ตอนที่ 455 ผู้หญิงข้า ใครอย่าแตะ!
เย่ว์หยางว่ายตามสาวมังกรไร้เขาผู้งดงามอยู่นานถึงครึ่งชั่วโมง
บางทีพวกเขาก็ต้องคอยหลบหลีกอสูรทะเลลึกที่กำลังล่าหาอาหาร สำหรับนักรบธรรมดา สัตว์ประหลาดน้ำลึกที่ทรงพลังและขนาดมหึมาถือว่ามันแข็งแกร่งอยู่ยงคงกระพัน
แต่สำหรับเย่ว์หยางและสาวมังกรไร้เขา พวกมันไม่ใช่ภัยคุกคามใหญ่อะไร
เรื่องลำบากเพียงอย่างเดียวก็คือต้องคอยหลบเลี่ยงพวกมัน เนื่องจากการสังหารพวกมันก็คือการเตือนให้จักรพรรดิสมุทรรู้ตัว
ในที่สุดเจี้ยงอิงก็หยุดอยู่ที่หน้าผาซึ่งอยู่ลึกใต้ผิวสมุทรหลายกิโลเมตร ที่ข้างหน้า พวกเขาพบทางเข้าถ้ำหินเล็ก ถ้าไม่ตั้งใจสังเกต อาจเข้าใจผิดว่าเป็นรังปลาไหลไฟฟ้าน้ำลึก หรือรังปลาหมึกน้ำลึกก็ได้ สาวมังกรไร้เขาปล่อยสายฟองน้ำสายหนึ่งเพื่อสื่อสารกับเย่ว์หยาง “เป็นที่นี่ มีถ้ำขนาดใหญ่อยู่ข้างใน และมีวงแหวนเทเลพอร์ตโบราณ วันนี้เราจะเข้าไปสำรวจกัน ถ้าจักรพรรดิสมุทรค้นพบความลับอุทกแม่พระธรณีแล้ว อย่างนั้นเราก็ไม่ต้องออกมา เราจะซ่อนตัว และใช้กำลังชิงเอามาในช่วงสองวัน หวังว่าเขาจะยังไม่พบหรอกนะ มิฉะนั้นคงเกิดเรื่องยุ่งยากแน่…”
“บางทีอาจมีสมบัติในเหวทะเลลึกอย่างอื่น ถ้าเป็นอุทกแม่พรธรณีหมื่นปี จักรพรรดิสมุทรคงจะโง่ถ้าจะบอกคนอื่น” เย่ว์หยางไม่เห็นด้วยกับนาง
“มีเหตุผล เนื่องจากเกาะอัคคีดึงดูดนักล่าสมบัติมาได้มากมาย จักรพรรดิสมุทรคงไม่ใช่เป็นคนบอกข้อมูลว่ามีสมบัติเช่นนั้นอยู่ในดินแดนของเขาเป็นแน่ บางทีอาจเป็นเหตุบังเอิญจริงๆ ที่มีสมบัติอื่นเกิดขึ้นในเหวทะเลลึก หรือบางทีอาจเป็นกลยุทธของจักรพรรดิสมุทรใช้พูดเพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวเพิ่มก็ได้ แต่สำหรับเราคงไม่ดีนักที่ปล่อยยัยนกแก้วทะเลคอยคุ้มครองและให้ความสนใจข้า โชคดีที่เจ้าคิดแผนดีๆ อย่างนั้น ลอบพาข้าออกมาได้ มิฉะนั้นข้าคงต้องหลับอยู่ที่นั่นสองวันแน่นอน” สาวมังกรไร้เขาสื่อสารขณะที่นำทางเข้าไปในถ้ำเล็ก
ช่วงแรก ถ้ำจะแคบและลึกมาก
ช่องทางในถ้ำจะยาวไม่กี่กิโลเมตร แต่คดเคี้ยวเหมือนลำไส้
ในที่สุด ก็มีทางเข้าถ้ำลักษณะกลม ดูเหมือนกับว่าถูกทิ้งร้างโดยสัตว์ทะเลที่เคยอยู่ที่นี่
หลังจากหาดูอย่างระมัดระวังแล้ว เจี้ยงอิงพบรอยแยกของทางเข้าใต้ก้อนหินขนาดมหึมา
ก้อนหินที่หนักหลายร้อยตัน
มันขวางทางอยู่ ไม่มีทางจะเข้าไปในถ้ำได้
แน่นอนว่านี่เป็นเรื่องท้าทายสำหรับคนธรรมดาเท่านั้น แต่ไม่ใช่สำหรับนักสู้ปราณก่อกำเนิด สาวมังกรไร้เขาเจี้ยงอิงและเย่ว์หยางกะประมาณตำแหน่งที่เหมาะแล้วใช้พลังเทเลพอร์ตระยะสั้นเข้าไปในถ้ำได้ หลังจากที่พวกเขาเข้าไปในถ้ำได้ ก็ต้องตระหนักอีกว่ายังมีอีกถ้ำอยู่ภายในนี้ สถานที่นี้เป็นความลับจริงๆ แม้ว่าพวกเขาจะอยู่บนเกาะอัคคี ในดินแดนของจักรพรรดิสมุทร และภายใต้การลาดตระเวนของทหารกุ้งขุนพลปูนับไม่ถ้วน แต่ที่นี่กลับเป็นแผ่นดินที่ไม่มีผู้ใดล่วงรู้ พวกเขาเคลื่อนไปข้างหน้าอีก 2 กิโลเมตรและพบถ้ำขนาดใหญ่อีกแห่งหนึ่ง ในถ้ำนี้มีผนังหินซึ่งมีวงแหวนเทเลพอร์ตฉายแสงงดงามนวลตาอยู่บนนั้น….
ที่นี่เป็นเพียงทางเข้าสุสานทะเลเท่านั้น
สุสานทะเลเดิมทีเป็นพื้นที่ถูกผนึกไว้ ซึ่งเชื่อมกับสถานที่ในหอทงเทียนเรียกกันว่าวังน้ำฟ้า
เป็นผลมาจากยุทธนาวีขนาดใหญ่ในยุคโบราณ นักสู้ปราณก่อกำเนิดฟ้าอย่างน้อยร้อยคนและเรือนับแสนลำถูกฝังไว้ที่นี่ พื้นที่ทั้งหมดพังทลายเพราะสงคราม เกาะและอาคารบ้านเรือนจมลงสู่ก้นทะเล ชีวิตพินาศสิ้น และสูญเสียการเชื่อมโยงกับหอทงเทียน
นั่นคือเหตุผลที่สถานที่นี้เรียกว่า สุสานทะเลในบันทึกประวัติศาสตร์
ไม่มีใครรู้ว่า เหวทะเลลึกที่เกาะอัคคีมีวงแหวนเทเลพอร์ตโบราณที่เชื่อมกับสุสานทะเล
“พระเจ้า, มีสุสานทะเลอยู่ที่นี่จริงๆ ด้วย” เมื่อถูกส่งเข้าไป เจี้ยงอิงก็ตระหนักว่าท้องฟ้ามืดมิด ไม่มีคลื่นแม้แต่ระลอกเดียว ทะเลกว้างใหญ่เหมือนกับบ่อน้ำที่ซึมเซา ไม่มีเกาะแก่ง ไม่มีแม้แต่สิ่งก่อสร้างที่มนุษย์สร้างขึ้น ทั้งหมดที่พวกเขาเห็นเป็นเรือขนาดมหึมาที่อัปปางแล้ว พื้นผิวของมันถูกน้ำทะเลทำลาย นี่คือเครื่องเตือนใจถึงสถานการณ์ที่เป็นเหมือนสุสานของสงครามในช่วงหลายปีเหล่านั้น
ไม่มีสิ่งชีวิตผ่านเข้ามาในสายตาของเขา
บรรยากาศที่ไร้ชีวิตช่างน่าหวาดกลัวนัก
เราต้องระมัดระวัง ท่านปู่ข้าบอกไว้ว่านี่ไม่ใช่แค่เพียงสุสานเท่านั้น มันเป็นเหมือนโรงฆ่าสัตว์อีกด้วย ช่วงระหว่างสงคราม สัตว์อสูรบางส่วนที่แข็งแกร่งที่สุดไม่ได้ตายระหว่างที่พื้นที่มีการพังทลาย พวกมันหลบลี้อยู่ใต้สมุทร และในที่สุดพวกมันก็เปลี่ยนกลายเป็นสัตว์ประหลาดไป เมื่อท่านปู่ข้ามาที่นี่ พวกเขาพบการต่อสู้ที่รุนแรงและเกือบเอาตัวไม่รอด” ตอนนั้น เจี้ยงอิงยังแข็งแกร่งไม่พอและทำได้เพียงมาที่เหวทะเลลึกเพื่อยืนยันตำแหน่งทางเข้า นางไม่ได้เข้าไปในสุสานทะเลในตอนนั้น ขณะที่นางไม่รู้พลังรบเฉพาะของสัตว์ประหลาดเหล่านั้น นางรู้แต่ว่าผ่านไปนานหลายร้อยปีแล้ว ตั้งแต่ปู่ของนางเข้าไปสำรวจ อสูรทะเลลึกเหล่านั้นไม่ได้ตายทั้งหมด แต่ซ่อนตัวอยู่ที่ไหนสักแห่งรอโอกาสโจมตี
“…..” ถ้าเย่ว์หยางไม่ได้เข้าไปวังเทพจักรพรรดิอวี้มาก่อน เขาคงไม่มีทางคาดเดาถึงเหตุผลที่อสุรกายทะเลลึกเหล่านี้สามารถอยู่รอดได้ตั้งแต่โบราณ
อย่างไรก็ตาม หลังจากศึกวังเทพของจักรพรรดิอวี้แล้ว เขาได้รู้ความลับแล้ว
ทุกชีวิตในพื้นที่นั้นควรจะตายเมื่อพื้นที่นั้นยุบพังทลายลง
เมื่อจักรพรรดิอวี้ฝืนใจพยายามผนึกวังเทพจักรพรรดิอวี้ พื้นที่ตรงนั้นก็พังทลายลง อย่างไรก็ตาม มีนักรบแดนสวรรค์เพียงไม่กี่คนที่ตายไป หลายคนหลบหนีการพังทลายได้ เหตุผลก็คือพวกเขาใช้วิชาลับที่น่าอัปยศ พวกเขารวมร่างตนเองกับอสูร แล้วเอาชีวิตรอดโดยอาศัยพวกอสูร
เย่ว์หยางเชื่อว่าวิธีเดียวกันนี้ ก็ถูกใช้ที่สุสานทะเล
แทนที่จะเรียกพวกเขาว่าอสุรกายทะเลลึก ควรจะเรียกพวกเขาว่านักสู้ปราณก่อกำเนิดผู้ตายในสนามรบ เพื่อจะรักษาชีวิตตนเองให้รอด พวกเขารวมตัวกับสัตว์อสูรจนกลายเป็นร่างเดียว อาศัยชีวิตของสัตว์อสูรเพื่อเอาชีวิตรอด
ทะเลไม่มีคลื่นสักระลอก เงียบสงบเหมือนกระจก
อย่างไรก็ตาม เย่ว์หยางรู้สึกถึงรังสีฆ่าฟันผุดออกมาจากใต้เท้าเขา เขามีปฏิกิริยารวดเร็วพุ่งขึ้นไปในอากาศพร้อมทั้งอุ้มเจี้ยงอิงไว้ในวงแขน
แทบจะในเวลาเดียวกัน ที่ใต้เท้าของเขา อสุรกายรูปร่างปลาสูงสิบเมตรพุ่งออกมาจากผิวน้ำ
มันอ้าปากขนาดใหญ่และเริ่มไล่ล่าเย่ว์หยางและเจี้ยงอิงอย่างดุร้าย
มันเคลื่อนไหวได้ไวมาก มันแหวกผิวทะเลและไล่ตามพวกเขาเหมือนฉลามยักษ์ที่โผล่อยู่ผิวน้ำ
ปากที่น่าสยดสยองของมันเต็มไปด้วยแถวฟันแหลมคม มีเป็นร้อยๆ ซี่ แต่ละซี่ยาวมากกว่าหนึ่งเมตร ถ้าถูกกลืนกินลงไปคงมิต้องคำนึงถึงผลที่ตามมา คงต้องจบชีวิตลงในท้องปลา เจี้ยงอิงตกใจ นางไม่เคยคิดว่าจะมีการซุ่มโจมตีที่น่ากลัวขนาดนั้นในความเงียบสงัดเหมือนตาย ถ้าไม่ใช่เพราะเย่ว์หยางมีปฏิกิริยาไว นางคงตายไปแล้ว ขณะมองอสุรกายทะเลลึกที่อยู่ใต้ส้นเท้าพวกเขา เจี้ยงอิงยิ้มแย้ม มือที่เหมือนหยกของนางควบกลั่นลำแสงและเปลี่ยนรูปเป็นหัวมังกรตัวหนึ่ง
นางยิงลงไปเหมือนลูกธนู ตรงเข้าใส่อสุรกายทะเลลึก เพื่อกัดมันตอบโต้
แสงสีแดงกระพริบอยู่ในตาของอสุรกายทะเลลึก มันหวาดหวั่นต่อลำแสงที่ร้ายกาจนี้ และอ้าปากฉีดสายน้ำพยายามต่อต้านการไล่กัดของมังกรยักษ์นี้
ร่างของมันกระโจนม้วนตัวในอากาศและร่วงกลับลงไปในทะเลทันที ความไวของมันช่างเหลือเชื่อ
ปัง!
เสียงดังสนั่นทำลายพื้นผิวทะเล
แรงกระแทกทำให้เกิดคลื่นสูงร้อยเมตรและเกิดเป็นพายุปั่นป่วนบนพื้นผิวทะเลที่สงบ ลมพัดผ่านพื้นผิวทะเลก่อให้เกิดระลอกคลื่นกระจายออกไปอย่างรวดเร็ว
“ข้าโจมตีมันถูก แต่ดูเหมือนมันจะไม่เป็นอันตราย” สาวมังกรเจี้ยงอิงขมวดคิ้ว เขี้ยวมังกรไร้เขาของนางทรงอานุภาพมาก สิ่งมีชีวิตระดับต่ำกว่านักสู้ปราณก่อกำเนิดระดับสามจะตายทันทีที่ถูกโจมตี คิดไม่ถึงว่าทั้งที่โจมตีถูกมันโดยตรง มันกลับไม่ได้รับอันตราย
“ความจริงเจ้านั่นไม่ใช่สัตว์ประหลาด แต่เคยเป็นนักสู้ปราณก่อกำเนิด เขายึดร่างของอสูรที่มีรูปร่างเป็นปลาและรวมร่างกันจึงกลายเป็นอสุรกาย ข้าไม่รู้ว่าก่อนนั้นเขาเคยมีพลังมากขนาดไหน แต่ตอนนี้เขามีพลังอย่างน้อยเทียบเท่านักสู้ปราณก่อกำเนิดระดับหก ไม่เพียงแต่เท่านั้น เขามีร่างกายที่แข็งแรงมาก อย่าเพิ่งท้อ พลังโจมตีของเจ้าเพียงพอทำร้ายเขาได้ เป็นแต่เพียงว่าอาการบาดเจ็บของเขาแค่เพียงเล็กน้อย บวกกับความเร็วในการฟื้นฟูร่างกายของเขา” เย่ว์หยางสังเกตด้วยจักษุญาณทิพย์ และยืนยันถึงข้อสันนิษฐานก่อนนั้น อสุรกายนี้ก็เหมือนกับแองเจิ้ล ที่แต่เดิมเป็นนักสู้ปราณก่อกำเนิดและกลายพันธุ์เป็นครึ่งมนุษย์ครึ่งสัตว์ประหลาด
หลังจากเปลี่ยนเป็นมนุษย์ผสมอสูรแล้ว โดยทั่วไปจะสูญเสียความแข็งแกร่งไป
เจ้านี่ก็ไม่ยกเว้น
เมื่อเห็นว่าอสุรกายตัวนี้ยังสามารถรักษาพลังปราณก่อกำเนิดระดับหกไว้ได้ ก็แน่ใจได้ว่าเขาเคยมีพลังแข็งแกร่งมาก่อนมากมาย อย่างน้อยก็มากกว่านักสู้ปราณก่อกำเนิดระดับแปด บางทีอาจเป็นปราณก่อกำเนิดฟ้าก็เป็นได้
มิน่าเล่าถึงได้มีปฏิกิริยาว่องไวพลิกสถานการณ์หนีลงทะเลไปได้
“โอวไม่นะ ผลกระทบเช่นนี้จะรบกวนพื้นที่ทะเลทั้งหมด” เจี้ยงอิงตระหนักว่าทะเลที่เงียบสงบก่อนหน้านี้ หลังจากแลกหมัดต่อสู้กับอสุรกายทะเล ก็ถูกปลุกขึ้นด้วยพลังคลื่นกระแทกที่แผ่กระจายไปไกล และไกลเกินกว่าเส้นขอบฟ้า
“เราจับตาดูไปก่อน อย่าเพิ่งตื่นเต้น!” เย่ว์หยางยังคงสังเกตการณ์เปลี่ยนแปลงที่ประหลาด ทั่วท้องทะเลเต็มไปด้วยบรรยากาศของการตื่นขึ้นของนักสู้
บางที พวกเหล่านี้ไม่เคยหลับลึก
บางทีพวกเขาเพียงซุ่มอยู่ใกล้ๆ และเพิ่งจะตื่นขึ้น
หนึ่ง, สอง, สาม…..
เงาดำรูปร่างและขนาดที่ประหลาดลอยขึ้นมาบนพื้นผิวน้ำ มีทั้งอสุรกายร่างปลา, ร่างเหมือนสัตว์ และที่ไม่เป็นรูปเป็นร่างก็มี บางพวกก็ใหญ่โตขนาดภูเขา บางตัวก็บอบบางเหมือนมนุษย์ บางตัวก็เหมือนกับเรือรบขนาดมหึมาที่ไม่มีชีวิต แต่ดูเหมือนว่าจะยังไม่ตาย
เมื่อพวกมันสังเกตเห็นเย่ว์หยางกับเจี้ยงอิงอยู่ในอากาศ พวกมันก็พากันตรงเข้ามาล้อมทั้งสองคนไว้
อสุรกายรูปปลาที่เจี้ยงอิงสู้ด้วยก็ยังลอยตัวออกมาและพ่นเลือดเต็มปากออกมา แล้วพูดเป็นคำพูดว่า “ฮ่าฮ่าฮ่า ข้าทำนายไว้นานแล้ว เมื่ออุทกแม่พระธรณีเกิดขึ้น เจ้าพวกที่ไม่ตายจะไม่ยอมพลาด และต้องครอบครองให้ได้ในโอกาสนี้แน่นอน เจ้าสองคนนี้ต้องเป็นลูกหลานของคนเหล่านั้น พวกมันกลัวตายดังนั้นจึงส่งเจ้าสองคนนี้มาค้นหาทาง…… หึหึหึ นังหนูนี่ไม่เลย เจ้านาย ปล่อยนังหนูนี่ให้ข้า ข้าชอบนังหนูอย่างนี้นัก”
“ต่อให้ข้าปล่อยนางให้กับเจ้า เจ้ายังจะใช้ได้อีกหรือ? ดูซิว่าตอนนี้สารรูปเจ้าเหมือนอะไร เจ้าเป็นฉลามไปแล้ว ยังจะคิดถึงสตรีอีกหรือ? จะให้ถูกต้องคิดถึงฉลามตัวเมียสิ” บุรุษครึ่งมนุษย์ครึ่งงูทะเลแค่นเสียง
“อาสวี่, เจ้าพูดเรื่องอะไร? ต่อให้ข้ากลายเป็นฉลาม แล้วเจ้าดีกว่าตรงไหน? ตราบใดที่ข้าออกไปได้ ข้าจะกลายเป็นมนุษย์ปกติได้อีกครั้ง ขณะที่เจ้า เจ้าดูไม่เหมือนมนุษย์ ไม่เหมือนงู ชีวิตเจ้าจบไปแล้ว, เจ้านาย, ข้าไม่ต้องการอุทกแม่พระธรณี แค่ปล่อยนังหนูนี่ไว้ให้ข้า” มนุษย์ฉลามฉลาดมาก เขารู้ว่าเขาไม่มีส่วนใดๆ ในอุทกแม่พระธรณีหมื่นปี ดังนั้นจึงมุ่งเป้าไปที่สตรี
“นีโอ, ขณะนี้ข้าอาจไม่แน่ใจ เจ้าเด็กน้อยนี่คงมีความคิดเห็นที่แตกต่างออกไป” บุรุษที่ครองร่างที่คล้ายมนุษย์มากที่สุดพูด ร่างกายครึ่งบนของเขาเป็นมนุษย์และครึ่งล่างเป็นปลาหมึก อสุรกายนี้ดูเหมือนจะเป็นผู้นำกลุ่มอสุรกายอื่นๆ
เขาถือง้าวศักดิ์สิทธิ์และยืนอยู่หน้ากองกำลัง เขาจ้องมองเย่ว์หยางเหมือนกับว่าเย่ว์หยางคือศัตรูที่แท้จริงของเขา
เมื่อมนุษย์ฉลามพูดว่าเขาต้องการสตรี เขาให้ความสำคัญต่อสีหน้าของเย่ว์หยางเป็นพิเศษ
ในที่สุด เขาก็หัวเราะและทวนคำของมนุษย์ฉลาม แล้วตะโกนมาทางเย่ว์หยาง “เด็กมนุษย์ผู้นี้ ดูเหมือนมีบางอย่างที่อยากพูดใช่ไหม?”
พอได้ยินเช่นนั้น เย่ว์หยางหัวเราะทันที
เขาใช้สายตาที่กวนโมโหเต็มที่กวาดมองไปทางมนุษย์ฉลามที่ชื่อนีโอ “ข้าขอพูดเรื่องเดียว มันผู้ใดแตะต้องผู้หญิงข้า ข้าจะฆ่ามันอย่างไม่ปราณี”
“……” สาวมังกรไร้เขาเจี้ยงอิงถึงกับเขินอาย แม้ว่านางจะรู้ดีว่านางไม่ใช่ผู้หญิงของเย่ว์หยาง แต่เมื่อนางได้ยินเขาปกป้องนางด้วยความมุ่งมั่นอย่างนั้น หัวใจนางแทบจะกระดอน คำปฏิเสธชะงักอยู่ที่ริมฝีปากและถูกลืมไปทันที เหลือแต่ใบหน้าที่แดงด้วยความอุธัจอาย
********************