เดชคัมภีร์เทพฤทธิ์ – ตอนที่ 447 – ไพ่ทำนายชะตา

ตอนที่ 447 ไพ่ทำนายชะตา

เมื่อร่ำลาปีศาจซัคคิวบัสนับหมื่นแล้ว พอออกจากตำหนักซัคคิวบัสที่ว่ากันว่าเป็นหนึ่งในสิบสถานที่อันตรายที่สุดในหอทงเทียน เย่ว์หยางถึงกับลอบปาดเหงื่อ

ปีศาจซัคคิวบัสตนเดียวยังไม่เท่าไหร่ แต่เมื่อมีปรากฏเป็นหมื่นพร้อมกัน พวกนางนับว่าน่ากลัวมากจริงๆ

ถ้ากองทัพของราชาเฮยอวี้และตำหนักซัคคิวบัสเกิดสงครามขึ้น เย่ว์หยางยอมวางเดิมพันฝ่ายตำหนักซัคคิวบัส แม้ว่าราชาเฮยอวี้และห้าขุนพลพยัคฆ์ศึกของเขาจะได้เปรียบ แต่ขุนศึกและทหารทั่วไปจะต้องพ่ายแพ้พินาศสิ้นโดยไม่มีผู้ใดรอดแม้แต่คนเดียว นอกจากนี้ แต่ละคนคงจะตายอย่างน่าอนาถ ถูกสูบพลังชีวิตจนตายแห้งเหลือแต่กระดูก กล่าวกันว่าในหอทงเทียน มีเพียงเผ่าปีศาจบูรพาที่ปกครองโดยราชันย์มังกรจึงจะสามารถกำราบตำหนักซัคคิวบัสได้

เย่ว์หยางไม่ได้เปิดกล่องหยกขาวที่นางพญาซัคคิวบัสแอบมอบให้เขาในทันที

เนื่องจากนางพญาซัคคิวบัสต้องการให้รักษาเอาไว้เป็นความลับ ไม่ให้นางเซียนหงส์ฟ้าได้รับรู้ เย่ว์หยางจะหาเวลาแอบเปิดดู

นอกจากต้องไปกล่าวลาตำหนักซัคคิวบัสแล้ว นางเซียนหงส์ฟ้ายังต้องโอนพื้นที่ปกครองอีกหลายแห่ง, เหมืองและป่าจำนวนมาก และพื้นที่ส่วนตัวที่สวยงามอีกหลายแห่งให้หกมารฟ้า โดยเฉพาะอย่างยิ่งมารเคราะห์ฟ้าได้รับโอนมากที่สุด

พวกเขาแต่ละคนอวยพรให้นางเซียนหงส์ฟ้า

โดยเฉพาะอย่างยิ่ง มารเคราะห์ฟ้าลงทุนเรียกพี่เขยอย่างอ่อนหวาน แบมือออกมาขอรับรางวัล นางไม่ยอมรับผลึกมังกร ขอรับแต่เพียงสมบัติชั้นศักดิ์สิทธิ์เท่านั้น

“ไป ชิ้ว, หลบไปเล่นที่อื่นก่อน” เย่ว์หยางเกือบจะตีนางเสียแล้ว เขาเองยังไม่มีสมบัติศักดิ์สิทธิ์อะไร แล้วจะมอบให้นางได้ยังไง?

“เจ้ายังไม่มีฉายานับตั้งแต่เข้าร่วมกับสิบมารฟ้าเรา วันนี้เราน่าจะตั้งชื่อให้เจ้าก่อนนะ” มารเคราะห์ฟ้าคิดจะแก้เผ็ดเจ้าเด็กนี่ พอเห็นเย่ว์หยางตระหนี่สมบัติ นางคิดทันทีว่า “เนื่องจากพี่เขยเรายากจน เราจะเรียกเขาว่า มารยาจกฟ้า ซึ่งก็หมายความว่า ยากจน อนาถาที่สุดในโลก”

“มารหมัดฟ้าเป็นไงบ้าง! ข้าเกิดมาเพื่อตีเจ้า” เย่ว์หยางฉุนเฉียวต้องการจะจับเด็กสาวนี่ก่อกวนนางและปล่อยให้นางได้รู้ฤทธิ์โมโหของเขาบ้าง

“เลือกไพ่ทำนายก็แล้วกัน!” มารบาปฟ้ามักจะเป็นคนดีอยู่เสมอและพยายามคลี่คลายความตึงเครียด

“ข้าเห็นด้วย” มารฟ้าสังหารที่เย่ว์หยางยอมรับที่สุดผงกศีรษะเห็นด้วย

“ข้าก็เห็นด้วย” มารกระบี่ฟ้าก็เห็นด้วยเช่นกัน เขาไม่ได้ชื่นชมเย่ว์หยางแม้แต่น้อย แต่เขากลัวมากกว่า เขากลัวว่าเย่ว์หยางเจ้าเด็กแสบผู้นี้จะขโมยกระบี่โบราณอาวุธระดับศักดิ์สิทธิ์ของเขา

มารฟ้าวิบัติไม่ได้ส่งเสียงอะไร ขณะที่มารฟ้าพิโรธถือกลองฟ้าพิโรธยืนอยู่ห่างๆ ไม่ได้แสดงท่าทีอะไร

พวกเขาเป็นกลาง ไม่เห็นด้วย และไม่คัดค้าน

มีแต่นางมารเคราะห์ฟ้าที่ค้านว่า มารยาจกฟ้าเป็นฉายาเหมาะสมกับเย่ว์หยางที่สุดแล้ว

นางเซียนหงส์ฟ้ายิ้มอย่างอารมณ์ดีซึ่งหาได้ยาก นางรั้งแขนเย่ว์หยางไว้อย่างนุ่มนวล

ความหมายของนางที่สื่อต่อเย่ว์หยางก็คืออย่าตระหนี่เกินไป ให้สละของบางอย่างสร้างความยินดีให้สาวน้อยนางมารเคราะห์ฟ้าบ้าง และอย่าส่งเสียงรบกวนนาง ทำให้นางเซียนหงส์ฟ้ารู้สึกอึดอัดใจ

เพราะเป็นอย่างนี้ เย่ว์หยางจึงตบอกสื่อความหมายว่าเขาจะรับทำภารกิจนี้ให้สำเร็จลุล่วง เขาเรียกแสงเขียวหนึ่งในห้าแสงเทพออกมาแล้วยื่นให้นางมารเคราะห์ฟ้า “หนูน้อยจ๋า! เจ้าเคยเห็นสมบัติอย่างนี้มาก่อนไหม?” พอเห็นเช่นนี้ นางมารเคราะห์ฟ้ามีความสุข ตาทั้งสองพองโตเกือบเป็นรูปหัวใจ นางเรียกพี่เขยเสียงดังลั่น บอกว่าต้องการได้ แต่จะเป็นไปได้อย่างไรที่เย่ว์หยางจะให้นาง เขาแค่ล้อนางเล่น ไม่รอให้นางมารเคราะห์ฟ้าชิงไปได้ เขารีบเก็บของก่อน “ข้าก็แค่เป็นพี่เขยที่ขี้เหนียวที่สุด ข้าคิดว่าสมบัตินี้ยังให้ไม่ได้”

“ไม่เลย, ท่านเป็นพี่เขยที่ใจดีที่สุดในโลก ข้าชอบพี่เขย นี่เอาสมบัติออกมาอีก ขอข้าดูหน่อย เอามาวางไว้ในมือข้า ให้ข้าดูใกล้ๆ รับรองได้ว่าข้าจะไม่ใช้มันหรอก” สาวน้อยนางมารเคราะห์ฟ้าพยายามอย่างเต็มที่เพื่อยื้อยุดเย่ว์หยางไว้ เทพแสงห้าสีเป็นสมบัติระดับเทพ ถึงกับทำให้นางตาพร่า

“ดูเฉยๆ ไม่เป็นไร..อุ๊บ, ข้าหยิบผิด!” เย่ว์หยางล้วงอาวุธแสงนิลกาฬออกมา

“โอ้โฮ!” พอเห็นเช่นนั้น นางมารเคราะห์ฟ้ายิ่งเป็นเหมือนลูกแมวน้อยที่เห็นลูกบอลผูกด้าย นางรู้สึกคันหัวใจยากจะเกาอยากจะคว้ามาดู

แม้ว่าอาวุธแสงนิลกาฬจะเป็นเทพแสงห้าสีชนิดเทียม แต่ก็ยังเป็นสมบัติระดับศักดิ์สิทธิ์ที่จิ่วเซียวทิ้งไว้ให้เย่ว์หยางและนางเซียนหงส์ฟ้าหลังจากฆ่าเทพสายฟ้า มันถูกใช้เพื่อต่อสู้หรือฆ่ามากกว่า ต่างจากแสงเทพห้าสีซึ่งมีความสามารถพิเศษ เพียงพลังทำลายล้างของอาวุธแสงนิลกาฬ ก็ยังมากกว่าแสงเขียวของแสงเทพห้าสีเสียอีก

นางมารเคราะห์ฟ้าแทบจะน้ำตาร่วงจากการเย้าหยอกของเย่ว์หยาง

เขาเก็บอาวุธแสงนิลกาฬและหยิบสมบัติออกมาขวดหนึ่ง ก็คือน้ำค้างทิพย์ แต่ทันทีที่นางมารเคราะห์กรี๊ดกร๊าดได้เล็กน้อย เขารีบเก็บเอาไว้แล้วเอาผนึกเทพจักรพรรดิอวี้ออกมา

เย่ว์หยางล่อหลอกอย่างเจ้าเล่ห์ “หนูน้อยจ๊ะ เคยเห็นไอ้นี่มาก่อนหรือเปล่า? ดู ดูซะ นี่คือสมบัติในตำนาน”

นางมารเคราะห์ฟ้าแทบจะคลุ้มคลั่ง เจ้าหมอนี่มีสมบัติมากมายนัก และยังไม่ยอมจะให้นางง่ายๆ ด้วย

นางอยากจะคว้ามาให้ได้ทั้งหมด แต่ก็ไม่สามารถชิงมาจากเขาได้เลย

ห้ามารฟ้าชักไม่อาจทนการโอ้อวดของเย่ว์หยางที่เอาสมบัติอย่างนั้นออกมาอวดเด็กโดยไม่จำเป็น เพียงเพื่อหยอกล้อนางเท่านั้นหรือ? จริงๆ เลย

“เจ้าเคยเห็นกระเช้าสมปรารถนานิรันดร์กาลไหม? ข้าผู้เป็นพี่เขยของเจ้าก็มีด้วยนะ เคยเห็นม้าย..น้ำทิพย์และน้ำพุอมตะ? ข้าก็มีด้วย เรียกข้าว่าพี่เขยหวานๆ ก่อน หากว่าข้าพอใจข้าจะแบ่งให้หนูน้อยผู้น่าสงสารสักเล็กน้อยก็ได้นะ” เย่ว์หยางดูน่ากลัวมากกว่าเฒ่าหัวงูที่ใช้ลูกอมหวานล่อลวงเด็กหญิงน้อยถึงร้อยเท่า เขารู้แน่ว่านางมารเคราะห์ฟ้าไม่อาจทนหลอกล่อเรื่องสมบัติได้ แต่ก็ยังจงใจแกล้ง นับว่าเย่ว์หยางสมควรถูกทุบตีจริงๆ

“ขี้ตืด!” นางมารเคราะห์ฟ้ายังนับว่าฉลาดมาก นางรู้ว่าเป็นไปไม่ได้ที่จะได้สมบัติสักชิ้นจากพี่เขยที่ตั้งใจหยอกล้อนาง

นางคว้าแขนเย่ว์หยางแล้วงับแรงๆ อย่างเกลียดชัง

เย่ว์หยางสะบัดแขนเร่าๆ ด้วยความเจ็บ แต่ก็ไม่สามารถหลบนางมารเคราะห์ฟ้าได้

นางเซียนหงส์ฟ้าปวดศีรษะถอนหายใจหนักหน่วง เด็กน้อยทั้งสองโกรธเคืองกันด้วยเรื่องเล็กน้อยจนกลายเป็นเช่นนั้นได้

มารบาปฟ้ากลับตรงกันข้าม ถึงหัวเราะจนตัวงอ

เขาแอบเปิดกล่องใหญ่เบาๆ

ทันใดนั้น ลำแสงสีทองนับไม่ถ้วนฉายออกมา

พลังงานที่ลึกลับเป็นพิเศษที่สามารถท่วมสวรรค์และโลกได้ เย่ว์หยางและนางมารเคราะห์ฟ้าไม่ได้ทะเลาะกันต่อ ทั้งสองคนรีบวิ่งเข้ามาต้องการดูว่าจริงๆ แล้วมารบาปฟ้าเก็บอะไรไว้ในกล่องกันแน่ นี่คือหนึ่งในความลับที่ใหญ่ที่สุดในวังมาร สิ่งที่อัดแน่นอยู่ในกล่องใหญ่เห็นได้ชัดว่ามีเพียงมารสัมฤทธิ์ฟ้าเท่านั้นที่รู้ มารฟ้าคนอื่นๆ แม้แต่มารแค้นฟ้าและมารฟ้าวิบัติที่มีสัมพันธ์สนิทที่สุดกับมารบาปฟ้าก็ยังไม่รู้

เย่ว์หยางไม่มีโอกาสได้ใช้ดวงตามองสรรพสิ่งเพื่อดูให้ชัดเจน ก่อนที่มารบาปฟ้าจะดึงไพ่สีทองหม่นที่ไม่ธรรมดาออกมาสิบใบ

กล่องใหญ่ปิดลงอีกครั้งหนึ่ง

พลังงานลึกลับหายไปทันทีโดยไม่เหลือร่องรอย

มารบาปฟ้าวางไพ่ทองไว้ข้างหน้าเย่ว์หยางและชี้ให้เขาเลือกออกมาใบหนึ่ง

ขั้นตอนตั้งฉายาของวังมารมีสามแนวทาง ทางแรกได้มาด้วยตนเอง เมื่อมาถึงวังมาร ผู้ที่จะทิ้งฉายาเดิม สามารถเลือกฉายาที่ดีกว่าด้วยตนเองได้ เหมือนอย่างมารมังกรฟ้าที่เดิมชื่อ สุภาพบุรุษอสรพิษมังกรปีศาจ เป็นถึงนักสู้ปราณก่อกำเนิดระดับหก เขาเข้าวังมารกลายเป็นมารฟ้าอันดับสิบที่ด้อยที่สุดและตั้งชื่อตนเองว่ามารมังกรฟ้า นอกจากตั้งชื่อล้อชื่อเดิมแล้ว ยังมีวิธีตั้งชื่ออย่างอื่นที่ได้รับการยอมรับจากคนทั่วไปอีกด้วย ตัวอย่างเช่น มารฟ้าพิโรธ จากความเจ้าโทสะของเขา, เสียงและกลองสายฟ้าพิโรธ สามสิ่งนี้เหมือนกับสายฟ้า เมื่อทั้งหมดดังขึ้นจึงเป็นเหมือนกับสวรรค์พิโรธ ดังนั้นเขาจึงได้รับการยอมรับจากทั่วไปว่า มารฟ้าพิโรธ

มารฟ้าสังหารและมารกระบี่ฟ้าก็ยังคงเป็นมารฟ้าด้วยความเห็นชอบจากสาธารณชนทั่วไป

และแนวทางสุดท้าย สำหรับมารฟ้าผู้ยอมรับการทดสอบจากไพ่ทำนายชะตา

มารแค้นฟ้า, มารฟ้าวิบัติ, มารเคราะห์ฟ้า, มารบาปฟ้าผ่านการทดสอบเช่นนั้นมาแล้วทุกคน

ทันทีที่การทดสอบด้วยไพ่ทำนายชะตาได้รับการยืนยันแล้ว ชื่อนี้จะติดตัวตลอดไป นั่นไม่ใช่เรื่องสำคัญ สิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือสมบัติอย่างไพ่ทำนายชะตาจะมีกฎควบคุมไว้ เมื่อตั้งชื่อได้สำเร็จ ความสามารถพิเศษก็ถูกมอบหมายให้ด้วย

การทดสอบชนิดนี้สามารถกล่าวได้ว่ายากมากและทำได้เพียงครั้งเดียวในรอบร้อยปี

มารฟ้าอย่างมารฟ้าพิโรธ, มารกระบี่ฟ้าทุกคนหวังจะได้ทดสอบไพ่ทำนายชะตาและได้รับทักษะพิเศษ

แต่เมื่อเย่ว์หยางเข้าร่วมกับกลุ่มมารฟ้า พวกเขาระบุว่ายินดีมอบโอกาสนี้ให้เย่ว์หยาง นอกจากเรื่องการเจียมเนื้อเจียมตัวแล้ว เย่ว์หยางนับว่าแข็งแกร่ง เห็นได้ชัดว่าความรู้ของแต่ละคนนั้นยังไม่พอ ถ้าพวกเขาแข็งแกร่งเพียงพอ มารบาปฟ้าคงไม่ให้โอกาสทดสอบไพ่ทำนายชะตากับเย่ว์หยางแน่นอน การทดสอบที่ร้อยปีจะมีครั้งเดียว เป็นความตั้งใจของมารบาปฟ้าที่จะมอบโอกาสให้เด็กใหม่ผู้นี้เพื่อพิสูจน์ว่าเย่ว์หยางเป็นมารฟ้าที่เหนือล้ำกว่า

“ให้ข้าสุ่มเลือกเอาเหรอ?” ในใจเย่ว์หยางเขารู้สึกกังวลเล็กน้อย แต่ภายนอกแสร้งเป็นไม่ใส่ใจ

มีไพ่ร้อยใบอยู่ในกลุ่มไพ่ทำนายชะตา แต่เลือกได้เพียงใบเดียวจากสามสิบหกใบในทุกๆ การทดสอบ ไพ่ทำนายชะตาเหล่านี้แตกต่างกันทั้งหมด บางชื่อก็ดี ขณะที่บางชื่อก็แย่ ขณะที่ความสามารถที่มอบให้มา อาจจะมากหรือน้อยก็ได้

เลือกไพ่ดีๆ เป็นเรื่องที่ยอดเยี่ยมแน่นอน

ถ้าผู้เลือก เลือกได้ชื่อที่แย่ และได้รับทักษะที่ไร้ประโยชน์ อาจกล่าวได้ว่าเป็นเรื่องน่าขายหน้า

“ใจเย็น แล้วสุ่มเลือกออกมา จะเลือกได้ใบที่เหมาะสมกับเจ้าที่สุดอย่างแน่นอน” โซ่ทองสีหม่นในมือของมารบาปฟ้าเริ่มดังกรุ๊งกริ๊งจากเสียงกระทบและไพ่ทำนายเริ่มสลับสับเปลี่ยน ไพ่ทองทำนายชะตาจะมีพลังงานพิเศษซึ่งค่อยสลายไปและคลุมอยู่ที่มือของมารบาปฟ้า

“ก็ได้!” เย่ว์หยางหลับตา และสุ่มเลือกออกมาหนึ่งใบ

พลันมีเรื่องผิดปกติเกิดขึ้น

ลำแสงนับพันสายยิงออกมาจากไพ่ในมือของเย่ว์หยางสว่างเจิดจ้าเหมือนดวงอาทิตย์ เป็นแสงเจิดจ้าแพรวพราวจนผู้คนไม่อาจมองได้โดยตรง

พลังที่มองไม่เห็นปรากฏขึ้น

พลังนั้นเริ่มกระจายไปทั่วตัวของเย่ว์หยาง

ในทันใดนั้น เมื่อพลังพุ่งขึ้นถึงขีดสุด โลกทั้งโลกดูเหมือนถูกพลังนี้ทำให้สั่นสะเทือน

ร่างมหึมาสีทองเข้มเป็นภาพนิมิตขยายจากตัวของเย่ว์หยางภายในไม่กี่วินาที มันมั่นคงดุจภูเขา แม้ถ้าคนแหงนมองไล่ไปตามร่างขนาดใหญ่จะเห็นว่าสูงเป็นกิโลเมตร ไม่สามารถมองเห็นศีรษะของเงายักษ์นี้ หน้าของมารบาปฟ้า, มารฟ้าพิโรธ, มารฟ้าสังหาร, มารกระบี่ฟ้าแปรเปลี่ยนไปมาก นางเซียนหงส์ฟ้าและนางมารเคราะห์ฟ้าตกตะลึง ประวัติศาสตร์ที่ได้บันทึกไว้ในวังมาร มีเพียงสามลักษณะภาพนิมิตที่สูงเกินกว่าร้อยเมตร ภาพนิมิตเหล่านั้นเป็นของมารสัมฤทธิ์ฟ้าที่ทรงอานุภาพที่สุด, มารกฎฟ้าฉลาดที่สุดและนางมารเคราะห์ฟ้ามีศักยภาพมากที่สุด

ภาพนิมิตของมารสัมฤทธิ์ฟ้าสูงเกือบ 200 เมตร และนั่นเป็นเหตุการณ์ที่วังมารภูมิใจตั้งแต่นั้น นางมารกฎฟ้าและนางมารเคราะห์ฟ้าก็คล้ายกัน

อย่างไรก็ตาม นี่ยังมีความแตกต่างระหว่างพวกเขา มารแค้นฟ้าผู้แข็งแกร่งอันดับสาม ภาพนิมิตทำนายของเขาน้อยกว่า 100 เมตรเล็กน้อย

มารฟ้าวิบัติผู้หยิ่งยโสไม่เกิน 80 เมตร ขณะที่มารบาปฟ้าผู้ถือไพ่ทำนายชะตาก็สูงเพียง 60 เมตร

พวกเขาทุกคนรู้ดีว่าเจ้าเด็กเย่ว์หยางนี้ผิดธรรมดา และเตรียมใจไว้แล้วว่าเขาคงแข็งแกร่งพอๆ กับมารสัมฤทธิ์ฟ้า พวกเขายอมรับว่าเขาอาจจะแข็งแกร่งขึ้น อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ไม่มีใครนึกภาพออกมาก่อนก็คือ ภาพนิมิตชะตาของเด็กหนุ่มเย่ว์หยางนี้เด่นล้ำเกินมารสัมฤทธิ์ฟ้าไปมาก ภาพนิมิตชะตาของเย่ว์หยางขนาดเกือบ 1000 เมตร เทียบขนาดได้กับภูเขา ภูเขาที่ไม่สามารถมองเห็นได้ทั้งลูก ภูเขาที่ค้ำยันโลกและสวรรค์

นี่คือการทดสอบที่ยากที่สุดในประวัติศาสตร์ของวังมาร

ดังนั้น จึงผิดธรรมดามากจนยากจะยอมรับได้จริงๆ

ไม่ใช่แต่เพียงแค่นั้น สองมือของภาพนิมิตทองดูเหมือนจะถืออะไรบางอย่างไว้ แต่เพราะภาพนิมิตทำนายสูงเกินไปและใหญ่เกินไปอีกทั้งแพรวพราวเกินไป นางมารกฎฟ้า, นางมารเคราะห์ฟ้า, มารบาปฟ้ารวมทั้งคนอื่น ไม่อาจเห็นได้เกินกว่าเท้าของภาพนิมิต

“ครืนนนนน….”

เสียงฟ้าร้องคำรามน่ากลัวดังผ่านเมฆจนแผ่นดินสะเทือน

เหตุการณ์แปลกประหลาดยังเกิดตามมาอีก หมาป่ายักษ์สีทองสูงเกือบ 200 เมตรออกมาจากระหว่างเข่าของยักษ์ทอง มันยืนหยัดมั่นแล้วทำท่าโก่งคอหอนขึ้นไปในท้องฟ้า การปรากฏตัวของมันบดบังสถานการณ์เหนือยักษ์ทอง มารบาปฟ้าและที่เหลือมองเห็นบางอย่างปรากฏจากด้านบนของยักษ์ แต่มันถูกบังโดยภาพของหมาป่ายักษ์ทองบนพื้นซึ่งทำให้เป็นไปไม่ได้ที่จะมองเห็นสิ่งที่เกิดขึ้นด้านบน

 

****************

Long Live Summons เดชคัมภีร์เทพฤทธิ์

Long Live Summons เดชคัมภีร์เทพฤทธิ์

LLS, Triệu Hoán Vạn Tuế, Zhaohuan Wansui, 召唤万岁
Score 7.6
Status: Ongoing Type: Author: , Released: 2010 Native Language: Chinese
อ่านนิยายเรื่อง Long Live Summons เดชคัมภีร์เทพฤทธิ์ ทวีปมังกรทะยานคือโลกแห่งการอัญเชิญ คุณจะกลายเป็นคนแข็งแกร่งได้ ถ้าเพียงแต่คุณเป็นผู้อัญเชิญ! ยิ่วหยางเด็กนักเรียนมัธยมปลายธรรมดาถูกส่งเข้ามาในโลกนี้อย่างฉับพลันทัน ด่วน เมื่อเขาฟื้นขึ้นกลับได้พบใบหน้าของหลายคนที่เต็มไปด้วยความห่วงใย และพบว่าเขาเป็นตัวตนของอีกคนหนึ่ง กลับกลายเป็นว่าเขาเป็นบุตรที่ไม่เอาไหนของตระกูลยิ่ว จนถึงกับโดดน้ำตายเพราะถูกปฏิเสธการหมั้น อีกทั้งไม่สามารถจะทำพันธสัญญากับคัมภีร์อัญเชิญได้ แต่ยิ่วหยางกลับประสบความสำเร็จทำสัญญากับคัมภีร์ ส่วนเรื่องราวจะเป็นเช่นไรต่อไป ขอเชิญติดตามดูครับ ความจริงในการแปลครั้งนี้มาจากแรงบันดาลใจที่ไม่ได้จะเป็นนักเขียนนักแปล หรอกครับ เกิดจากการอ่านมันฮัวการ์ตูนของจีนแล้วชอบ พยายามหาดูที่แปลเป็นอังกฤษ ก็แปลกันไปได้น้อยนิด แต่พอดูฉบับนิยายรู้สึกว่าเขาแปลไปได้เยอะ จึงลองเข้าอ่าน แต่เพราะความที่ภาษาไม่แข็งแรง จึงต้องดูไป เปิดดิคฯ ไปใช้โปรแกรมแปลช่วยบ้าง มีความรู้สึกว่าอ่านไม่ต่อเนื่อง จึงคิดว่าน่าจะแปลข้อมูลเก็บไว้ในเว็บๆ หนึ่งแล้วค่อยอ่านเป็นตอนๆ ให้ต่อเนื่องไปเลยดีกว่า แล้วก็นึกถึงที่นี่

Comment

Options

not work with dark mode
Reset