ตอนที่ 449 ชื่นมื่นกับภรรยาหลายคน
ตามจารีตประเพณีของทวีปมังกรทะยาน อันดับแรกใช้เกี้ยวอย่างดีรับเจ้าสาวเข้าบ้าน จากนั้นกราบไหว้ฟ้าดิน เปิดผ้าคลุมหน้าแดงของเจ้าสาว แลกดื่มสุรามงคลจากนั้นจึงเริ่มร่วมหอห้องฉันท์สามีภรรยากัน
เย่ว์หยางยกเว้นขั้นตอนเหล่านี้ทั้งหมด
เกี้ยวหามอย่างดีน่ะหรือ?
ตอนนี้เขาจะไปหามาจากไหน เขาอาจพาภรรยากลับบ้านโดยวิธีเดียวกับที่ตือโป๊ยก่ายพาภรรยาเข้าบ้าน
จะกราบไหว้ฟ้าดินรึ ก็มีแต่เมฆครึ้มเต็มไปหมด
ถ้าสามีและภรรยารักกันจริง ความสุขจะเกิดขึ้นไม่ว่าพวกเขาจะกราบไหว้ฟ้าดินกันหรือไม่ ถ้าฝ่ายชายหรือฝ่ายหญิงมีปัญหาเกี่ยวกับร่างกายของพวกเขาไม่สามารถมอบรักให้กันได้ จะกราบไหว้ฟ้าดินไปก็ไม่มีประโยชน์
พูดให้ตรงจุด จะลงเอยสัมพันธ์รักกับสาวสักนาง ถ้าพ่อหนุ่มเอาแต่มโนเรื่อยเปื่อยไม่ลงมือสักที ทำอย่างนี้จะถูกมองว่าแย่กว่าเดรัจฉาน เย่ว์หยางรู้สึกว่าระหว่างเป็นเดรัจฉาน กับแย่ยิ่งกว่าเดรัจฉาน ขอเลือกอย่างแรกคงจะดีกว่า ถูกสาวๆ ด่าว่าเป็นเดรัจฉานก็น่าอับอายขายหน้าที่สุดแล้ว ถ้าโดนด่าว่าแย่ยิ่งกว่าเดรัจฉานนับว่าหมดท่าอย่างสิ้นเชิง
“อย่าเพิ่งรีบร้อนฉุดดึงข้า” นางเซียนหงส์ฟ้าสามารถบอกได้ว่าเจ้าเด็กนี่ใจร้อนไปหน่อย เขาต้องมีลูกเล่นบางอย่างแน่นอน
แม้ว่าความร้อนเร่าที่แทบหลอมละลายคนแผ่ซ่านไปทั่วตัวนาง
แต่ยังจะยุ่งยากเล็กน้อยถ้าจะให้ความสัมพันธ์ล้ำหน้าไปกว่านี้
นางรู้ว่านางก็มีความรู้สึกต่อเย่ว์หยาง นางรู้ชัดเจนว่าในไม่ช้าหรือราวๆ นั้นร่างกายที่สมบูรณ์ของนางจะตกเป็นของเขา ปัญหาก็คือ เรื่องราวทั้งหมดนี้เกิดขึ้นรวดเร็วขณะที่นางยังไม่ค่อยพร้อม ยังยื้อได้สักช่วงหรือไม่? ยังไม่มีความจำเป็นต้องมอบความรักอมตะให้แก่กัน แต่อย่างน้อยจะพูดได้ว่าเพื่อสร้างบรรยากาศอย่างนั้นหรือ?
มือเรียบเนียนเหมือนหยกเนื้อดีของนางอยู่ในมือของเย่ว์หยาง มือที่มีขนาดใหญ่กว่านางและเหมือนกับมีไฟฟ้าในตัว
เหมือนกับจะมีสิ่งรบกวนใจนางทำให้นางรู้สึกอึดอัดบ้าง
“เรากลับทวีปมังกรทะยานกันก่อนเพื่อประเมินสถานการณ์ ถ้าเกิดสงครามขึ้น นั่นจะมิน่ากลัวหรอกหรือ?” นางเซียนหงส์ฟ้ารู้ เมื่อพวกเขามีสัมพันธ์กันจริงๆ พวกเขาจะยังไม่แยกจากกันอย่างน้อยก็ 2-3 วัน โลกของคนที่อยู่ในห้วงรักเหมือนมีกันเพียงสองคน อย่างไรก็ตามปัญหาก็คือ ถ้าราชาเฮยอวี้เปิดศึกโจมตี การขาดหายไปของเย่ว์หยางจะต้องมีผลกระทบรุนแรง นอกจากนี้ นางเซียนหงส์ฟ้ายังต้องการพบกับครอบครัวของเย่ว์หยาง ไม่มีพิธีแต่งงานตามปกติ อย่างน้อยนางควรไปพบกับคนในครอบครัวจริงๆ ด้วยถือว่านางก็คือส่วนหนึ่งของครอบครัวเขา มิฉะนั้น ถ้าบุพการีและญาติผู้ใหญ่ปฏิเสธจะยอมรับนาง ความสัมพันธ์ของนางกับเย่ว์หยางจะถูกมองว่าเป็นแค่สัมพันธ์ชู้สาวเท่านั้น
ถ้าเกิดเรื่องนี้ในอดีต นางเซียนหงส์ฟ้าคงไม่ให้ความสนใจกับเรื่องนี้
แต่ตอนนี้ นางตัดสินใจติดตามเขานับจากนี้
ตอนนี้หลายอย่างแตกต่างออกไป นางเริ่มคิดถึงผลประโยชน์ของตัวเขา ที่สำคัญ นางจะต้องพึ่งพาเจ้าเด็กร้ายกาจนับจากนี้ไป โดยนิสัยนาง นางก็ปรารถนาให้ทุกอย่างราบรื่นสำหรับเขา
เย่ว์หยางเองก็รู้สึกว่าเขาควรจะให้เกียรติกับสถานะนางเซียนหงส์ฟ้า การร่วมหอลงโรงโดยมิได้ทำพิธีแต่งงานจะได้ไม่ถูกตำหนิ ถ้าเขาไม่มอบสถานะให้นาง คงเป็นเรื่องไม่ยุติธรรมจริงๆ เขาพานางเซียนหงส์ฟ้ากลับไปเยี่ยมตระกูลเย่ว์และแนะนำนางให้รู้จักผู้เฒ่าเย่ว์ไห่ “นี่คือมารกฎฟ้าแห่งวังมาร พันธมิตรของเรา นางคือสหายที่ดีของข้า แต่เราอาจจะเกี่ยวดองกันในอนาคตเร็วๆ นี้…”
จุนอู๋โหย่วและผู้เฒ่าเย่ว์ไห่รีบแสร้งทำเป็นดื่มน้ำชา และทำเป็นเหมือนไม่ได้ยิน
ความจริง, พวกท่านทุกคนนับเป็นผู้เยาว์ของนาง เมื่อมารกฎฟ้ามีชื่อเสียง พวกท่านยังใส่ผ้าอ้อมเล่นปาดินโคลนกันอยู่ด้วยซ้ำ
พวกเขารู้มานานแล้วว่าสักวันนางมารกฎฟ้าคงต้องการแต่งงานกับเย่ว์หยาง และพวกเขาก็สนับสนุนเย่ว์หยางให้แต่งงานกับนาง แต่แล้วตอนนี้เจ้าเด็กนี่จู่ๆ ก็พามารกฎฟ้ากลับมาคารวะ ทำให้พวกท่านละอายใจอยู่บ้าง
ถ้ามองในแง่หนึ่ง พวกท่านมิอาจรับการทักทายคารวะนี้ได้
แต่มองในอีกแง่หนึ่ง จะไม่ยอมรับการคารวะนี้ก็นับว่าไม่เป็นธรรม นอกจากนี้ นางมารกฎฟ้ายังมีจิตใจคล้อยตามเจ้าเด็กเย่ว์หยางนี่ แล้วพวกท่านจะไม่เห็นด้วยได้ยังไง? พวกท่านกล้าคัดค้านหรือ?
“อะแฮ่ม.. นี่นับเป็นเรื่องมงคล ข้าบอกเสี่ยวซานแล้ว เราจะไม่ควบคุมบังคับเรื่องของเจ้า ทุกคนควรทำสิ่งที่ตนเองต้องการทำ! อะแฮ่ม, พี่ไห่, ท่านเห็นด้วยหรือไม่?” ยังไงๆ จุนอู๋โหย่วก็ยังเป็นฮ่องเต้อยู่ดี การตอบสนองของเขารวดเร็วทันควัน ความหมายง่ายๆ ของเขาก็คือ เราเข้าใจเป็นอย่างดี ไม่เป็นไรถึงพวกเจ้าไม่ได้ทำพิธีแต่งงาน เราก็เห็นชอบด้วยกับเรื่องนั้น แต่จะให้ดีก็คือควรบอกกล่าวป่าวร้อง จะได้ไม่สับสนเวลานับญาตินับอาวุโส ซึ่งเรื่องทั้งหมดนี้ยากจะลำดับญาติกันได้ เราไม่รู้ว่าจะเรียกหากันยังไงแล้ว
“ใช่..แน่นอน” ผู้เฒ่าเย่ว์ไห่รู้ยินดีมากที่ได้มารกฎฟ้ามาเป็นหลานสะใภ้ของเขา บรรพบุรุษอวยพรพวกเขาแล้ว เย่ว์หยางช่างน่าทึ่งจริงที่ได้มารกฎฟ้าผู้แข็งแกร่งอันดับสองของวังมารเป็นภรรยา ตอนนี้เขาตายโดยไม่มีอะไรค้างคาใจอีกแล้ว
“เด็กน้อย, เจ้ายอดเยี่ยมจริงๆ!” อาจารย์จิ้งจอกเฒ่าแอบชูนิ้วหัวแม่มือให้
อย่างไรก็ตาม เขารีบคารวะนางกลับคืน ความจริงในฐานะที่อาจารย์จิ้งจอกเฒ่าเป็นนักสู้ปราณก่อกำเนิดระดับหนึ่งไม่ควรแม้แต่จะเชิดศีรษะใส่มารกฎฟ้า ทั้งนี้เพราะมารกฎฟ้าไม่เพียงแต่เป็นตัวแทนของวังมารเท่านั้น แต่นางยังเป็นนักสู้ปราณก่อกำเนิดรุ่นอาวุโสกว่าอีกด้วย
ถ้าไม่ใช่เพราะเขาเป็นอาจารย์ที่ปรึกษาของเย่ว์หยาง มารกฎฟ้าคงไม่ชายตามองเขาด้วยซ้ำอย่าว่าแต่จะคารวะเขาเลย
นักรบที่อยู่ในนั้นก็ยังได้รับเกียรติอีกด้วย มารกฎฟ้าทักทายพวกเขาเพราะเย่ว์หยาง นี่ถือเป็นเกียรติประวัติอย่างแน่นอน ทุกคนรีบคารวะนางตอบพร้อมกับพึมพำตามมารยาทเล็กน้อย มารกฎฟ้ายอมทักทายพวกเขาก็เพื่อเย่ว์หยาง แค่เพราะนางทักทายพวกเขา ไม่ได้หมายความว่าพวกเขาจะปฏิบัติต่อนางเหมือนเป็นผู้น้อยได้ แม้แต่เจ้านายของพวกเขาก็ยังทักทายมารกฎฟ้าอย่างให้เกียรติ พวกเขาจะกล้านั่งอยู่ตรงนั้นโดยไม่รู้ร้อนรู้หนาวได้ยังไง?
สถานที่ๆ พวกเขาจะไปเยือนต่อไปก็คือ เยี่ยมแม่สี่ที่วังเทียนหลัว
แม่สี่มากน้ำใจกว่าจุนอู๋โหย่ว ในใจนาง ไม่ว่าจะเป็นเสวี่ยอู๋เสีย, องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนหรือเจ้าเมืองโล่วฮัว ตราบใดที่นางแต่งกับเสี่ยวซาน นางก็คือสะใภ้ของแม่สี่
ต่างจากคนอื่นๆ นางไม่ย้ำคำทักทายของมารกฎฟ้ามากจนเกินไป ได้แต่ยินดีเป็นอย่างยิ่งแทน
หลังจากประคองนางเซียนหงส์ฟ้าแล้ว แม่สี่ดึงนางมานั่งข้างๆ และถามคำถามมากมายอย่างระมัดระวัง นางแทบจะสอบถามถึงบรรพบุรุษของนางเซียนหงส์ถึงสามรุ่น
“พี่สาม!” การปรากฏตัวของเย่ว์ปิง นั่นหมายถึงข่าวร้ายของเย่ว์หยาง
ชีวิตรักแบบสามีภรรยาของเขาต้องทอดเวลายาวออกไป ตอนนี้น้องสาวกลับมาแล้ว ไม่ต้องสงสัยเลยว่านางคงต้องรบเร้าเขาไม่มีสิ้นสุด ตอนนี้คงยากที่จะมีความสุขชีวิตคู่รักสามีภรรยากับนางเซียนหงส์ฟ้าได้ เย่ว์หยางกัดฟัน กลางวันช่างมันก่อน เขาตัดสินใจลอบย่องขึ้นเตียงนางเซียนหงส์ฟ้าในกลางคืนตอนที่เย่ว์ปิงหลับสนิทก็ได้ ต้องขอบคุณการฝึกวิชาผสานกาย เขาเคยแอบย่องเข้าห้องนอนตอนกลางคืนมาแล้ว
เย่ว์ซวงวิ่งถลาเข้าหาเขา เนื่องจากพี่สาวของเธออยู่ในอ้อมแขนพี่ชายแล้ว เธอจึงต้องกอดต้นขาพี่ชายเพื่อขอลูกอมหวานแทน
เรื่องรับมือเย่ว์ซวงง่ายมาก เขาแค่ต้องให้ของอร่อยๆ กับเธอ
อย่างไรก็ตาม เย่ว์ปิงนั้นเบี่ยงเบนความสนใจไม่ได้ เด็กสาวใสซื่อผู้นี้ไม่ได้รู้ตัวเลยว่านางรบกวนความสุขประสาคู่รักข้าวใหม่ปลามันของพี่ชาย
นางรายงานพี่ชายถึงความรู้ที่นางได้เรียนรู้มาจากแม่เฒ่าอู่เถิง นางยังพูดถึงวิธีที่นางได้รับความรู้ และแม้แต่กระบวนการฝึกฝนของนาง ขอให้พี่ชายนางพิสูจน์ตรวจสอบการฝึกฝนหนักของนาง แน่นอนว่าเด็กหญิงต้องการจะให้พี่ชายนางชื่นชมนางที่นางทุ่มเทฝึกฝนเพื่อความก้าวหน้า
“โห, ความรุดหน้าของปิงเอ๋อน่าประทับใจมาก ทักษะวิทยายุทธของเจ้าก็ก้าวหน้าดีอีกด้วย ต่อไปข้าจะหาวิธียกระดับนางไม้แสงเขียวและขุนพลพฤกษาพันปีให้เจ้า ถ้าขุนพลพฤกษาพันปีกลายเป็นพญาไม้หมื่นปีได้ อย่างนั้นเจ้าก็แทบจะเป็นนักสู้ปราณก่อกำเนิดตอนอายุสิบหกปีแล้ว ปิงเอ๋อ เจ้าทำให้พี่สามภูมิใจจริงๆ พยายามให้หนักต่อไปนะ” คำยกย่องของเย่ว์หยางทำให้เย่ว์ปิงหน้าแดงอิงอยู่ในอ้อมแขนเย่ว์หยาง นางชอบฟังวลีเด็ดของพี่ชาย แต่เมื่อได้ยินพี่ชายยกย่องนางจริงๆ นางถึงกับเหนียมอาย
ทั้งนี้เพราะความสามารถจริงๆ ของนางยังไม่เพียงพอ นางก้าวหน้าได้เพราะความช่วยเหลือจากพี่ชาย
ถ้านางไม่มีพี่ชายนาง เป็นไปได้ยังไงที่นางจะขึ้นไปเป็นนักสู้ปราณก่อกำเนิดตอนอายุสิบหกปี?
ปิงเอ๋อรู้สึกว่า ทำเกินหน้าตาอย่างนี้เหมือนไม่ให้เกียรติพี่ชายนาง ถ้าไม่ใช่เพราะพี่ชายนางเข้มงวดให้นางก้าวหน้า นางไม่อยากเป็นนักสู้ปราณก่อกำเนิดที่ทำลายสถิติพี่ชายนาง เพราะพี่ชายนางเป็นนักสู้ปราณก่อกำเนิดตอนอายุยี่สิบปี
พอเห็นเย่ว์หยางพานางเซียนหงส์ฟ้ากลับบ้าน เจ้าเมืองโล่วฮัวและหญิงงามอู๋เหินรู้สึกเหมือนหวานอมขมกลืน เย่ว์หยางทำอย่างนี้ได้จริงๆ
พวกนางรู้แล้วว่าวันอย่างนี้จะต้องมาถึง
นานมาแล้วก่อนที่เย่ว์หยางและมารกฎฟ้าจะฝึกผสานร่างด้วยกัน พวกนางก็รู้ว่านางมารกฎฟ้าผู้นี้คงไม่พ้นเงื้อมมือเย่ว์หยางเป็นแน่ นอกจากนี้ นางเซียนหงส์ฟ้าได้ปกป้องเย่ว์หยางไว้หลายครั้งหลายคราทั้งยังช่วยสาวๆ อื่นไว้ เจ้าเมืองโล่วฮัวและหญิงงามอู๋เหินจึงไม่ต่อต้านนาง แม้ว่านางจะเป็นยอดฝีมือระดับปราณก่อกำเนิดชั้นสูง แต่อารมณ์นางต่างจากคนอื่นๆ และนางไม่มีความหยิ่ง นางไม่สนใจเรื่องการจัดการอื่นๆ สนใจแต่เพียงฝึกฝนและไม่ต้องการเป็นหัวหน้าคณะฮาเร็ม ซึ่งเป็นเหตุผลให้เจ้าเมืองโล่วฮัวและหญิงงามอู๋เหินรู้สึกว่านางมิได้เป็นภัยคุกคาม
นอกจากนี้ พูดถึงเรื่องการเข้ามาร่วมครอบครัว พวกนางทั้งสองเข้ามาก่อนนาง
เมื่อค่ำคืนมาเยือน เย่ว์หยางเกลี้ยกล่อมเย่ว์ปิงที่เอาแต่คุยเรื่องทักษะระดับใหม่ของนางไม่หยุด เขาพร้อมจะเป็นนักจู่โจมยามราตรีใส่นางเซียนหงส์ฟ้าเต็มที
แต่ก่อนที่เขาจะได้ย่องออกจากห้อง เขาเห็นเจ้าเมืองโล่วฮัวสวมชุดคลุมยืนอยู่ข้างหน้าเขา
เจ้าเมืองโล่วฮัวโผเข้าอ้อมแขนเขาแล้วใช้แขนโอบรอบคอเขา ส่งเสียงหอบและคลอเคลียเหมือนลูกแมว “ตัวร้าย! ข้า.. ข้า.. ข้าอยากได้ท่าที่เจ้าเคยคุยไว้เมื่อก่อนนั้น … ข้าอยากลองคืนนี้!”
เห็นได้ชัดว่าแม่สาวน้อยผู้นี้สร้างปัญหาให้เขาแน่ แต่เมื่อสาวงามเข้าสู่อ้อมแขนด้วยนัยน์ตาหยาดเยิ้มเย้ายวนใจแทบกระชากวิญญาณอย่างนั้น แล้วเขาจะไม่ทำอะไรให้นางได้ยังไง?
สาวงามอู๋เหินแอบมองจากหลังประตู แต่ขณะเย่ว์หยางกวาดตามา นางก็รีบซ่อนตัวอีกครั้ง
ดูเหมือนน่าอายจริง
สามคนผัวเมีย?
อีกอย่างหนึ่งก็คือ ภรรยาของเขาสองคนร่วมกันปรนนิบัติเขา ขณะที่อีกทางเลือกหนึ่งคือร่วมหอลงโรงเป็นสามีภรรยาโดยสมบูรณ์กับนางเซียนหงส์ฟ้า เขาจะเลือกยังไง?
เย่ว์หยางไม่สนใจแล้ว เขาขอมีความสุขตามประสาสามคนผัวเมียก่อนจากนั้นค่อยขึ้นเรือนหอกับนางเซียนหงส์ฟ้าทีหลัง ยังไงเสียนางเซียนหงส์ฟ้าก็คงไม่วิ่งหนีไปไหน นางรอได้อีกเล็กน้อย สำหรับเจ้าเมืองโล่วฮัวและหญิงงามอู๋เหิน ถ้าเขาไม่ตอบสนองตามคำขอของพวกนาง พวกนางก็คงไม่มีโอกาสรู้ว่ายอดสามีนั้น เป็นยังไง
“ตัวร้ายมิน่าเล่า ข้า..เจ้าเมืองผู้นี้ถึงหลงรักเจ้านัก ข้าจะทำให้เจ้ามีความสุขมิรู้จบเชียว” พอเห็นเย่ว์หยางเลือกค่ำคืนสามคนผัวเมียโดยไม่ลังเลสักนิด เจ้าเมืองโล่วฮัวถึงกับยินดี นางกอดจูบเย่ว์หยางอย่างดุเดือด และตัดสินใจแสดงบทรักสุดฝีมือนางตลอดคืนนั้น เพื่อที่ว่าเย่ว์หยางจะได้ไม่มีโอกาสลงจากเตียงตลอดทั้งคืน เขาต้องการจะย่องจู่โจมยามราตรีกับมารกฎฟ้าหรือเปล่า? ไม่มีทาง อย่างน้อยตลอดทั้งคืน เขาเป็นของนาง
ศึกรักครั้งนี้ เจ้าเมืองโล่วฮัวตั้งใจปรนเปรอเขาด้วยตัวนางเอง
ไม่ใช่เป็นการเริ่มต้นที่ปกติ นางจึงปรนนิบัติให้เองเป็นพิเศษ
ยิ่งกว่านั้น ถ้าเป็นบทรักที่นุ่มนวลตามปกติ โล่วฮัวคงไม่กล้าออกอารมณ์มากนักต่อหน้าหญิงงามอู๋เหิน แต่ครั้งนี้นางปล่อยอารมณ์ปล่อยกายใจเต็มที่ ถึงกับครางเสียงดังเพื่อให้นางเซียนหงส์ฟ้าที่อยู่ห้องถัดไปว้าวุ่นใจ
โล่วฮัวกับหญิงงามอู๋เหินผลัดกันบำเรอเย่ว์หยางตลอดทั้งคืนจนหมดเรี่ยวแรง
นางเซียนหงส์ฟ้ารู้สึกไม่พอใจอยู่บ้าง
ถ้านางไม่มีการควบคุมตนเองที่เหนือกว่า นางอาจเดินเข้าไปหาเจ้าเมืองโล่วฮัวและร่วมศึกรักครั้งนี้ไปแล้ว
วันต่อมา เจ้าเมืองโล่วฮัวมีความสดชื่นแจ่มใสยิ่งขึ้น แม้จะรู้สึกระบมตัวอยู่บ้างแต่สภาพจิตใจดีเยี่ยม เหตุผลข้อแรกก็คือนางได้ชัยชนะยกแรกเหนือคู่แข่งความรัก เหตุผลข้อที่สองคือนางได้พิสูจน์แล้วว่าการกลับมาพบกันหลังจากพลัดพรากในช่วงเวลาสั้นๆ สำคัญกว่าการขึ้นหอกับเจ้าสาวใหม่ เย่ว์หยางก็ยอดเยี่ยมทำให้นางมีความสุขไม่มีจบสิ้น นางรู้ว่าไม่สามารถควบคุมเย่ว์หยางได้ แต่นางเป็นคนฉลาด และจงใจเข้าไปสนทนากับนางเซียนหงส์ฟ้า ในที่สุดเพราะความตั้งใจของนางและความวุ่นวายของเย่ว์ปิง เย่ว์หยางและนางเซียนหงส์ฟ้าได้แต่ลอบจับมือถือแขนกันราวกับว่าพวกเขามีความสัมพันธ์กัน
นางเซียนหงส์ฟ้าพบว่าน่าสนุกและน่าสนใจดี
แม้จะยังไม่มีสัมพันธ์กัน แต่ก็ยังได้รับการกระตุ้นอยู่
เมื่อเย่ว์หยางลอบยื่นมือเข้าไปใต้โต๊ะและลูบมือนาง นางไม่ปฏิเสธ แต่กลับพูดกับเจ้าเมืองโล่วฮัวอย่างสงบ ขณะที่ปล่อยให้เย่ว์หยางถือโอกาสใช้มือเอาเปรียบนาง
เจ้าเมืองโล่วฮัวเห็นเข้าจึงสะกิดข้อเท้าเย่ว์หยางทันที จากนั้นดึงมือของเขามาไว้ที่ต้นขานาง
อีกด้านหนึ่ง นางเซียนหงส์ฟ้าก็ทำอย่างเดียวกัน
ทั้งสองนางไม่ลดราวาศอกให้กัน
********************