์หยาง “ท่านคือเจ้านายที่แข็งแกร่งยิ่งนัก… ข้าจะรอท่านอยู่ที่นี่ และจะสวดภาวนาให้ท่านทุกวัน”
ที่หลังประตู เซี่ยอีผู้อยู่ในชุดตำรวจหญิงโผล่ออกมาแต่หัว
สีหน้าของนางไม่อาจอ่านได้ มีความซับซ้อน ทั้งกังวลทั้งปรารถนา
หลังจากเฉินเซียนเซิง, พ่อบ้านเหยียนเจิ้งและเจ้ากบอ้วนออกไปแล้ว เย่ว์หยางกวักมือเรียกนาง “เข้ามาเถอะ มาคุยเรื่องที่ค้างคาใจของเจ้า”
“ทุกคนฝากความหวังไว้กับท่าน ดังนั้นท่านต้องปลอดภัย” เซี่ยอีที่เยือกเย็นหลบเลี่ยงสายตาเย่ว์หยางขณะที่พูดแผ่วเบาเหมือนกับเป็นลูกแมวน้อย แต่ขณะที่เย่ว์หยางยังคงมองนางต่อไป นางกลับโมโหเป็นฟืนเป็นไฟ ลืมไปว่าเย่ว์หยางเป็นเจ้านายและเป็นนักสู้ปราณก่อกำเนิด ขณะที่นางคว้าคอเสื้อของเขา แล้วจ้องตาต่อตา จมูกแทบชนจมูก ริมฝีปากห่างกันไม่กี่เซนติเมตร ทั้งที่อยู่ในท่าทางแบบนี้ นางกลับตะโกนลั่นใส่เย่ว์หยาง “อย่านึกว่าข้าชอบเจ้าเพราะข้าทะเลาะกับเจ้ามาก่อนนะ, เจ้าเข้าใจผิดแล้ว ข้าเกลียดคนอย่างเจ้า”
“เจ้าชอบข้าเหรอ?” เย่ว์หยางรู้สึกว่าได้ยินมนุษย์ต่างดาวกำลังพูดทักทายเขา
“ไม่, ข้าแค่ไม่ต้องการให้เจ้าเข้าใจผิด!” เซี่ยอีขวยเขินขณะที่นางพยายามจะปรับตัวเอง แต่ขณะที่นางยังคงอธิบายต่อไปความมั่นใจก็น้อยลงเรื่อยๆ
“ไม่เป็นไร ข้าก็กังวลว่าเจ้าจะชอบข้าเสียมากมาย บางทีเจ้าคงไม่รู้จักบุรุษหนุ่มที่โดดเด่น นี่คือสิ่งที่ทำให้ข้าลำบากใจมากที่สุด มักจะมีผู้หญิงน่าเบื่อมากมายมาชอบข้า มันทำให้ข้าเฉยชามากขึ้นเรื่อยๆ” เย่ว์หยางไม่สนใจอาการโกรธของเซี่ยอี ขณะที่เขายักไหล่ทำตัวเหมือนหนุ่มเจ้าสำราญที่น่ารำคาญ
“เจ้า….” เซี่ยอีหมดความอดทนที่จะยั้งตัวเองไม่ให้ทุบตีเจ้างี่เง่าที่หลงตนเอง
เย่ว์หยางฮัมเพลงและใช้มือโอบสาวลูกครึ่งเอลฟ์ไว้ในวงแขน เหมือนกับว่าเขากำลังลูบคลำลูกแมวเชื่องเชื่อและร้องเพลงฮัมเพลงอย่างมีความสุข
“ข้าจะพูดให้ตรงจุด เจ้าใส่อะไรลงไปในตัวข้า? ทำไมเมื่อกี่วันมานี้ร่างกายข้าถึงได้ผิดปกติ?” เซี่ยอีต้องการฆ่าเยว์หยางมาก แต่เพราะประโยชน์ของพลังลึกลับในตัวนาง นางตัดสินใจถามเขา ถ้าไม่อย่างนั้นความสงสัยคงจะฆ่านางสักวัน นางไม่ได้ตระหนักถึงมันในตอนแรก แต่นางเริ่มจะรู้ว่านางมีพลังที่แข็งแกร่ง
“มีบางอย่างผิดปกติกับเจ้าหรือ? ข้าทำให้เจ้าท้องเหรอ?” เย่ว์หยางดูตกใจ ทำตัวเหมือนกับว่าเขาบริสุทธิ์
“กรี๊ดดดด” เซี่ยอีโกรธเหมือนแมวที่ถูกเหยียบหาง นางคว้าแขนของเย่ว์หยางได้แล้วกัด พอรู้ตัวว่านางไม่อาจทำได้เนื่องจากหนังของเย่ว์หยางหนาเกินไป นางก็เริ่มระดมหมัดใส่เย่ว์หยาง แต่ขณะที่นางทำเช่นนั้น นางร้องไห้ไปด้วย “เป็นเพราะเจ้า..ฮือ…. ข้าไม่สามารถเดิน, นั่งหรือนอนได้ในช่วงไม่กี่วันมานี้ ข้ารู้สึกอึดอัดจนอธิบายไม่ได้ และเจ้าเครื่องแบบงี่เง่านี่ ข้าไม่สามารถถอดได้หลังจากสวมใส่แล้ว เจ้าจงใจแกล้งข้า แง้…. ข้าไม่ต้องการแบบนี้ รีบเปลี่ยนข้าให้เป็นเหมือนเดิม..”
“นะ..นี่ไม่เกี่ยวอะไรกับข้าเลย” สายเกินไปที่เย่ว์หยางจะแกล้งทำเป็นไม่รู้ในตอนนี้ เขาพยายามกลบเกลื่อน “หยุดร้องไห้ก่อน เดี๋ยวข้าขอคิดอะไรบางอย่างก่อน”
******************