เดชคัมภีร์เทพฤทธิ์ – ตอนที่ 48 – ไคเมรา 3 หัว

===============
เมื่อเย่ว์หยางถูกส่งมาวิหารราศีเมษ เขาพบว่าตนเองกำลังยืนอยู่บนเกาะยักษ์ที่ลอยอยู่กลางอากาศ

เบื้องล่างคือหุบเหวลึกไม่เห็นก้น

เย่ว์หยางหยิบก้อนหินโยนลงไป นานครึ่งค่อนวันก็ไม่ได้ยินเสียงอะไร

ขณะที่เขาออกมาจากช่องของเสาแก้วผลึกในพื้นที่เทเลพอร์ต แสงสีทองแผ่กระจายออกจากเท้าของเย่ว์หยางทันทีและก่อตัวเป็นโล่ห์คุ้มกันสีทองจางๆ

ฮุยไท่หลางก็ยังถูกม่านคุ้มกันคลุมไปได้วย แต่ไม่เหมือนกับเย่ว์หยาง เขาสามารถเข้าออกได้อย่างอิสระ ขณะที่ม่านคุ้มกันเคลื่อนไปพร้อมกับเย่ว์หยาง

“นี่หมือนกับก็อปฯ มาจากเกมออนไลน์ โอว ใช่แล้ว ลักษณะของมันก็เหมาะสมดีแล้ว ลืมไป เราอาจจะไปดูว่าไคเมรา 3 หัวหน้าตาเป็นอย่างไรก็ได้” เย่ว์หยางไม่ได้ทำตัวเหมือนเป็นนักวิทยาศาสตร์ ที่พยายามหาดูว่าพลังงานหรือกฎชนิดไหนที่ควบคุมสิ่งท้้งหมดนี้ นอกจากนี้ ไม่ต้องพูดถึงหอทงเทียนก็ได้ แค่ร่างกายของเขาเองก็อธิบายปรากฏการณ์ลึกลับทั้งหลายยังไม่ได้เลย

เขาขี้เกียจเกินกว่าจะคิดอะไรให้มากเกินแล้วเรียกโคเถื่อนเงาออกมา ใช้โคเถื่อนเงาที่ไม่มีวันตายอย่างถาวรไปสอดแนมข้างหน้า

เขาเดินขึ้นไปตามทางเกือบ 100 เมตร แล้วข้ามผ่านประตูหินขนาดมหึมา

ที่ด้านหลัง จะมีอาคารขนาดใหญ่ดูซับซ้อน

รอบๆ ด้านนอกอาคารมีโกเล็มรบตรวจการณ์ไปมาอยู่ 10 ตัว

โกเล็มรบเหล่านี้สูงประมาณ 3 เมตร ไม่ทราบว่ามันถูกสร้างด้วยโลหะชนิดใด มีหัวเป็นแกะ ร่างเป็นมนุษย์ พวกมันมีอาการตอบสนองต่อการปรากฏตัวของเย่ว์หยางแล้วเข้ามาล้อมเขาทันที บนหัวแกะมีอักขระโบราณแปลกๆเขียนไว้และตาทั้งคู่คล้ายกับอัญมณีมีแสงเรืองแดงๆ เหมือนไฟ เย่ว์หยางเคยสู้กับโกเล็มศิลามาก่อนและรู้จุดอ่อนของหุ่นเชิดสงครามพวกนี้ พวกมันไม่มีชีวิตและความรู้สึก รู้แต่วิธีโจมตีคนที่ใกล้ที่สุด ถ้าสู้กับพวกมันโดยตรงจะเสียเปรียบ แต่พอใช้กลยุทธ์ไม่กี่อย่าง ก็จะควบคุมความเคลื่อนไหวของพวกมันไว้ได้

เย่ว์หยางไม่ยอมให้โคเงาของเขาสู้กับพวกมัน แต่เขายันก้นฮุยไท่หลางออกไป ให้มันเป็นตัวล่อคอยหลอกล่อความสนใจพวกโกเล็มรบเอาไว้

โกเล็มรบจะอืดอาดและเคลื่อนไหวเชื่องช้า พวกมันเพียงจู่โจมเป้าหมายที่ใกล้ที่สุด ถ้ามันเพียงแต่หันเหความสนใจพวกโกเล็มด้วยความเร็วและพลังของมัน ฮุยไท่หลางก็จะทำหน้าที่มันได้อย่างสมบูรณ์

เมื่อฮุยไท่หลางเห็นโกเล็มรบหัวแกะเคลื่อนไหวได้เชื่องช้า มันรู้สึกว่าหุ่นโลหะพวกนี้จัดการได้ง่าย จึงรีบวิ่งทันที

ด้วยนิสัยขี้เล่น ฮุยไท่หลางโดดวิ่งวนอยู่รอบๆ โกเล็มรบทุกตัวเพื่อดึงดูดความสนใจพวกมัน

และบางครั้งมันทำเต๊ะท่ายกขาฉี่รดขาของโกเล็มรบก็มี

“เจ้าหมาติงต๊อง! รีบๆ ล่อพวกมันไปที่อื่นสิโว้ย! อย่าทำให้ข้าเสียเวลาอันมีค่า!” เย่ว์หยางหงุดหงิดอย่างมากกับการโชว์เหนือชั้นของฮุยไท่หลาง มันมีสันดานเหมือนแมลงเล็กที่ชอบรังแกผู้อ่อนแอกว่าแต่กลัวผู้แข็งแกร่ง ตอนที่วิ่งผ่านหุบเขายู่หลง เขาปล่อยให้มันคอยหลอกล่อกลุ่มหนอนยักษ์ที่ขวางทางข้างหน้า มันก็ทำทีเป็นว่าไม่เห็นสัตว์อสูรที่ดุร้ายอย่างรังแมงมุมและนกกินตั๊กแตนตำข้าว ตรงกันข้าม พอมันเห็นแมลงตัวเหม็นหรือตัวอ่อนแมลงที่อ่อนแอที่สุด มันจะกระโจนเข้าไปฟัดอย่างเมามัน แม้เมื่อมันเจอไข่หนอน ก็จะฟาดเรียบไม่มีเหลือ ถ้าไม่ใช่เพราะฮุยไท่หลางอาละวาดและไปกระตุ้นหนอนกลุ่มใหญ่แล้ว การวิ่งข้ามหุบเขายู่หลงคงจะราบรื่นกว่าเดิม

ถ้าเย่ว์หยางไม่แอบช่วยพวกเขา ป่านนี้เย่คงกับพี่น้องตระกูลหลี่คงเป็นอาหารมื้อค่ำของหนอนยักษ์ไปแล้ว

พอฮุยไท่หลางได้ยินว่าเย่ว์หยางโกรธมัน มันจึงเลิกเล่นได้บ้างและหลอกล่อกลุ่มโกเล็มรบให้ออกห่างมา

ยังมีการต่อสู้รอคอยเย่ว์หยางอยู่ ขณะที่เขามาถึงทางเข้าอาคาร

ณ ทางเข้าขนาดใหญ่มีสัตว์เวทระดับสูงและปีศาจหัวแกะอยู่กลุ่มหนึ่ง

เจ้าพวกนี้จัดเป็นสิ่งมีชีวิต แม้ว่าพวกมันจะไม่ค่อยฉลาด แต่ก็ไม่โง่พอที่จะถูกหลอกล่อได้โดยง่าย พวกมันมีทวนเหล็กดำในมือเป็นอาวุธ ก่อนที่จะตะโกนให้ตีวงล้อมแล้วจู่โจม พวกมันยังเรียกไฟสีเขียวมาเชื่อมสนับสนุนกันและกัน

ถ้าฮุยไท่หลางต้องมาสู้กับสัตว์เวทระดับลึกพวกนี้ มันคงไม่สามารถเป็นต่อได้

แต่โคเถื่อนเงาเป็นข้อยกเว้น เย่ว์หยางโอนพลังของเงายักษ์ไปเสริมให้โคเถื่อนเงาจนนางกลายรูปเป็นมนุษย์ล่ำบึกบึน

นางตวาดลั่นพลางควงมือขนาดใหญ่ของนางและฟาดทุบตบตีปีศาจหัวแกะจนฝุ่นตลบ

ต่อหน้าโคเถื่อนเงาสูง 3 เมตร ปีศาจหัวแกะสูง 2 เมตรก็เหมือนกลุ่มคนแคระ

ระดับขั้นของนางในปัจจุบันยังไม่สูง แค่อสูรระดับ 3 ชั้นทองแดง

แม้ว่าชั้นของนางจะพอๆ กับปีศาจหัวแกะ แต่ความแข็งแกร่งของนางเหนือกว่าพวกมันโดยสิ้นเชิง และเหนือกว่ามากแม้จะเป็นระดับ 3 ชั้นทองแดง

เย่ว์หยางคิดในใจว่า ถ้าระดับชั้นของโคเงาเพิ่มขึ้นในอนาคต ก็จะมีความก้าวหน้าถ้วนทั่ว ปีศาจหัวแกะเหล่านี้จะไม่สามารถต้านทานได้แม้แต่หมัดเดียว

สิ่งที่น่าเสียดายก็คือแม้หลังจากที่นางสู้มาเป็นเวลานาน แต่เขาไม่เห็นนางใช้ “เนตรประหาร” เลย

ดูเหมือนว่าบางทีความสามารถในการใช้เนตรประหารคงอยู่ในระดับต่ำมาก และคงจะปล่อยได้กับศัตรูที่เข้ามใกล้

ปีศาจหัวแกะและโกเล็มรบหัวแกะเหล่านี้ มีเอาไว้แค่เพื่อถ่วงเวลา นักรบผู้ตั้งใจท้าประลองวิหาร 12 นักษัตรอย่างน้อยก็ต้องมีมาตรฐานฝีมือพอควร ผู้ท้าประลองส่วนใหญ่มีพลังพอเอาชนะพวกมันได้ทั้งหมด แต่ถ้าใช้เวลากับพวกมันมากเกินไป ทันทีที่โล่ห์ป้องกันหายไปผู้ท้าประลองจะถูกตัดสินว่าล้มเหลว ก่อนที่จะได้รับคทาแห่งความเงียบและอักขระบอดเพื่อเอาชนะไคเมรา 3 หัว นักรบระดับ 5 หรือต่ำกว่าที่ต้องการจะเอาชนะจ้าวสัตว์อสูรทองอย่างไคเมรา 3 หัวคงเป็นฝันเพ้อเจ้อของคนโง่

พลังป้องกันของปีศาจหัวแกะไม่สูงนัก แต่พวกมันจัดเป็นสัตว์ประเภทตั้งรับที่ยากจะฆ่ามันได้เช่นกัน

ไม่ใช่เพียงแค่นั้น ความสามารถในการพลิกแพลงของพวกมันก็ทำได้ดีเช่นกัน แม้ว่าพวกมันจะโดนโค่นไปแล้ว พวกมันก็สามารถลุกขึ้นมาเข้าร่วมต่อสู้ได้อีก

สายตาของพวกมันเต็มไปด้วยความคลั่ง กระหายเลือดเหมือนถูกสะกดจิต แม้จะถูกโคเงาต่อยตีอย่างหนัก พวกมันก็ไม่หลบไม่ยอมล้ม เมื่อเย่ว์หยางตระหนักถึงเรื่องนี้ เขาจึงเร่งมือทันที ผ่านสนามรบและวิ่งไปตามทางยาว เข้าไปในวิหารราศีเมษที่ปกป้องโดยจ้าวสัตว์อสูรทอง

สิ่งที่น่าผิดหวังสำหรับเย่ว์หยางก็คือ วิหารราศีเมษนี้แตกต่างจากปราสาทศิลาจากเรื่องเซนท์เซยามากมาย

ที่นี่ไม่สมกับชื่อมันเสียเลย

วิหารราศีเมษที่ปรากฏต่อหน้าเขาไม่ใช่วิหารเลย แต่เป็นเวทีต่อสู้ขนาดใหญ่เหลือเชื่อมากกว่า

มีพื้นที่กับเวทีต่อสู้ใหญ่กว่าสนามฟุตบอลหลายเท่า ที่ใจกลางของเวทีต่อสู้ มีสัตว์อสูรสีทองอ่อนๆ ขนาดใหญ่กำลังหลับอยู่บนพื้นอย่างเกียจคร้าน

ร่างมันใหญ่โตราวภูเขาย่อมๆ หลังของมันมีปีกสีแดงสดคู่หนึ่ง เย่ว์หยางจินตนาการไม่ออกเลยว่ามันจะใช้ปีกบางๆ เหล่านั้นบินได้อย่างไร อสูรตัวนี้กำลังนอนอย่างเกียจคร้านในสนาม ฟังเสียงเหมือนกำลังหลับ เย่ว์หยางเห็นได้ชัดเจนว่ามันมี 3 หัว ด้านซ้ายเป็นหัวมังกรที่น่าหวาดหวั่น ไม่เหมือนมังกรตามคติชาวตะวันออก แต่เหมือนหัวมังกรยักษ์ตามคติชาวตะวันตก มีฟันแหลมคม ลิ้นแดงและมีพิษหยดออกมาจากปาก

หัวกลางเป็นหัวสิงโตขนาดใหญ่ แผงคอของมันสร้างมาจากเปลวไฟ เมื่อมันหายใจทางปาก มันจะคายลูกไฟออกมา

ทางด้านขวาเป็นหัวแกะสีขาว

หัวแกะนี้ดูเหมือนจะไม่มีการคุกคามใดๆ เลย และสร้างความรู้สึกลวงเหมือนมีความบริสุทธิ์จากมัน

ภายใต้คอของแกะขาวนั้น มีกระดิ่งทองแขวนเอาไว้ ทั้ง 3 หัวดูแตกต่างและแปลกประหลาดอย่างมาก อย่างไรก็ตาม ถ้ามีคนตรวจสอบอย่างระมัดระวัง ก็จะพบตรรกะที่อธิบายไม่ได้ ขณะที่เย่ว์หยางมองสัตว์อสูรขนาดยักษ์ที่ส่องประกายสีทองนี้ เขาถึงกับขมวดคิ้ว ขนาดไคเมรา 3 หัวนอนหลับสนิท ยังสร้างแรงกดดันที่ยากจะอธิบายเป็นคำพูดได้

ปฏิเสธไม่ได้เลยว่านี่คือสัตว์อสูรที่แข็งแกร่งอย่างมาก

อย่างไรก็ตาม เย่ว์หยางเชื่อว่าหัวที่ทรงพลังโดดเด่นมากที่สุดในสามหัวไม่ใช่หัวมังกรด้านซ้ายที่มีพิษหยดอยู่ ทั้งไม่ใช่หัวสิงห์ตรงกลางที่ปล่อยไฟได้

แต่เป็นหัวแกะขาวที่ดูเหมือนจะไม่มีการคุกคามเสียมากกว่า

จ้าวสัตว์อสูรทองระดับ 6 แม้ว่ายังห่างจากจ้าวปีศาจฮาซินผู้ชั่วร้าย แต่ก็ยังสามารถสร้างแรงกดดันต่อเย่ว์หยางได้ ฮุยไท่หลางพอสลัดหลุดจากโกเล็มรบได้แล้วผ่านทางเข้ามาได้ก็สูญเสียความเย่อหยิ่งของมันไปในทันที เมื่อมันมองเห็นร่างกายขนาดภูเขาย่อมๆ ของไคเมรา 3 หัว ตลอดทั้งร่างของมันสั่นเทิ้มและคลานไปหลบอยู่ข้างหลังเย่ว์หยางด้วยความกลัว

พอเมื่อเย่ว์หยางถีบมันออกมา ทำให้ฮุยไท่หลางต้องทำเป็นเหมือนปกป้องชีวิตเขา มันยืนอยู่ข้างๆ เย่ว์หยางแทน แต่ไม่ยอมก้าวออกไปข้างหน้า

เป็นไปตามคาด เจ้าหมาป่าปีศาจหลังเหล็กชั้นทองแดงระดับ 3 ตัวนี้ทำได้เพียงยืนดูการต่อสู้ครั้งนี้อยู่ด้านข้างเท่านั้น

ต้นดอกหนามชั้นทองยังคงย่อยแขนจ้าวปีศาจฮาซินอยู่และเขาก็ไม่สามารถเข้าร่วมต่อสู้ศึกครั้งนี้ได้โดยตรงเขาต้องพึ่งพาโคเงาและเสี่ยวเหวินหลีเท่านั้น

ศึกครั้งนี้…

เขาจะชนะศึกครั้งนี้ได้อย่างไร?

Long Live Summons เดชคัมภีร์เทพฤทธิ์

Long Live Summons เดชคัมภีร์เทพฤทธิ์

LLS, Triệu Hoán Vạn Tuế, Zhaohuan Wansui, 召唤万岁
Score 7.6
Status: Ongoing Type: Author: , Released: 2010 Native Language: Chinese
อ่านนิยายเรื่อง Long Live Summons เดชคัมภีร์เทพฤทธิ์ ทวีปมังกรทะยานคือโลกแห่งการอัญเชิญ คุณจะกลายเป็นคนแข็งแกร่งได้ ถ้าเพียงแต่คุณเป็นผู้อัญเชิญ! ยิ่วหยางเด็กนักเรียนมัธยมปลายธรรมดาถูกส่งเข้ามาในโลกนี้อย่างฉับพลันทัน ด่วน เมื่อเขาฟื้นขึ้นกลับได้พบใบหน้าของหลายคนที่เต็มไปด้วยความห่วงใย และพบว่าเขาเป็นตัวตนของอีกคนหนึ่ง กลับกลายเป็นว่าเขาเป็นบุตรที่ไม่เอาไหนของตระกูลยิ่ว จนถึงกับโดดน้ำตายเพราะถูกปฏิเสธการหมั้น อีกทั้งไม่สามารถจะทำพันธสัญญากับคัมภีร์อัญเชิญได้ แต่ยิ่วหยางกลับประสบความสำเร็จทำสัญญากับคัมภีร์ ส่วนเรื่องราวจะเป็นเช่นไรต่อไป ขอเชิญติดตามดูครับ ความจริงในการแปลครั้งนี้มาจากแรงบันดาลใจที่ไม่ได้จะเป็นนักเขียนนักแปล หรอกครับ เกิดจากการอ่านมันฮัวการ์ตูนของจีนแล้วชอบ พยายามหาดูที่แปลเป็นอังกฤษ ก็แปลกันไปได้น้อยนิด แต่พอดูฉบับนิยายรู้สึกว่าเขาแปลไปได้เยอะ จึงลองเข้าอ่าน แต่เพราะความที่ภาษาไม่แข็งแรง จึงต้องดูไป เปิดดิคฯ ไปใช้โปรแกรมแปลช่วยบ้าง มีความรู้สึกว่าอ่านไม่ต่อเนื่อง จึงคิดว่าน่าจะแปลข้อมูลเก็บไว้ในเว็บๆ หนึ่งแล้วค่อยอ่านเป็นตอนๆ ให้ต่อเนื่องไปเลยดีกว่า แล้วก็นึกถึงที่นี่

Comment

Options

not work with dark mode
Reset