ตอนที่ 444 ดูแลเด็กสาวนับเป็นเรื่องที่ดี
เสี่ยวเหวินหลียกระดับ เธอเลื่อนระดับจากอสูรเพชรระดับสี่เป็นอสูรเพชรระดับห้า
สิ่งที่น่าประทับใจที่สุดก็คือทักษะแฝงเร้นโซ่ล่องหนของเธอก็พลอยยกระดับไปด้วย หลังจากยกระดับแล้ว เสี่ยวเหวินหลีจะได้รับทักษะโซ่วิญญาณ
โซ่วิญญาณ – ด้วยอำนาจโซ่พลังจิตที่ปล่อยออกมาจากนัยน์ตาของผู้ใช้ ผู้ใช้ทักษะอาจกักวิญญาณของฝ่ายตรงข้ามได้ จากนั้นวิญญาณของฝ่ายตรงข้ามอาจถูกดึงออกจากร่างหลังจากใช้ทักษะนี้สำเร็จ ข้อกำหนดเบื้องต้น – ต้องไม่มีการหยุดชะงักในระหว่างกระบวนการใช้งานและผู้ใช้ทักษะไม่อาจเคลื่อนไหวร่างได้เลย โซ่วิญญาณใช้ได้กับสิ่งมีชีวิต ศัตรูผู้มีพลังวิญญาณแข็งแกร่งกว่า จะใช้ได้ผลน้อย ไม่มีผลกระทบใดๆ กับสิ่งที่ไม่มีวิญญาณ
“ด้วยทักษะเช่นนี้ ก็เพียงพอทำให้ซุ่นเทียนและองค์ชายเงาดำได้เจ็บตัวกันบ้าง” เย่ว์หยางเชื่อว่า ถ้าทักษะนี้สามารถใช้ได้อย่างเชี่ยวชาญก็จะมีผลมาก นักสู้ปราณก่อกำเนิดอย่างซุ่นเทียนและองค์ชายเงาดำ อย่างน้อยก็ต้องได้รับผลกระทบสักอย่าง
เมื่อพวกเขาได้รับผลกระทบ เขาก็สามารถฉวยโอกาสเล่นงานพวกนั้นได้
ถ้าเย่ว์หยางต้องพบเจอซุ่นเทียนและองค์ชายเงาดำในตอนนี้ เขามั่นใจว่าคงเอาชนะพวกเขาได้
อสูรที่ซุ่นเทียนและองค์ชายเงาดำดูแลมาเป็นอย่างดีนับร้อยปีจะต้องพ่ายแพ้เมื่อพบเจอกับเสี่ยวเหวินหลี ทักษะแฝงเร้นโซ่ล่องหนของเธอร่วมกับทักษะโซ่วิญญาณจะเอาชนะได้กระทั่งจักรพรรดิทองของซุ่นเทียนที่เป็นอสูรเพชรระดับเก้า
พลังสังหารของทักษะหมวดพลังวิญญาณนั้นแข็งแกร่งน่ากลัวเสมอ
ตัวอย่างเช่น เนตรประหารของโคเงา
มีอสูรน้อยมากที่ครอบครองพลังป้องกันทักษะด้านวิญญาณ อสูรส่วนใหญ่ที่มีร่างกายแข็งแกร่ง แต่กลับมีวิญญาณอ่อนแอ แม้จะกล่าวว่าพวกมันมีความรู้สึกไวต่อการมุ่งโจมตีวิญญาณของพวกมันโดยเฉพาะก็ตาม
เสี่ยวเหวินหลียังคงมีพลังระดับต่ำในตอนนี้ แต่ถ้าเธอมีระดับพลังที่สูงขึ้น เย่ว์หยางมั่นใจว่าจะกำจัดศัตรูที่ทรงพลังอย่างซุ่นเทียนและองค์ชายเงาดำได้ เขาสามารถจินตนาการถึงการต่อสู้ได้เป็นอย่างดี ตราบใดที่เสี่ยวเหวินหลีสามารถล่ามซุ่นเทียนได้ อย่างนั้นขณะที่เย่ว์หยางใช้งานวงจักรล้างโลก เพลิงอมฤตและปราณกระบี่ก่อกำเนิด จะมีโอกาสสูงที่จะทำร้ายซุ่นเทียนให้บาดเจ็บหนัก หรืออาจฆ่าได้ทันที แต่แน่นอนว่า หากปราศจากความมั่นใจเต็มร้อย เย่ว์หยางคงไม่ใช่พลังโจมตีที่แข็งแกร่งที่สุดกับซุ่นเทียน เขาต้องซ่อนไม้ตายก้นหีบไว้เพื่อหลอกล่อศัตรูของเขา เย่ว์หยางจะเปิดเผยต่อเมื่อเขาพบโอกาสที่ดีที่สุดในการฆ่าฝ่ายตรงข้าม
ซ่อนทักษะเอาไว้และเริ่มโจมตีสังหารเมื่อเขาบุก
นี่คือแผนที่เย่ว์หยางจะใช้รับมือซุ่นเทียนและองค์ชายเงาดำ
เมื่อเย่ว์หยางยกระดับหรือได้โอกาส เขาคงต้องฆ่าคู่ต่อสู้ที่แข็งแกร่งแน่ เหมือนที่เขาทำกับมารมังกรฟ้า…
ถึงแม้องค์ชายเงาดำและซุ่นเทียนอาจแข็งแกร่งกว่ามารมังกรฟ้า และแม้ว่าจะเจ้าเล่ห์เพทุบายมากกว่า แต่ทั้งหมดนี้ไม่มีปัญหา ผู้ท้าทายที่แข็งแกร่งของเย่ว์หยางไม่ใช่พวกเขา แต่เป็นจักรพรรดิชื่อตี้
แม้แต่ราชาเฮยอวี้ก็ไม่ใช่เป้าหมายที่เย่ว์หยางจะเอาชนะให้ได้ในตอนนี้
เทียบกับจักรพรรดิชื่อตี้ ราชาเฮยอวี้มีพลังอย่างมากสุดเท่าสนมชื่อเฟย ราชาเฮยอวี้ยังไม่อยู่ในระดับเดียวกับจักรพรรดิชื่อตี้ด้วยซ้ำ
เขาไม่มั่นใจเรื่องอสูรของจักรพรรดิชื่อตี้ แต่เย่ว์หยางเห็นอย่างน้อยก็อาวุธระดับเทพชิ้นหนึ่งอยู่ในความครอบครองของจักรพรรดิชื่อตี้ สำหรับราชาเฮยอวี้ แม้ว่าจะมีเครื่องมือระดับศักดิ์สิทธิ์มากมาย แต่เย่ว์หยางเชื่อว่าเขาคงไม่มีอาวุธระดับเทพแม้แต่ชิ้นเดียว ถ้าไม่อย่างนั้นเขาคงใช้กับม่านพลังสีทองไปแล้ว
“เครื่องมือระดับเทพ ข้าก็ได้อาวุธระดับเทพมาด้วยไม่ใช่หรือ?” เย่ว์หยางถอนหายใจทันที บรรดาอาวุธระดับเทพของจักรพรรดิอวี้สามชิ้น มีเพียงดาบเทพจักรพรรดิอวี้ที่ยอมรับเขาเป็นเจ้านาย แต่เนื่องจากการรบกวนของวิญญาณของจักรพรรดิอวี้ เขาจึงไม่สามารถใช้มันได้ และเป็นองค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนได้รับไปแทน แม้ว่าของเหล่านั้นจะอยู่ข้างตัวเย่ว์หยาง แต่ถ้าอาวุธเทพเหล่านี้ไม่ยอมรับเขาเป็นเจ้านาย เขาคงได้แต่ใช้ทุบถั่วเปลือกแข็งแทน เกี่ยวกับคทาเทพของจักรพรรดิอวี้ ผู้เฒ่าเต่ามังกรก็เอาไปฟื้นฟูพลังของเขา เย่ว์หยางคิดว่าเขาคงเอาไปใช้สู้เสี่ยงตายกับราชาเฮยอวี้ เขาคงไม่ให้เย่ว์หยางก่อนจะฆ่าราชาเฮยออวี้แน่
“ท่านจะได้ชิ้นหนึ่ง! ดาบจันทร์เสี้ยวอาจจะไม่ใช่อาวุธชั้นเทพในที่สุด แต่ดาบฮุยจินจะกลายเป็นอาวุธชั้นเทพแน่นอน” จู่ๆ นางพญากระหายเลือดก็พูดปลอบเย่ว์หยาง คำพูดของนางทำให้เย่ว์หยางสะดุ้ง
นางเรียนรู้วิธีปลอบใจตั้งแต่เมื่อไหร่?
ถ้าเป็นอย่างนี้ต่อไป นางจะมีความก้าวหน้าครั้งใหญ่เป็นแน่
นางพญากระหายเลือดหงเห็นว่าเย่ว์หยางมองนาง จึงรู้สึกเขินอาย นางก้มศีรษะและหยุดพูด และบีบมือตนเองดูเหมือนจะกังวลเล็กน้อย
เย่ว์หยางตั้งใจมองนางมากกว่าเดิม ถ้าเป็นอย่างนี้ต่อไปอย่าว่าแต่เปลี่ยนเป็นอสูรศักดิ์สิทธิ์เลย นางอาจกลายเป็นอสูรในตำนานได้ในไม่ช้า เป็นไปได้ไหมที่นางพญากระหายเลือดจะประสบความสำเร็จเป็นอสูรที่ทำสัญญากับคัมภีร์ต่อจากฮุยไท่หลาง?
เสียงของหงส์เพลิงดังขึ้นอีกครั้ง และก่อนที่เย่ว์หยางจะทันรู้ตัว ก็มีสายรุ้งพุ่งวาบผ่านท้องฟ้า
จากนั้นก็ผสานเข้าไปในร่างของเย่ว์หยางทันที ด้วยความเร็วอย่างน่าประหลาด ไม่ต้องสนใจถึงสิ่งกีดขวางอย่างม่านพลังสีทองเลย
มีหงส์เพลิงตัวหนึ่งที่สร้างจากเปลวเพลิงอมฤตอยู่ที่ด้านหลังเย่ว์หยาง มันยังคงเร่งความเร็วและกระพือปีกขณะผ่านทะลุพลังกีดขวางและบินอยู่เหนือศีรษะเย่ว์หยางก่อนจะผสานเข้าไปอยู่ในตัวเขาในที่สุด เย่ว์หยางไม่รู้ว่าสมบัติอะไรที่พี่น้องหงส์เพลิงได้มา ขณะที่พวกมันกลับเข้าไปจำศีลในคัมภีร์เทพฤทธิ์โดยไม่พูดอะไรเลย นกหงส์เพลิงอมฤตก็หลอมเข้าไปในร่างของเย่ว์หยาง พร้อมกับความสามารถพิเศษของพวกมัน โดยชำระร่างของเย่ว์หยางช้าๆ
นี่แตกต่างจากการชำระร่างสามครั้งก่อน ไม่เพียงแต่ร่างของเย่ว์หยางได้รับการชำระให้บริสุทธิ์เท่านั้น แต่ยังได้ปีกเพลิงอมฤตเพิ่มอีกหนึ่งคู่
ปีกเพลิงอมฤตนี้มีรูปร่างที่ต่างจากปีกปีศาจที่ดูคล้ายปีกค้างคาว, ปีกมังกรยักษ์และปีกที่มีขนแบบเทวดาตะวันตก
ไม่มีรูปร่างเฉพาะเจาะจง และยังสร้างขึ้นจากเปลวเพลิง
เพลิงนั้นมาจากเพลิงอมฤต
แขน, ไหล่, หลัง, ซี่โครง, ขาและข้อเท้าก็ยังลุกไหม้ด้วยเพลิงชนิดพิเศษนี้ ไม่เพียงแต่เป็นเพลิงอมฤตเท่านั้น แต่ยังนำพลังอมตะมาให้ พูดให้ถูกก็คือ พี่น้องหงส์เพลิงทำให้เพลิงอมฤตหลอมรวมเข้ากับร่างของเย่ว์หยาง จากนั้นมันสามารถดำเนินการตามความจำเป็นของสภาพแวดล้อม
ดังนั้น นี่คือสิ่งที่พวกเธอมอบให้เย่ว์หยางอย่างนั้นหรือ?
เย่ว์หยางเกาศีรษะและหาข้อสรุปไม่ได้ เขาไม่มีเงื่อนงำสมบัติที่พวกเธอได้แล้วเอามาให้เขา
ถ้าเย่ว์หยางทำเองเป็นส่วนตัว ไม่ใช่ว่าเขาจะไม่สามารถสร้างวิหคเพลิงขึ้นมาได้ ก็แค่ว่าเขาไม่สามารถทำให้มันคงอยู่ได้นาน หรือตอบสนองต่อสิ่งที่อยู่รอบๆ เย่ว์หยางสามารถรู้สึกได้ว่าวิหคเพลิงนี้ไม่มีชีวิต ซึ่งก็หมายความว่ามันคงอยู่ถาวร แทนที่จะเรียกว่าสัตว์อสูร ควรเรียกว่าอาวุธหรือเครื่องป้องกันน่าจะถูกต้องกว่า แม้จะบอกว่ามันเหมือนเป็นพาหนะขับขี่ แต่กลับน่าทึ่งที่ว่ามันสามารถช่วยชำระความบริสุทธิ์ให้เจ้าของโดยไม่ต้องการอาหารเลย
ขณะที่วิหคเพลิงผสานเข้ากับร่างของเย่ว์หยาง ก็เป็นเหมือนเครื่องนุ่งห่มเพลิงที่ห่มอยู่บนผิวเย่ว์หยาง
เมื่อเย่ว์หยางความต้องการควบคุมมัน มันจะปรากฏขึ้นมาทันที และกลายเป็นปืนไฟก็ได้ เกราะไฟก็ได้หรือแม้กระทั่งธนูไฟ…
ถ้าเขาปล่อยให้มันเป็นไปเอง มันจะเปลี่ยนร่างเป็นปีกเพลิง หรือชุดเพลิง
“น่าประทับใจมาก นี่ใช้ประโยชน์ได้ดีกว่าเมื่อเทียบกับอาวุธเทพ” เย่ว์หยางทั้งทึ่งทั้งยินดี ดูเหมือนพี่น้องหงส์เพลิงกลับมาไวเพราะพวกมันต้องการให้สมบัติที่สร้างใหม่แก่เย่ว์หยาง ไม่ใช่เพราะเป็นขโมยตัวน้อย ยังมีสมบัติอื่นที่ใช้ประโยชน์ได้ดีกว่าวิหคเพลิงอีกหรือ? เย่ว์หยางไม่เปลี่ยนความต้องการ ถ้าได้สมบัติระดับเทพสักหนึ่ง ไม่สิ สักสิบชิ้นก็ยังดี
สมบัติที่ดีที่สุดน่าจะเป็นสมบัติที่เหมาะกับเขามากที่สุด
เมื่อเย่ว์หยางรู้สึกสำนึกผิดที่กล่าวหาพี่น้องหงส์เพลิง ทันใดนั้นเขาก็เห็นสาวกิเลนปิงหยินแบกโลงทองขนาดมหึมาวิ่งออกมา
ตามปกติ นางจะใช้เขาของนางขวิดเปิดม่านพลังทอง และใช้เวลาไม่กี่วินาทีก็ออกมาได้
ถ้าราชาเฮยอวี้มาเห็นสาวกิเลนเข้าๆ ออกๆ ม่านพลังสีทองอย่างง่ายดาย เขาคงร้องไห้เป็นแน่
เย่ว์หยางยินดีไม่มีใดเปรียบ “สาวน้อยที่น่ารัก, นี่ให้ข้าเหรอ?”
เขาคาดว่าสาวกิเลนต้องเอาสมบัติมาจากข้างในมากมาย แต่ความจริงก็คือนางยังนึกถึงเขา แค่นี้ก็นับว่าไม่เลวแล้ว
น้ำเสียงของสาวกิเลนทำให้เย่ว์หยางพูดไม่ออก “ข้างในไม่มีอะไรมาก และมีสมบัติไม่มาก แทบจะไม่มีสมบัติที่เหมาะสมกับเรา ข้าจะให้สิ่งนี้กับเจ้า ค่อยเรียกข้านะเมื่อเจ้าพบสมบัติในครั้งต่อไป เจ้ากำลังจะทำให้อสูรหุ่นกลให้มีชีวิตใช่ไหม? ของที่อยู่ในขวดนี้น่าจะใช้ประโยชน์ได้บ้าง อ๊า.. ข้าเหนื่อยแล้ว ตาลายจะเป็นลมอยู่แล้ว”
“สาวน้อย เจ้าพาข้าเข้าไปได้ไหม?” เย่ว์หยางก็คือคนโลภคนหนึ่ง เขาจะไม่หน้ามืดกับสมบัติมหาศาลในวังได้ยังไง?
“เจ้ามีร่างหยาบ ดังนั้นข้าไม่อาจพาเจ้าเข้าไปได้ แต่ข้าพาเสี่ยวเหวินหลีเข้าไปได้” สาวกิเลนแบมือโบกและแสงรุ้งกระจายออกจากมือของนาง นางพญากระหายเลือด, โคเงาอาหมันและเมดูซาศิลา, เงือกวายุ, นาคาสายฟ้า ปีศาจอสรพิษน้ำแข็งและแม้แต่หนูเบญจธาตุค้นสมบัติ ทั้งหมดหดตัวลงเหลือเพียงขนาดเม็ดถั่วและทั้งหมดอยู่ในกำมือนาง
นางโน้มตัวและวิ่งเข้าไปในม่านพลังสีทองอีกครั้ง
จนถึงตอนนี้เย่ว์หยางถึงได้ตระหนักว่า เทียบกับอสูรอมตะแล้ว, สัตว์ประหลาด, อสูร, อสูรศักดิ์สิทธิ์และอสูรในตำนานแทบไม่มีอะไร
แค่เพียงกลเม็ดที่ไร้นามนี้ที่สามารถย่อขนาดเป้าหมายทั้งหมดและพาเข้าไป เขาก็สามารถเอาชนะคนได้ทั้งหอทงเทียน ต่อให้จักรพรรดิทองอสูรเพชรระดับเก้าของซุ่นเทียนสูงสักห้าร้อยเมตรก็น่าประทับใจไม่ใช่หรือ? มันอาจตายได้เมื่อเย่ว์หยางย่อขนาดมันลงเหลือเท่าเมล็ดถั่วเขียว ดังนั้นถ้าราชันย์จ้าวปีศาจบารุธเป็นยอดนักสู้แล้วจะทำอะไรได้? เขาอาจจะโดนย่อจนเหลือเท่าขนาดมด และอาจตายได้ถ้าถูกเหยียบ
หลังจากรอสาวกิเลนปิงหยิน ส่งอสูรทั้งหมดเข้าไปแล้วกลับมา เย่ว์หยางรบเร้านาง “สาวกิเลน สมบัติอื่นช่างก่อนเถอะ สอนเคล็ดลับย่อตัวคนอื่นให้ข้าบ้าง”
“เจ้ายังใช้ไม่ได้ในตอนนี้ ยิ่งกว่านั้น เคล็ดนี้ใช้ช่วยเก็บสมบัติ ร่วมกับวิชาก่อนหน้านั้นอีกจำนวนมาก เจ้าคิดว่าง่ายนักเหรอ?” สาวกิเลนไม่เต็มใจจะสอนเคล็ดนี้ให้เย่ว์หยาง แม้ว่าเย่ว์หยางจะทั้งขู่และปลอบนาง นางออกมาพร้อมกับหาข้ออ้างจากไปได้ในที่สุด “เมื่อคืนนี้ข้านอนไม่ค่อยหลับ เสียงก็เลยหาย แม่ข้าก็ขอร้องไม่ให้ข้าพูดมากด้วย”
จากนั้นนางก็กลับเข้าไปในคัมภีร์เทพฤทธิ์ในพริบตา
เย่ว์หยางไม่สามารถทำอะไรนางได้ เขาต้องการเรียนรู้ แต่เขาจะทำอะไรได้ ถ้านางไม่ต้องการสอนเขา?
มีทางเดียวก็คือ เกี้ยวนางและกลายเป็นบุรุษของนาง แต่ดูเหมือนนางยังเด็กเกินไป ช่างเถอะ ดูแลเลี้ยงดูเด็กสาว นับเป็นเรื่องที่ดี
เขากำลังวางแผนดูแลเด็กสาวๆ ดังนั้นสาวกิเลนก็คงจะเป็นหนึ่งในพวกนั้น
ใช่แล้ว เขาไม่ควรกังวลมากเกินไป ก็แค่ค่อยเป็นค่อยไป
เสี่ยวเหวินหลีเข้าไปสำรวจรอบๆ วัง พอไม่มีอะไรจะทำ เย่ว์หยางหันเหความสนใจไปที่สมบัติทั้งสองที่สาวกิเลนนำมาให้เขา นั่นก็คือโลงทองกับขวดแก้วผลึกที่วางอยู่บนโลง ดูเหมือนจะมีน้ำอยู่ในขวดแก้วผลึก
อาจเป็นน้ำทิพย์หรือเปล่า?
เป็นไปได้ไหมที่น้ำทิพย์จะอยู่ในขวดแก้วผลึก?
น้ำทิพย์ – แหล่งพลังงานที่บำรุงชีวิตทุกรูปแบบ บริสุทธิ์ปราศจากมลพิษ ไม่อาจผสมหรือทำให้เจือจาง มีความบริสุทธิ์เป็นของตน มีผลน่าอัศจรรย์ต่อแขนขาและกำจัดผลข้างเคียง เป็นน้ำชีวิตที่สำคัญใช้สร้างรูปแบบชีวิตที่มีสติปัญญา มันอาจใช้สร้างเลือดเทพและใช้เติมพลังศักดิ์สิทธิ์
“อา..พระเจ้า ความปรารถนาประการที่สามของเย่ว์กงจะได้รับรู้แล้ว” เย่ว์หยางถือขวดแก้วผลึกและใช้จักษุญาณทิพย์ตรวจดูอีกครั้ง เขาสามารถรู้ได้ว่าเป็นน้ำทิพย์จริงๆ มันอยู่ในมือ และไม่ใช่ความฝัน เขาดีใจจนแทบจะโห่ร้องทันที
“ข้าจะมีพลังที่ทำอะไรก็ได้ ถ้าข้ามีสาวน้อยดีๆ อย่างพวกนางทุกที่ในบ้าน” เย่ว์หยางแทบน้ำตาร่วงเนื่องจากหมกมุ่นปลาบปลื้มจากความคิดดังกล่าวมากเกินไป
**************