===============
พอเห็นร่างดุจเนินเขาของมัน ไม่จำเป็นต้องพูดถึงความสามารถคายพิษและพ่นไฟของมัน แรงกดดันที่มันแผ่ออกมาก็เหลือเชื่อแล้ว
ตามที่จอมยุทธแห่งเมืองโล่วฮัว สตรีชุดไหมบอก เขาควรไปเอาคทาแห่งความเงียบจากห้องโถงซ้ายมือก่อน จากนั้นไปที่ห้องโถงด้านขวาเพื่อเอาอักขระบอด อย่างนี้ถึงจะยับยั้งหัวมังกรทางซ้ายและหัวแพะด้านขวา จากนั้นค่อยสู้กับหัวไคเมราหัวกลาง คือหัวสิงห์เพลิง แม้ว่าหัวกลางจะใหญ่ที่สุด ดูเหมือนคุกคามที่สุดและอาจเจอไฟที่ผิวของมัน แต่ในความเป็นจริงมันเป็นหัวที่อ่อนแอที่สุด ควรเรียกว่าเป็นจุดอ่อนที่สุดของไคเมรา 3 หัว
โคเงา ภายใต้คำแนะนำของเย่ว์หยาง ได้กำจัดปีศาจหัวแกะได้อย่างรวดเร็วทำให้คุกคามพวกมันได้
เป็นไปตามคาด เมื่อโคเงาตรงเข้ามาที่ทางเข้า ปีศาจหัวแกะก็หยุด
พวกมันคำรามเสียงต่ำและแออัดอยู่ในทางเดิน แต่ไม่กล้าบุกเข้ามาข้างใน เห็นได้ชัดเจนว่าพวกมันกลัวไคเมรา 3 หัว
เย่ว์หยางรู้สึกว่าเวลาผ่านไปรวดเร็ว เขารีบวิ่งไปตามด้านข้างของห้องโถงใหญ่ และวิ่งราวกับลมพัดตรงไปที่ห้องด้านซ้าย เขาเตรียมตัวหาทางเข้าห้องด้านข้าง แต่ใครจะรู้ว่าเมื่อเขาขยับ ไคเมรา 3 หัวก็ตื่นขึ้นทันที มันลืมตาทั้ง 6 ขึ้นและเมื่อเห็นเย่ว์หยางผู้บุกรุก มันคำรามอย่างโกรธเกรี้ยว เสียงของมันทำให้แผ่นดินสะเทือนแทบระเบิด ปีศาจหัวแกะที่ทางเดิน ต่างหนีหายด้วยความกลัวทันที
ร่างขนาดยักษ์ของไคเมรา 3 หัวลุกขึ้นยืนและดูเหมือนภูเขาย่อมๆ ที่มีเลือดเนื้อเคลื่อนไหวได้
หัวมังกรพิษอ้าปากของมัน หลังจากคำรามอย่างน่าสยดสยอง มันก็พ่นพิษเหลวออกมาจากปากใหญ่ และมันพ่นไปทั่วพื้นทั้งหมด
เย่ว์หยางเตะฮุยไท่หลางกระเด็นไป 10 เมตร และสั่งให้โคเงารีบถอยออกมา เขารู้สึกว่าท้องฟ้ามืดคลึ้มทันที จากนั้นของเหลวสีเขียวจำนวนมากถูกพ่นมาที่เขา โชคดี เขามีโล่ห์ที่ป้องกันได้สมบูรณ์ ถ้าไม่ใช่เพราะมัน เขาคงเปียกโชกไปด้วยพิษแล้ว
เมื่อของเหลวสีเขียวถูกพื้นศิลา คลื่นควันสีเขียวก็พวยพุ่งออกมา
ภายใต้ควันเขียว ศิลาดำที่สมบูรณ์ถูกควันเขียวกัดกร่อนจนเกิดเสียงฉ่า เหมือนน้ำตาลถูกละลายด้วยน้ำร้อน
“โอว..ตายแล้ว!” เย่ว์หยางตกใจ
ไม่แปลกใจที่สัตว์อสูรธรรมดาจะถูกฆ่าภายในชั่ววินาที เมื่อพวกมันพบกับจ้าวสัตว์อสูรทอง นี่ดูเหมือนไม่ใช่เรื่องที่พูดเกินจริง พิษของไคเมรา 3 หัวรุนแรงกว่าพิษของดอกหนามถึงร้อยเท่า เป็นไปได้ว่าเจ้าไคเมรา 3 หัวนี้คงมีความสัมพันธ์กับเอเลียนมั้ง? แต่เฉพาะเลือดของเอเลียนเท่านั้นที่กัดกร่อนนี่นา น้ำลายของมันไม่รุนแรงอะไร ตามคาด นี่สมกับที่ถูกเรียกว่า จ้าวสัตว์อสูรทองระดับ 6 มันน่าหวาดหวั่นจริงๆ ถ้าสัตว์อสูรธรรมดาอย่างโคเงาชั้นทองแดงโดนปากที่เต็มไปด้วยพิษกัดแล้ว แม้มันจะไม่ตาย แต่ก็อาจพิการก็ได้
ขณะที่สำหรับฝีมืออย่างฮุยไท่หลาง ถ้ามันบุ่มบ่ามเข้าไปสู้กับไคเมรา 3 หัวตามลำพังก็เหมือนบริการเสริฟอาหารให้มันถึงที่
ถ้าไม่ได้ฟังข้อมูลจากสตรีชุดไหมเมื่อเขาเข้าไปเอาคทาแห่งความเงียบมาก่อนที่จะไปเผชิญหน้ากับกรดชนิดนี้ การสู้กับไคเมรา 3 หัวอาจเป็นการฆ่าตัวตายก็ได้
บุรุษผอมที่ชื่อเย่คง อาจโดนน้ำลายของไคเมรา 3 หัวนี้เล่นงานเมื่อคราวเขาท้าประลองที่วิหารราศีเมษ
“โฮ่ง!”
หัวสิงห์ที่มีเปลวไฟตรงกลางพ่นลูกไฟที่ระเบิดได้มาตรงเท้าของเย่ว์หยาง ถ้าไม่ใช่เพราะมีโล่ห์ป้องกันไว้ ร่างน้อยๆ ของเย่ว์หยางคงโดนเป่ากระเด็นไปแล้ว เย่ว์หยางเหงื่อตกทันที ไม่ใช่แค่พ่นพิษเท่านั้น แต่มันพ่นลูกไฟได้ด้วย เขาคงไม่สามารถรับความเปลี่ยนแปลงนี้ได้
โชคดี ที่หัวแกะด้านขวามันเงียบมากและไม่มีการตอบสนอง
ขณะที่เย่ว์หยางวิ่ง เขาคิดอย่างชั่วร้ายว่า ถ้าเขาสามารถจับไคเมรา 3 หัวได้จะไปดำเนินกิจการละครสัตว์คงเก็บค่าเข้าชมได้มาก
ในความเป็นจริง ไคเมรา 3 หัว ไม่สนคนขี้ขลาดไร้ยางอายชื่อเย่ว์หยางเลย ในฐานะจ้าวสัตว์อสูร ตราบเท่าที่ดินแดนมันไม่ถูกบุกรุก ก็ยังนับว่าดี ขณะที่แมลงตัวจ้อยที่คอยมาไต่ตอม มันไม่ได้สนใจจริงๆ ในสายตาของมัน ผู้ท้าประลองก็คือแมลงตัวน้อยที่ชอบเคลื่อนไหวอย่างโง่ๆ ถือดาบเท่าไม้จิ้มฟันเรียกสัตว์อสูรตัวเท่าหนู ประเมินความสามารถตัวเองสูงเกินไปแล้วเข้ามาโจมตีไคเมรา เมื่อมันเห็นเย่ว์หยางหายไป มันอ้าปากหาวแล้วนอนลงอย่างสบายอีกครั้งจากนั้นจึงฝันหวานต่อไป
ทางเดินด้านซ้ายยาวประมาณ 100 เมตรและเป็นสีดำสนิท ถ้าไม่ใช่เป็นเพราะเย่ว์หยางเคยเข้าไปอยู่ในพื้นที่มืดมิดกับนางพญาเฟ่ยเหวินหลีทำสัญญาวิญญาณโลหิต จนได้ทักษะมองเห็นในความมืดของนางพญาเฟ่ยเหวินหลีมาด้วย เขาจึงเดินในที่มืดมิดได้ในตอนนี้
ด้านข้างห้องโถงใหญ่ ใหญ่มากพอๆ กับสนามบาสเก็ตบอล มีมนุษย์หัวแกะอยู่ข้างในไม่กี่สิบคน
มนุษย์หัวแกะเหล่านี้แตกต่างจากพวกข้างนอก ขณะที่พวกเขาเห็นเย่ว์หยางพรวดพราดเข้ามา พวกมันแปลงร่างทันที ใช้เวทแปลกๆ จากมนุษย์หัวแกะเปลี่ยนเป็นทาคิน (สัตว์ประจำชาติภูฏาน คล้ายแพะไม่มีเครา) เขาของมันคม โค้งงอน่ากลัวกว่าหอกที่ทหารม้าใช้ เมื่อพวกมันลดหัวลง พวกมันจะวิ่งเข้าใส่ผู้บุกรุก
“ฮุยไท่หลาง, หันก้นพอแกไปล่อพวกมัน ปล่อยให้พวกมันวิ่งชนซะ..”
เย่ว์หยางไม่ใส่ใจว่าฮุยไท่หลางหลังจากได้ยินเขาพูดคำนี้ มันจะรู้สึกอย่างไร เขาไม่มีเวลาไปยุ่งกับมัน
พอเห็นทาคินวิ่งเข้ามาใกล้ เขาสั่งให้โคเงาโดดให้สูงเท่าที่จะทำได้ จากนั้นพอนางย่ำลงพื้นแล้วก็เข้าโจมตีพวกมันทั้งหมดด้านหลังฮุยไท่หลาง เกือบทันทีทันใดเย่ว์หยาง เย่ว์หยางตัดสินใจเคลื่อนไหวอย่างดีที่สุด เพียงแต่ตอนนี้เย่ว์หยางสังเกตว่า เขามีพรสวรรค์ในการต่อสู้ แต่น่าเสียดายที่ว่าเขาไม่สามารถเข้าต่อสู้ได้โดยตรง มิฉะนั้นเขาคงใช้กลยุทธ์ได้ดีกว่านี้
พวกทาคินทุกตัวยกเขาโค้งเกลียวของมันเล็งมาที่ฮุยไท่หลางแล้ววิ่งใส่มันอย่างกะพายุ มันน่ากลัวมากจนแทบทำจะทำให้ฮุยไท่หลางหัวใจวาย มันไม่กล้าหันก้นให้ทาคินพวกนี้ นั่นมันเหมือนหาที่ตายชัดๆ มันหันก้นหนี พลางภาวนาว่าน่าจะมีขามากกว่า 4 ข้าง
โคเงากระโดดสูงขึ้นไปกลางอากาศ ร่างยักษ์ของนางตกลงมาทับพวกมันขณะที่นางดูเหมือนภูเขาลูกหนึ่ง
พลังเตะของโคยักษ์กับแรงกระแทกพื้นดุจอัสนีบาตรตอนที่ลงมาที่พื้นอย่างเต็มกำลัง บวกกับแรงเสริมของเงายักษ์ นางใช้วิชาเฉพาะตัว “พลังกระทืบ” ด้วยพลัง 100 เท่า
“โฮ่ง!”
พื้นศิลาดำที่ถูกกระทืบถูกทุบ เกิดรอยแยกร้าวเป็นรูปใยแมงมุมไปทั่ว พื้นสะเทือนจนทำให้ห้องโถงสั่นไปทั้งห้อง
ขณะที่คลื่นกระแทกกระจายไป พลังนั้นทำให้เย่ว์หยางผู้กำลังชมดูอยู่ด้านข้างถึงกับปากอ้าตาค้าง
ช่างเป็นพลังที่น่ากลัวจริงๆ
พวกทาคินที่อยู่ใต้เท้าโคเงาบี้แบนกับพื้นทันที
ซากศพของทาคินที่ถูกย่ำอยู่ใต้เท้าไม่อาจจะจำแนกได้ บางตัวกลายเป็นเลือดเนื้อเลอะเลือนทันที ขณะที่ทาคินที่อยู่ห่างออกไปจากศูนย์กลางแรงกระแทกออกไป ก็ถูกคลื่นกระแทกจนกระเด็นออกไปหลายเมตรและยังไม่สามารถลุกขึ้นมาได้ ทาคินอื่นๆ แม้จะอยู่ห่างออกไปถูกคลื่นกระแทกสะกดจนหยุดนิ่งเกิดอาการมึงงงเคลื่อนไหวไม่ได้ โคเงาทำตามคำแนะนำของเย่ว์หยางอย่างเคร่งครัด ไม่ได้ดำเนินการฆ่าต่อ แต่วิ่งก้าวยาวๆ ไปช่วยฮุยไท่หลางที่กำลังหนีเอาชีวิตรอด แม้ว่าทั้งคู่จะเป็นสัตว์อสูรระดับ 3 ชั้นทองแดง แต่ความแข็งแกร่งของโคเงากับฮุยไท่หลางต่างกันคนละระดับ ไม่ใช่เพียงแค่นั้น ฮุยไท่หลางยังถูกตัดสินว่าเป็นหนึ่งในสัตว์อสูรคุณภาพสูงระดับ 6 ดาว ถ้ามันถูกแปลงเป็นอสูรระดับ 3 ชั้นทองแดงทั่วๆ ไป มันอาจจะไม่คู่ควรแม้แต่จะถือรองเท้าต่อหน้าโคเงาด้วยซ้ำ
ทาคินไม่กี่ตัวยังคงไล่กวดฮุยไท่หลางใกล้เข้าไปจนเกือบจะขวิดก้นของฮุยไท่หลางได้แล้ว แต่ก็ถูกโคเงาที่ไล่ตามมาทันย่ำจนบี้แบน
เมื่อภัยคุกคามก้นมันคลี่คลายไป ฮุยไท่หลางกระโจนใส่ทาคินอีกครั้ง
มันกระโจนเข้าหาทาคินตัวที่ใกล้ที่สุดและกัดคอของมัน แววตากระหายเลือดของมัน เหมือนกับจะฟ้องว่า “ที่ข้ากัด ไม่ใช่ลำคอ แต่เป็นความเดียวดาย”
ทาคินตัวอื่นวิ่งเข้ามาและลดหัวลงวิ่งเข้าหามัน, ฮุยไท่หลางโดดอย่างแคล่วคล่องและใช้กรงเล็บของมันเฉือนทาคิน
ก่อนอื่น มันทำลายตาของศัตรูก่อน จากนั้นใช้วิธียืมแรงโน้มถ่วงกระโจนเข้าหาทาคินตัวที่ใหญ่กว่า หมาป่าอ้าปากอวดเขี้ยวที่แหลมคมของมันแล้วกัดศัตรูของมันจนปางตาย ฮุยไท่หลางต่อสู้กับหมอผีหัวแกะที่แปลงกายเป็นทาคินด้วยตัวมันเอง เป็นไปไม่ได้ที่มันจะทำได้สำเร็จเองได้ทั้งหมด แต่ก็เกินพอที่จะจัดการพวกทาคินได้ครั้งละ 3 ตัว ที่สำคัญที่สุดมันเป็นหมาป่าปีศาจหลังเหล็กแปรสภาพ ที่ดูดซึมไอปีศาจของจ้าวปีศาจฮาซินและยังเต่างจากสัตว์อสูรระดับ 3 ชั้นทองแดงทั่วไปอีกด้วย
เย่ว์หยางไม่มีเวลาจะไปวุ่นวายกับวิธีการต่อสู้ และในใจเขาแค่ต้องการหาคทาแห่งความเงียบให้พบ
เดิมทีเขาคิดว่าคทาแห่งความเงียบน่าจะอยู่ในกลางห้องโถง หรือในหีบสมบัติ แต่เมื่อเขาเปิดมัน..
ไม่ว่ากรณีไหน ก็ไม่มีเลย
คทาแห่งความเงียบถูกแขวนไว้บนผนังสูง ไม่แต่เพียงแค่นั้น คทาไม่ได้มีแค่ด้ามเดียว แต่มีถึง 3 ถ้ามีคนหยิบมันผิด อาจจะไปกระตุ้นให้กับดักทำงานและชีวิตคนผู้อาจจบลงแค่นั้น
จะหาของจริงได้อย่างไร?
บนผนังที่แขวนคทาแห่งความเงียบแต่ละด้ามไว้ จะทิ้งตัวอักษรบอกใบ้ไว้ชุดหนึ่ง ซึ่งถือว่าเป็นคำแนะนำให้ผู้ท้าประลอง
เมื่อเย่ว์หยางมองที่มัน เขาแทบอยากเอาศีรษะโขกพื้นนัก ไอ้ของพรรค์นี้ก็เลียนแบบคนอื่นมาไม่ใช่หรือ? เล่นทายเกมปริศนาด้วยชีวิต เขาประท้วงต่อต้านเทพเจ้าที่ไม่ซื่อ ซึ่งร่วมกันสร้างหอทงเทียนขึ้นมา โอวสวรรค์.
************************