ตอนที่ 460 ไสหัวไป เจ้าลามก
เกี่ยวกับคำถามของเย่ว์หยาง ชายชราชุดปอใช้เวลาครุ่นคิดนานเกินไป
“การฆ่าจักรพรรดิสมุทรเป็นเรื่องที่ยากมาก ต่อให้เราทุกคนเป็นนักสู้ปราณก่อกำเนิดระดับสิบ เขาก็มีพลังมากกว่าข้าอยู่ดี แม้ว่าเขาจะยังไม่เหนือกว่าจื้อจุน แต่ฝีมือที่เขาสั่งสมไว้เกินกว่าหลายพันปีมานี้ไม่อาจหยั่งได้เลย และในมหาสมุทร พลังของเขาจะมากเป็นทวีคูณ ดังนั้นจะฆ่าเขาให้ได้ ก็คงมีปัญหาอยู่มาก สิ่งเดียวที่เราสามารถใช้ได้ก็คือหุบเขาแก้วผลึกซึ่งเป็นที่กำเนิดอุทกแม่พระธรณีหมื่นปี ข้าเชื่อว่าท่านมาที่นี่เพราะเรื่องนั้นเช่นกัน”
“เมื่อหลายปีมาแล้วผู้เฒ่ามังกรไร้เขากับข้า ร่วมกับไท่หูและจักรพรรดิสมุทรเดินทางไปที่สุสานทะเลและพบเห็นหุบเขาแก้วผลึก เราพบสถานที่ซึ่งจะเป็นที่กำเนิดของอุทกแม่พระธรณี เวลานั้นเราสู้กับมนุษย์มัจฉากลายพันธุ์อย่างดุเดือด มนุษย์กลายพันธุ์มีพวกอยู่สี่สิบคนและนักสู้ปราณก่อกำเนิดที่แข็งแกร่งอีกสองคน ในตอนนั้นพวกเรายังไม่แข็งแกร่ง ดังนั้นพวกเราจึงพ่ายแพ้ ในครั้งนั้น จักรพรรดิสมุทรทิ้งพวกเราหนีเอาตัวรอด เมื่อนั้นเราถึงตระหนักได้ในที่สุดว่าคนทรยศที่ทำลายกลุ่มพวกพ้องทั้งหมดก็คือเขานั่นเอง แต่เขายังแสร้งเป็นผู้บริสุทธิ์ใจ จะนำพวกเราไปล้างแค้น เขาต้องการบรรลุให้ถึงระดับเดียวกับจื้อจุน ดังนั้นเขาจึงต้องการอุทกแม่พระธรณีหมื่นปี นั่นคือโอกาสที่ดีที่สุดของเรา เจ้าคาดเดาได้ถูก ข้าเป็นปล่อยข่าวลือเรื่องอุทกแม่พระธรณีหมื่นปี จักรพรรดิสมุทรก็รู้ว่าเป็นข้าเช่นกัน ดังนั้นเขาจึงปล่อยข่าวลือเรื่องสมบัติในเหวทะเลลึก เขาทำเพื่อเบี่ยงเบนความสนใจคน” แค่เพียงชายชราชุดปออธิบายก็ทำให้เย่ว์หยางและเจี้ยงอิงตระหนักถึงสถานการณ์มากยิ่งขึ้น
“อย่างนั้น จักรพรรดิสมุทรก็รู้ว่าท่านกำลังจะมาฆ่าเขา?” เย่ว์หยางรู้สึกว่าไม่ใช่เรื่องที่ดี หากแผนของพวกเขาถูกเปิดเผยก่อนเวลาอันควร
“ความจริงข้าพยายามฆ่าเขามาทุกปีเป็นมาอย่างนี้หลายร้อยปีแล้ว ปัจจุบันนี้เขาแข็งแกร่งกว่าข้า ดังนั้นข้าจึงไม่สามารถฆ่าเขาได้ แต่เขาก็ไม่มีทางฆ่าข้าได้ เราอยู่ในสภาพยันกันไปมาอย่างนี้ตั้งแต่นั้นมา คนที่สามารถทำลายสมดุลนี้ได้ก็คือเจ้า” ชายชราชุดปอย้ำกับเย่ว์หยางหนักแน่น
“ข้าน่ะหรือ?” เย่ว์หยางไม่ได้รู้สึกว่าเขาจะสามารถฆ่าจักรพรรดิสมุทรได้
แม้ว่าจักรพรรดิสมุทรจะไม่ใช่นักสู้ปราณก่อกำเนิดระดับสิบ แต่ทักษะของเขาไม่อาจหยั่งถึงได้และบางทีอาจจะแข็งแกร่งมากกว่านางเซียนหงส์ฟ้าที่ตอนนี้กลายเป็นสุดยอดนักสู้ปราณก่อกำเนิดไปแล้ว
เมื่อบวกกับปัจจัยอื่นๆ อย่างเช่นอสูรอัญเชิญ, อาวุธชั้นศักดิ์สิทธิ์และสภาพภูมิประเทศที่เป็นใจ แล้วจะฆ่าจักรพรรดิสมุทรได้ง่ายๆ ยังไง
ชายชราชุดปอพยักหน้า “ถูกแล้ว เจ้านั่นแหละ เราไม่สามารถฆ่าเขาได้โดยไม่มีเพลิงอมฤตและวงจักรล้างโลกของเจ้า แม้ว่าระดับของเจ้าจะยังไม่เท่ากับเขา แต่เจ้าจะได้เปรียบเขาในเรื่องพลังสังหาร มีความเป็นไปได้สูงที่จะฆ่าจักรพรรดิสมุทรได้ ถ้าเจ้าโผล่ออกมาในช่วงท้ายที่ข้ากำลังสู้กับเขา แน่นอนโอกาสจะสูงขึ้น ถ้าเจ้าลอบไปชิงอุทกแม่พระธรณีแล้วยกระดับซะ!”
เย่ว์หยางถึงกับเงียบ
ในที่สุดเขาก็ทำใจได้หลังจากผ่านไปนานและร่วมร่างแผนสังหารจักรพรรดิสมุทรร่วมกับชายชราชุดปอ
หลังปรึกษาซ้ำและเพิ่มรายละเอียดปลีกย่อย โครงการสุสานทะเลซึ่งพุ่งเป้าไปที่สังหารจักรพรรดิสมุทรก็สำเร็จหลังจากผ่านไปหนึ่งชั่วโมง
ชายชราชุดปอจึงอำลาและเทเลพอร์ตจากไป เขาจะมุ่งหน้าไปสุสานทะเลไปตามที่หุบเขาแก้วผลึกที่ซึ่งเขาจะอดทนรอลอบฆ่าจักรพรรดิสมุทร
ขณะที่เย่ว์หยาง ยังคงคิดหาวิธีว่าจะยกระดับให้มากภายในสองวันนี้ได้อย่างไร เขาไม่อาจให้จักรพรรดิสมุทรรู้ตัว ถ้าเขาต้องการจะฆ่า เย่ว์หยางต้องรักษาแผนการนี้ไว้ระหว่างเขาเองกับชายชราชุดปอ แม้ว่านางเซียนหงส์ฟ้าจะเป็นนักสู้ปราณก่อกำเนิดฟ้าไปแล้วก็ตาม แต่จักรพรรดิสมุทรก็จะหลบหนีได้ทันที ถ้านางมาเกาะอัคคีหรือหุบเขาแก้วผลึก เขาต้องไม่รู้ว่ามีคนอื่นต้องการให้เขาตายนอกจากชายชราชุดปอ
ยิ่งกว่านั้น ถ้านางเซียนหงส์ฟ้าได้รับบาดเจ็บระหว่างต่อสู้ ผลที่ตามมาจะเลวร้ายมากขึ้น ทั้งนี้พวกเขาจะไปเข้ากับราชาเฮยอวี้ก็ได้ และเขาก็ยังแข็งแกร่งกว่าจักรพรรดิสมุทร ถ้าไม่มีพลังที่แข็งแกร่งของนางเซียนหงส์ฟ้าคอยสนับสนุน ก็คงยากจะเอาชนะได้ นางเซียนหงส์ฟ้าไม่อาจมาช่วยในศึกนี้ได้ นางต้องดำเนินการฝึกของนางต่อไป และพัฒนาฝีมือให้รุดหน้าในระดับนักสู้ปราณก่อกำเนิดฟ้าในปัจจุบัน
เสวี่ยอู๋เสียและองค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนยังไม่กลับมา ถ้าไม่เช่นนั้นพวกนางคงจะเป็นส่วนหนึ่งของพลังต่อสู้
ความจริงหญิงงามอู๋เหิน, เจ้าเมืองโล่วฮัว, เย่ว์ปิงและเย่ว์หวี่ก็แข็งแกร่งไม่พอ แม้ว่าพวกนางสามารถฆ่าคนอื่นได้ สำหรับพวกนางจะให้ฆ่าจักรพรรดิสมุทรคงจะไม่ใช่เรื่องง่าย ถ้าพวกนางถูกฆ่าทันที คงจะสายเกินกว่าเย่ว์หยางจะเสียใจได้ เย่ว์หยางยอมให้แผนการลอบฆ่าล้มเหลวดีกว่าจะเห็นพวกนางได้รับบาดเจ็บ ขณะที่การยกระดับในขอบเขตปราณก่อกำเนิด วิธีที่ดีที่สุดก็คือฝึกผสานร่าง แต่ปัญหาก็คือ ไม่ว่าจะก้าวหน้าเร็วเพียงไหนก็ตาม แต่เขาก็ไม่สามารถยกระดับได้ภายในสองวัน ช่วงเวลาสั้นเกินไป
พอเมื่อเย่ว์หยางวิตกกังวล คำพูดของเจี้ยงอิงทำให้เย่ว์หยางเห็นแสงสว่าง
“ถ้าเพียงแต่ข้ามีพลังมากกว่านี้ อย่างนั้นข้าอาจจะช่วยได้บ้าง” เจี้ยงอิงกล่าว
นางคือนักสู้ปราณก่อกำเนิดระดับเจ็ด และเป็นอสูรศักดิ์สิทธิ์
นางเฉียดใกล้จะเป็นอสูรในตำนานเต็มที แต่นางก็ยังไม่เป็น
แน่นอนว่าเป็นไปไม่ได้สำหรับเย่ว์หยางที่จะยกระดับภายในสองวัน เขากำลังฝึกฝนด้วยระดับความเร็วสุดยอด เขาฝึกฝนกับพี่สาวในฝันอยู่ทุกวัน อาจกล่าวได้ว่าเขาไม่สามารถยกระดับได้เร็วกว่านี้แล้วเว้นแต่พบสมบัติหายากอย่างอุทกแม่พระธรณี
แต่สำหรับเย่ว์หยาง มีความเป็นไปได้มากกว่า ถ้าจะช่วยให้เจี้ยงอิงยกระดับ
ที่สำคัญเขาประสบความสำเร็จมาแล้วในการช่วยให้นางเซียนหงส์ฟ้ายกระดับไปเป็นนักสู้ปราณก่อกำเนิดฟ้าได้ ถ้าจะช่วยให้สาวมังกรไร้เขาเจี้ยงอิงในตอนนี้ คงไม่ใช่เรื่องท้าทายมากนัก
“เจ้าต้องการจะยกระดับจริงๆ หรือเปล่า? ข้ามีวิธีช่วยให้เจ้ายกระดับจนเป็นอสูรในตำนานได้…”
พอถึงขั้นนี้เจี้ยงอิงก็กระโดดด้วยความตื่นเต้นแล้ว
กลายเป็นอสูรในตำนานเป็นความฝันของนาง
ยกระดับแบบนั้นนางได้ฝันใฝ่มานานแล้ว
พอเห็นว่าเย่ว์หยางไม่พูดต่อ เจี้ยงอิงคิดว่ายังคงมีเงื่อนไขที่ขัดข้องอยู่ นางพูดอย่างกระสับกระส่าย “บอกข้ามา เจ้าต้องการอะไร เจ้ายังขาดอะไรอยู่อีก พูดมา ข้าจะหามาเดี๋ยวนี้”
เย่ว์หยางกวักมือเรียกนางให้เข้ามาใกล้ๆ
หลังจากรอให้นางเข้ามาใกล้ๆ อย่างกระวนกระวาย เย่ว์หยางก็เข้าไปกระซิบใกล้หูนางสองสามคำ
ใบหน้างดงามของเจี้ยงอิงแดงซ่านเมื่อได้ยินคำพูดเขา
แม้แต่คอนางก็กลายเป็นสีแดง ทำให้ทั่วทั้งหน้านางเหมือนกับมีไอน้ำพุ่งออก นางไม่กล้าเงยหน้ามองเย่ว์หยางอยู่นาน มือของนางขยับไปมาไม่รู้ว่าจะวางไว้ตรงไหนดี นางยืนอยู่นานโดยไม่ทำอะไร ก่อนจะเพ่งดูเย่ว์หยาง พอตระหนักได้ว่าเขากำลังมองมาที่นาง นางกระวนกระวายมากขึ้น จึงวิ่งเข้าไปในห้องชนแจกันสองใบและเก้าอี้หนึ่งตัว…
แค่พอเย่ว์หยางกำลังคิดว่าเขาคงเปิดเผยแนวคิดเร็วเกินไปและเตรียมจะหมุนตัวกลับ นางกลับจ้องออกมาจากหลังบานประตูและพูดเสียงอ่อย “รอเดี๋ยว, ข้าขอคิดดูก่อน”
เอ่?
มีประตูบานเดียว!
เย่ว์หยางใจชื้นขึ้น เด็กสาวนางนี้เปิดใจกว้างตั้งแต่เมื่อไหร่?
ถ้ายังคงเป็นไปเช่นนี้ อย่างนั้นเขาอาจถือโอกาสนี้ทำสัญญากับนางได้กระทัง? ถ้าสามารถให้นางเป็นอสูรพิทักษ์ของเขาได้จริงๆ และจากนั้นก็เป็นอสูรในตำนานของเขา จากนั้นเขาจะมีความมั่นใจมากขึ้นในเรื่องสังหารจักรพรรดิสมุทร ที่สำคัญที่สุด ยังอาจมีโอกาสที่เขาฉวยโอกาสนี้ฝึกผสานกายและมีพลังก้าวหน้าได้อีกบ้าง แม้ว่าเขาจะไม่ได้ยกระดับ แต่คงจะดีถ้าเขาสามารถยกระดับทักษะแฝงเร้น เขาจะได้มองเห็นจุดอ่อนของจักรพรรดิสมุทรได้ทั้งหมด ปราณกระบี่ก่อกำเนิดของเขาก็จำเป็นต้องยกระดับเช่นกัน ถ้าเรื่องนี้ทำได้ก่อนที่เขาจะดื่มกินอุทกแม่พระธรณี ก็อาจมีโอกาสยกระดับได้ต่อเนื่องกัน
เย่ว์หยางวาดฝันไว้อย่างสวยงาม แต่เขาไม่คาดว่าเจี้ยงอิงจะปฏิเสธเขา
หนึ่งชั่วโมงผ่านไป เจี้ยงอิงก็ยังไม่ออกมา
นั่นคือเมื่อเขาคิดว่านางคงรู้สึกเขินอาย พวกเขาแค่ต้องรู้จักกันและกัน ตอนนี้พวกเขาจะต้องฝึกฝนด้วยกันในสภาพเปลือยกาย แม้ว่าสาวมังกรไร้เขานี้ชอบและเชื่อใจเขามากก็ตาม แต่นางก็ยังลังเลใจที่จะเข้าสู่ขั้นตอนนี้
เย่ว์หยางเดินไปเคาะที่ประตู เขาพยายามข่มอารมณ์จอมเจ้าชู้เอาไว้และพูดเสียงอ่อนโยนว่า “เจ้าพักก่อนก็ได้ ไว้เราค่อยคุยกันพรุ่งนี้”
เขาพูดเช่นนี้ด้วยความตั้งใจเร่งเวลาเจี้ยงอิง
ขณะที่เขาหมุนตัวกลับ ประตูก็เปิดออกทันที เจี้ยงอิงน้อยยังซ่อนหลังประตูและพูดเสียงอู้อี้เหมือนยุง “ข้า… ข้าต้องถอดเสื้อผ้าด้วยเหรอ? เราสามารถลองดูได้ ถ้าเราไม่อาจยกระดับจริงๆ ได้ ก็ไม่เป็นไร, ข้า..ข้าไม่ยอมทำที่นี่ กลับไปที่พักของข้าก่อน ถ้าเราออกจากเกาะอัคคี เราจะได้คลายใจมากกว่านี้ ไห่อิงอู่ยังคงจับตามองดูเรา ถ้าเราไปเดี๋ยวนี้ นางจะไม่สงสัยเราอีกต่อไป เราไปกันเถอะ ไว้ค่อยกลับมาวันมะรืน”
เจี้ยงอิงก้มหน้าเดินออกมาจากหลังประตู
เห็นได้ชัดเจนว่าแก้มนางร้อนจนดูเป็นสีแดง
เย่ว์หยางสะดุ้งเล็กน้อย เขารู้สึกว่าสาวน้อยมังกรไร้เขานี้กล้ากว่าที่เขาคิด และนางกล้าตัดสินใจ ไม่เหมือนคนอื่นๆ ที่ลังเลใจและถ่วงเวลาไว้
โรงแรมปลาดาว
ไห่อิงอู่กำลังพักผ่อนอยู่ต้องตกใจเมื่อนางได้รับรายงานจากบริวารของนางว่าเป้าหมายของพวกนาง องค์หญิงอิงออกไปจากโรงแรมพร้อมกับบริวารของนางแล้ว
นางประหลาดใจ เนื่องจากดูเหมือนว่าเป้าหมายของนางกำลังจะเริ่มเคลื่อนไหว
เมื่อกำลังเตรียมติดตามไปเบื้องหลัง นางก็ยิ่งประหลาดใจขึ้นอีก องค์หญิงอิงไม่ได้มุ่งหน้าไปที่เหวทะเลลึก แต่นางกลับไปที่วงแหวนเทเลพอร์ตแทน นางกำลังจะจากไปงั้นหรือ? นั่นเป็นไปไม่ได้ นางมาที่นี่เพื่อสมบัติไม่ใช่หรือ? ทำไมนางถึงจากไปเล่า? เป็นไปได้ไหมว่าเรื่องที่ไห่อิงอู่คาดหมายไว้ก่อนนั้นผิดพลาดทั้งหมด?
“องค์หญิงอิงผู้เลอโฉม เป็นไปได้ไหมว่าบริการของเกาะอัคคีไม่น่าพอใจหรือ? ทำไมท่านถึงรีบจากไปนักเล่า?” ไห่อิงอู่รีบทำเหมือนกับว่านางพบเจี้ยงอิงโดยบังเอิญ จึงคำนับทักทายนาง
“ไม่เลย, ข้าก็แค่มีเรื่องหงุดหงิดเล็กน้อย แล้วข้าจะกลับมาอีก” เจี้ยงอิงมองดูเย่ว์หยางที่ยังเมาอยู่และดูไม่สบายใจอย่างมาก
การกระทำของนางไม่แย่นักหรอก สตรีเกิดมาพร้อมกับทักษะธรรมชาติอย่างนี้ พวกนางไม่จำเป็นต้องเรียนรู้
ไห่อิงอู่ค่อยเข้าใจความลำบากใจขององค์หญิงอิง
สิ่งที่น่ารำคาญมากกว่าก็คือผู้ดูแลที่ไร้ประโยชน์ไปเมามาทั้งคืนแล้วตกทะเล จากนั้นกลับมาแล้วยังเข้าผิดห้อง? เจี้ยงอิงเป็นองค์หญิง ไม่ใช่บ่าว เป็นไปได้หรือที่จะให้นางรับใช้ผู้ดูแลขี้เมา? แน่นอนว่าไม่! ไห่อิงอู่เห็นว่าองค์หญิงซ่อนความโกรธที่เหมือนภูเขาไฟไว้ นางคาดว่าเจ้าคนไร้ประโยชน์นี้คงโดนประหารชีวิตแน่นอน ทันทีที่ออกไปจากเกาะอัคคี
ถ้าองค์หญิงอิงจะจากไปเดี๋ยวนี้ นางก็ไม่ใช่ศัตรูที่มาที่นี่เพื่อหาสมบัติ แต่เป็นอาคันตุกะตัวจริง
ไห่อิงอู่คำนับขออภัย เนื่องจากนางรู้สึกไม่ดีที่สงสัยเจี้ยงอิงโดยไม่จำเป็นเลย นอกจากนี้นางยังรู้สึกเห็นใจเรื่องที่ทำให้คนอื่นเสียเวลา มีคนมากมายที่มาที่นี่เพื่อสมบัติตั้งแต่แรก และพวกเขาก็ประสบกับการขาดแคลนกำลังคน เกี่ยวกับการกำหนดเป้าหมายผิดคน ทำให้นางรู้สึกแย่กับปัญหาขาดแคลนกำลังคน นางกลายเป็นเหมือนคนตาบอดที่ปฏิบัติกับคนดีเหมือนกับว่าเป็นขโมย
“เรายินดีต้อนรับท่านกลับเกาะอัคคีอีกครั้ง”
เมื่อไห่อิงอู่โค้งคำนับ นางรู้สึกได้ว่าเจ้าผู้ดูแลจอมลามกแอบยกมือบีบก้นนาง แม้ว่าภายนอกนางจะยิ้ม แต่นางต้องการเตะเขา และระเบิดสัญลักษณ์ความเป็นชายให้หมด นางยินดีจะต้อนรับเจี้ยงอิงและหวังว่านางจะแวะมาเยี่ยมอีก แต่สำหรับเจ้าคนใช้จอมลามกที่น่ารำคาญนี้ นางไม่ต้องการพบเห็นเขาอีกต่อไป ทันทีที่เจี้ยงอิงเทเลพอร์ตจากไป ยิ้มของนางชะงักค้าง ขณะที่นางกัดฟันแล้วตะโกนลั่น “ไสหัวไปเลย เจ้าลามก ไปไกลๆ เลย”
“เจ้าพูดว่าไงนะ?” เย่ว์หยางแกล้งทำเป็นไม่ได้ยิน ก่อนจะเข้าประตูเทเลพอร์ต เขามองซ้ายมองขวาและตระหนักได้ว่ามีคนรอบตัวไม่มาก เขารีบยกมือจับอกมหึมาของไห่อิงอู่ก่อนรีบเผ่นแน่บเข้าประตูเทเลพอร์ตด้วยความช่วยเหลือจากพนักงานที่แกล้งทำเป็นไม่เห็นอะไร
“ข้าไม่เคยพบคนทะลึ่งลามกอย่างนั้นมาก่อนในชีวิตเลย” ไห่อิงอู่โกรธจัดจนแทบร้องไห้
*****************