ตอนที่ 473 รบกับจักรพรรดิสมุทร
คลื่นอัดกระแทกที่น่ากลัวจากการต่อสู้ระหว่างยอดนักสู้ปราณก่อกำเนิดทั้งสองแผ่กระจายออกไป
เป็นพลังที่สามารถย้ายภูเขาเคลื่อนทะเลได้ ถ้าไม่ใช่เพราะความจริงที่ว่าหุบเขาแก้วผลึกเกิดจากผลึกเนื้อดีแท้แล้ว ก็คงจะพินาศถล่มราบเป็นหน้ากลองแน่
แท่งแก้วผลึกจำนวนมากปลิวว่อนอยู่ในอากาศ
แม้แต่ผู้พิทักษ์โบราณก็ถูกฉีกกระชากขาดเป็นชิ้นหากพวกเขาอยู่ในแนวของคลื่นกระแทก
เย่ว์หยางโชคดีพอเก็บซากมนุษย์ผลึกได้สองซาก แต่ไม่ช้าก็ตระหนักว่าเขาไม่สามารถเอาวิญญาณของมนุษย์ผลึกทั้งสองเหล่านี้ไปได้
ทันทีที่เขาเก็บซากไว้ในแหวนแพลตตินัมของเขา วิญญาณของมนุษย์ผลึกก็หนีทันทีและเข้าไปเกิดใหม่ในกองแก้วผลึกอื่น บางทีอาจเป็นผลมาจากข้อจำกัดที่นี่ทำให้พวกมันไม่สามารถไปจากหุบเขาแก้วผลึกได้และพวกมันอาจเป็นสิ่งมีชีวิตที่คงอยู่ได้เฉพาะในหุบเขาแก้วผลึกเท่านั้น แม้กระนั้นเย่ว์หยางก็ยังเก็บรวบรวมซากของพวกมันเอาไว้มาก ด้วยการค้นคว้าในระดับลึกยิ่งขึ้น โครงสร้างร่างกายของมนุษย์ผลึกเหล่านี้อาจเป็นแรงบันดาลใจทำให้ความปรารถนาข้อที่สามซึ่งเป็นข้อสุดท้ายของเย่ว์กงบรรลุผลก็ได้
เย่ว์หยางยังคงรวบรวมเศษแท่งแก้วผลึกที่แตกหัก
พลังงานจากแก้วผลึกเหล่านี้จะเป็นประโยชน์ต่อสุ่ยอู๋เหินภรรยาของเขา
นางเซียนหงส์ฟ้า, เจ้าเมืองโล่วฮัว, องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนและเสวี่ยอู๋เสียต่างก็มีกระบวนการฝึกของตนเอง แม้ว่าหญิงงามอู๋เหินจะไม่ได้เป็นกำลังหลักในการสู้ แต่เย่ว์หยางรู้สึกว่าจำเป็นต้องให้นางยกระดับ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในตอนนี้ เขาได้แก้วผลึกพลังงานคุณภาพสูงอย่างนี้ ไม่มีอันตรายในการเก็บ เนื่องจากมีอยู่เกลื่อนกลาดมากมาย
อย่างไรก็ตาม สิ่งที่เย่ว์หยางเพ่งมองมากที่สุดก็คือบัวแก้วผลึกที่กำลังงอกอยู่ในหุบเขาช้าๆ นี่คืออุทกแม่พระธรณีหมื่นปีซึ่งกำลังถือกำเนิด
อีกภายในห้านาที…
อุทกแม่พระธรณีที่น่ามหัศจรรย์กำลังจะบังเกิด
ใกล้จะถึงช่วงการเติบโตช่วงสุดท้ายแล้ว ดังนั้นแม้แต่แรงอัดกระแทกจากการต่อสู้ระหว่างสุดยอดนักสู้ปราณก่อกำเนิดทั้งสองคนก็มิอาจหยุดการก่อกำเนิดในตอนนี้ได้ คลื่นอัดกระแทกไม่สามารถสร้างความเสียหายให้กับบัวแก้วผลึกซึ่งยังขยายโตขึ้นไม่หยุด รอบๆ บัวแก้วจะมีแท่งแก้วผลึกจำนวนมากยื่นออกมาจากพื้นผลึกและทำหน้าที่เหมือนองครักษ์ป้องกันแรงกระแทกจากคลื่นพลัง
ทั่วทั้งหุบเขาแก้วผลึกอบอวลไปด้วยกลิ่นหอมจนสุดจะพรรณนา
มันไม่กระจายไปตามสายลม
ไม่ใช่กลิ่นระเหยหอมของดอกไม้ แต่เป็นกลิ่นหอมธรรมชาติที่แทรกซึมไปถึงวิญญาณและบำรุงชีวิตทุกรูปแบบ
มนุษย์แก้วผลึกเหล่านั้นที่มีร่างกายแตกหักก็ฟื้นฟูสภาพร่างกายอย่างรวดเร็วภายใต้พลังกลิ่นหอมราวกับสรวงสวรรค์นี้… พวกเขารายล้อมบัวแก้วผลึกไว้และปกป้องขณะที่พวกมันรอการอุบัติของอุทกแม่พระธรณีหมื่นปี
บัวผลึกยังคงเติบโตและส่งกลิ่นหอมรุนแรงขึ้นในแต่ละวินาทีที่ผ่านไป
ในอากาศ การต่อสู้ระหว่างจักรพรรดิสมุทรก้วนหลานและชายชราเสื้อปออันซีลากยาวมาถึงที่สุดแล้ว เห็นได้ชัดเจนว่าจักรพรรดิสมุทรแข็งแกร่งกว่าเนื่องจากเขาเริ่มได้เปรียบแล้ว
เย่ว์หยางไม่ได้แทรกแซงเข้าไปทันที แต่เขากับเก็บรวบรวมซากของอสูรยักษ์ที่ตายไว้ในแหวนแพลตตินัม เขาไม่ยอมเหลือไว้กระทั่งเศษแขนขาที่ขาด และพยายามดึงเอาเลือดที่เปรอะผลึกในร่างพวกมันออก จากนั้นก็เก็บร่างพวกมัน อสูรทั้งหมดของจักรพรรดิสมุทรและของชายชราชุดปออยู่ในระดับเพชรทั้งนั้น ดังนั้นนี่ทำให้ซากอสูรพวกนี้เป็นอาหารเสริมชั้นยอดสำหรับนางพญาดอกหนามมงกุฎทอง, ฮุยไท่หลางและกระทั่งตั๊กแตนมัจจุราชและภูตเพลิงปฐพี ดังนั้นเย่ว์หยางจะพลาดโอกาสดีๆ เช่นนี้ได้ยังไง? ด้วยว่าการรบกับราชาเฮยอวี้ใกล้เข้ามาแล้ว เย่ว์หยางต้องเพิ่มพลังให้อสูรของเขา
เทียบกับจักรพรรดิสมุทรแล้ว การสู้กับราชาเฮยอวี้ที่เป็นนักสู้ปราณก่อกำเนิดฟ้าระดับหนึ่งหรืออาจเป็นระดับสอง ยังน่ากลัวกว่ามาก
บึ้ม! บึ้ม!
เมื่อเสียงระเบิดครั้งที่สามดังขึ้น ชายชราชุดปออันซีก็ร่วงลงมาจากอากาศเหมือนกับดาวตก
เขากระแทกกับพื้นแก้วผลึกดังตุ้บ ขณะที่พื้นที่ผลึกที่เขาร่วงลงไปกลายเป็นโพรงรอบๆ พื้น
รอยร้าวแผ่กระจายไปทุกที่และขยายลามมาถึงเท้าเย่ว์หยาง เขามองดูชายชราชุดปอและตระหนักได้ว่ามีรูอยู่บนอกของเขา ดูเหมือนหัวใจของเขาถูกกระแทกอย่างหนักหน่วงที่สุด นอกจากนั้นกะโหลกศีรษะและกระดูกสันหลังของเขายังถูกจักรพรรดิสมุทรฟาด
แม้ว่าอันซีมือสังหารอันดับหนึ่ง จะใช้พลังทั้งหมดของเขาสู้กับจักรพรรดิสมุทรผู้เป็นหนึ่งในห้าจักรพรรดิแห่งหอทงเทียน เขาก็ยังพ่ายแพ้ในที่สุด
เขากระอักเลือดออกจากปาก อันซีจ้องมองเย่ว์หยางด้วยนัยน์ตาที่ไร้ประกาย ส่งสัญญาณให้เขาว่าตอนนี้ทุกอย่างฝากไว้ในมือของเขา
ชายชราชุดปออยู่ไม่ห่างจากความตายเท่าใดนัก
เขาแค่ปรารถนาเห็นเย่ว์หยางฆ่าจักรพรรดิสมุทรต่อหน้าก่อนเขาจะตาย
เย่ว์หยางมองขึ้นไปและตระหนักว่าจักรพรรดิสมุทรก้วนหลานผู้แข็งแกร่งก็อยู่ในสภาพอนาถพอกัน จักรพรรดิสมุทรสวมใส่ชุดเกราะชั้นศักดิ์สิทธิ์ เกราะของจักรพรรดิสมุทรแม้จะเป็นสมบัติชั้นศักดิ์สิทธิ์ แต่มีดชั้นศักดิ์สิทธิ์ก็เสียบอกทะลุหลังเขา นี่คือการโจมตีครั้งสุดท้ายของอันซี แม้ว่าจักรพรรดิสมุทรจะได้รับการปกป้องโดยเกราะชั้นศักดิ์สิทธิ์และอสูรพิทักษ์ของเขาจ้าวมังกรทองสามหัว แต่เขาไม่สามารถหลบท่าสังหารนี้ได้ แม้ว่ามีดนี้จะแทงเข้าหัวใจของเขา แต่จักรพรรดิสมุทรก็ไม่ล้มลง เนื่องจากเขาย้ายตำแหน่งหัวใจของเขาในไม่กี่วินาทีก่อนอันซีโจมตีใส่เขา ดังนั้นจึงหลบรอดท่าสังหารของอันซีได้
กริชสังหารเทพชั้นศักดิ์สิทธิ์ย่อมแข็งแกร่งกว่าเกราะจักรพรรดิสมุทรที่เป็นสมบัติระดับศักดิ์สิทธิ์คล้ายกันอย่างมิต้องสงสัย
เกราะจักรพรรดิสมุทรเป็นสมบัติชั้นศักดิ์สิทธิ์คุณภาพสูง ขณะที่กริชสังหารเทพก็เป็นสมบัติระดับสุดยอด
เมื่อสมบัติทั้งสองเหล่านี้ปะทะกัน กริชสังหารเทพพิสูจน์แล้วว่าแข็งแกร่งกว่า
น่าเสียดาย อันซีสู้ด้วยพละกำลังทั้งหมดเขาก็ยังไม่สามารถฆ่าศัตรูเก่าก้วนหลานได้
จักรพรรดิสมุทรดึงกริชสังหารเทพออกและโยนมันทิ้งไป ไม่มีใครสามารถใช้กริชสังหารเทพซึ่งยอมรับเขาเป็นเจ้านายจนกว่าเขาจะตาย จักรพรรดิสมุทรที่บาดเจ็บที่กะโหลกค่อยๆ ลอยลงมาบนพื้นต่อหน้าเย่ว์หยาง
เขามีร่างกายสูงใหญ่เกินกว่าสองเมตร
เขาดูงามสง่ากับผมดำพริ้วไสวกับสายลม
ร่างเป็นมันของเขาเหมือนกับภูเขาเต็มไปด้วยพลังงาน อย่างไรก็ตาม แขนขาของเขากลับไม่บึกบึนเหมือนนักกล้ามค่อนข้างจะเรียวบางมากกว่า เขาเป็นหนึ่งในไม่กี่คนของผู้ที่มีรูปลักษณ์เหมือนจักรพรรดิ ต่อให้เขาไม่พูด กลิ่นอายรอบตัวเขาก็บอกได้
ตาของเขากระจ่างใสชัดมีประกายสีทองล้อมรอบม่านตา เป็นเหมือนกับว่าเขาสามารถเห็นคนได้หมดแค่เพียงเหลือบตา
เครื่องแต่งกายในชุดเกราะชั้นศักดิ์สิทธิ์ ทำให้เขาดูสง่างามและสูงส่ง เย่ว์หยางพบเห็นราชามาไม่น้อย แต่ไม่พบว่าผู้ใดจะโดดเด่นน่าเกรงขามเหนือจักรพรรดิสมุทรเลย
แม้จุนอู๋โหย่วจะดูน่ากลัวเช่นกัน แต่เขายังอยู่ห่างไกลยิ่งนักเมื่อเทียบกับจักรพรรดิสมุทร
ซุ่นเทียน จักรพรรดิแห่งจื่อเว่ย ก็ยังดูอ่อนแอมากกว่า
แม้แต่จ้าวปีศาจบารุธก็ยังไม่อาจเทียบได้
มีเพียงคนเดียวที่เด่นล้ำเหนือกว่าจักรพรรดิสมุทร ไม่ใช่ราชาเฮยอวี้ แต่เป็นจักรพรรดิที่มีสถานะเท่าเทียมกับจักรพรรดิอวี้เมื่อหกพันปีที่แล้ว ก็คือจักรพรรดิชื่อตี้
ไม่จำเป็นต้องพูดถึงจักรพรรดิชื่อตี้ นั่นปีศาจร้ายชัดๆ
เรียกเขาว่าจักรพรรดิก็ดูเหมือนยังไม่อาจอธิบายถึงตัวตนเขาได้ เขาเป็นนักสู้ระดับกึ่งเทพได้แน่นอน แม้ในสภาวะที่เขาอ่อนแอที่สุด เขาก็ยังสามารถกดดันซุ่นเทียนและองค์ชายเงาดำต้องก้มหัวให้ด้วยรังสีคุกคามของเขา เทียบราชาเฮยอวี้และจักรพรรดิชื่อตี้แล้ว คนหนึ่งเป็นแม่ทัพ ส่วนอีกคนหนึ่งเป็นจอมคน พวกเขาไม่มีทางเทียบกันได้เลย
แม้ว่าจักรพรรดิสมุทรจะยังไม่เทียบเท่าจักรพรรดิชื่อตี้นักสู้ปราณก่อกำเนิดผู้มีพลังเหลือล้น แต่ก็ไม่มีผลกระทบต่อเขาผู้กุมอำนาจเหนือพื้นที่สมุทรในหอทงเทียนระดับสูง
ก้วนหลานเป็นจักรพรรดิสมุทรในโลกนี้คนเดียวแน่นอน
ไม่มีผู้ใดสามารถยับยั้งการปรากฏตัวของเขาได้
จักรพรรดิสมุทรยืนอยู่ต่อหน้าเย่ว์หยาง แม้เพียงชั่วขณะนี้ เมื่อเขาเพิ่งเสร็จสิ้นการต่อสู้เสี่ยงชีวิตกับอันซี เขาก็ยังคงมีความหยิ่งผยองเหมือนเคย
“เจ้าต้องการฆ่าข้าใช่ไหม?” ก้วนหลานถาม
“ถ้าท่านปล่อยให้ข้าได้อุทกแม่พระธรณีหมื่นปีไป ข้าอาจไม่ต้องสู้กับท่าน” เย่ว์หยางพูดบางอย่างที่ไม่สามารถทำได้
“ทำไมข้าต้องปล่อยให้เจ้าทำเช่นนั้น?” จักรพรรดิสมุทรก้วนหลานไม่ได้โกรธ เนื่องจากยังมีเวลาสามนาทีก่อนอุทกแม่พระธรณีกำเนิด เขาใช้เวลาของเขาถามเย่ว์หยาง
“ก้วนหลาน! ข้าคิดว่าท่านเข้าใจ แม้จะไม่พูดออกมาก็ตาม ท่านใช้ศักยภาพของตนเองไปหมดแล้ว ดังนั้นท่านไม่อาจก้าวหน้าไปมากกว่านี้ได้ แม้ว่าท่านจะสามารถบรรลุขอบเขตปราณก่อกำเนิดฟ้าระดับหนึ่งก็ตาม ท่านก็ไม่มีทางก้าวหน้าได้แต่อย่างใด ยกเว้นได้รับของพิเศษอย่างโลหิตเทพหรืออุทกแม่พระธรณีอีกครั้ง อาจกล่าวได้ว่าเป็นการเสียของเปล่าๆ ถ้าหากท่านกินอุทกแม่พระธรณี นอกจากนี้มันจะกลายเป็นบาปที่ไถ่ถอนไม่ได้เพราะท่านกลืนกินมันลงไป ข้ายังอายุเยาว์กว่าท่าน มีศักยภาพมากกว่าท่าน อนาคตของข้าก็ไม่มีจำกัด ดังนั้น ทำไมข้าจะต้องปล่อยให้ท่านได้ไปเล่า ในอดีต ท่านหักหลังพวกพ้องของตนเองเพื่อความสำเร็จของตัวเจ้าเอง จึงทำให้ท่านมีสถานะถึงวันนี้ ในอนาคตข้าจะไม่อ่อนแอกว่าท่านแน่ ข้ามีแต่จะแข็งแกร่งขึ้นอย่างเดียว แล้วทำไมจะต้องปล่อยให้ท่านได้อุทกแม่พระธรณีไปเล่า? แม้ว่าข้าอาจจะเห็นแก่ตัว แต่เทียบกับการทรยศหักหลังของท่านแล้ว ข้ายังดีกว่าเยอะ” เย่ว์หยางหยุดเล็กน้อยก่อนจะพูดต่อไป “แม้ว่าข้าจะยกให้ท่าน ท่านก็จะฆ่าข้าอยู่ดี เพราะท่านไม่สามารถทนมองดูข้าเติบโตแกร่งกล้าแซงท่านได้ ครั้งหนึ่งธิดาของท่านเคยถามข้า ทำไมข้าจึงต้องฆ่าท่านด้วย? ถ้าท่านไม่บีบบังคับให้ข้าต้องทำเช่นนี้ ข้าก็จะไม่ก่อเรื่องลำบากใจอะไรเลย แต่การเติบโตกล้าแข็งของข้าก็เนื่องมาจากแรงกดดันของผู้อาวุโสอย่างพวกท่าน ให้ข้ากล่าวโดยสรุปก็แล้วกัน ก้วนหลาน! ท่านไม่ใช่ผู้แข็งแกร่งที่สุด ไม่ใช่ผู้มีพรสวรรค์ที่สุด ถ้าท่านต้องการเป็นจ้าว หรือขัดขวงคนอื่นๆ ท่านจะต้องพลาดพลั้งล่มสลายแน่นอน”
“แน่นอน” จักรพรรดิสมุทรพยักหน้าขณะที่เขายืนยันความคิดของเย่ว์หยาง “คำถามสุดท้าย เจ้าคิดว่าเจ้าสามารถฆ่าข้าได้ไหม?”
“ข้าไม่มีความมั่นใจในชัยชนะ เมื่อใดก็ตามที่ข้าสู้กับนักสู้ปราณก่อกำเนิดชั้นยอด แต่ยังดีที่ข้ายังอายุน้อย ข้าสามารถแพ้ได้ ด้วยประสบการณ์ที่ข้าจะได้รับ ข้าสามารถสู้ได้อีกครั้งหนึ่ง ตราบใดที่ข้าไม่กลัวการต่อสู้ ในที่สุดชัยชนะก็จะตกเป็นของข้าด้วยความเพียรพยายาม” เย่ว์หยางตอบ
มีเวลาเพียงสองนาทีก่อนอุทกแม่พระธรณีจะอุบัติ
ตอนนี้ บัวแก้วผลึกยักษ์งอกสูงเลยจุดสูงที่สุดของหุบเขาแก้วผลึก ขณะที่แท่งแก้วผลึกจำนวนมากชี้ไปที่ท้องฟ้า
พลังงานของกลิ่นหอมรุนแรงปกคลุมไปทั่วหุบเขาแก้วผลึก
แสงนุ่มนวลฉายออกจากบัวแก้วผลึกและค่อยๆ กลายเป็นพลังงานสะสมที่รุนแรงขึ้นรอการกำเนิดของอุทกแม่พระธรณีหมื่นปี
จักรพรรดิสมุทรก้วนหลานเพ่งดูบัวผลึกในที่ไกล ขณะที่เขาพยักหน้าอย่างผิดหวัง “ถ้าเพียงแต่เจ้าเป็นลูกชายข้า ข้าคงจะยอมปล่อยให้เจ้าได้ไป”
หลังจากพูดจบประโยค จักรพรรดิสมุทรก็เริ่มลงมือ
เขาเปล่งแสงเจิดจ้ายิ่งกว่าแสงอาทิตย์
เย่ว์หยางปลดปล่อยพลังปราณก่อกำเนิดระดับสี่ทันที พลังปัจจุบันของเขาเทียบเท่าปราณก่อกำเนิดระดับเก้า แม้ว่ายังห่างไกลจากสุดยอดพลังปราณก่อกำเนิดระดับสิบของจักรพรรดิสมุทร แต่ด้วยความช่วยเหลือของเกราะเพลิงอมฤต, วงจักรล้างโลกและปราณกระบี่ไร้ลักษณ์ เขามั่นใจว่าสู้กับจักรพรรดิสมุทรได้ แม้ว่าจะต้องทุ่มเทราคาไปอย่างสูง แต่เย่ว์หยางก็จะต้องเอาชนะจักรพรรดิสมุทรก้วนหลานและชิงอุทกแม่พระธรณีมาให้ได้
“ฆ่า!” พร้อมกับเสียงตะโกน เย่ว์หยางและจักรพรรดิสมุทรก็พุ่งเข้าหากัน ขณะที่ทั้งสองต่อสู้อย่างสุดกำลัง
อีกเพียงหนึ่งนาทีครึ่ง อุทกแม่พระธรณีจะถือกำเนิด
การต่อสู้ระหว่างเย่ว์หยางและจักรพรรดิสมุทรก้วนหลานเริ่มขึ้นอย่างเป็นทางการแล้ว!
********************