ตอนที่ 452 สุดยอดนักรบปราณก่อกำเนิดคนใหม่
*จื้อจุนคือสุดยอดนักสู้ปราณก่อกำเนิดที่มีพลังเกินกว่านักสู้ปราณก่อกำเนิดระดับ 10 ขึ้นไป ซึ่งในเรื่องนี้ปรากฏอยู่คนเดียวคือพี่สาวมารกฎฟ้า และเมื่อมีมากขึ้นจะขอเรียกว่า นักสู้ปราณก่อกำเนิดฟ้าครับ*
เย่ว์หยางหวังว่าเขาจะสามารถช่วยนางเซียนหงส์ฟ้าให้ยกระดับได้ นางมีพรสวรรค์ตามธรรมชาติอยู่แล้ว เหลืออยู่แต่เพียงสภาพจิตใจนางที่ยังไม่พร้อมเท่านั้น
ตอนนี้เป็นโอกาสที่ดีที่สุดเพื่อให้นางยกระดับ
อักษรรูนนับไม่ถ้วนกระพริบแพรวพราวเป็นประกาย
อักษรเรียงตัวเป็นภาพต่างๆ
หลายๆ ภาพปรากฏอยู่บนร่างของพวกเขาและยิ่งนางเซียนหงส์ฟ้าเคลิบเคลิ้มดื่มด่ำอยู่ในความสุข ภาพก็ยิ่งหลากหลายและน่าอัศจรรย์ยิ่งขึ้น
ปราณก่อกำเนิดที่บริสุทธิ์ที่สุดถูกถ่ายเทจากปากเย่ว์หยางเข้าสู่ปากนางเซียนหงส์ฟ้าไม่มีที่สิ้นสุดและโคจรเข้าไปในตัวนาง
มือขวาของเย่ว์หยางถือเพลิงอมฤตลุกโชน เขากดเพลิงอมฤตเข้าช่องเดินปราณของนางเซียนหงส์ฟ้าจากด้านหลังของนางอย่างนุ่มนวล
การกลั่นปรับสภาพร่างกายและยกระดับเกิดขึ้นพร้อมกัน
ด้วยพลังของนางเซียนหงส์ฟ้า ถือว่ายังไม่เพียงพอจะบรรลุขึ้นสู่ขอบเขตระดับสุดยอดปราณก่อกำเนิด
แต่เย่ว์หยางมีแผนมั่นเหมาะ
แต่ละครั้งที่พลังของนางเซียนหงส์ฟ้าอ่อนกำลังหมดสิ้น เย่ว์หยางจะหยดน้ำค้างทิพย์และน้ำทิพย์ลงในปากนาง ทำให้ร่างของนางฟื้นฟูอยู่ในสภาพที่ดีที่สุด จากนั้นเขาใช้เพลิงอมฤตและปราณก่อกำเนิดปรับสภาพร่างกายของนางเพื่อที่ว่านางจะได้มีความก้าวหน้าในการฝึกฝนบ่มเพาะและก่อเกิดใหม่อีกครา เส้นปราณในร่างของนางเปิดออกหมดแล้ว แต่สิ่งที่เย่ว์หยางต้องการไม่ใช่แค่เฉพาะเปิดเส้นเดินปราณ แต่เป็นทั่วทั้งกายของนางเซียนหงส์ฟ้า เพื่อให้นางบ่มเพาะพลังในสภาพบริสุทธิ์ที่สุด ถ้าร่างของนางอยู่ในเงื่อนไขพร้อมสมบูรณ์ที่สุดและเพิ่มความสมบูรณ์แบบด้วยน้ำทิพย์และเพลิงอมฤต นางจะสามารถได้รับร่างทิพย์อมตะในตำนาน
นี่คือความตั้งใจของเย่ว์หยาง
แน่นอนว่าสิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือ พวกเขาจะฝึกผสานร่างไปพร้อมกัน
นั่นคือกุญแจเพื่อให้บรรลุความก้าวหน้า นางเซียนหงส์ฟ้าจำเป็นต้องปรับสภาพร่างกายเพื่อมีขีดความสามารถบรรลุขอบเขตเดียวกับจื้อจุน แค่เพียงนางเซียนหงส์ฟ้าเตรียมตัวจะบรรลุขอบเขตใหม่เท่านั้น นางพญาซัคคิวบัสจึงผสานรวมร่างกับนางทันทีและใช้พลังทั้งหมดของนางช่วยเจ้านายให้ก้าวเข้าสู่ขอบเขตใหม่ ในฐานะที่เป็นอสูรพิทักษ์สายเสริมพลัง ความช่วยเหลือของนางพญาซัคคิวบัสอาจกล่าวได้ว่าเป็นผู้ช่วยที่ยิ่งใหญ่ที่สุดทำให้นางเซียนหงส์ฟ้ามีความก้าวหน้า
การผสานร่างคู่รักของเย่ว์หยางและนางเซียนหงส์ฟ้ากำลังจะเริ่ม เป็นการผสานร่างคู่รักที่แท้จริง
นี่เป็นก้าวแรกที่นางเซียนหงส์ฟ้าจะก้าวหน้าเข้าสู่ระดับนักสู้ปราณก่อกำเนิดฟ้า
อาวุธมังกรทรงพลังพร้อมออกศึก
เมื่อเจ้าของมันมาถึงด้านนอกสวนลึกลับ มันเหมือนจะประกาศว่าเจ้าของแผ่นดินคนใหม่จะดำเนินการพิชิตให้ได้ดังใจ เมื่อเจ้าของมันควบม้าขึ้นหน้าเพื่อครอบครองดินแดนใหม่ ไม่มีอะไรจะหยุดยั้งมันได้
แม้แต่กลีบบุปผาละเอียดอ่อนก็ยังไม่เหลืออยู่เพื่อปกป้องประตู
แต่กลับต้อนรับเจ้านายใหม่ด้วยความรักความยินดี
ไม่มีทั้งการต่อต้านหรือปฏิเสธแต่อย่างใด แม้ว่าจะบอบบางบ้าง แต่ก็ทนได้ทุกอย่าง
นางเซียนหงส์ฟ้าอดร้องไม่ได้ยืนยันถึงการสูญพรหมจรรย์ของนาง แต่นางมอบทุกสิ่งทุกอย่าง และความรักให้กับบุรุษผู้พิชิตนาง
พรหมจรรย์หลุดลอย
นั่นคือของขวัญที่ดีที่สุดที่นางมอบให้คนรัก เป็นสิ่งแทนความซื่อสัตย์ภักดีในอนาคตต่อคนรักของนาง
“ข้าไม่เจ็บ, ไม่เลย” นางเซียนหงส์ฟ้ายังสั่นจากความเจ็บปวดจนน้ำตาร่วงอาบแก้มนางเงียบๆ นางยังคงกอดเย่ว์หยางไว้แน่น พลางพูดต่อไป นางไม่ต้องการให้เขาหยุดเพราะความละเอียดอ่อนของนาง
“รัก, รักเจ้าตลอดไป!” เย่ว์หยางจูบหยาดน้ำตานาง พยายามบรรเทาความเจ็บของนางด้วยจุมพิตที่นุ่มนวล
พวกเขาดำเนินการต่อ จนกระทั่งมีความรู้สึกรวมเป็นหนึ่ง
พิธีกรรมผสานร่างคู่สามีภรรยาที่สำคัญที่สุดสำเร็จลงด้วยดี
ปราณก่อกำเนิด เพลิงอมฤต, น้ำค้างทิพย์และน้ำทิพย์ได้เสริมสร้างร่างของนางเซียนหงส์ฟ้าให้สมบูรณ์ยิ่งขึ้น ทำให้นางใกล้ถึงระดับร่างทิพย์อมตะในตำนานเต็มที คัมภีร์อัญเชิญของนางเซียนหงส์ฟ้าลอยออกมาและฉายแสงสว่างเจิดจ้า ท้องฟ้าสว่างไสวมากสีสันและกลิ่นหอมอบอวลเต็มอยู่ในอากาศ
ลำแสงยกระดับฉายพุ่งขึ้นไปในท้องฟ้า
ก่อนนี้ลำแสงยกระดับของนางเซียนหงส์ฟ้าเมื่อคราวที่นางกลายเป็นนักสู้ปราณก่อกำเนิดธรรมดาสูงไม่ถึง 200 เมตร
ตอนนี้ หลังจากได้รับความช่วยเหลือจากเย่ว์หยาง นางเซียนหงส์ฟ้าก็ประสบความสำเร็จก้าวหน้าครั้งใหม่ นางเซียนหงส์ฟ้าเดิมทีเป็นนักสู้ปราณก่อกำเนิดระดับ 10 ตอนนี้มีความรุดหน้าครั้งใหญ่เข้าสู่เขตแดนของนักสู้ปราณก่อกำเนิดฟ้า ที่มีแต่เพียงจื้อจุนจึงจะไปถึงได้ นอกจากนี้สุดยอดนักสู้ปราณก่อกำเนิดนั้น พวกนักสู้จากแดนสวรรค์จะเรียกว่าปราณก่อกำเนิดฟ้า ลำแสงยกระดับที่แต่เดิมน้อยกว่า 200 เมตร ตอนนี้มีความสูงมากกว่า 300 เมตร รัศมีแสงนับไม่ถ้วนฉายออกมาจากคัมภีร์อัญเชิญห่อหุ้มคลุมร่างของนางเซียนหงส์ฟ้าไว้ ขณะที่อสูรพิทักษ์ นางพญาซัคคิวบัสรีบปรับตัวขณะที่อาบลำแสงยกระดับ ปีกและหางงอกออกมาจากด้านหลังนางเซียนหงส์ฟ้า ขณะที่เขาสั้นน่ารักทั้งสองที่งอกอยู่บนศีรษะมีการเปลี่ยนแปลงต่อเนื่อง
นางเซียนหงส์ฟ้าประสบความสำเร็จในการยกระดับเป็นสุดยอดนักสู้ปราณก่อกำเนิดระดับ 1 ซึ่งเป็นระดับเดียวกับปราณก่อกำเนิดฟ้าระดับ 1
นางพญาซัคคิวบัสยังคงวิวัฒนาการต่อ
เพื่อให้บรรลุความเปลี่ยนแปลงขั้นพื้นฐาน นางจึงต้องดำเนินการต่อไป
สิ่งที่ยืนยันได้แน่ก็คือมีความเป็นไปได้สูงมากที่นางพญาซัคคิวบัสยังคงมีพัฒนาการร่วมกับนางเซียนหงส์ฟ้า แทนที่จะยกระดับเป็นเป็นอสูรในตำนาน สักวันนางอาจยกระดับกลายเป็นเทพธิดาซัคคิวบัสตนแรกของโลกก็เป็นได้…
เมื่อนางเซียนหงส์ฟ้ายกระดับเสร็จ เย่ว์หยางมิได้ยกระดับมาเป็นเวลานาน ก็ได้รับรางวัลจากพลังของนางเซียนหงส์ฟ้า ทำให้พลังของเขาเพิ่มขึ้นพรวดพราดบรรลุเข้าสู่ระดับใหม่ คัมภีร์อัญเชิญของเขาปรากฏเองโดยอัตโนมัติและลำแสงทองฉายพุ่งขึ้นไปบนท้องฟ้า ตลอดทั้งร่างของเย่ว์หยางอาบด้วยลำแสงยกระดับสีทองทันที
คัมภีร์อัญเชิญพลิกเปิดหน้าแรกซึ่งแสดงถึงระดับของเขา จากแต่เดิมเป็นนักสู้ปราณก่อกำเนิดระดับ 3 เขายกระดับเป็นนักสู้ปราณก่อกำเนิดระดับ 4
เมื่อมองดูว่าเย่ว์หยางมีทักษะเสมอกับนักสู้ปราณก่อกำเนิดระดับ 6 เมื่อตอนเขาเป็นนักสู้ปราณก่อกำเนิดระดับ 1
พอเย่ว์หยางเป็นนักสู้ปราณก่อกำเนิดระดับ 4 ก็ย่อมมีทักษะเท่ากันกับนักสู้ปราณก่กำเนิดระดับ 9
หลังจากความก้าวหน้าครั้งนี้แล้ว เย่ว์หยางมีความมั่นใจและว่าจะต่อสู้ล้างผลาญกับยอดนักสู้ปราณก่อกำเนิดอย่างซุ่นเทียนหรือองค์ชายเงาดำได้ ถ้าเขาได้พบพวกนี้อีก เขาก็สามารถฆ่าพวกเขาได้ภายใต้สถานการณ์พิเศษ
เย่ว์หยางไม่ได้ตั้งใจจะยกระดับเป็นนักสู้ปราณก่อกำเนิดระดับ 4 เมื่อเขาช่วยนางเซียนหงส์ฟ้าให้ยกระดับ
อย่างไรก็ตาม สิ่งนี้นับว่าไม่เลว
พลังของนางเซียนหงส์ฟ้าโคจรกลับมาที่ต้นกำเนิดให้เย่ว์หยาง สำหรับเย่ว์หยางแล้วนับว่ารวดเร็วทันการณ์
ก่อนนี้ เย่ว์หยางต้องได้รับความช่วยเหลือคล้ายกันนี้จากหญิงงามอู๋เหินและเจ้าเมืองโล่วฮัว แต่คงไม่มีพลังรุนแรงมากพอเท่ากับที่ได้รับจากนางเซียนหงส์ฟ้า ดังนั้นเขาจึงไม่รู้สึกอะไรในตอนนั้น ถ้าเป็นอย่างนี้จริง เย่ว์หยางอาจได้รับประโยชน์มากมายเมื่อขึ้นหอลงโรงกับอี้หนาน, องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนและเสวี่ยอู๋เสียด้วยไม่ใช่หรือ?
ที่สำคัญที่สุด เย่ว์หยางพบว่าทักษะแฝงเร้นกลืนเผาผลาญของเขาได้รับประโยชน์มากมายจากพลังบริสุทธิ์ดังกล่าว
บางทีสักวันเมื่อเขาควบคุมทักษะแฝงเร้นกลืน อาจเป็นวันที่เขาสามารถเอาชนะศัตรูที่น่ากลัวทรงพลานุภาพอย่างจักรพรรดิชื่อตี้และซิวคง, จิ่วเซียวจากสามผู้ยิ่งใหญ่แดนสวรรค์ได้!
แม้ว่าเย่ว์หยางจะยกระดับช้ามากเมื่อแต่ก่อนนั้น แต่ไม่ใช่เพราะเขาขาดพรสวรรค์ แต่เป็นเพราะเย่ว์หยางได้รับคำแนะนำจากเทพธิดากระบี่ฟ้าว่าเขาควรจะปรับรากฐานในระดับนักสู้ของเขาและควรได้สิ่งที่นักสู้ปราณก่อกำเนิดคนหนึ่งต้องการให้สำเร็จหมดเสียก่อน ถ้าเย่ว์หยางไม่ได้นำความคิดนี้ไปปฏิบัติโดยยอมลดระดับไปฝึกฝนใหม่หลายครั้ง ถ้าเขายังทำตามวิธีพัฒนาพลังปราณก่อกำเนิดตามปกติ เขาคงเป็นนักสู้ปราณก่อกำเนิดระดับ 9 ไปแล้ว
เนื่องจากทักษะเป็นอย่างเดียวกัน เย่ว์หยางจึงยอมเลือกเป็นนักสู้ปราณก่อกำเนิดระดับ 4 ที่เทียบเท่ากับนักสู้ปราณก่อกำเนิดระดับ 9 เพราะหมายถึงว่าเย่ว์หยางยังมีโอกาสก้าวหน้าและยกระดับขึ้นอีก ขณะที่นักสู้ปราณก่อกำเนิดระดับ 9 กลับพลาดโอกาสพัฒนาไปถึงห้าระดับ
ราตรีที่น่าตราตรึงใจผ่านไป
เย่ว์หยางรู้สึกคันจมูกขณะกำลังฝันจึงลืมตาขึ้น แล้วก็พบว่าเป็นนางเซียนหงส์ฟ้ากำลังแกล้งเอาเส้นผมนางลูบใบหน้าเขา
“ตัวลามก, แม้ตอนที่เจ้าหลับสนิทก็ยังเล่นพิเรนอีก” นางเซียนหงส์ฟ้าตื่นขึ้นขณะที่มือเย่ว์หยางยังกุมอยู่ที่หน้าอกนาง นางรีบลุกขึ้นทันที นางเคืองเขาจึงใช้ผมนางแหย่ใบหน้าเขาแล้วหัวเราะเยาะเมื่อเขาตื่นขึ้นมาอย่างงงงวย
เมื่อนางที่มีเสน่ห์เพียงพออยู่แล้วเวลาหัวเราะ อกนางจะสั่นกระเพื่อมไปด้วย
ดึงดูดสายตายิ่งนัก
ใครจะอดใจไหว!
เย่ว์หยางแทบเลือดกำเดาแทบพุ่งขณะที่เห็นภาพเสน่ห์นางเซียนหงส์ฟ้ายามหัวเราะจนอกกระเพื่อม
เย่ว์หยางอยากจะปราบนางอีกคราจึงพุ่งเข้าไปหาหมายจะจับนางกดลง
ทันใดนั้น นางเซียนหงส์ฟ้ามองดูเขาและอิงอกไปใกล้ปากของเขา “เมื่อคืนนี้ไม่นับ ตอนนี้ข้าจะควบคุมเด็กน้อยให้อยู่หมัด ข้าจะทำสิ่งที่โล่วฮัวทำไม่สำเร็จ, เจ้าพร้อมหรือยัง? เดี๋ยวแม่เล็กจะปรนนิบัติเจ้าเอง”
นางพญาซัคคิวบัสไม่ทราบปรากฏมาจากที่ใด และใช้ปากนางปรนนิบัติเขาอย่างสุดฝีมือ
เป็นไปตามคาดจากเผ่าพันธุ์ทรงพลังที่สามารถสูบพลังบุรุษให้แห้งได้ง่าย โชคดีที่เย่ว์หยางมีทักษะหยางคอยปกป้องตนเอง ถ้าเป็นคนอื่น พวกเขาคงไม่อาจรับมือนางและถูกนางสูบพลังจนแห้งก็ได้…
เนื่องจากนางเซียนหงส์ฟ้าเป็นฝ่ายท้ารบ ไม่มีเหตุผลใดที่เย่ว์หยางจะต้องปฏิเสธ…
เมื่อนางเซียนหงส์ฟ้าปรากฏตัวอย่างสง่างามขณะคล้องแขนเย่ว์หยางต่อหน้าทุกคน พวกเขาก็รับรู้ได้ถึงอารมณ์ที่เปลี่ยนไป มีกลิ่นอายน่าเกรงขามที่พวกเขายากจะเห็นได้ที่ผิวพรรณของนาง ตอนนี้ดูผุดผ่องงดงามเป็นประกายกว่าเดิม นางดูเหมือนเทพธิดา แม่สี่มีความสุขที่สุด นางยังบอกเย่ว์ปิงให้เรียกนางเซียนหงส์ฟ้าว่าพี่สะใภ้ตั้งแต่บัดนี้ แทนที่จะเรียกพี่เฉยๆ
เย่ว์ปิงสับสน ทำไมนางเซียนหงส์ฟ้าถึงกลายเป็นพี่สะใภ้ของนางได้เพียงชั่วข้ามคืน?
พวกเขายังไม่ได้แต่งงานกันเลย
หลังจากนั้น เย่ว์ปิงก็รู้ตัวและหน้าแดง นางมองดูเย่ว์หยางและนางเซียนหงส์ฟ้าจากนั้นลอบพยักหน้า
นางเซียนหงส์ฟ้ามีความสุขมาก ทำให้นางพญาซัคคิวบัสถึงกับไล่แจกของขวัญมีค่าให้กับทุกคน หินและอัญมณีคุณภาพดี ทุกคนแม้กระทั่งหญิงรับใช้ที่รอรับใช้แม่สี่ในวังเทียนหลัว ก็พลอยได้รับของขวัญไปด้วย สำหรับแม่สี่, เย่ว์ปิงและเย่ว์ซวง พวกนางได้รับของที่ดีที่สุด เจ้าเมืองโล่วฮัวและหญิงงามอู๋เหินก็เช่นกัน ได้รับของขวัญล้ำค่า สำหรับนางเซียนหงส์ฟ้า วัตถุดีๆ เหล่านี้ไม่สำคัญอีกต่อไป หลังจากที่นางยกระดับได้ด้วยความช่วยเหลือของเย่ว์หยาง นางตระหนักได้ว่าสิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือนางได้พบใครบางคนที่นางรักและปกป้องดูแลชีวิตนางได้
“นางพญาซัคคิวบัสวิวัฒนาการเป็นอสูรในตำนานแล้วเหรอ? เจ้าทำกับนางด้วยเหรอ? คนลามก!” เจ้าเมืองโล่วฮัวพบว่าสถานการณ์น่าสงสัยจึงสอบถามเย่ว์หยาง เย่ว์หยางยังคงสงบนิ่งขณะที่นางถึงกับควันออกหู “เจ้าคนลามก นั่นคืออสูรนะ…. แม้ว่านางจะวิวัฒนาการจนอยู่ในร่างมนุษย์ก็เถอะ, อะไรนะ ข้าไม่เชื่อคำแก้ตัวเรื่องการรวมร่างของเจ้า ต้องเป็นการขอร้องแผลงๆ ของเจ้าแน่ ยิ่งคิดว่านางเป็นนางพญาซัคคิวบัสที่ทรงเสน่ห์ด้วยแล้ว จริงๆ เลย, มารกฎฟ้าทำอย่างนี้กับข้าได้ยังไง? ดูสิ, ซื้อหนึ่ง แถมอีกหนึ่ง ไม่ยุติธรรมเลย เจ้าตัวร้าย พวกนางมีกันสองคน ส่วนข้าแค่คนเดียว อย่างนี้ข้าก็เสียเปรียบน่ะสิ”
“อย่าคิดมากไปน่า, ข้าไม่ได้ตั้งใจให้เกิดเรื่องอย่างนี้จริงๆ… เพราะการที่นางกลายเป็นอสูรในตำนานไม่ใช่ความคิดของข้า หลังจากนางผสานเสริมพลังกับนางเซียนหงส์ฟ้า นางก็ยกระดับเป็นอสูรในตำนานก็แค่นั้นเอง” เย่ว์หยางไม่เคยมีความคิดอะไรกับนางพญาซัคคิวบัส เขาคาดไม่ถึงว่าว่านางจะกลัว จึงช่วยนางเซียนหงส์ฟ้าทำให้นางมีความสามารถทางเสน่ห์สตรีได้อย่างอัศจรรย์”
“เดิมทีนางก็เป็นอสูรเพชรระดับ 10 เป็นอสูรศักดิ์สิทธิ์อยู่แล้ว ดังนั้นจึงไม่น่าประหลาดใจที่นางจะเปลี่ยนไปเป็นอสูรในตำนาน” อู๋เหินไม่ได้เห็นว่ามีอะไรผิด
“ทำไมข้าถึงไม่มีอสูรศักดิ์สิทธิ์บ้าง…” เจ้าเมืองโล่วฮัวรู้สึกว่านางเซียนหงส์ฟ้าได้รับประโยชน์มากกว่าตัวนางเองมากเกินไป ขนาดอกของมารกฎฟ้าก็ได้เปรียบนางอยู่แล้ว ยังมีนางพญาซัคคิวบัสคอยรับใช้ช่วยเหลือเจ้านายอีก เจ้าเมืองโล่วฮัวถึงกับล้าหลังรั้งท้ายอยู่ห่างไกล
“โธ่! โล่วฮัว อย่าเพิ่งท้อแท้สิ เจ้าก็เหมือนกัน เจ้าก็ได้เปรียบกว่าพวกนางไม่ใช่เหรอ?” ก่อนที่เย่ว์หยางจะพูดจบ เจ้าเมืองโล่วฮัวตบเขาเบาๆ “อย่าบังอาจพูดเชียวนะ, ต้องเป็นความลับสองเราตลอดไป”
ความสุขคงอยู่เพียงสามวัน
ไม่มีความเคลื่อนไหวจากราชาเฮยอวี้ เขาอาจมัวแต่กระทุ้งใส่ม่านพลังสีทองของวังลึกลับอย่างดุเดือดก็ได้
อีกด้านหนึ่ง อาณาจักรสือจินกรีฑาทัพมารวมอยู่ที่พรมแดน เนื่องจากมีปัญหาด้านขนส่งมากมาย ผู้เฒ่าเย่ว์ไห่คาดว่าทหารจะพร้อมโจมตีหลังจากผ่านไปอย่างน้อยหนึ่งเดือน ยังคงมีเวลา ยิ่งกว่านั้นเมื่ออาณาจักรสือจินประกาศสงคราม พวกเขาส่งทูตพิเศษมายื่นข้อเสนอการรบ 3 รูปแบบ
แนวทางแรก ทหารธรรมดาไม่ต้องยุ่ง ให้เป็นการต่อสู้ของนักสู้ปราณก่อกำเนิดล้วนๆ
นักสู้ปราณก่อกำเนิดจากทั้งสองฝ่าย เพียงแต่สู้กับนักสู้คนอื่นๆ ในระดับของพวกเขา ห้ามพวกเขารบกวนการต่อสู้ของทหารธรรมดา มิฉะนั้นจะมีการสังหารหมู่ประชาชนเป็นการแก้แค้น
แนวทางที่สองเป็นการรบสำหรับนักรบที่มีระดับนักสู้ระดับ 6-8 พวกเขาจะไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยวต่อสู้กับนักรบธรรมดาเช่นกัน
แนวทางที่สาม เป็นการสู้ของทหารธรรมดา นี่คือสงครามที่แท้จริง จำนวนผู้เสียชีวิตขึ้นอยู่กับคุณภาพของทหาร ขณะที่การตัดสินใจและกลยุทธจะถูกกำหนดโดยแม่ทัพและขุนพล พวกเขาสามารถใช้สัตว์อสูร, หุ่นกล, พิษ, ไฟ, น้ำท่วม, อาวุธหิน แต่ต้องไม่ใช่ฝีมือนักสู้ปราณก่อกำเนิด การปรากฏตัวของนักสู้ปราณก่อกำเนิดจะทำให้เกิดภัยพิบัติใหญ่หลวงแก่ทหารและพลเรือน พวกเขาสามารถทำลายได้ทั้งกองทัพ พิชิตทั้งประเทศ หมายถึงทำลายโดยไม่จำเป็น
กองหนุนให้ทหารธรรมดาก็ประกอบด้วยเกษตรกรเป็นล้านหรือมากกว่านั้น
ทั้งจุนอู๋โหย่วและผู้เฒ่าเย่ว์ไห่เห็นด้วยกับเงื่อนไขสามข้อที่อาณาจักรสือจินเสนอมา ไม่มีเหตุผลสำหรับการสังหารหมู่ เนื่องจากประชาชนของอาณาจักรสือจินเพียงแต่ทำตามคำสั่งและไม่มีความผิด
สำหรับนักสู้ปราณก่อกำเนิดจะไม่เกี่ยวข้องกับการรบของทหารธรรมดา อาจเป็นบททดสอบปัญหาให้เย่ว์หยาง มีโอกาสที่เย่ว์หยางจะไม่ให้ความสนใจสถานะเขาเพียงพอและเข้าร่วมต่อสู้ทุกศึก เหตุผลที่อาณาจักรสือจินต้องยื่นเงื่อนไขดังกล่าว ย่อมเป็นเพราะเย่ว์หยางแน่นอน เนื่องจากนักสู้ปราณก่อกำเนิดอื่นจะไม่มีทางทำเช่นนั้น แน่นอน ข้อจำกัดนี้เป็นประโยชน์กับกองกำลังนรกดำอีกทางหนึ่งด้วย
เพราะนักสู้ปราณก่อกำเนิดของพวกเขาทรงพลังมากกว่านัก
องค์ชายเงาดำ แค่เพียงหนึ่งในห้าผู้นำของพวกเขาก็สามารถเอาชนะองครักษ์พิทักษฟ้าได้ ที่ยิ่งกว่านั้น พวกเขายังได้รับความช่วยเหลือจากสำนักเจดีย์ราชสีห์ตะวันตก, ซุ่นเทียนที่มีพลังพอๆ กับองค์ชายเงาดำ
แต่อาณาจักรสือจินและราชาเฮยอวี้ไม่เคยคาดมาก่อนว่าเย่ว์หยางจะร่วมเป็นพันธมิตรกับราชันย์จ้าวปีศาจบารุธ และกลายเป็นหนึ่งในสมาชิกของวังมาร สิ่งที่คาดไม่ถึงก็คือเย่ว์หยางช่วยให้นางเซียนหงส์ฟ้าหรือมารกฎฟ้ายกระดับเป็นจื้อจุนอีกคนหนึ่ง นางเซียนหงส์ฟ้าอาจเป็นนักสู้หญิงคนที่สามที่เป็นสุดยอดนักสู้ปราณก่อกำเนิดต่อจากจื้อจุน (พี่สาวนาง) และจักรพรรดินีราตรี
มีนางอยู่เคียงข้าง เย่ว์หยางเป็นเหมือนพยัคฆ์ติดปีก
ราชาเฮยอวี้ล่ะ?
เย่ว์หยางและนางเซียนหงส์ฟ้าเองมั่นใจว่าสามารถเอาชนะราชาเฮยอวี้ได้ ด้วยความช่วยเหลือพิเศษจากจักรพรรดินีราตรี ราชาเฮยอวี้จะกล้าผยองได้ยังไง?
สิ่งที่เย่ว์หยางกังวลไม่ใช่เรื่องราชาเฮยอวี้อีกต่อไป
แต่เป็นจักพรรดิชื่อตี้
ถ้าจักรพรรดิชื่อตี้ฟื้นฟูพลังได้เต็มที่ คงยากที่จะรับมือจริงๆ!
วันเวลาผ่านไป ขณะที่เย่ว์หยางกำลังเตรียมจะพาเย่ว์ปิงไปฝึกฝนที่วังเบญจธาตุ จากนั้นมีจดหมายลับสุดยอดส่งมาถึงเขาทันทีจากก๊วนขโมย มีข้อความอยู่แถวเดียว “ใกล้เวลาแล้ว รีบๆ มาที่ลานหอทงเทียนชั้นที่ 7 เจี้ยงอิง!”
ในที่สุดสาวมังกรไร้เขาเจี้ยงอิงก็ส่งจดหมายลับสุดยอดมาให้
ความจริง เย่ว์หยางกำลังรออยู่ในช่วงไม่กี่วันมานี้ เขารู้ว่าอุทกแม่พระธรณีหมื่นปีใกล้จะสำเร็จแล้ว ดังนั้นเขาจึงรอจดหมายจากสาวมังกรไร้เขา
******************