ตอนที่ 451 นวลนางอยู่บน?
ดึกสงัด
นางเซียนหงส์ฟ้าตื่นจากความฝัน นางสังเกตว่าร่างกายท่อนล่างนางแตกต่างไม่คุ้นเคย ด้วยความงุนงงนางเลื่อนมือลงไปจากนั้นจึงรู้ตัวว่านางนอนอยู่บนตัวเย่ว์หยาง
ความง่วงของนางลดลงเหมือนสายน้ำและใจของนางตื่นตัวเต็มที่
นางลืมตาและมองดูคนรักที่กำลังหลับ มองดูใบหน้าที่หล่อของเขาซึ่งดูเหมือนจะเรืองแสงลางๆ นางอดถอนใจไม่ได้ เมื่อนางมองเขาอย่างนี้ เด็กหนุ่มผู้นี้หล่อจริงๆ ไม่มีรอยยิ้มซุกซนเหมือนตอนกลางวัน เขาหลับสนิท ใบหน้าที่หล่อและเรือนร่างที่สมบูรณ์แบบปลดปล่อยเสน่ห์อย่างเลือนราง ลักษณะปัจจุบันของเขาอาจเป็นไปได้ว่าคือเทพนิทราในตำนาน
นางเซียนหงส์ฟ้ามักคิดเสมอว่าท่าทางหลับนอนของบุรุษไม่เคยดูดี แต่คืนนี้นางคิดว่าความคิดเห็นของนางเปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง
เมื่อมองดูเขาระหว่างตอนกลางวัน และมองดูเขาขณะหลับกลับมีเสน่ห์สองอย่างแตกต่างกันสิ้นเชิง
ช่วงเวลากลางวัน เขาจะดูซุกซนและกระตือรือร้น
ยิ้มของเขาแฝงแววซุกซน ไม่ว่าจะมองเห็นว่าเขาเป็นเจ้าเด็กตัวแสบเพียงใดก็ตาม แต่ก็ไม่มีทางโกรธเขาได้ลง เมื่อเขามองดูศัตรู สายตาของเขามักมีแววเย้ยหยันเสมอ เมื่อเขามองดูญาติๆ เขาก็ยังเป็นเหมือนจิ้งจอกและไม่มีทางเปิดเผยด้านที่แท้จริงของเขา อย่างไรก็ตาม เมื่อว่าถึงสตรี เขาเหมือนเจ้าชีวิต คล้ายกับว่าเขามองทะลุหัวใจของพวกนางได้ แม้ต่อให้พวกนางสวมเสื้อผ้าอยู่ก็ตาม เขาสามารถจ้องมองเหมือนกับสามารถมองทะลุเสื้อผ้าได้ เขาเป็นจอมวายร้ายที่อุกอาจอย่างนี้ ถ้าคนอื่นตอแยเขา ก็จะได้รับผลลัพธ์ที่ไม่น่าดู
อย่างไรก็ตาม ขณะหลับ เขาแตกต่างอย่างสิ้นเชิง
ดูสงบสุขมาก
เขาแตกต่างจากมารฟ้าพิโรธที่สามารถหลับได้ทุกที่ทุกเวลา กับเสียงกรนสะท้านฟ้าสะเทือนดิน
เย่ว์หยางนั้นแตกต่าง เขาจะไม่หลับง่ายๆ ยกเว้นเป็นที่ปลอดภัย ยิ่งกว่านั้น ขณะที่เขาหลับ เขามีความสงบผิดธรรมดา ถ้าคนอื่นเห็นอย่างนี้ พวกเขาคงคิดว่าเย่ว์หยางที่ร้ายกาจลามกยามกลางวันคงเป็นแค่ภาพลวงตา!
หลับลึกขนาดนี้ ทำให้รู้สึกว้าเหว่พิกล
เขาต้องการกอดใครบางคนแล้วนอนหลับเสมอ เหมือนกับเขากลัวว่าจะถูกทุกคนทิ้งไว้เบื้องหลังหากเขาไม่ทำอย่างนี้
แม้ว่าในตอนกลางวันเขาจะห้าวและชอบข่มเหง นางเซียนหงส์ฟ้ามั่นใจว่าเขากลัวความโดดเดี่ยว และกลัวความรู้สึกที่มีความปลอดภัยต่ำ ยิ่งกว่านั้นเด็กหนุ่มนี่ต้องการคำปลอบโยน
ไม่มีใครรู้ความลับภายในใจเขา
การปกปิดกลบเกลื่อนของเขาในตอนกลางวันทำได้ละเอียดและไม่มีใครรู้สึกได้ เขาไม่เคยแสดงออกมาจนกระทั่งเขาหลับอย่างสงบสุขในยามราตรี หลังจากนั้นเขาจะแสดงแต่เพียงจุดอ่อนเท่านั้น มิน่าเล่า เขาต้องพึ่งพาแม่สี่เป็นอย่างมาก ทั้งนี้เพราะแม่สี่ให้ความรู้สึกเหมือนมารดาผู้ให้กำเนิดซึ่งเป็นความสบายใจที่เขาต้องการที่สุด มิต้องสงสัยเลยว่าสาวงามอู๋เหินและหญิงสาวอื่น ไม่ว่าจะทำอะไรก็ตาม อย่างน้อยจะต้องมีคนหนึ่งรั้งอยู่กับเขา
ในโลกนี้ มีแต่สตรีของเขาที่รู้จุดอ่อนที่แท้จริงของเขา ซึ่งก็คือพวกนาง และการปลอบประโลมที่พวกนางมอบให้เขาทำให้เขาไม่มีวันเปลี่ยวเหงาอีก
“เด็กร้ายกาจ! วันข้างหน้า ข้าก็ยังจะต้องดูแลเจ้า ข้าคิดว่าข้าคงไม่สามารถแทนที่แม่สี่ได้ แต่ข้าสามารถเป็นแม่เล็กให้เจ้าได้ ข้าจะรักเจ้าตลอดไป” นางเซียนหงส์ฟ้าจูบหน้าผากเย่ว์หยางอย่างนุ่มนวลด้วยความรักและจากนั้นจูบปากเขาเบาๆ
หลังจากนั้น นางก็มองด้วยความพอใจและล้มตัวลงนอนบนอกเขาขณะที่ความทรงจำก่อนนั้นผุดอยู่ในใจนาง
ตั้งแต่เริ่ม เมื่อพวกเขาพบกันและจากนั้นก็ร่วมต่อสู้เสี่ยงเป็นเสี่ยงตายด้วยกันนับครั้งไม่ถ้วน นอกจากนี้ยังมีการฝึกผสานร่างและย้อนกลับไปฝึกรากฐานเมื่อคราวที่นางยกระดับ นอกจากนี้นางยังคงจำการกล่าวอำลาที่ตำหนักซัคคิวบัสและภาพจากการทดสอบไพ่ทำนายชะตา ความทรงจำทั้งหมดแว่บขึ้นมาในใจนาง ความทรงจำล่าสุดก็เป็นชิงรักหักสวาทระหว่างนางกับเจ้าเมืองโล่วฮัว ตกกลางคืน นางแอบดูพวกเขามีสัมพันธ์กันและเห็นเจ้าเมืองโล่วฮัวอยู่ตัวของเขาเหมือนกับว่านางกำลังขี่ม้าแล้วส่งเสียงคราง นอกจากนี้ยังมีเรื่องราวเล็กๆ น้อยๆ ในช่วงกลางวันกับเขา คิดถึงเรื่องนี้แล้วนางรู้สึกหวานชื่นในใจเป็นอย่างมาก
สิ่งที่ทำให้นางเซียนหงส์ฟ้าหน้าแดงและปลาบปลื้มเขาที่สุด
ก็คือนางกระวนกระวายเมื่อตอนเริ่มต้น และจากนั้นก็ผ่อนคลาย
หลังจากนั้นร่างของนางกระหายอย่างควบคุมไม่ได้ ขณะที่นางทนยอมรับจูบของเย่ว์หยางอย่างเหนียมอาย จากนั้นนางจับมือเขามาวางบนอกนางปล่อยให้เขาเพลิดเพลินกับสมบัติก้อนโต หลังจากนั้น นางรู้สึกตื่นเต้นเมื่อยอดบุปผาตูมอยู่ในปากเขา ทำให้นางรู้สึกอ่อนโยนเหมือนมารดาให้นมบุตร
เมื่อเขาขยับมือซุกซนมาที่สวนดอกไม้น้อยของนาง นางก็รู้สึกสั่นไปทั้งตัว
นางไม่เคยนึกภาพมาก่อนว่าอาการอย่างนี้จะทำให้นางสุขขนาดนี้ มือร้ายกาจของเขาทำให้รู้สึกเหมือนวิญญาณล่องลอย
เขายังคงหน้าหนายิ่งนักถึงขนาดก้มจูบตรงนั้นของนาง เป็นครั้งแรกที่นางรู้สึกเหมือนความสุขพุ่งพรวดพราด ความรู้สึกแบบนี้ยากจะลืม นี่คือสิ่งที่เขาให้นาง
หลังจากคืนนี้ นางก็เข้าใจในที่สุด
การทำหลายสิ่งเหล่านี้ ไม่ใช่เรื่องน่ากลัวแม้แต่น้อย แต่กับสร้างความพึงพอใจเป็นอย่างยิ่ง
มิน่าเล่าโล่วฮัวถึงได้ครางอย่างมีความสุขอย่างนั้น อย่าว่าแต่โล่วฮัวเลย นางเองก็ยังอดครางมิได้
นางรู้ชัดว่าทุกคนอาจได้ยิน แต่นางไม่สามารถทนได้ เพราะมันน่าพึงพอใจจริงๆ
นางเซียนหงส์ฟ้าระลึกถึงการกระทำก่อนนั้นและวงหน้าของนางแดงเข้มและร่างของนางร้อนผ่าวขึ้น
เดิมทีนางต้องการจะมอบพรหมจรรย์ให้เขา แต่นางเกรงว่าการสนองตอบที่รุนแรงจะปลุกเย่ว์ปิงและคนอื่น ร่างกายที่เหน็ดเหนื่อยอยู่เดิมเต็มไปด้วยพลังอย่างรวดเร็ว ความเหนื่อยล้าหายไปไม่เหลือร่องรอยและต้องการจะออกแรงอีกสักครั้ง เหลือเพียงขั้นตอนสุดท้ายที่นางยังไม่ได้มอบให้เขา เขาพรมจูบไปทั่วร่างนาง แม้แต่สวนน้อยที่สงวนที่สุดก็ตีตราไว้แล้วด้วยจูบของเขา เหลือเพียงขั้นตอนสุดท้ายเท่านั้นที่จะทำให้เขาเป็นเจ้าของที่แท้จริง
เกี่ยวกับสถานการณ์ของอู๋เหินและโล่วฮัว นางอนุมานว่ายามมีสัมพันธ์กับเขาทำให้เกิดประโยชน์ที่พิเศษและทำให้พวกนางยกระดับ
สัมพันธ์รักครั้งแรกของโล่วฮัวกับเขา ช่วยให้นางยกระดับเป็นนักสู้ปราณก่อกำเนิด ถ้าเป็นนาง บางทีนางอาจเหนือกว่านักสู้ปราณก่อกำเนิดระดับสิบ และกลายเป็นสุดยอดนักสู้ปราณก่อกำเนิดระดับหนึ่ง
“เด็กร้ายกาจ! เจ้ามีความลับซ่อนไว้เท่าใดกันแน่!” นางเซียนหงส์ฟ้าจูบคนรักนาง ยิ่งมองดูเขานางก็ต้องการจูบเขามากขึ้น เจ้าตัวแสบนี่ดึงดูดความสนใจจากคนรอบข้างและหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีหญิงสาวคอยล้อมรอบเขา ดูเหมือนว่าในอนาคต นางก็คงเป็นเหมือนโล่วฮัวต้องคอยล่อลวงเอาใจยามค่ำคืนและปรนนิบัติเขาจนกระทั่งเขาไม่มีโอกาสหนีไปหาสาวอื่นต่อไป
มือน้อยของนางยังคงเลื่อนลงและพบว่าบางส่วนของร่างเขาหลับสนิท แต่ยังเหมือนกับปืนที่มีพลังชีวิตสูง
บางทีเด็กร้ายกาจกำลังฝันถึงบางสิ่งบางอย่างอยู่
นางเซียนหงส์ฟ้ารู้สึกว่ากายของนางกำลังถูกเพลิงปรารถนาเผาลน ด้านหนึ่งนางต้องฝืนทนกับความอาย อีกด้านหนึ่งต้องทนกับความหิวกระหาย ดูเหมือนนางสูญเสียความสามารถควบคุมร่างกาย ขณะที่มือนางจับส่วนที่ร้ายกาจของเขาไว้ไม่เต็มใจจะปล่อย
เขาอ่อนโยนนุ่มนวลมากและกลัวว่าจะทำให้นางเจ็บ ดังนั้นเขาจึงไม่ทำตามใจตนเอง
อย่างไรก็ตาม ต้องแน่ใจว่าเขาต้องการอย่างแท้จริง แต่เขารักเรือนร่างของนาง ดังนั้นเขาจึงอดทน
เนื่องเพราะเป็นเช่นนี้ ดังนั้นนางควรจะกระตือรือร้นให้มากขึ้นเหมือนที่เขาบอก และขอเพียงมีสัมพันธ์กับเขาตอนนี้ จะทำให้เขามีความสุขแน่นอน
ฉับพลันนั้นนางเซียนหงส์ฟ้ามีความคิดวาบขึ้นจนนางเองก็ประหลาดใจ.. เป็นไปได้ไหมที่นางได้รับอิทธิพลจากอสูรพิทักษ์ของนางเอง นางพญาซัคคิวบัส? แต่นางไม่สามารถมีอิทธิพลต่อความคิดของตัวนางเองได้นี่
แผนการที่จะเป็นฝ่ายปรนเปรอชัดเจนขึ้น แต่ต้องเป็นความต้องการเฉพาะนางเอง นางเซียนหงส์ฟ้าไม่ได้มีความมั่นใจนัก
นางค่อยๆ ถลกผ้าห่มออกและมองดูอยู่นาน
นางยังคงรู้สึกว่ามีปัญหาอยู่เล็กน้อย
เมื่อนางมองเห็นเจ้าเมืองโล่วฮัวนั่งอยู่บนตัวของเขา นางรู้สึกว่าไม่ใช่เรื่องยาก สิ่งที่ต้องทำคือจูบเขาและจากนั้นก็นั่งลงเหมือนขี่ม้า นางตั้งใจจะลองดู บางทีนางอาจทำได้ นางเซียนหงส์ฟ้าให้กำลังใจตนเอง ถ้าโล่วฮัวทำได้ ทำไมนางจะทำไม่ได้? ยิ่งกว่านั้น นางสังเกตและศึกษาขั้นตอนมาเป็นอย่างดีแล้ว ปัญหาก็คือนางไม่คุ้นเคยกับท่าแบบนั้น นี่ไม่เหมือนกับการทดสอบในโรงเรียนแม้แต่น้อย แต่น่าพอจะผ่านไปได้อย่างราบรื่น
ก่อนนี้ โล่วฮัวดูเหมือนจะเป็นฝ่ายปรนนิบัติชั่วขณะหนึ่ง อู๋เหินก็ปรนนิบัติเขาอย่างนั้นด้วย บางทีอาจต้องการความชุ่มชื้นก็ได้
นางเซียนหงส์ฟ้าขยับตัวและเลียนแบบท่าทางอย่างโล่วฮัว หลังจากพยายามอยู่สองสามครา จึงพบว่าค่อนข้างยาก นางรู้สึกอึดอัดริมฝีปากและลิ้นอย่างมาก นางไม่เคยนึกเลยว่าความเคลื่อนไหวของนางจะงุ่มง่ามและแข็งกระด้าง ยิ่งกว่านั้น ของเจ้าเด็กนี่ ค่อนข้างใหญ่
“อ๋า, กำลังทำอะไรเหรอ?” เย่ว์หยางถูกท่าทีงุ่มง่ามของนางเซียนหงส์ฟ้าปลุกให้ตื่น
“ไม่มีอะไร” นางเซียนหงส์ฟ้าอายและไม่กล้าสู้หน้าขณะที่นางซ่อนตัวอยู่ใต้ผ้าห่ม
เย่ว์หยางหัวเราะลั่น หลังจากนั้นเป็นเวลานานนางก็ออกมาจากผ้าห่ม แต่ยังไม่กล้าสู้หน้าเขา “ข้าแค่ต้องการลองดู ดูเหมือนว่าข้ายังด้อยกว่าโล่วฮัว”
เย่ว์หยางกลั้นหัวเราะ “ไม่เป็นไร ตอนเริ่มต้นโล่วฮัวงุ่มง่ามกว่าท่านมากนัก”
นางเซียนหงส์ฟ้าซุกหน้าตนเองกับอกเขา นางส่งเสียงอู้อี้ ใช้คำพูดที่ต้องรวบรวมความกล้าที่สุดในชีวิต “ข้าขอถอนคำพูดก่อนนั้นทั้งหมด ข้าต้องการ… กับเจ้า”
เย่ว์หยางจ้องมองอย่างว่างเปล่า แม่สาวนี่ยอมถอนคำพูดได้ยังไง?
นางไม่กลัวเจ็บแล้วหรือ?
นางเซียนหงส์ฟ้ารู้สึกอายอย่างยิ่ง นางงับอกเย่ว์หยางเบาๆ แล้วใช้หมัดทุบไหล่เย่ว์หยางเบาๆ “ที่นี่ไม่เหมาะ เข้าไปในโลกคัมภีร์ของข้าเถอะ ที่นั่นจะมีเราเพียงสองคน ตกลงไหม?”
ริมฝีปากแดงเย้ายวนทรงเสน่ห์ ความปรารถนาของนางช่างอ่อนโยน อย่างนี้เขาจะไม่สุขได้ยังไง?
เย่ว์หยางไม่ต้องการรานความตั้งใจดีของนาง เขาอุ้มร่างที่อ่อนนุ่มขาวราวหิมะของนางเซียนหงส์ฟ้า นางพญาซัคคิวบัสอสูรพิทักษ์ของนางเซียนหงส์ฟ้ารับพวกเขาเข้าโลกคัมภีร์ของนางเซียนหงส์ฟ้า พื้นที่นี้ดูเหมือนเป็นวังของปีศาจซัคคิวบัส เย่ว์หยางไม่ได้สำรวจดูอะไรมากนัก ขณะที่เขาไม่มีเวลาจะหันเหความสนใจของตนเอง เขาพรมจูบสาวงามที่อยู่ต่อหน้าเขา
ความรักของพวกเขาดำเนินไปต่อเนื่องอ้อยอิ่งขณะที่เพลิงราคะเผาไหม้
นางเซียนหงส์ฟ้านอนอยู่บนเตียง มือปิดตาตนเองอย่างเอียงอาย
ความจริงนางต้องการดู แต่นางอายมากเกินกว่าจะดู ยิ่งกว่านั้น นางไม่รู้ว่าจะทำอย่างไร
เย่ว์หยางยังคงพรมจูบไล่ลงไป เมื่อไปถึงปทุมตูมดอกแดงก็ดูดจนจนนางเซียนหงส์ฟ้าส่งเสียงคราง นางอดไม่ได้ที่จะกดศีรษะเขาไว้แน่น ทำให้เขารู้สึกได้ว่านี่คือสมบัติที่ล้ำค่าที่สุดของนาง
นี่คือการสำลักความสุขในตำนาน
เย่ว์หยางตื่นเต้นมากเกือบฉีกยิ้มจนถึงหู เทียบกับโล่วฮัวและอู๋เหินแล้ว สมบัติขนาดมหึมาของนางเซียนหงส์ฟ้าน่าประทับใจกว่ามาก
การสำลักความสุขที่เขาใฝ่ฝันกลายเป็นจริงแล้ว ชีวิตของเขาจะเสียดายได้ยังไง?
สิ่งที่ดึงดูดใจเย่ว์หยางมากที่สุดก็คือนางพญาซัคคิวบัสคอยช่วยเหลือเจ้านายนางอย่างจริงจังและรอรับใช้เขาพร้อมกับนาง นางพญาซัคคิวบัสใช้กระทั่งพลังดูดของนาง แม้ว่าจะเป็นครั้งแรกที่นางทำเช่นนี้ แต่ทักษะของนางดีกว่าเจ้านายนางมากอย่างมิต้องสงสัย ทั้งนี้เพราะนางคือซัคคิวบัส เป็นปีศาจเจ้าเสน่ห์โดยกำเนิด นั่นเป็นทักษะตามธรรมชาติ นางไม่จำเป็นต้องเรียนรู้ ไม่จำเป็นต้องฝึกหัด ทันทีที่มีโอกาส นางจะเปิดเผยทักษะธรรมชาติของนาง
เมื่อนางพญาซัคคิวบัสได้รับความยินดี ก็จะถูกส่งผ่านการเชื่อมโยงกับเจ้านายนาง ก็คือนางเซียนหงส์ฟ้า
ความยินดีคู่กับอสูรของนางนี้ทำให้นางเซียนหงส์ฟ้าถึงจุดสุดยอดได้เร็ว
“ไม่, ข้าเหงายิ่งนัก…” นางเซียนหงส์ฟ้ากอดคนรักนางแน่นและสั่นจากความสุขสม นางพญาซัคคิวบัสยังคงส่งผ่านความสุขสมของนางสู่จุดสุดยอดของความสุขเป็นเวลานา นางยังไม่สามารถรู้สึกตัวได้ทันที
เย่ว์หยางฉวยโอกาสนี้ใช้วิชาผสานกาย
นางเซียนหงส์ฟ้าตอนนี้เป็นนักสู้ปราณก่อกำเนิดระดับสิบ
อาจเป็นไปได้ไหมที่นางจะบรรลุขอบเขตนักสู้ปราณก่อกำเนิดฟ้าและกลายเป็นจื้อจุนคนที่สองหรือคนที่สาม?
******************