เดชคัมภีร์เทพฤทธิ์ – ตอนที่ 47 – โจรน้อย, สู้ๆ

===============
เย่ว์หยางดูเหมือนจะบ้าไปแล้วที่ตั้งใจจะเอาต้นดอกหนามไปแดนดาวเพื่อผ่านด่านและทำภารกิจที่เป็นเหตุให้สมาคมทหารรับจ้างจะเริ่มพนันกัน

อัตราต่อรองที่เย่ว์หยางจะสามารถใช้ต้นดอกหนามสำเร็จการฝึกคัดกรองได้ก็คือ 1 ต่อ 10,000

อย่างไรก็ตาม ไม่มีใครกล้าเดิมพันว่าเขาจะทำได้สำเร็จ

ไม่มีใครยอมโง่ ทุกคนเต็มใจจะโยนเหรียญทองลงในทะเลที่มีพายุคลั่งรุนแรงมากกว่าจะเดิมพันการกระทำบ้าๆ ที่ไม่มีทางสำเร็จอย่างนี้ ไม่มีใครกล้าพนันความสำเร็จในการผ่านด่านคัดกรองนี้ แม้ว่าอัตราการต่อจะมากกว่า 1 ต่อ 100 ก็รับประกันได้ว่าพวกเขาจะไม่ขาดทุน เดิมพันรูปแบบที่ 3 พนันว่าเย่ว์หยางจะสามารถต้านทานกระบวนการคัดกรองได้มากกว่า 10 นาที อัตราการต่อรองสูงถึง 50 ต่อ 1 พอเห็นอย่างนี้ ตาของเย่ว์หยางลุกวาวด้วยความยินดี แต่สมาคมทหารรับจ้างห้ามเขาเดิมพันกับตัวเอง ทำให้เย่ว์หยางแอบถอนหายใจอย่างเสียดาย

ถ้าพวกเขาอนุญาตให้ร่วมเดิมพันได้ อย่างนั้นเย่ว์หยางจะเดิมด้วยเงินเขาทั้งหมดกับความสำเร็จกวาดล้างอุปสรรคผ่านด่านคัดกรองได้

“ใครว่าเขาไม่สามารถต้านทานได้ถึง 10 นาทีกัน? ข้ามีวิธีอย่างหนึ่ง” ทันทีที่เย่คงพูดคำนี้ ทุกคนสะดุ้งทันที ก่อนที่พวกเขาจะขัดคอเขาทันที

“เจ้าก็บ้าไปด้วย!” มีบางคนที่ตัดสินเย่คงว่าบ้าไปด้วย

“ไม่มีทาง เจ้าจะปล่อยให้เขาเข้าไปท้าประลองในวิหาร 12 นักษัตรหรือ? เห็นแก่พระเจ้าเถอะ จะมีอะไรที่บ้าไปกว่านี้บนโลกแล้วหรือ? ข้าคิดว่าแค่ข้าเขียนจดหมายถึงเจ้าหญิงขอนางแต่งงานมาหลายปีมันก็บ้าพอแล้ว, แต่ข้านึกไม่ถึงเลยว่าจะมีคนบ้าและโง่กว่าข้าอีก..” หัวหน้าทหารรับจ้างคนหนึ่งพึมพำกับตัวเองอย่างเศร้าใจ แล้วยังไม่รู้ตัวอีกว่าเหล้าในแก้วของตนหกรดพื้นไปแล้ว

“ให้ข้าไปขโมยไข่มังกรยักษ์แทนดีกว่าไปท้าประลองวิหาร 12 นักษัตร” ใบหน้าโจรคนหนึ่งเต็มไปด้วยความพรั่นพรึง ประมาณว่า ถ้าใครบังคับให้เขาเข้าแข่ง เขายอมฆ่าตัวตายดีกว่า

“วิหาร 12 นักษัตรน่ากลัวขนาดนั้นเชียวหรือ?” เย่ว์หยางมีความรู้เฉพาะ 12 นักษัตรที่ปกป้องโดยโกลด์เซนท์จากเรื่องเซนท์เซยาเท่านั้น มีความเป็นไปได้ว่าระดับของวิหาร 12 นักษัตรในหอทงเทียน คงจะมีโกลด์เซนท์อยู่ในวิหารนั้นกระมัง?

“น่ากลัวเหรอ? เจ้าเอาคำพูดที่ไร้เดียงสาอย่างคำว่าน่ากลัวมาอธิบายได้อย่างไร? มันน่าสยดสยอง น่าสยดสยองสุดขีด” นักรบหลายคนพากันมึนกับคำพูดของเย่ว์หยาง

“อื๋อ?” เย่ว์หยางนึกในใจ ไม่ใช่ว่ามีพวกโกลด์เซนท์อยู่ในนั้นจริงๆ นะ?

“วิหาร 12 นักษัตรคือภารกิจต่อเนื่องในแดนดาว เพราะเจ้าจำเป็นต้องกำจัดอุปสรรคให้ได้ 12 ครั้ง ดังนั้น มันจึงถูกเรียกว่าวิหาร 12 นักษัตร ภารกิจต่อเนื่องชั้นทองเหล่านี้คือระดับความยากสูงที่สุดในหอทงเทียน ไม่มีนักสู้ที่ต่ำกว่าระดับ 5 เคยผ่านด่าน 12 นักษัตรได้เลย บันทึกสำหรับมนุษย์ก็เมื่อ 10,000 ปีมาแล้ว เมื่อนักสู้ผู้ไม่ปรากฏชื่อคนหนึ่ง ผ่านด่านไปจนถึงวิหารที่ 9 ผลงานบุกเบิกนี้ถือเป็นสุดยอดความสามารถของมนุษย์ หลังจากนั้นมา ก็ไม่มีผู้ใดทำได้ระดับนี้อีก ในช่วง 1000 ปีล่าสุด ระดับสูงสุดที่ผ่านด่านได้ก็คือ วิหารที่ 5 ในรอบ 100 ปี ก็มีได้เพียงวิหารที่ 3 ในรอบทศวรรษที่ผ่านมายังไม่มีใครผ่านวิหารแรกได้ วิหาร 12 นักษัตร ในแต่ละวิหารจะมีจ้าวสัตว์อสูรทองคอยปกป้อง สัตว์อสูรธรรมดที่เห็นมันจะพากันกลัวถึงขนาดขยับตัวไม่ได้ จึงเป็นไปไม่ได้ที่จะเอาชนะจ้าวสัตว์อสูรทอง โอกาสน้อยมากที่จะผ่านไปวิหารต่อไป” เมื่อเย่คงพูดถึงจ้าวสัตว์อสูรทอง ริมฝีปากเขาก็เริ่มสั่น เย่ว์หยางก็รู้ได้ในทันทีว่า เป็นเพราะ 2 ปีที่แล้วสหายผู้นี้หาญท้าประลองวิหาร 12 นักษัตร แต่จบลงด้วยความพ่ายแพ้อย่างน่าอนาถ ดังนั้น จึงทำให้เขาตกอับอยู่ในปัจจุบัน

“อย่างนั้นทำไมท่านถึงบอกว่า ตอนนี้ท่านมีวิธีอย่างหนึ่งละ?” เย่ว์หยางสงสัย

“มันเป็นอย่างนี้ ในแดนดาว นักรบไม่สามารถโจมตีโดยตรงได้ พวกเขาต้องใช้สัตว์ที่ทำสัญญาเข้าต่อสู้ แต่หลังจากนักรบเข้าไปในวิหาร 12 นักษัตร ผู้คุ้มกฎจะมอบโล่ห์ที่ป้องกันได้สมบูรณ์แก่ผู้ท้าประลอง ขณะเดียวกันโล่ห์จะถูกเรียกออกมาโดยคัมภีร์อัญเชิญ ซึ่งจะไม่หายไปเป็นเวลา 10 นาที ถ้าท่านยังอยู่ข้างใน ท่านจะปลอดภัยอย่างน้อย 10 นาที แต่ท่านต้องจำไว้ให้ดี ทันทีที่โล่ห์เริ่มกะพริบ หมายความว่าเหลือเวลาไม่มากและท่านต้องออกมาทันที มิฉะนั้นท่านจะถูกจ้าวสัตว์อสูรทองฆ่าตาย” เย่คงคิดว่ายอมปล่อยให้เย่ว์หยางได้ไปดู ดังนั้นการรออยู่ที่นี่จะได้ไม่น่าเบื่อมากนัก

เนื่องจากยังคงมีเวลา 3 วันจนกว่าเย่ว์ปิงจะกลับออกมาจากวงกตศิลาดำ คงจะดีที่ปล่อยให้เขาไปวิหาร 12 นักษัตรเพื่อหาความตื่นเต้นและความสนุกบ้าง

ขณะที่ค่าธรรมเนียม 1 เหรียญทองในการแข่งแต่ละครั้ง เย่คงไม่กังวลถึงเย่ว์หยางซึ่งเป็นกุลบุตรจาก 1 ใน 4 ตระกูลใหญ่

ทันทีที่เย่ว์หยางได้ยินว่าพวกเขาไม่ยอมให้เกี่ยวพันกับการต่อสู้โดยตรง เขารู้สึกห่อเหี่ยวในใจขึ้นมานิด ซึ่งเขาไม่สามารถจะใช้กระบี่ไร้ลักษณ์ปราณก่อกำเนิดของเขาได้ เขายังมีเสี่ยวเหวินหลี โคเถื่อนเงา และดอกหนามชั้นทอง แม้ว่าเขาไม่สามารถเอาชนะจ้าวสัตว์อสูรทอง เขาเชื่อว่า จะถอนตัวออกมาได้ครบส่วนร่างกาย

ขณะที่ฮุยไท่หลาง อย่างน้อย ให้มันทำหน้าที่สักอย่างได้ เมื่อมันมาเจอการต่อสู้จริง คงไม่มีที่ยืนสำหรับมัน

เย่คงเสนอให้พวกเขาปล่อยฮุยไท่หลางไว้เบื้องหลัง เพราะหมาป่าปีศาจหลังเหล็กเป็นนักสู้ชั้นทองแดง มันจะถูกจ้าวสัตว์อสูรทองข้างในฆ่าตาย ถึงมันจะไม่ถูกฆ่าก็ตาม แต่สัตว์อสูรที่ไม่ได้ทำสัญญามักจะหนีไปในที่สุด

“ขณะที่ต้นดอกหนาม ปล่อยมันเถอะ อสูรอย่างนี้มีอยู่มากมาย ท่านเรียกต้นดอกหนามออกมาได้ครั้งละเท่าไหร?” เย่คงถาม

“หนึ่งตน” แม้ว่าเย่ว์หยางจะยกระดับของเขาเพราะสู้กับจ้าวปีศาจฮาซิน จากระดับ 1 ขั้นฝึกหัดไปเป็นขั้นกลาง อย่างไรก็ตามแม้ขั้นฝึกหัด ขั้นกลางก็เรียกสัตว์อสูรออกมาได้วันละครั้ง และเย่ว์หยางก็ไม่มีข้อยกเว้น เมื่อเขาได้ฟังคำตอบของเย่ว์หยาง เย่คงรู้สึกว่าเขาไม่ควรถามเลย เพราะรู้อยู่แล้วว่าคุณชายสามแห่งตระกูลเย่ว์เป็นที่รู้กันดีในแผ่นดินมังกรทะยานว่า ไม่มีอะไรดี

“ใช้ต้นดอกหนามต้นเดียวท้าแข่งกับวิหาร 12 นักษัตรหรือ? ข้าคงยังไม่ตื่นแน่” ทหารรับจ้างหลายนายเชื่อว่าพวกเขายังฝันอยู่

“อย่าเสียเงินของเจ้าเลย เจ้าอาจใช้เลี้ยงเครื่องดื่มทุกคนได้อย่างดี” ใครบางคนพูดขึ้นมา

“ท่านต้องการไปจริงๆ หรือ? เย่คงรู้สึกถึงโล่ห์ป้องกัน เย่ว์หยางจะไม่เผชิญอันตรายที่คุกคามถึงชีวิตจริงๆ แต่เขากังวลว่าเย่ว์หยางจะถูกจ้าวสัตว์อสูรทองขู่ขวัญจนขาดสติ

“ไร้สาระ, ท่านจะรออะไรกัน ไปกันเถอะ” เย่ว์หยางแค่ต้องการมีใจสนุกกับการแข่งขันแบบนี้ ไม่จำเป็นต้องคิดถึงอะไรอื่น แค่ได้ยินชื่อวิหาร 12 นักษัตร เขาต้องการเข้าไปท้าท้ายจริงๆ แม้ว่าผู้พิทักษ์วิหารจะไม่ใช่โกลด์เซนท์ แต่ก็ยังเป็นจ้าวสัตว์อสูรทอง แน่นอนว่าเล่นกับมันคงน่าตื่นเต้น

หลังจากชำระค่าธรรมเนียมที่จำเป็นแล้ว เขาถูกส่งเข้าแดนดาว เขาไม่คิดว่ามันใหญ่ขนาดไหน

นี่คือพื้นที่แดนดาวซึ่งอยู่ในราตรีชั่วนิรันดร์ ไม่มีกลางวัน ไม่มีดวงอาทิตย์ ที่ทางเข้าที่ประลอง 12 วิหารนักษัตร มีหัวหน้าองครักษ์เกราะทองคนหนึ่ง มีนัยตากว้างกลม “เจ้ามาที่นี่เพื่อหาเรื่องหรือ? ระดับ 1 ขั้นฝึกหัดต้องการท้าประลองวิหาร 12 นักษัตรหรือ? เจ้ารู้ไหมว่าในนั้นมีสัตว์ประหลาดอยู่มากแค่ไหน? รวมทั้งจ้าวสัตว์อสูรทองด้วย โกเล็มและสัตว์เวทระดับลึกที่คอยปกป้องทุกวิหารมีอย่างน้อยก็ ร้อยตนแล้ว เจ้าไม่มีอะไรทำหลังจากกินเสร็จแล้วหรือ นี่คือสิ่งที่เจ้าพยายามจะท้าทายใช่ไหม?”

ด้านข้างหัวหน้าองครักษ์เกราะทอง หญิงงามคนหนึ่งสวมชุดไหมและอุ้มจิ้งจอกหิมะ 3 หาง หัวเราะอย่างกลั้นไม่ได้ “ถ้าไม่ใช่เพราะเจ้าแสดงออกโง่ๆ ชัดเจนแล้ว แค่ดูความกล้าของตัวเจ้าเอง ก็นับว่าคาดไม่ถึงจริงๆ เป็นคนที่ไม่รู้ ไม่กลัวอะไรจริงๆ ข้าสนับสนุนเจ้า และเจ้าต้องท้าประลองทั้ง 12 วิหารได้สำเร็จแน่นอน”

คำพูดของนางทำให้หัวหน้าองครักษ์เกราะทองถึงกับตาเหลือก “จอมยุทธ์แห่งโล่วฮัว โปรดอย่าให้ยุ่งยากขึ้นไปเลย”

“ข้าขอโทษด้วย ข้าลืมเรื่องภารกิจของเจ้าไปเลย ดีแล้ว ข้าจะไม่กระตุ้นให้เขาท้าประลองในวิหาร 12 นักษัตรแล้ว ทุกคำที่ข้าเพิ่งพูดไปแล้ว ตอนนี้ ข้าขอถอนคำพูดนะ..โจรน้อย เจ้ามีทุนพอจะเข้าท้าประลองไหม? ถ้าเจ้ามีไม่พอ ข้าให้เจ้ายืมก็ได้ แต่คิดดอกเบี้ยนะ” หญิงงามในชุดไหมยิ้มงดงาม และจ่ายให้แทนเย่ว์หยางจริงๆ เมื่อนางได้ยินว่าเย่ว์หยางจะประลองตามลำพัง นางหัวเราะจนตัวงอ “อย่าห่วง ข้าจ่ายไปแล้วสำหรับ 5 คน เจ้าเข้าประลองได้ถึง 5 ครั้งเลย ไม่ต้องห่วงเรื่องดอกเบี้ย ข้าทนรอได้ เจ้าค่อยๆ ทะยอยคืนได้ แต่เจ้าต้องประลอง 5 ครั้งนะ ตกลงไหม เจ้ารู้แผนสำหรับท้าประลองนี้หรือยัง? ถ้าเจ้าไม่รู้ก็ไม่เป็นไร ข้าจะสอนเจ้า ด่านแรกวิหารราศีเมษ จ้าวสัตว์อสูรทองข้างในนั้นก็คือ…อา เดือนนี้พวกเขาเปลี่ยนแล้ว ตอนนี้มันก็คือ ไคเมรา 3 หัว แม้ว่ามันคือไคเมรา 3 หัวระดับ 3 ชั้นทอง ก็ยังเอาชนะมันได้ง่ายจริงๆ ก่อนอื่นฆ่าโกเล็มรบหัวแกะที่หน้าห้องโถงแห่งแสง จากนั้นฆ่ากลุ่มปีศาจหัวแกะ พวกมันมีไม่มาก แค่ไม่กี่โหลเอง ทั้งหมดเป็นปีศาจระดับ 3 ชั้นทองแดง ฆ่าได้ง่ายมาก พอเดินเข้าไปในห้องโถงใหญ่ เจ้าจะพบกับไคเมรา 3 หัว อย่าตื่นเต้นให้เลี้ยวซ้ายทันที เจ้าจะเห็นห้องเล็กๆ ห้องหนึ่ง ฆ่าหมอผีหัวแกะให้หมดแล้วเอาคทาแห่งความเงียบซึ่งมันสามารถทำให้หัวข้างซ้ายของไคเมราใช้ประโยชน์ไม่ได้ ในห้องเล็กด้านขวา จะได้รับอักษรรูนทำให้ตาบอด มันใช้ได้ 3 ครั้ง และเมื่อหัวขวาตาบอกแล้ว เจ้าสามารถใช้สัตว์อสูรต่อสู้กับหัวกลาง สัตว์อสูรของเจ้าคืออะไร?”

“ต้นดอกหนาม” เย่ว์หยางตอบตามตรง

“…” หญิงงามชุดไหมที่ถูกเรียกว่าจอมยุทธ์แห่งโล่วฮัวอึ้งไป 2-3 วินาที หลังจากนางได้สติ นางยกหัวแม่มือให้เย่ว์หยาง สัตว์อสูรของเจ้าไม่เลว ใช้ต้นดอกหนามท้าประลองกับวิหาร 12 นักษัตร มีความคิดสร้างสรรดีจริง เอ่อ.. เจ้าสามารถปล่อยให้ต้นดอกหนามกินไคเมรา 3 หัวทั้งเป็นได้ ข้าจำได้ว่าต้นดอกหนามมีทักษะกินศพ ใช่แล้ว ต้นดอกหนามของเจ้าอยู่ระดับไหน?”

“ระดับหนึ่ง” ทันทีที่เย่ว์หยางพูดคำนี้ หัวหน้าองครักษ์เกราะทองและบริวารของเขาก็ล้มกันระเนระนาด

“นี่อาจจะพิสูจน์ลำบาก แต่ข้าจะสนับสนุนเจ้าต่อไป เจ้าต้องมีความมั่นใจ แล้วจะดีเอง โจรน้อย! สู้สู้” หญิงงามในชุดไหมออกท่าทางขณะที่นางตรวจสอบเจ้าเด็กบ้านนอก นางใช้มือน้อยๆ แปะไหล่ของเขาและให้กำลังใจเขาหลายอย่าง

“ดีล่ะ ฮุยไท่หลาง, ไปกันเถอะ” ทันทีที่เย่ว์หยางได้ยินว่ามีเครื่องมีพิเศษที่สามารถใช้ยับยั้งเจ้าสัตว์อสูรทองได้ ความมั่นใจของเขาก็พุ่งขึ้นสูง

“จอมยุทธแห่งเมืองโล่วฮัว ท่านเพิ่งผลักไสเขาไปตายแท้ๆ เขาตายแน่” หัวหน้าองครักษ์เกราะทองมองร่างของเย่ว์หยางผู้มีความมั่นใจเต็มเปี่ยนเดินตรงไปที่ประตูเทเลพอร์ตอย่างช่วยไม่ได้

***********************

Long Live Summons เดชคัมภีร์เทพฤทธิ์

Long Live Summons เดชคัมภีร์เทพฤทธิ์

LLS, Triệu Hoán Vạn Tuế, Zhaohuan Wansui, 召唤万岁
Score 7.6
Status: Ongoing Type: Author: , Released: 2010 Native Language: Chinese
อ่านนิยายเรื่อง Long Live Summons เดชคัมภีร์เทพฤทธิ์ ทวีปมังกรทะยานคือโลกแห่งการอัญเชิญ คุณจะกลายเป็นคนแข็งแกร่งได้ ถ้าเพียงแต่คุณเป็นผู้อัญเชิญ! ยิ่วหยางเด็กนักเรียนมัธยมปลายธรรมดาถูกส่งเข้ามาในโลกนี้อย่างฉับพลันทัน ด่วน เมื่อเขาฟื้นขึ้นกลับได้พบใบหน้าของหลายคนที่เต็มไปด้วยความห่วงใย และพบว่าเขาเป็นตัวตนของอีกคนหนึ่ง กลับกลายเป็นว่าเขาเป็นบุตรที่ไม่เอาไหนของตระกูลยิ่ว จนถึงกับโดดน้ำตายเพราะถูกปฏิเสธการหมั้น อีกทั้งไม่สามารถจะทำพันธสัญญากับคัมภีร์อัญเชิญได้ แต่ยิ่วหยางกลับประสบความสำเร็จทำสัญญากับคัมภีร์ ส่วนเรื่องราวจะเป็นเช่นไรต่อไป ขอเชิญติดตามดูครับ ความจริงในการแปลครั้งนี้มาจากแรงบันดาลใจที่ไม่ได้จะเป็นนักเขียนนักแปล หรอกครับ เกิดจากการอ่านมันฮัวการ์ตูนของจีนแล้วชอบ พยายามหาดูที่แปลเป็นอังกฤษ ก็แปลกันไปได้น้อยนิด แต่พอดูฉบับนิยายรู้สึกว่าเขาแปลไปได้เยอะ จึงลองเข้าอ่าน แต่เพราะความที่ภาษาไม่แข็งแรง จึงต้องดูไป เปิดดิคฯ ไปใช้โปรแกรมแปลช่วยบ้าง มีความรู้สึกว่าอ่านไม่ต่อเนื่อง จึงคิดว่าน่าจะแปลข้อมูลเก็บไว้ในเว็บๆ หนึ่งแล้วค่อยอ่านเป็นตอนๆ ให้ต่อเนื่องไปเลยดีกว่า แล้วก็นึกถึงที่นี่

Comment

Options

not work with dark mode
Reset