ตอนที่ 445 การกลับมาของนางเซียนหงส์ฟ้า
โลงทองถูกผนึกไว้ด้วยอักษรรูนสวรรค์และรูนโบราณ เย่ว์หยางไม่อาจเปิดได้ทันที
นอกจากนี้เย่ว์หยางยังห่วงมากว่าจะพบมัมมี่ที่กระโดดได้อยู่ข้างในเมื่อเขาเปิดโลงดู
ก็คงเป็นเรื่องดี ถ้าหากเป็นมัมมี่ธรรมดา แต่ถ้าเป็นนักสู้ปราณก่อกำเนิดฟ้าที่ยังแข็งแกร่งยิ่งกว่าราชาลิช เช่นจักรพรรดิปีศาจในตำนาน เขาคงเดือดร้อนหนักเป็นแน่ ไม่ว่าจะเป็นปัญหาที่เย่ว์หยางสามารถเอาชนะศัตรูได้หรือไม่ ถ้ามัมมี่หนีไปทันทีที่ถูกปล่อย เย่ว์หยางจะไปตามจับกลับมาได้ยังไง? เย่ว์หยางไม่คิดว่าเขาสามารถรับมือได้ ถ้ามีวิญญาณที่แข็งแกร่งพอๆ กับจักรพรรดิอวี้อยู่ข้างในโลงทอง
เขาเก็บทุกอย่างไว้ในแหวนเก็บของที่ได้มาจากเยาถง เขาตั้งใจจะเปิดออกมาและค่อยๆ สืบค้นดูหลังจากกลับเข้าไปในโลกคัมภีร์
ขณะเดียวกันเสี่ยวเหวินหลีและอสูรที่เหลือติดตามหนูเบญจธาตุค้นสมบัติเข้าไปสำรวจวังลึกลับ มีพื้นที่ต้องห้ามหลายแห่งที่ได้รับการปกป้องแยกกันต่างหากเป็นอย่างดี สิ่งของและสถานที่ๆ พวกเขาเห็นก็มีแต่สวน, รูปประติมากรรม, ท้องพระโรงใหญ่, บันไดทางเดินและระเบียงข้างๆ ห้อง สถานที่อย่างห้องศึกษา, ห้องลับ ห้องใต้ดิน ห้องโถงที่พระสนมใช้อยู่ได้รับการปกป้องด้วยม่านพลังเล็กป้องกันมิให้ผู้ใดเข้าไปได้ พูดง่ายๆ ก็คือสถานที่เก็บสมบัติที่แท้จริงไม่อาจเข้าไปได้ อย่างไรก็ตาม พวกเขาพบของดีๆ ที่นอกท้องพระโรงใหญ่อยู่จำนวนหนึ่งเช่นกัน อาวุธและเกราะที่แตกเสียหายสามารถหาพบได้ในหอธนูและที่อยู่โดยรอบ แม้แต่เกราะทหารระดับต่ำที่สุดก็เป็นอุปกรณ์ชั้นเงิน
อย่างไรก็ตาม สมบัติทั้งหมดนี้หักพังแล้ว แทบจะกลายเป็นขยะ
ไม่คล้ายว่าจะมีสมบัติ มีของมีค่าไม่กี่อย่างเช่น กระถางธูปเก้ามังกร ระฆังลายโบราณ นอกจากนี้ก็เป็นของที่หนักและใหญ่เกินไป
เสี่ยวเหวินหลีและพวกที่เหลือขนของพวกนั้นมาไม่ไหว พวกนางไม่อาจตัดสินใจได้ว่าการเคลื่อนย้ายของเหล่านั้นจะมีผลต่อวังหรือไม่ ในที่สุดนางพญากระหายเลือดหงขุดกระถางดอกไม้ออกมาจากสวนก่อนที่นางจะออกมา ดอกไม้เหล่านี้ไม่ได้เอามาให้เย่ว์หยาง แต่กลับเอามาให้นายหญิงทั้งสองหญิงงามอู๋เหินและเจ้าเมืองโล่วฮัวแทน
นางจำได้ว่าเจ้าเมืองโล่วฮัวชอบดอกไม้มาก การให้กระถางดอกไม้แก่นางยังดีกว่าให้สมบัติแก่นางมาก
การเข้าไปในม่านพลังนั้นยาก แต่ออกมาจากม่านพลังกลับง่ายกว่ามาก
เย่ว์หยางเรียกอสูรของเขาและเสี่ยวเหวินหลี, นางพญากระหายเลือดหง, อาหมันและหนูเบญจธาตุค้นสมบัติให้กลับเข้าไปในโลกคัมภีร์ชั่ววับเดียว
“เก็บสมบัติ ได้เวลาเผ่นกันแล้ว” เย่ว์หยางไม่ได้สนใจว่าพวกนางได้ของอะไรมา และกลับออกไปก่อน
ราชาเฮยอวี้คงสาบานว่าจะฆ่าเขาแน่ แม้ว่าจะต้องไล่ล่าเขาข้ามโลกก็ตาม ถ้าเขาพบว่าเย่ว์หยางได้เข้าไปและยังได้สมบัติออกมา คิดดูแล้วว่าคงเป็นเรื่องดีที่สุดแล้วที่จะไม่สู้กับราชาเฮยอวี้ชั่วคราว เย่ว์หยางตัดสินใจรอสาวมังกรไร้เขาเจี้ยงอิงพาเขาไปค้นหาอุทกแม่พระธรณีก่อน คงจะยังไม่สายเกินไปสำหรับเขา ไว้ค่อยต่อสู้กับราชาเฮยอวี้หลังจากได้พลังเพิ่มจากการดื่มกินอุทกแม่พระธรณีหมื่นปี ที่สำคัญที่สุดก็คือถ้าราชาเฮยอวี้พบว่าเขามาที่นี่ เขาจะต้องป้องกันสถานที่ไว้และไม่ยอมให้เขามาที่นี่ได้อีกแน่นอน
แทนที่จะปล้นยกเค้า ก็แอบลักเล็กขโมยน้อยดีกว่า
ไม่เพียงแต่เปลืองพลังเท่านั้น แต่ทั้งสองฝ่ายอาจจะลงเอยด้วยการบาดเจ็บหนักเปิดโอกาสให้ฝ่ายที่สามฉกฉวยเก็บเกี่ยวประโยชน์ได้
ถ้าราชาเฮยอี้ไม่สามารถเอาชนะได้ทันทีและเรียกผู้ช่วยออกมา ก็อาจมีเรื่องยุ่งยากก็เป็นได้ ความลับที่นี่อาจเป็นอันตรายต่อการถูกเปิดเผย เปรียบเทียบกันแล้ว ถ้าเขาแอบใช้เวลาเล็กน้อย แต่ใช้ได้นานๆ น่าจะดีสำหรับตัวเขามากกว่า ยังไงราชาเฮยอวี้ก็ไม่สามารถเข้าไปได้อยู่แล้ว
ก่อนจะถูกส่งออกไปโดยใช้วงแหวนเทเลพอร์ตที่ส่งเขามาที่นี่ เย่ว์หยางตรวจดูอย่างระมัดระวัง
เขาตระหนักได้ว่า ที่นี่ถูกซ่อนไว้เป็นอย่างดีและไม่ได้ใช้มาเป็นเวลานาน เย่ว์หยางคาดว่าราชาเฮยอวี้รู้ว่ามีวงเวทเทเลพอร์ทอยู่ที่นี่
หลังจากออกไปแล้ว เย่ว์หยางตรวจดูรอบตัวเป็นอย่างดีและพอมองดูจากแผนที่บุปผาโลหิตบนคัมภีร์ของเขา เขาแทบจะสลบ
เหตุผลเป็นเพราะ สถานที่นี้ไม่ใช่หอทงเทียนชั้นที่สาม แต่เป็นชั้นที่สี่
นั่นคือเหตุผลที่มารดาของนางพญากระหายเลือดบอกว่านางสามารถบินไปที่ชั้นสี่ได้ เหตุผลเนื่องจากทางออกอยู่ที่นี่ บนชั้นที่สี่
เกี่ยวกับเรื่องนี้ เย่ว์หยางสันนิษฐานว่ามารดาของนางพญากระหายเลือดหงไม่ได้เข้าไปในวังลึกลับ แต่ออกไปข้างนอก บางทีนางได้รับสมบัติบางอย่างที่ทิ้งไว้ตามอาคารร้างและได้รับพลัง บางทีนางคงสังหารอสูรระดับทองข้างในและได้รับผลึกเวทขนาดใหญ่มหาศาลและได้รับพลังเพิ่มขึ้น ไม่ว่าจะเป็นเหตุผลใด มารดาของนางพญากระหายเลือดก็ได้รับพลังและยกระดับขึ้นซึ่งทำให้นางบินขึ้นไปไกลถึงชั้นสี่ได้ นี่เป็นเรื่องแน่นอน
“ท่านแม่มีชีวิตเป็นของตนเอง ถึงเราไม่พบนางก็ไม่เป็นไร” แม้ว่านางพญากระหายเลือดหง จะคิดถึงมารดาของนาง แต่นางก็ยังรู้สึกว่าไม่มีอะไรสามารถทำได้ถ้าพวกเขาไม่อาจหาตำแหน่งนางเจอ เนื่องจากหอทงเทียนใหญ่มาก
“ถ้าเรามีโอกาส เราจะลองหาอีกครั้ง” เย่ว์หยางรู้สึกว่าไม่หาจะดีกว่า
จะเป็นยังไงถ้ามารดาของนางตายในการต่อสู้? แม้ว่าพวกเขาพบนาง นางพญากระหายเลือดจะไม่รู้สึกเศร้าหรือ? ถ้าพวกเขาหาตำแหน่งนางไม่เจอ ก็ยังคงมีหวัง
แม้ว่านางจะแข็งแกร่งขึ้น นางก็ยังไม่อาจไปถึงระดับอสูรศักดิ์สิทธิ์ นางพญากระหายเลือดในตอนนี้เหนือกว่ามารดาของนางแน่นอน แม้ว่ามารดาของนางจะทรงพลัง แม้ว่านางจะไม่พินาศและยังคงมีชีวิตอยู่ก็ตาม แต่พอเห็นธิดาของนางกลายเป็นอสูรนักรบของมนุษย์ นางจะไม่เศร้าหรอกหรือ?
นั่นคือเหตุผลที่ว่าหาไม่พบยังจะดีกว่า อย่างน้อยที่สุด ก็ยังมีความคิด
จู่ๆ นางพญากระหายเลือดก็กอดเย่ว์หยาง นางกอดเขาไว้แน่นซบหน้ากับอกเขา หลังจากนั้นชั่วขณะนางก็ถอนหายใจยาว “ความจริงตอนนี้หลายอย่างก็เป็นไปด้วยดี แม้ว่าข้าจะไม่มีแม่อยู่ใกล้ๆ แต่ข้าก็มีสหายที่ดีหลายคน มีครอบครัว และมีท่าน…”
ความเป็นมนุษย์ของนาง ทำให้เย่ว์หยางปลาบปลื้ม
เขากอดนาง และปลอบใจนาง ใช้มือลูบผมนาง ทำให้นางรู้สึกสบายใจ
เจ้าเมืองโล่วฮัวเพิ่งจะวิ่งออกมา นางคิดว่าการกอดมีความหมายสำหรับนาง ไม่คาดเลยว่าจะเห็นนางพญากระหายเลือดอยู่ในอ้อมกอดของเย่ว์หยาง นางชะงักเล็กน้อย
พอได้ยินเสียงฝีเท้า นางพญากระหายเลือดดิ้นรนจนหลุดจากอ้อมกอดของเย่ว์หยาง นางทำเป็นเหมือนว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้นระหว่างนางกับเย่ว์หยาง ทำเหมือนเป็นปกติของนาง อย่างไรก็ตาม หน้าของนางยังแดงซ่านไม่จางหาย พอเห็นเจ้าเมืองโล่วฮัวหยุดขวางทางนาง นางพญากระหายเลือดรีบเอาไม้ดอกที่นางเอามาจากสวนในวังออกมาแล้วมอบให้เจ้าเมืองโล่วฮัว นางพญากระหายเลือดยื่นดอกไม้ให้ด้วยมารยาทที่อ่อนน้อม แต่นางก็ยังรู้สึกว่าไม่ง่าย
“โห.. นี่คือดอกผีเสื้อไหมทอง โธ่ นี่คือดอกผีเสื้อไหมทองที่อยู่ในระดับเดียวกับดอกไม้งามปีศาจและหญ้าประกายดาว” แค่มองเห็นเท่านั้น เจ้าเมืองโล่วฮัวลืมเรื่องที่นางพญากระหายเลือดอยู่ในอ้อมกอดของเย่ว์หยางเมื่อครู่ทันที
“เหนื่อยไหม? ข้าเตรียมน้ำอาบไว้เรียบร้อยแล้ว ไปอาบน้ำได้นะ” อย่างไรก็ตาม หญิงงามอู๋เหินนุ่มนวลที่สุด นางทำหน้าที่ภรรยาได้ดีที่สุด
“อาบคนเดียวน่าเบื่อ ถ้าจะให้ดียิ่งกว่า เราต้องอาบด้วยกัน!” เย่ว์หยางโน้มตัวลงแล้วอุ้มสาวงามอู๋เหินเหมือนอย่างอุ้มเจ้าสาว พอเห็นว่าเจ้าเมืองโล่วฮัวและนางพญากระหายเลือดยังคงยืนอยู่ที่เดิม สาวงามอู๋เหินยิ่งหน้าแดงซ่านกว่าเดิม นางพยายามจะดิ้นรน แต่ไม่เป็นผล นางสังเกตว่าเจ้าเมืองโล่วฮัวยังวุ่นวายอยู่กับดอกผีเสื้อไหมทองสองกระถาง จึงไม่ทันสังเกตเห็นสิ่งที่เกิดขึ้น หญิงงามอู๋เหินจึงไม่รู้สึกอายอีกต่อไป นางเลื่อนริมฝีปากไปใกล้เย่ว์หยาง “เราค่อยคุยเรื่องนี้ตอนกลางคืน ต่อไปข้าขอเตือนเจ้า ต้องเป็นเด็กดีนะ อย่าทำอะไรรุ่มร่ามอย่างนี้ทุกวัน โดยเฉพาะหลังจากปิงเอ๋อและพวกที่เหลือกลับมาแล้ว อย่าก่อเรื่องยุ่ง ถ้าพวกเขาเห็นเข้าจะเป็นยังไง?”
“…..” คนหน้าหนาแกล้งทำเป็นไม่ได้ยิน เขาเปลื้องผ้าสาวงามแล้วพานางอาบน้ำ
ส่วนใหญ่นางจะแกล้งเป็นโกรธและตีเขาอย่างสนุกสนาน
เป็นเรื่องธรรมดาที่คู่แต่งงานจะอาบน้ำด้วยกัน
ชีวิตเปี่ยมสุขของพวกเขาเพิ่งจะเริ่ม ถ้าเย่ว์หยางไม่สนุกกับชีวิตตนเองเสียบ้าง เขาก็คงโง่
วันต่อมา เย่ว์หยางไปถึงหอทงเทียนชั้นที่หก
เขามาที่นี่เพื่อส่งจดหมายถึงนางเซียนหงส์ฟ้า
แม้ว่าเย่ว์หยางจะเคยใช้จักษุญาณทิพย์ตรวจสอบดู แต่เขาก็ไม่สามารถมองเห็นสิ่งที่อยู่ภายในโลงทองได้อย่างชัดเจน เขาไม่สามารถมองทะลุโลงทองประหลาด สาวกิเลนก็ไม่พูดถึงว่าอะไรอยู่ข้างใน เย่ว์หยางกังวลจริงว่าจะมีสัตว์ประหลาดกระโดดออกมา เขาตัดสินใจไปรับผู้ช่วยที่แข็งแกร่งและเชื่อถือได้ อย่างนางเซียนหงส์ฟ้าก่อน ถ้านางอยู่กับเขา การเปิดโลงทองจะปลอดภัยมากกว่า
ยิ่งกว่านั้น วันที่ราชาเฮยอวี้วางแผนว่าจะบุกทวีปมังกรทะยานกำลังจะมาถึง เย่ว์หยางยังต้องการจะฝึกผสานร่างกับนาง
เพื่อความก้าวหน้าด้วยกัน
นางเซียนหงส์ฟ้าอาจเป็นหนึ่งในนักสู้หลักที่จะเผชิญหน้ากับราชาเฮยอวี้ ไม่มีนาง, กับจักรพรรดินีราตรี ลำพังเย่ว์หยางเองคิดว่าพวกเขาไม่อาจเอาชนะราชาเฮยอวี้ได้สำเร็จ ที่สำคัญเขาเป็นศัตรูผู้แข็งแกร่งเป็นนักสู้ปราณก่อกำเนิดฟ้าระดับหนึ่ง หรืออาจเป็นระดับสองก็ได้
แม้ว่าจักรพรรดินีราตรีจะเป็นที่รู้จักกันดีว่าทรงพลัง แต่เมื่อเทียบกับราชาเฮยอวี้แล้ว เย่ว์หยางไม่มั่นใจความแข็งแกร่งของนาง
เย่ว์หยางมั่นใจในสถานการณ์มากเมื่อมีนางเซียนหงส์ฟ้าอยู่ด้วย ถ้าพวกเขาสามารถใช้ประโยชน์จากเวลาที่เหลือในการฝึกฝนผสานร่าง นอกจากนี้ยังมีความเป็นไปได้สูงที่นางจะบรรลุขอบเขตปราณก่อกำเนิดฟ้าระดับหนึ่ง ปัจจุบันนี้นางเป็นนักสู้ปราณก่อกำเนิดระดับสิบ หรือนักสู้ปราณก่อกำเนิดดินระดับสิบ อย่างไรก็ตาม การก่อกำเนิดใหม่ด้วยปราณก่อกำเนิดและชำระด้วยเพลิงอมฤต พลังของนางจะเหนือกว่านักสู้ปราณก่อกำเนิดระดับสิบโดยทั่วไป ถ้านางได้บรรลุขอบเขตใหม่อีกครั้งขณะฝึกผสานร่างกับเย่ว์หยาง อย่างนั้นนางจะไปถึงขั้นนักสู้ปราณก่อกำเนิดฟ้าระดับหนึ่ง นางอาจกลายเป็นจื้อจุนคนใหม่คนที่สอง แน่นอนว่าถ้าจักรพรรดินีราตรีกลายเป็นจื้อจุนไปแล้ว นางก็คงเป็นคนที่สาม
“สาวน้อย มาพบกันหน่อย ข้าคิดถึงเจ้า” เย่ว์หยางส่งข้อความง่ายๆ ถึงนางเซียนหงส์ฟ้า
แต่อารมณ์ปรารถนาของเขาเป็นจริงทั้งหมด
เพราะเขาคิดถึงนาง แม้แต่ในฝัน นางก็อยู่ที่นั่น นางเซียนหงส์ฟ้าผู้มีรอยยิ้มดึงดูดใจที่น่าหลงใหล
หลังจากนัดพบที่ขอบลานจัตุรัสของหอทงเทียนชั้นหกแล้ว เย่ว์หยางต้องไปดำเนินการก่อน โดยกลับไปที่ทวีปมังกรทะยาน เขาเอาแก้วผลึกที่ใช้อัญเชิญอสูรสายฟ้าจำนวนมาก เกราะสายฟ้า ขณะที่หยิบเอาขยะที่นางพญากระหายเลือดกับอาหมันเก็บมาจากวังลึกลับ อาวุธระดับเงินและโล่ป้องกัน และกองไว้ข้างหน้าจุนอู๋โหย่ว เขาไม่ห่วงว่าสิ่งนี้จะใช้ได้หรือไม่
จุนอู๋โหย่วตะลึง “เจ้าหนู ไปปล้นมาจากไหนล่ะนี่? คงไม่ทำให้ท้องพระคลังข้าว่างเปล่าหรอกนะ?”
ผู้เฒ่าเย่ว์ไห่ลอบปลาบปลื้มยินดี แต่ยังทำเป็นขึงขังว่า “อาวุธและเครื่องเกราะเหล่านี้พังหมดแล้ว หลายชิ้นไม่สามารถใช้ได้อีกต่อไป มันไม่ต่างจากขยะ จะเอามาซ่อมก็ยังยากด้วยซ้ำ”
อาจารย์จิ้งจอกเฒ่าเกรงว่าเยว์หยางจะโกรธจึงรีบปลอบโยนเขา “ของพวกนี้ยังซ่อมได้ ข้ารู้จักคนเก่าแก่ที่มีทักษะงานซ่อมสิ่งของ เป็นช่างเชื่อมฝีมือดี เย่ว์หยางเด็กที่ว่าง่าย ตอนนี้ไม่มีเรื่องอื่นที่เจ้าต้องจัดการแล้ว เชิญไปโอบกอดสาวๆ ได้ตามสบายเลย เร็วๆ นี้ข้าพบของดีมีประโยชน์ในห้องลับ จะให้เจ้ายืมไปศึกษาดูเอาไหม? ของดีสำหรับคนต้องการมีเด็ก!”
พอเห็นท่าทีจิ้งจอกเฒ่าผู้นี้มีพิรุธน่าสงสัย เขารู้ได้เลยว่าต้องเป็นสื่อลามก
ของน่าอัศจรรย์อย่างนั้น เป็นภาพเคลื่อนไหวได้เสียด้วย
ปรากฏเหมือนมีดาราชายหนังโรแมนติคแสดงบทบาทรักที่น่าตื่นตาตื่นใจ ที่สำคัญสามารถปลุกอารมณ์เสือป่าของพวกมีรสนิยมแนวนี้จากทวีปมังกรทะยานได้
“อย่าเพิ่งเปิดดูที่นี่, เอากลับไปศึกษากับเมียๆ ของเจ้า” อาจารย์จิ้งจอกเฒ่าไม่อาจทนลูกบ้าของเย่ว์หยางได้ เพราะในห้องเต็มไปด้วยบุคคลสำคัญแต่เขาก็ยังกล้าพลิกหนังสือดู เดี๋ยวคนอื่นจะรู้ว่ามันทำด้วยเคล็ดวิธีลับ มีทั้งเสียงและภาพ หลังจากเปิดดูแล้ว มันอาจลอยออกมาฉายเป็นภาพสามมิติก็ได้…
“จารย์ใหญ่! ท่านกำลังสอนให้เด็กเสียคนนะ” เย่ว์หยางเก็บหนังสือแต่ทำเป็นวิพากย์วิจารณ์อาจารย์จิ้งจอกเฒ่าทำให้เขาโกรธหัวเสีย
ของดีอย่างนี้จะให้โล่วฮัวและสาวๆ ที่เหลือเห็นไม่ได้ ไม่อย่างนั้นโดนริบหมดแน่
เย่ว์หยางแกล้งทำเป็นเชื่อฟังและเข้าไปเยี่ยมเย่ว์หวี่ที่อยู่กับแม่สี่ในวังหลวงเทียนหลัว
วันต่อมา เย่ว์หยางเดินทางไปชั้นหกหอทงเทียนเพื่อตรวจดูว่านางเซียนหงส์ฟ้าได้รับข้อความของเขาและจะมาพบเขาไหม? เขารออยู่ครึ่งค่อนวัน แต่ก็ไม่เห็นแม้แต่เงาของนาง เขาผิดหวังเล็กน้อย หันหลังเตรียมตัวกลับ เขาต้องกลับไปทำตัวเป็นเด็กว่านอนสอนง่าย
ทันใดนั้น บรรยากาศกลิ่นหอมหวานอบอวลเต็มท้องฟ้ารุมล้อมอยู่รอบตัวเขา
มีวงแขนสีขาวดุจหยกเนื้อดีอ่อนนุ่มราวกับไม่มีกระดูก โอบกอดเขาจากด้านหลัง ที่ด้านหลังของเขา เขารู้สึกประทับใจกับสัมผัสที่กดใส่เขาจากด้านหลัง สัมผัสนี้แทบจะทำให้เขาหลอมละลาย แทบจะทำให้กระดูกของเขาอ่อนปวกเปียก เขารู้สึกดีใจ ที่สร้างความประหลาดใจให้เย่ว์หยางที่สุดก็คือ สาวงามที่โอบกอดเขาจากด้านหลังเหมือนกับนางงามอสรพิษ ริมฝีปากนางคลอเคลียอยู่ข้างหูเขา “เด็กร้ายกาจ! คิดถึงข้าเหรอ? คิดถึงข้ามากแค่ไหน? เจ้าอยากจะสัมผัสหรือจะจุมพิตดีล่ะ?”
*******************