ตอนที่ 462 กำเนิดใหม่ ร่างใหม่
เจี้ยงอิงไม่เคยคิดเลยว่านางจะกอดบุรุษหลับได้ ยิ่งกว่านั้น กลับรู้สึกว่าเป็นเรื่องธรรมดามาก นางจึงไม่รู้สึกอาย
แม้แต่กายและจิตใจของนางก็ผ่อนคลาย
ภายหลังค่ำคืนของการหลับไหล
นางไม่เข้าใจเหตุผลอยู่ดี แต่นางรู้แค่ว่าการกอดเขาและปล่อยให้เขากอดนาง ทำให้ร่างของนางต้องการพึ่งพาเขา นางจึงมิอาจทนปล่อยไปได้
นางค่อยๆ รู้สึกสบายกายสบายใจอย่างเป็นธรรมชาติซึ่งนางไม่เคยรู้สึกมาก่อน
โอว..ใช่, นางรู้สึกมีความสุข!
หัวใจของนางไม่ว้าเหว่อีกต่อไป เพราะเขาอยู่เคียงข้างนาง ความรู้สึกพึงพอใจที่นางไม่เคยรู้สึกมาก่อนมีอยู่เต็มหัวใจนาง
“ฮืม….”
เจี้ยงอิงหาวและเตรียมจะหลับต่อ แต่ทันใดนั้นนางก็ตระหนักว่ามือข้างหนึ่งเล็ดรอดเข้ามาในเสื้อผ้านางและคลึงเคล้าหน้าอกนางโดยไม่สนใจอะไรในโลก มือข้างนี้มีความช่ำชองมาก และไม่คำนึงถึงปฏิกิริยาของเจี้ยงอิงเลย ตอนนี้สาวมังกรไร้เขาตระหนักได้ว่า การหลับอยู่ในอ้อมกอดของเขานั้นแตกต่างจากหลับในอ้อมกอดของพ่อแม่และหรือปู่กับยายของนางตอนที่นางเป็นเด็ก ตอนแรกนางต้องการจะดึงตัวออกมาไม่ให้เขาจับหน้าอกนาง แต่สัมผัสนี้ให้ความรู้สึกที่แปลกอยู่บ้าง นี่ไม่ใช่สัมผัสที่เลวร้าย แต่เป็นการเชยชมตามธรรมชาติ เมื่อเจี้ยงอิงเหลือบมองขึ้น นางเห็นว่าเย่ว์หยางยังหลับลึกอยู่ นางบ่นพึมพำ “แม้จะหลับสนิท แต่เจ้าผู้นี้ยังเป็นจอมลามกอยู่ดี”
เจี้ยงอิงแทบจะละลายจากสัมผัสนี้ และรีบดึงมือซุกซนออกโดยเร็ว
ถ้าเขาสัมผัสนางมากกว่านี้ นางคงจะยั้งใจไม่ได้อีกต่อไป
ก็มันทนไม่ได้นี่นา….
ลมหายใจนาง ยังคงไม่สม่ำเสมอ
จากนั้นนางตระหนักว่า มืออีกข้างหนึ่งเลื้อยไปที่บั้นท้ายนางและเริ่มสำรวจลงต่ำทุกที
สาวมังกรไร้เขาไม่อาจทนการรุกเร้าอย่างนั้นได้ นางรีบจับมือเขาไว้ตั้งใจจะผลักกลับไปวางข้างตัวเขา ส่วนอีกใจหนึ่งก็คิดว่า นางรู้สึกว่าร่างนางไม่ได้รู้สึกอ่อนปวกเปียกอีกต่อไปแล้ว และรู้สึกว่างเปล่าแปลกๆ นางกลับปล่อยมือที่โอบบั้นท้ายนางไว้ตามเดิม นอนอยู่ในอ้อมกอดของเขาเป็นความรู้สึกที่ดีกว่า
สำหรับที่เขาจับอกของนางทั้งที่ยังหลับ เจี้ยงอิงรู้สึกว่าแม้เย่ว์หยางจะไม่รู้ตัว แต่ก็เป็นสัญชาตญาณทางธรรมชาติของเขา
ใครจะรู้กันว่าเขาทำเรื่องอย่างนี้มามากมายกี่ครั้งแล้ว กว่าจะพัฒนาการขึ้นเป็นสัญชาตญาณเช่นนั้นได้
เจี้ยงอิงอยากจะกัดหน้าหล่อๆ ที่ยังหลับของเย่ว์หยางนัก เพื่อระบายความโกรธในใจของนาง
“โล่วฮัวจ๋า! ให้ข้าจับหน่อยนะ” เย่ว์หยางใช้เวลาเชยชิดกับเจ้าเมืองโล่วฮัวในความฝันของเขา เขากดตัวสาวมังกรไร้เขาไว้ข้างล่างขณะที่ตัวของเขาพลิกมาอยู่ข้างบน สาวมังกรไร้เขาตกใจ นางรู้สึกมีสิ่งแปลกประหลาดกระทบอยู่ที่ตัวนาง มันร้อน นางรู้สึกทรมาน ที่น่าผิดหวังที่สุดก็คือ แม้บุรุษคนนี้จะตรึงนางไว้ด้านล่าง แต่เขาก็ยังเรียกชื่อสตรีของเขาอยู่นั่นเอง
“เจ้าตัวหนักมากเลยนะ หลบไปข้างๆ หน่อยสิ” เจี้ยงอิงแทบจะอ่อนปวกเปียกจากการที่เขาใช้แรงกับนาง และนางทำได้เพียงยันตัวเย่ว์หยางไว้ด้วยเรี่ยวแรงนางทั้งหมด
“ฮืมมม….” ลมหายใจของเย่ว์หยางกลับมาสงบ แต่เขาก็ดูเหมือนยังหลับสนิทอยู่
“นอนกับบุรุษผู้นี้ไม่ปลอดภัยเลยแม้แต่น้อย เหลือทนจริงๆ” แม้ว่าเจี้ยงอิงจะบ่น แต่นางก็ไม่ยินดีจะปล่อยเขาไป นางยื่นมือไปหยิกเขาเบาๆ แต่เพราะนางกลัวจะปลุกเขาตื่น นางจึงไม่กล้าใช้แรง หลังจากนั้น แม้แต่เจี้ยงอิงก็ยังรู้สึกว่านางโอนอ่อนให้อภัยเขามากเกินไป
ลมหายใจนางไม่สม่ำเสมอ
เจี้ยงอิงข่มใจที่เต้นรัว และเลื่อนมือนางลงไปสำรวจ
นางแอบเลื่อนมือล้วงเข้าไปในกางเกงเขา นางหลับตาด้วยความอายและเริ่มคลำสำรวจด้วยความสงสัย… ตลอดร่างของนางสั่น ต้นขาของนางบีบชิด กล้ามเนื้อน่องของนางกระชับ เท้าของนางเกร็งจนตะคริวแทบจับ
หลังจากผ่านไปสักครู่นางก็ชักมือกลับ
จากนั้นนางหมุนตัวและซุกตัวอยู่ในผ้าห่มด้วยความรู้สึกอายอย่างหนัก แม้ว่านางจะไม่แน่ใจเต็มร้อย และไม่เห็นกับตาตัวนางเอง แต่นางก็เรียนรู้ความลับได้มากมาย
ในช่วงเวลานั้น แม้จะไม่มีใครบอกนาง นางก็เข้าใจอะไรได้หลายอย่างซึ่งนางยังไม่เข้าใจมาก่อน สิ่งที่ป้าของนางบอกนางเมื่อครั้งล่าสุดว่าสิ่งนั้นของบุรุษมีไว้เพื่อให้สตรีได้มีลูก อย่างไรก็ตาม สิ่งนั้นของเขาอาจจะใหญ่เกินไปจริงๆ มันจะเข้าได้เหรอ? ถ้าพวกเขามีอะไรกันจริงๆ บางทีเขาอาจจะรู้ว่าต้องทำยังไง เจี้ยงอิงจินตนาการเตลิดเปิดเปิง นางเอามือที่ได้สัมผัสเขามาสัมผัสจมูกนางเพื่อจดจำกลิ่นไว้ มีกลิ่นแปลกๆ ตกค้างอยู่ในมือนาง มันเลือนลางมาก แต่มีลักษณะเฉพาะตัวเหมือนกับว่าให้ความรู้สึกของลูกผู้ชายและเสน่ห์ที่ดึงดูดใจ
นั่นเป็นกลิ่นของสิ่งนั้นของเขาหรือ?
เจี้ยงอิงอายมากและซุกตัวอยู่ในผ้าห่ม ในหัวของนางว้าวุ่นไปหมด
ความรู้สึกที่เผาลนนั้น นางรู้สึกเมื่อสัมผัสเขาและประกายความคิดบางอย่างก็วาบเข้ามาในใจนางครั้งแล้วครั้งเล่า
ขนาดใหญ่ เร่าร้อน เป็นลูกผู้ชาย มีพลังกระตือรือร้น ความรู้สึกแบบนั้นช่างแปลกจริงๆ พอคิดย้อนกลับไปอีกทียิ่งทำให้นางเขินอาย
การฝึกผสานร่างที่เขาบอก พอถึงขั้นสุดท้าย เป็นไปได้ไหมว่าพวกเขาต้องทำอย่างว่าหรือเปล่า?
ไม่ดีแน่!
ทันใดนั้นสาวมังกรไร้เขาจำอะไรบางอย่างได้และตลอดทั้งร่างนางสั่นทันที มีเวลาอยู่เพียงไม่กี่สิบชั่วโมงที่อุทกแม่พระธรณีจะถือกำเนิด แต่นางกับเย่ว์หยางยังไม่ได้เริ่มฝึกกันเลย ในวันเดียว พวกเขาใช้เวลาเล่นสนุกมากเกินไป ขณะที่กลางคืนพวกเขาก็ใช้เวลานอนหลับตลอด พวกเขาเสียเวลามากเกินไป ถ้าพวกเขารอจนกระทั่งตื่นขึ้นในตอนเช้าวันใหม่ พวกเขาก็เหลือเวลาอีกเพียงไม่กี่ชั่วโมง แล้วพวกเขาจะฝึกกันได้อย่างไร? เป็นไปได้อย่างไรที่พวกเขาจะสามารถเพิ่มระดับพลังได้เร็วพอจะเผชิญหน้ากับจักรพรรดิสมุทร?
พอคิดได้เช่นนี้ เจี้ยงอิงลุกขึ้นนั่งทันที
เย่ว์หยางตื่นจากหลับใหลและถามนาง “มีอะไรเหรอ?”
“ข้าไม่ได้แตะต้องเจ้า, อ๊า ไม่ ไม่… ข้ากำลังจะบอกว่า เราต้องเริ่มฝึกกันทันที มิฉะนั้นเราจะไม่เหลือเวลาอีก” เจี้ยงอิงฉุดดึงเย่ว์หยางอย่างเร่งด่วน “รีบลุกขึ้นได้แล้ว ตอนนี้ไม่ใช่เวลานอน”
“เหรอ?” เย่ว์หยางไม่เข้าใจ พวกเขาเสียเวลาไปถึง 12 ชั่วโมงในวันนี้แล้วไม่ใช่หรือ? ทำไมจู่ๆ นางถึงคิดจะฝึกกันเล่า?
นางเป็นเหมือนแค่เด็กชั้นประถมที่เอาแต่เล่นตลอดช่วงปิดภาคฤดูร้อน จนสุดท้ายพอใกล้จะหมดวันหยุดก็ค่อยมาเร่งทำการบ้านในช่วงท้ายไม่กี่วัน
พอเห็นเจี้ยงอิงมีท่าทางเร่งรีบ เย่ว์หยางอยากหัวเราะ
แน่นอนว่า เขาค่อนข้างยินดีที่เห็นความเปลี่ยนแปลงเช่นนั้นในตัวเจี้ยงอิง สาวมังกรไร้เขา
เนื่องจากนางเป็นฝ่ายขอร้องเอง ก็จะมีประสิทธิภาพมากกว่าที่เขาคิดหาวิธีกระตุ้นให้นางฝึก ตอนนี้ที่นางได้ปลดปล่อยภาระในใจนาง ย่อมเห็นแววประสบผลสำเร็จ เย่ว์หยางช้อนตัวเจี้ยงอิงขึ้นมาพร้อมทั้งผ้าห่มและอุ้มนางไป “เราควรจะไปในโลกคัมภีร์ของข้า ถ้าเจ้ายกระดับขึ้น จะมีภาพแปลกประหลาดที่ไม่เหมาะให้คนอื่นได้เห็น” คำพูดของเขาใช้ได้อย่างเหมาะสม สามารถคลายความทุกข์กังวลในใจนางได้ อยู่ห่างจากสายตาคนอื่นดีกว่าสร้างความตื่นกลัวให้กับพวกคนใช้ แม้ว่าเหล่าคนใช้ได้เห็นนางเติบโตขึ้น ก็ยังดีกว่าเก็บเรื่องดังกล่าวไว้เป็นความลับและไม่แจ้งให้พวกเขาทราบ
ในโลกคัมภีร์
ไม่มีใครอยู่ เนื่องจากเจ้าเมืองโล่วฮัว, หญิงงามอู๋เหินและนางเซียนหงส์ฟ้าทุกคนอยู่ในมิติลวงของวังเทียนหลัวกับแม่สี่
อย่างไรก็ตาม แม้ว่าไม่มีผู้ใด แต่เหล่าอสูรของเขายังคงอยู่ที่นี่
นางพญากระหายเลือดและโคเงายังคงอยู่ที่นี่
เจี้ยงอิงที่ยังคงมึนงงจากอาการตื่นเต้นไม่ได้ใส่ใจรู้สึกถึงพวกนาง และไม่ได้ตระหนักว่าเหล่าอสูรของเขามีอยู่ ความจริงนางไม่ได้คิดถึงพวกเขาเลย
หัวใจของนางกำลังเต้นรัว เพราะนางคิดว่าพวกเขาจะต้องถอดเสื้อผ้าเพื่อฝึกผสานร่าง
จากนั้นเย่ว์หยางอธิบายวิธีฝึกให้กับนางและวิธีที่นางจะให้ความร่วมมือ
จากนั้นเจี้ยงอิงจึงรู้ว่าไม่จำเป็นต้องทำสิ่งนี้ในตอนแรก เท่านั้นเองอาการเครียดส่วนใหญ่ก็ลดลงทันที นางพยักหน้าให้เขารู้ว่านางเข้าใจ ความจริงวิธีที่นางร่วมมือนั้นง่ายมาก หลักๆ ก็คือเจี้ยงอิงแค่ต้องผ่อนคลายและปล่อยให้เย่ว์หยางคอยนำตลอดกระบวนการฝึกฝน นางไม่อาจกลัวและถอนถอยแต่กลางครันเพื่อหลบเลี่ยงหนีผลกระทบจากกระบวนการฝึกฝนได้
นอกจากนี้ นางต้องใช้พลังงานเพื่อควบคุมประตูพลังวิญญาณของนาง ซึ่งเป็นเรื่องง่าย
นั่นถือว่าเป็นเรื่องง่ายเหมือนปอกกล้วยเข้าปากสำหรับสาวมังกรไร้เขาผู้เป็นนักสู้ปราณก่อกำเนิดระดับเจ็ด ยิ่งกว่านั้น คนอื่นยังเป็นคนนำกระบวนการฝึกฝนด้วย
“เข้าใจแล้ว!” เจี้ยงอิงรู้สึกว่าตนเองเขลาจริงๆ ถ้านางรู้ว่าทำได้ง่ายอย่างนี้แล้ว นางคงเริ่มฝึกทันทีที่กลับมาแล้ว ความอึดอัดทำให้นางเสียเวลาไปเช่นนั้น
เริ่มต้นด้วยการประกบฝ่ามือและเย่ว์หยางถ่ายพลังเข้าไปในตัวนาง
จากนั้นพลังก็ไหลกลับมาที่เขา ในการโคจรครั้งนี้ ปราณก่อกำเนิดยังคงช่วยขยายเส้นชีพจรนางได้อย่างต่อเนื่อง เนื่องจากเส้นชีพจรนางได้เชื่อมไปเรียบร้อยแล้ว กระบวนการผสานร่างนี้นำไปสู่ผลลับที่น่าประทับใจได้อย่างรวดเร็ว และเข้าสู่การฝึกขั้นที่สองในเวลาไม่นาน ตอนนี้เริ่มใกล้ชิดกันมากขึ้น ร่างกายของพวกเขาอยู่ในอ้อมกอดของกัน สำหรับขั้นนี้ เจี้ยงอิงไม่รู้สึกกดดันแต่อย่างใด เนื่องจากนางนอนหลับในอ้อมกอดของเขามาแล้ว
แม้เมื่อปราณก่อกำเนิดโคจรเข้าไปในร่างของนาง นางรู้สึกว่าพลังของนางเปลี่ยนไปและเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
นางมีความยินดี
และในที่สุดของการฝึกขั้นที่สอง นางให้ความร่วมมือตามท่วงท่าพร้อมไปกับเขา เมื่อเขาจูบนาง นางไม่ลังเลแม้แต่น้อย นางกลับเขย่งเท้ารอรับจุมพิตจากเขา… จนกระทั่งเขาประทับจูบที่ริมฝีปากนาง ทำให้นางตระหนักว่าพวกเขากำลังจูบกัน และนั้นคือจูบแรกของนาง อย่างไรก็ตาม ความรู้สึกที่ยอดเยี่ยมและปราณก่อกำเนิดที่ถูกส่งมาจากปากเขาทำให้นางไม่สามารถต่อต้านได้ เจี้ยงอิงกลับกอดเขาและใช้แรงดูดด้วยกำลังนาง และจูบเขาตามสัญชาตญาณ นอกจากปราณก่อกำเนิดแล้ว, เพลิงอำมฤตลุกโหมอยู่ในฝ่ามือของเย่ว์หยาง คอยชำระพลังงานของนางและชำระร่างของนางให้บริสุทธิ์
ความเจ็บปวดมหาศาลทำให้เจี้ยงอิงแทบร้องออกมา
อย่างไรก็ตาม นางรู้ว่าเพื่อวัตถุประสงค์ให้ร่างนางเกิดใหม่ นางต้องชำระร่างอย่างเข้มข้น ความเจ็บปวดเป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการฝึก
เสื้อผ้าพวกเขาหายไปแล้ว ร่างทั้งสองนั้นผิวกระทบกับผิว ร่างของเย่ว์หยางยังคงปรับพลังในร่างของเจี้ยงอิงอย่างต่อเนื่องขณะที่เพลิงอมฤตก็ยังช่วยชำระร่างนาง
เจี้ยงอิงรู้สึกทรมานอย่างหนักเหมือนกับว่าอยู่ในห้วงระหว่างความเป็นกับความตาย ร่างของนางไม่สามารถทนต่อไปได้ และเริ่มกลับคืนสู่ร่างดั้งเดิมของนาง
ขณะที่ร่างท่อนบนยังคงเหมือนเดิม แต่ร่างตั้งแต่ท้องลงไปเปลี่ยนเป็นร่างมังกรไร้เขา หลังของนางมีปีกสีทองงอกออกมาคู่หนึ่ง
บั้นท้ายนาง ขาทั้งสองกลายเป็นลีบเล็กลงเปลี่ยนเป็นหางมังกรเงิน มันค่อยๆ ขยายออกจนยาวหลายเมตร ครีบดำอยู่บนหางของนาง ปีกของนางสีทองและเกล็ดเงินทั้งหมดถูกหลอมด้วยเพลิงอมฤตและเกิดใหม่ทันที
ความเจ็บปวดมากมายมหาศาลทำให้เจี้ยงองขนดหางรวบร่างเย่ว์หยางไว้แน่น ปีกมังกรของนางยังคงสั่นและไร้พลัง
ถ้าเย่ว์หยางไม่เสริมปราณก่อกำเนิดให้นาง นางอาจตายได้ภายในไม่กี่นาที ภายใต้การกลั่นของเพลิงอมฤต นางอาจลดพลังวิญญาณและผลึกมังกรไว้ในตัวของนาง อย่างไรก็ตาม ปราณก่อกำเนิดของเย่ว์หยางก็เสริมพลังงานให้นางทันที เพื่อที่ว่าศักยภาพในตัวนางจะได้ถูกกระตุ้นอย่างต่อเนื่อง แต่ละครั้งที่เจี้ยงอิงมาถึงส่วนที่ลำบากที่สุด เย่ว์หยางจะหยดน้ำค้างศักดิ์สิทธิ์ลงในปากนาง เพื่อที่ว่านางจะสามารถฟื้นตัวได้ทันที
ไม่ทราบว่าผ่านไปนานเท่าใด
เจี้ยงอิงก็ตระหนักว่าความเจ็บปวดค่อยทุเลาลงเรื่อยๆ ในที่สุด ก็ไม่มีความเจ็บปวดเหลืออยู่เลย นางกลับรู้สึกกระจ่างสดชื่นจากการเกิดใหม่
เมื่อนางลืมตาขึ้น นางตระหนักได้ว่าผิวของนางขาวขึ้น นุ่มเนียนขึ้นเป็นสิบเท่าเหมือนกับหยก
หางมังกรทั้งหมดของนางเหมือนกับว่าสลักมาจากหยกขาว ดูงดงามมาก
ปีกของนางดูเหมือนกับแก้วผลึก นอกจากเงาสีเทาเป็นลายเส้นกระดูกปีก ดูเหมือนว่าจะแตกต่างจากเมื่อก่อนสิ้นเชิง เป็นร่างที่สมบูรณ์เต็มไปด้วยพลังงาน เจี้ยงอิงตระหนักได้ทันทีว่า นางเกิดใหม่แล้ว แม้ว่านางจะยังไม่ยกระดับเป็นนักสู้ปราณก่อกำเนิดระดับแปด แต่นางอยู่ในเส้นทางที่ดีที่จะยกระดับได้ ถ้านางฝึกฝน นางจะมีความก้าวหน้าอย่างมากที่สุดทันที
“นี่คือข้าจริงๆ หรือนี่? หางใหม่ของข้าสวยงามยิ่งนัก เหมือนกับหยกเลย” เจี้ยงอิงไม่อาจข่มความตื่นเต้นไว้ได้และนางจูบเย่ว์หยางซ้ำๆ ขอบคุณเขาที่ให้ร่างใหม่ที่สมบูรณ์แก่นาง หางมังกรของนางแกว่งอย่างมีความสุข เหมือนกับเด็กที่ได้รับของเล่นที่โปรดปราน
“เราจะฝึกกันต่อ เพื่อบรรลุเป็นนักสู้ปราณก่อกำเนิดระดับแปดรวดเดียวเลย” ความจริงเมื่อเจี้ยงอิงตกอยู่ในความเจ็บปวด เย่ว์หยางสามารถใช้เงาปีศาจของเขาครอบงำร่างของนาง และมีโอกาสประสบความสำเร็จสูง แต่เมื่อเขาคิดดูแล้ว เขาตระหนักว่าเรื่องแบบนั้นไม่ควรเร่งร้อน ในอนาคตถ้านางไม่ต้องการไปจากข้างกายเขาจริงๆ นางจะเป็นฝ่ายขอเสนอทำสัญญาเอง ไม่จำเป็นต้องปล่อยให้เงาปีศาจครอบงำหัวใจนาง
“ตกลง” เจี้ยงอิงพยักหน้าเห็นด้วยทันที จากนั้นนางเข้าใจทันที ก้าวขึ้นไปอีกขั้นหนึ่ง ก็หมายถึงต้องใกล้ชิดกันมากยิ่งขึ้น
บางที, พวกเขาอาจต้องทำอย่างนั้น
แม้ว่านางจะรู้สึกอาย แต่นางไม่มีความเสียใจแต่อย่างใด
นางแปลงร่างคืนเป็นมนุษย์อย่างกล้าหาญ หางมังกรของนางกลับคืนเป็นขาเรียวงาม
*****************