ตอนที่ 480 สมบัติที่ดีที่สุด?
โลงทอง
หลังจากตรวจสอบโลงทองเป็นเวลานานเย่ว์หยางและสาวงามอู๋เหินก็ตระหนักว่าอักษรรูนนั้นมีความซับซ้อนมาก มีจุดเชื่อมโยงนับสิบๆ จุดและวงแหวนอักษรรูนใหญ่อีกสามวง
ยิ่งกว่านั้น วงแหวนเหล่านั้นแต่ละวงจะประกอบด้วยจุดเชื่อมโยงที่เป็นจุดเริ่มต้นและจุดสิ้นสุด
มีความสมดุลและลึกซึ้ง
มันซับซ้อนมากและแตกต่างจากวงเวทอักษรรูนธรรมดาอย่างสิ้นเชิง
แม้แต่วงเวทอักษรรูนใต้สุสานทะเลก็ว่ามีปริมาณที่มากอยู่แล้ว แต่ก็ยังมิอาจเทียบได้กับวงเวทนี้
เพื่อจะปลดผนึกนั้น เย่ว์หยางแค่ต้องปลดให้ได้ผนึกเดียวก่อน ปฏิกิริยาลูกโซ่ที่ตามมาทำให้ไม่ต้องใช้ความพยายามมาก เย่ว์หยางใช้เวลาไม่กี่นาทีก็ปลดผนึกได้สำเร็จ
อย่างไรก็ตาม ไม่อาจใช้กับกรณีผนึกโลงทองได้เลย
บางทีคงทำไม่ได้ง่ายๆ ภายในไม่กี่ชั่วโมงแน่
ขณะที่อู๋เหินตรวจสอบดู นางยังคงลอกแบบวงเวทอักษรรูนไว้ นางมีสัญชาตญาณที่ไม่ธรรมดา นางรู้สึกว่าวงแหวนอักษรรูนที่เชื่อมโยงกันทั้งสามนี้อาจจะมีประโยชน์อย่างมากในอนาคต ดังนั้นนางจึงตั้งใจมากกว่าปกติ
หลังจากผ่านไปสองชั่วโมง เย่ว์หยางและอู๋เหินยังไม่สามารถปลดผนึกวงแหวนส่วนที่ง่ายที่สุดได้เลย จะแก้วงเวทรูนใหญ่ทั้งสามได้คงต้องช้เวลาอย่างน้อยสามหรือสี่ชั่วโมง เย่ว์หยางและอู๋เหินคิดว่า ยิ่งพวกเขาปลดผนึกมากเท่าไหร่ ก็ยิ่งมีการตอบสนองมากขึ้น พวกเขามีแรงจูงใจสูงและตรวจสอบอย่างต่อเนื่องโดยไม่ได้พัก เมื่อเห็นว่าความคืบหน้าในการเปิดโลงทองเป็นไปช้า เจ้าเมืองโล่วฮัวที่แต่เดิมยังตื่นเต้นอยู่ก็รู้สึกเบื่อ จึงเดินออกมาและตัดสินใจกลับเข้าไปในโลกคัมภีร์เพื่องีบหลับ นางคาดว่านางคงต้องทำศึกรักกับยอดชายของนาง ดังนั้นนางจึงตัดสินใจนอนหลับเอาแรงไว้ก่อน
“พี่สาม, ปลดผนึกได้เมื่อไหร่บอกให้ข้ารู้บ้างนะ!” เย่ว์ปิงยังคงไปฝึกต่อ นางไม่สามารถช่วยอะไรเย่ว์หยางได้มากนัก
“งั้นกลับเข้าไปในโลกคัมภีร์เถอะ อย่ารบกวนพวกเขาเลย” เย่ว์หวี่รู้ว่าเย่ว์ซวงแม่หนูจอมซนคงรบกวนพี่ชายเธอเป็นครั้งคราว บางครั้งเธอจะเอามะพร้าวมาป้อนให้พี่ชาย เดี๋ยวก็ขี่หลังพี่ชายขอให้เขาช่วยเป็นหมู บางทีก็เป็นการรบกวนกระบวนการตรวจสอบของพวกเขา
เย่ว์หยางต้องการย้ายโลงทองกลับเข้าไปในโลกคัมภีร์
หลังจากแยกตัวออกมา เย่ว์หวี่ยังไม่ได้กลับเข้าไปเลย ตอนนี้พอมองย้อนกลับไป นางมีบ้านที่อบอุ่นและสะดวกสบายซึ่งนางยังมีส่วนร่วมด้วยในการก่อสร้าง ทำให้นางรู้สึกอดปลาบปลื้มไม่ได้
ความจริงนางชอบการใช้ชีวิตที่นี่จริงๆ
อย่างไรก็ตาม นางตระหนักได้ว่าไม่สามารถก้าวข้ามบางสิ่งบางอย่าง มิฉะนั้นผลที่ตามมาคงมิอาจคาดคิดได้
นางไม่ได้กังวลเกี่ยวกับคนอื่นๆ แต่กังวลถึงตัวเองมากกว่า… สภาพแวดล้อมมีผลต่อพัฒนาการของผู้คน เนื่องจากชะตานางเป็นเช่นนี้ ดังนั้นนางจึงไม่มีทางเลือก เมื่อเห็นว่าห้องของนางยังคงเหมือนเดิม เย่ว์หวี่รู้สึกปวดใจ นัยน์ตาเริ่มแดง ขณะที่เย่ว์หยางและอู๋เหินยังคงปรึกษากันเรื่องวงเวทอักษรรูนบนโลงทอง นางรีบเช็ดมุมตาของนาง นางยังคงจมจ่อมอยู่กับงานและลอกแบบความเปลี่ยนแปลงบนวงเวทอักษรรูน
บางทีการคอยช่วยเขาเงียบๆ จะเป็นจุดลงเอยที่ดีที่สุดของนาง
อย่าคิดอีกต่อไปเลย ตราบใดที่เขายังอยู่ดี ทุกอย่างก็เป็นไปได้ดี
นางควรจะพอใจอยู่แบบนี้
เย่ว์หวี่ข่มใจตนเอง เป็นไปตามคาด หลังจากนางทิ้งความฟุ้งซ่านออกไป งานของนางก็เพิ่มประสิทธิภาพได้อย่างมาก หลังจากผ่านไปอีกสองชั่วโมง นางลอกแบบวงเวทอักษรรูนทั้งหมดตามวิธีเดียวกับการปลดผนึกวงเวทเหล่านั้น
เย่ว์หยางและอู๋เหินยังคงปรึกษากันครั้งแล้วครั้งเล่า พวกเขารู้สึกว่าควรจะเริ่มเวลาได้แล้ว
“ที่นี่และตรงนี้ ให้เพิ่มดาวไว้ข้างบน เป็นส่วนที่สำคัญทั้งหมด” สาวงามอู๋เหินคาดว่าด้วยพลังของเย่ว์หยาง พวกเขาต้องการเวลาอย่างน้อยสิบนาที
“พวกเจ้าต้องการดื่มน้ำก่อนไหม?” เย่ว์หวี่รินน้ำให้เย่ว์หยางและอู๋เหิน และแนะนำพวกเขาว่าควรจะพักเสียบ้าง
“พี่หวี่, ต้องขอบคุณพระเจ้าที่มีท่านอยู่ที่นี่ ปกติไม่มีใครรินน้ำให้ข้าเลย ถ้าเป็นเฉพาะข้านะ ข้าต้องตามดูแลคุณหนูๆ กันทุกคน” ความคิดเห็นที่ไม่ได้ตั้งใจของเย่ว์หยางทำให้เย่ว์หวี่หน้าแดงเล็กน้อย นางพูดด้วยอาการลนลานเล็กน้อย “เลิกพูดเหลวไหลเถอะ ยังจะมีผู้ใดสร้างความลำบากให้คุณชายสามตระกูลเย่ว์ได้เล่า จากสิ่งที่ข้าเห็น เจ้าก็เป็นเหมือนเจ้านายที่รอให้คนอื่นเข้ามารับใช้เจ้าอยู่แล้ว” ความจริงเย่ว์หวี่วิจารณ์ตามความเป็นจริงทั้งหมด ตามปกติเย่ว์หยางก็แทบไม่ได้ช่วยอะไรเลยในชีวิตประจำวัน เขามัวแต่วุ่นวายเพลิดเพลินกับเรื่องตนเอง
อย่างไรก็ตาม เจ้าเมืองโล่วฮัวและนางเซียนหงส์ฟ้ามักจะคุ้นเคยกับการใช้บริวารที่รับใช้พวกนาง จึงนับว่าเป็นเรื่องยากที่จะเห็นพวกนางรินน้ำให้เย่ว์หยาง
องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนล่ะ?
ถ้านางกระหายน้ำ และแก้วน้ำนางว่างเปล่า นางจะเอาแก้วของเย่ว์หยางมารินใส่แก้วนางเอง หรือบางทีเมื่อนางเห็นเย่ว์หยางกำลังดื่มน้ำ นางจะชิงมาดื่มก่อนสองสามอึก นี่ช่วยให้นางประหยัดเวลาต้องไปรินน้ำด้วยตนเอง
หลังจากฝึกผสานร่างด้วยกันแล้ว องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนยิ่งไม่สนใจแม้จะเป็นของที่เย่ว์หยางใช้มาก่อนก็ตาม
ตามทัศนคติของนางในตอนนี้ ต่อให้ประกบริมฝีปากกินน้ำในปากของเย่ว์หยางก็ยังไม่นับว่ากระไร แน่นอน นี่จำกัดเฉพาะในโลกคัมภีร์เท่านั้น ถ้าพวกเขาออกไปข้างนอก นางคงไม่กล้าทำเช่นนั้น
หญิงงามอู๋เหินรู้วิธีดูแลทุกคน นางดูแลเย่ว์หยางเป็นอย่างดีทุกๆ ด้าน มีแต่ตอนที่นางกำลังวุ่นกับการลอกรูปแบบอักษรรูน หรือเมื่อนางกำลังตรวจสอบตำราเก่าแก่บางเล่ม นางจะจดจ่อจนลืมเย่ว์หยาง ถ้าเย่ว์หวี่อยู่ที่นี่ ด้วยความรอบคอบละเอียดอ่อนของนาง ไม่ใช่แค่เย่ว์หยางเท่านั้น นางสามารถดูแลทุกคนรวมทั้งอู๋เหิน, องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนและเจ้าเมืองโล่วฮัวได้เป็นอย่างดี
ดังนั้น เมื่อเย่ว์หยางยกแก้วน้ำ เขาระลึกถึงจุดดีของเย่ว์หวี่ได้
เย่ว์หวี่เหลือบมองเขา แต่ลึกๆ ในใจแล้วนางยินดี
เด็กคนนี้ไม่ลืมรากเหง้าตนเอง เขายังจำได้ว่าเขายังมีพี่สาวคนหนึ่ง
กระบวนการปลดผนึกเป็นไปอย่างต่อเนื่อง
เมื่อปราณก่อกำเนิดจากมือของเย่ว์หยางโคจรไปทั่ววงเวทอักษรรูนบนโลงทอง ก็มีความสว่างแผ่ออกมาทันที
ไม่มีความจำเป็นต้องใช้แรงบังคับจากภายนอก โลงทองเปิดออกเองโดยอัตโนมัติ ไม่มีมัมมี่กระโดดออกมา ต่างจากที่เย่ว์หยางจินตนาการไว้ อย่างไรก็ตามกลับมีกลิ่นหอมจรุงออกมา ไม่ใช่กลิ่นหอมของดอกไม้ แต่เป็นกลิ่นพลังงานที่สดชื่นแทน คล้ายกับกลิ่นอุทกแม่พระธรณี แต่ไม่บริสุทธิ์หรือหอมเท่ากัน จะคล้ายๆกับกลิ่นของผลึกเหลวร้อยปี แต่ก็มีความแตกต่างไปในตัว
ภายในโลงทองมีกล่องยาวสีเงิน
ขอบหัวและท้ายของกล่องเงินมีฐานตั้งทำด้วยแก้วผลึกลักษณะบานคล้ายดอกไม้เต็มไปด้วยพลัง ดูงดงามมากกว่าเสาผลึกที่หุบเขาแก้วผลึกเสียอีก ไม่เพียงแต่โปร่งแสงเท่านั้น แต่ยังมีแสงสีแตกต่างห้าสี คือสี เขียว, สีน้ำเงินอมเขียว, น้ำเงิน, ม่วงและสีเงิน
“ฐานตั้งแก้วผลึกทั้งสองนี้เหมาะกับท่านมาก อู๋เหิน ข้าคิดมาเป็นเวลานานแล้ว คิดว่าข้าควรเสริมพลังให้ท่านาได้แล้ว” เย่ว์หยางมักรู้สึกเสียใจต่อนางอยู่เสมอ แม้ว่าเขาจะมีโอกาสเสริมพลังให้นาง และเขาได้ฝึกผสานร่างครั้งแรกในฐานะคู่สามีภรรยากับนาง นอกจากนี้ยังได้เรียนรู้หลายอย่างจากนาง อย่างไรก็ตามเนื่องจากความจริงที่ว่าอู๋เหินร่างกายเสียหายไปครั้งหนึ่งเนื่องจากเรียนรู้วงเวทอักษรรูนสวรรค์ เย่ว์หยางจึงต้องใช้ปราณก่อกำเนิดและเพลิงอมฤตรักษานาง แต่เขาไม่เคยมีความสามารถที่อยู่ในสภาพที่ดีที่สุด เย่ว์หยางต้องหาพลังงานแก้วผลึกที่ดีที่สุดเพื่อใช้รักษาร่างกายนางที่เสียหายให้อยู่ในสภาพดีสมบูรณ์ที่สุด ศักยภาพรวมให้พอๆ กับอสูรพิทักษ์ นี่เป็นหนึ่งในความปรารถนาที่เย่ว์หยางต้องทำให้สำเร็จมากที่สุด
“อืม.. นั่นไม่ใช่เรื่องใหญ่จริงๆ ข้าไม่ใช่นักสู้หลักแต่อย่างใด ถึงมีร่างกายอ่อนแอ ก็ไม่ใช่ปัญหาใหญ่” หญิงงามอู๋เหินมีความสุขแน่นอน อย่างไรก็ตาม ด้วยนิสัยอ่อนโยนของนาง ถ้าไม่ใช่เรื่องบังเอิญ นางจะไม่บังคับให้เย่ว์หยางช่วยนางโดยแสวงหาสมบัติเช่นนั้น
“แม้ว่าเราจะไม่ได้รับฐานแก้วผลึกนี้ ข้าก็ได้เก็บแก้วผลึกเป็นจำนวนมากมาจากหุบเขาแก้วผลึกขณะที่น้ำทิพย์และผลึกเหลวร้อยปีก็มีอยู่เช่นกัน อู๋เหิน, ข้าได้บอกไว้ก่อนแล้ว ท่านจะต้องดีขึ้น ไม่เพียงแต่รักษาได้สมบูรณ์แบบเท่านั้น ท่านยังจะกลายเป็นเจ้าสาวแก้วผลึกที่สมบูรณ์แบบอีกด้วย” เย่ว์หยางกอดสาวงามอู๋เหินและจูบปากนาง
“เอาล่ะ, วางข้าลงก่อน” เมื่อเห็นเย่ว์หวี่ปรากฏตัว อู๋เหินอายและใช้มือทุบเขาเบาๆ
เมื่อเย่ว์หยางวางนางลง อู๋เหินรีบจูบเขากลับอย่างรวดเร็วขณะที่นางตระหนักว่าเย่ว์หวี่มองไม่เห็น ความจริงนางปลาบปลื้มใจมากที่เขาทำเพื่อนาง เมื่อรู้ว่าคนรักของนางใส่ใจนาง นางจึงรู้สึกเป็นสุข
เย่ว์หวี่ทำเป็นว่าไม่เห็นการสัมผัสถูกต้องตัวของพวกเขา นางก้มลงยกกล่องยาวขึ้นมา
หลังจากนั้นครึ่งชั่วโมง เย่ว์หยางก็ปลดผนึกกล่องเงินได้
มันถูกเปิดออก
ทั้งสามคนตกตะลึง มีกล่องทองแดงอยู่ด้านใน อย่างไรก็ตาม ภายในกล่องเงินยังมีขวดแก้วผลึกสองใบ ด้วยความสงสัยว่าอะไรอยู่ข้างใน เย่ว์หยางหยิบขึ้นมาแล้วเปิดออก เขาดมกลิ่นและใช้จักษุญาณทิพย์ตรวจดู หลังจากชำเลืองดู เขารีบปิดฝาอย่างรวดเร็ว “นี่คือน้ำพุแห่งความเยาว์วัยไม่ใช่เหรอนี่ พระเจ้าช่วย สองขวดใหญ่เลยนะนี่”
น้ำพุแห่งความเยาว์วัย ตามชื่อของมันหมายถึงน้ำแห่งจิตวิญญาณที่ทำให้สิ่งมีชีวิตรักษาความเยาว์วัยไว้ได้
เป็นสิ่งที่หายากมาก ก็เหมือนกับกระเช้าสมปรารถนา, หยกสุบินและทรายแห่งกาลเวลา ทั้งหมดเป็นเจ็ดสมบัติของโลก
แม้ว่าจะไม่ได้หมายความว่าช่วยให้สิ่งมีชีวิตเป็นอมตะ แต่ก็สามารถยืดชีวิตและรักษาความอ่อนเยาว์ของพวกเขาไว้ได้ ตำนานกล่าวไว้ว่า 1,800 ปีที่แล้ว มีจักรพรรดิพระนามว่า จวินเทียนเซิงแห่งต้าเซี่ยในทวีปมังกรทะยาน ได้รับน้ำพุแห่งความเยาว์วัยขวดเล็กๆ มาขวดหนึ่ง จวินเทียนเซิงเป็นคนที่รักเดียวใจเดียวเมื่อพูดถึงเรื่องความสัมพันธ์ เขาเป็นที่รักของจักรพรรดินีผู้ขยันและมีความสามารถที่หลากหลาย แม้จะมีลักษณะธรรมดาก็ตาม เขาเตรียมจะดื่มน้ำพุแห่งความเยาว์วัยร่วมกับจักรพรรดินี เพื่อดื่มด่ำกับความเป็นหนุ่มสาวร่วมกันและครองรักกันชั่วนิรันดร์ ถ้าตำนานมีอยู่เพียงเท่านี้ก็จะกลายเป็นเรื่องซาบซึ้งใจ อย่างไรก็ตาม ในความเป็นจริงกลับกลายเป็นโศกนาฏกรรม
ใครก็ตามที่สามารถเป็นคนซื่อสัตย์รักเดียวใจเดียวก็ได้ แต่ไม่ใช่จักรพรรดิแน่
เนื่องจากความจริงที่ว่าจักรพรรดิรักจักรพรรดินีเพียงคนเดียว และจักรพรรดินีก็ไม่มีลูก พวกสนมในวังที่อภิเษกเข้ามาในภายหลังและให้กำเนิดลูกได้ ต่างก็ริษยาพวกเขาจนบ้า
หนึ่งในพระสนมผู้ไม่สามารถได้รับความรัก นางได้วางยาพิษร้ายแรงไว้ในน้ำพุแห่งความเยาว์วัยด้วยความเกลียดชังอย่างที่สุด
ในที่สุดจักรพรรดิจวินเทียนเซิงก็ดื่มและจักรพรรดินีก็ดื่มน้ำพุแห่งความเยาว์วัยผสมยาพิษ ไม่เพียงแต่พวกเขาล้มเหลวที่จะมีชีวิตเยาว์วัยชั่วนิรันดร์เท่านั้น พวกเขาทั้งสองดื่มน้ำพุสีเหลืองแทนและกลายเป็นคู่แต่งงานที่ประสบชะตากรรมเดียวกัน
หลังจากรัชทายาทได้ครองราชย์สมบัติ เขาเก็บร่างบิดาของเขาและจักรพรรดินีไว้ในโลงเงินและฝังพวกเขาไว้ในสุสานเดียวกัน
หลังจากผ่านไปสามร้อยปี พวกโจรขุดสุสานได้ขุดโลงเงินออกมาจากสุสานจักรพรรดิ หลังจากเปิดดู พวกเขาพบว่าร่างของจักรพรรดิจวินเทียนเซิงและจักรพรรดินีไม่เน่าสลาย ความจริงพวกเขายังดูเหมือนมีชีวิตอยู่ นับเป็นเรื่องอัศจรรย์ พวกโจรขุดสุสานรีบฝังร่างทั้งสองกลับคืนดังเดิมทันที หลังจากพวกโจรขุดสุสานถูกจับและสารภาพทุกอย่าง จากนั้นประชาชนจึงได้ทราบกันว่าน้ำพุแห่งความเยาว์วัยทำให้เกิดปาฏิหาริย์เช่นนั้น
ถ้าเป็นมนุษย์ธรรมดาดื่มน้ำพุแห่งความเยาว์วัยหนึ่งอึก ความเยาว์วัยของคนผู้นั้นจะคงอยู่ได้นานเพียงไหน?
นักสู้ปราณก่อกำเนิดได้ทดลองกับมันดูแล้ว ร่างกายของมนุษย์ธรรมดาก็แค่ดูดซับพลังของน้ำพุแห่งความเยาว์วัยได้เล็กน้อย
สมมติว่าเต็มคำอึกหนึ่งจะรักษาความเยาว์วัยได้มากที่สุดสิบปี ถ้าเป็นนักสู้ปราณก่อกำเนิด พวกเขาจะคงอยู่ได้ถึงห้าสิบปีหรือร้อยปี แน่นอนว่าประโยชน์ใหญ่ที่สุดของน้ำพุแห่งความเยาว์วัยไม่ใช่แค่รักษาความเยาว์วัยแต่เป็นการเพิ่มศักยภาพของคน มันเป็นส่วนผสมหลักในการปรุงยาเพิ่มพลังยุทธ ยาเพิ่มพลังยุทธที่ทำให้นักสู้ระดับเตรียมปราณก่อกำเนิดบ้าได้ สามารถเพิ่มศักยภาพของนักสู้ได้ ยาเม็ดเทพยุทธเป็นยาระดับสูงมากกว่ายาเม็ดเพิ่มพลังยุทธสามารถช่วยให้ผู้คนได้เพิ่มศักยภาพ นี่คือยาระดับสูงที่นิยมกันในหมู่นักสู้ปราณก่อกำเนิด และส่วนผสมที่จำเป็นในการปรุงยานี้ก็คือ น้ำพุแห่งความเยาว์วัย
ก่อนหน้านี้ จักรพรรดินีราตรีได้ให้น้ำพุแห่งความเยาว์วัยขวดเล็กกับเย่ว์หยาง ซึ่งตอนนั้นเขายังไม่รู้คุณค่า
แต่ต่อมาเขาจึงพบว่าน้ำพุแห่งความเยาว์วัยนี้เป็นของล้ำค่า
ไม่ว่าจะมีเงินมากเพียงไหน ก็ไม่มีทางหาซื้อได้
เย่ว์หยางปวดหัวเมื่อคิดถึงเรื่องของน้ำพุแห่งความเยาว์วัย เพราะตัวยาของเขาหลายอย่างต้องใช้กับมัน อย่างไรก็ตาม น้ำพุแห่งความเยาว์ที่จักรพรรดินีราตรีให้เขาหนึ่งขวดเพิ่งถูกใช้เร็วๆ นี้ ตอนนี้เขาได้รับสองขวดใหญ่ นับว่าเขาได้รับมหาสมบัติเลยทีเดียว
“นี่เป็นของดีมากทีเดียว ทุกคนมาดื่มคนละแก้วเล็กๆ กัน ครั้งล่าสุดทุกคนอย่างลิ้มรสมัน แต่แย่หน่อยที่มีน้อยเกินไป” เจ้าเมืองโล่วฮัวพอได้รับข่าวก็มีความสุขจริงๆ นางกระโดดกอดเย่ว์หยางโดยลืมไปว่าเย่ว์หวี่ก็อยู่ที่นั่นเช่นกัน นางจูบเย่ว์หยางไม่หยุด “โชคของเจ้าช่างดีจริงๆ ข้าคิดว่าจะมีศพเน่าอยู่ข้างในเสียอีก นึกไม่ถึงเลยว่าจะเป็นสมบัติทั้งหมด มาดูกัน มีอะไรอยู่ในหีบทองแดง?”
“เปิดดูเถอะ บางทีอาจมีสมบัติที่ดีกว่าอยู่ข้างในก็ได้…” สามสาวตื่นเต้นกันมาก พวกนางตั้งความหวังไว้สุง
“เป็นพิมพ์เขียวหรือนี่?” เย่ว์หยางเปิดดูและพวกพิมพ์เขียวสองสามแผ่น ไม่มีสมบัติพิเศษอื่นๆ เจ้าเมืองโล่วฮัว, อู๋เหินและเย่ว์หวี่ผิดหวังกันทุกคน พวกนางคิดว่าสมบัติที่ดีที่สุดจะอยู่ตอนท้าย พวกนางไม่คาดว่าจะเป็นแบบพิมพ์เขียว และยังดูไม่เหมือนรูปแบบอักษรรูน ลักษณะเป็นวัตถุประหลาดและลายเส้นที่พิเศษ
“เฮ่ย… นี่คือสิ่งที่ข้าต้องการ, สาวกิเลนพูดถูก นี่จะช่วยให้ปณิธานข้อที่สามของเย่ว์กงสมหวังเสียที”
เย่ว์หยางตื่นเต้นจัดจนเผลอสบถออกมา
หญิงสาวทั้งสามเห็นว่าเขามีความสุข พวกนางจึงแสร้งทำเป็นไม่ได้ยินคำสบถ พวกนางล้อมรอบเขาเพื่อดูพิมพ์เขียวที่เขาถือใกล้ๆ
นี่มันพิมพ์เขียวอะไร? แค่นี้ทำให้เขาตื่นเต้นได้หรือ? เป็นไปได้ไหมว่าภาพพิมพ์เขียวเหล่านี้จะเป็นหุ่นรบโบราณในตำนาน?
***************