===============
แม้เย่ว์หยางจะเป็นคนงี่เง่า แต่เขาก็รู้ว่าได้สมบัติล้ำค่ามาแล้ว
ไม่จำเป็นต้องพูดมาก คำว่า “ปราณก่อกำเนิด” บ่งบอกถึงพลังอำนาจของวิชากระบี่นี้ชัดแล้ว
ถ้ามีคนที่เชี่ยวชาญวิชาทวนตระกูลเย่ว์ในสภาพมีพลังเต็มเปี่ยมบรรลุวิชาทวนขั้นสุดยอด เขาคงได้รับการพิจารณาว่ามีทักษะระดับปราณก่อกำเนิด อย่างไรก็ตาม ในตอนนี้ อย่าถามเลยว่าผู้ใดในตระกูลเย่ว์มีฝีมือระดับเข้าถึงปราณก่อกำเนิด เพราะขาดช่วงมานานเป็นพันๆ ปีแล้ว ก่อนหน้านี้ บิดาของเจ้าคนที่สงสารมีศักยภาพมากที่สุดพอจะบรรลุถึงระดับนั้นได้ แต่โชคร้าย เขาตายเร็วไปหน่อย ตระกูลยิ่วสูญเสียนักสู้ผู้มีความสามารถ มีศักยภาพมหาศาลไปเสียแล้ว
มาบัดนี้นักรบที่มีความสามารถระดับปราณก่อกำเนิดก็คือหัวหน้าราชองค์รักษ์ผู้พิทักษ์ราชวงศ์ทั้ง 3 และอีก 2 คนจากตระกูลเฟิงและตระกูลเสวี่ยเท่านั้น
อย่างไรก็ตาม จากคำเล่าลือของคนเก่าๆ คนที่มีพลังระดับปราณก่อกำเนิดในตระกูลเฟิงและเสวี่ยนั้นก็คือพวกผู้อาวุโสที่มีชีวิตมานานถึงสี่หรือห้าร้อยปี
ไม่มีใครเคยรู้ความจริง
สิ่งที่สำคัญสำหรับเย่ว์หยางผู้อยู่ในกลุ่มผู้มีปราณก่อกำเนิดคือ พวกเขาไม่ได้เข้าถึงระดับนั้นด้วยตนเอง
ผู้เข้าถึงปราณก่อกำเนิด มีสาเหตุที่พวกเขาเข้าสู่เขตแดนระดับปราณก่อกำเนิดได้ก็เพราะพวกเขามีสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ในตำนาน ด้วยการผสานพลังกับสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ ความแข็งแกร่งและศักยภาพของเขาจะเพิ่มขึ้นอย่างพรวดพราดฉับพลัน จึงเป็นเรื่องง่ายที่จะเข้าถึงระดับปราณก่อกำเนิดด้วยวิธีนี้ คนบางพวกอาจต้องใช้เวลา 200-300 ปีกว่าจะเข้าถึงเขตแดนปราณก่อกำเนิดและกลายเป็นระดับผู้มีปราณก่อกำเนิดเสียเอง
อย่างไรก็ตาม นักรบในทวีปมังกรทะยานทุกคนจำเป็นต้องฝึกอย่างน้อย 100 ปีให้เชี่ยวชาญกว่าที่พวกเขาจะเริ่มชำนาญจนถึงระดับปราณก่อกำเนิด
เย่ว์หยางตระหนักว่าเขาควรจะเริ่มฝึกปราณก่อกำเนิดนี้ให้เชี่ยวชาญ
วิชาปราณก่อกำเนิดกระบี่ไร้ลักษณ์ที่เทพธิดากระบี่ฟ้าสอนเขาในความฝัน ยังไม่มีข้อกำหนดที่ต้องเริ่มทำก่อน
เพื่อเข้าสู่เขตแดนปราณก่อกำเนิด เขาจะต้องเป็นกลมกลืนเป็นอันหนึ่งอันเดียวกับโลกและบรรยากาศ ดูดซับพลังภายในไว้ เขาใช้พลังภายในชำระกายให้สะอาดและและเพิ่มความเฉียบคมในจิตวิญญาณเขา นี่ไม่ใช่แค่การเปลี่ยนแค่โครงสร้างร่างกายเขา ตั้งแต่เลือดเนื้อ กล้ามเนื้อและไขกระดูกเท่านั้น แต่ยังคงเป็นการฝึกวิชาปราณกระบี่ เพื่อเข้าสู่ขอบเขตปราณก่อกำเนิดและการรู้แจ้งได้
“ตาแก่! เอ๊ย..อาจารย์! แม่นางเทพธิดากระบี่ฟ้านี้คงเป็นหลานสาวของท่านสินะ เนื่องจากท่านได้หมั้นหมายหลานสาวให้กับศิษย์ของท่าน ข้าสัญญาว่าจะดูแลนางอย่างดีให้มีความสุขในชีวิตเลย, อาจารย์! ถ้าท่านไม่ตอบข้า อย่างนั้นข้าจะถือว่าท่านเห็นด้วยนะ ข้าจะนับถึงสามนะ หนึ่ง…สอง…สาม เอาล่ะ ถือว่าท่านเห็นด้วย ขอบคุณนะครับ อาจารย์” เจ้าคนหน้าหนาประสานมือคำนับพลางพึมพำกับตัวเอง
หากนักพรตเฒ่าได้ยินคำพูดเหล่านี้ เขาคงจะไม่เตะเจ้าคนหน้าด้านผู้นี้ไปโลกอื่นอีกแล้ว แต่คงส่งตัวไปให้หมกไหม้ในนรกแทน
เย่ว์หยางต้องการหลับต่ออีกสักเล็กน้อย เพราะหวังจะได้พบวิญญาณกระบี่อีกครั้ง แต่เขาตื่นเต้นเกินกว่าจะหลับตาลงได้
เขาพยายามอย่างหนักเพื่อสงบจิตใจที่กำลังเต้นตึกตักๆ แล้วเริ่มฝึกปราณก่อเกิด กระบี่ไร้ลักษณ์ระดับเริ่มต้น เดิมทีเย่ว์หยางก็ไม่ใช่เป็นคนขยันอยู่แล้ว แต่ครั้งนี้เขากังวลความสุขในชีวิตของตน เขารู้สึกว่าจำเป็นต้องชำนาญวิชานี้ให้ได้ ไม่ว่ายังไงก็ตาม และต้องทำให้เป็นไปได้ในช่วงเวลาสั้นๆนี้
จากนั้นมาเขาหมั่นฝึกทั้งกลางวัน และฝึกในความฝันตอนกลางคืน
เทพธิดากระบี่ฟ้าจะมาสอนทักษะให้เขาแล้วก็หายไปทันที เย่ว์หยางคิดว่านางคงตามมาสังเกตดูความก้าวหน้าของคู่หมั้นนาง ดังนั้นในความฝันเขาจะฝึกหนักยิ่งกว่า
ตอนแรก กระบวนการดูดซับพลังภายในจากโลกและบรรยากาศเป็นไปช้ามาก แม้ว่าเขาพยายามจะดูดซับทั้งวัน ก็รวบรวมได้ไม่กี่หยด
อย่างไรก็ตาม เย่ว์หยางพบว่าใจของเขาเชื่อมต่อกับโลกและบรรยากาศในพื้นที่ลึกลับในความฝันได้ดีขึ้น ความเร็วในการดูดซับพลังภายในทวีขึ้นหลายเท่า เย่ว์หยางมักจะหลับอย่างรวดเร็ว เพื่อเข้าฝึกในความฝันของเขา เขาหลับมากเท่าที่ทำได้จนเขารู้สึกปวดหัว ก่อนที่จะลุกขึ้นมาฝึกต่อภายในบ้านของเขา เพื่อความสุขในชีวิตของเขา เย่ว์หยางขังตนเองอยู่ในห้องฝึกฝนอย่างขยันขันแข็ง
หญิงงามแวะมาเยี่ยมเขา 2-3 ครั้งแต่เห็นว่าเขายังหลับสนิท นางคิดว่าเย่ว์หยางร่างกายคงอ่อนเพลียมากหลังจากพยายามโดดน้ำตาย ดังนั้นจึงต้องการพักผ่อนนอนหลับนานขนาดนั้น
บางครั้งนางเห็นเย่ว์หยางฝึกสมาธิอย่างจริงจัง นางนึกว่าเขากำลังคร่ำเคร่งฝึกวิชาอัญเชิญอยู่ จึงรู้สึกยินดีมาก
นางจะมาเยี่ยมเย่ว์หยางพร้อมกับเด็กหญิงทุกวัน
วันนี้ หญิงงามนำข่าวดีมาบอกเขา “ซานเอ๋อ ลุงสี่ของเจ้าทราบข่าวว่าเจ้าทำสัญญากับคัมภีร์อัญเชิญได้สำเร็จแล้ว เขามีความสุขมากและได้ไปที่ปราสาทใหญ่ของตระกูลเราเพื่อรายงานข่าวดีแก่ผู้อาวุโสประจำตระกูลของเรา อีกไม่กี่วันเขาจะกลับมาแล้ว อีกอย่างด้วยทอง 1 พันที่เราเก็บเอาไว้ไม่กี่ปีนี้ เขาจะเอาไปซื้อยาปลุกพลังวิญญาณสัตว์อสูรจากตลาดเร่ลึกลับ เราเชื่อว่ามันจะช่วยการฝึกของเจ้าได้มาก ถ้าเจ้าใช้ยานั้น เจ้าอาจได้เลื่อนระดับขึ้นสู่ขั้นที่ 2 เข้าสู่ขอบเขตใหม่ จากระดับเริ่มต้นในปัจจุบันของเจ้า
“ยาปลุกพลังวิญญาณสัตว์อสูรเหรอ?” ขณะที่เย่ว์หยางได้ยินชื่อ ความรู้ก็หลั่งไหลเข้ามาในสมองเขาจนแทบเวียนหัว ทันใดนั้นเขาก็ระลึกชื่อขึ้นได้
บรรดาตระกูลใหญ่ทั้ง 4 ถ้ามีนักรบที่มีพรสวรรค์ผู้ที่ไม่ได้ทำสัญญากับคัมภีร์อัญเชิญ พวกเขามักจะขอความช่วยเหลือจากนิกายใหญ่ทั้ง 4 นิกายใหญ่มักจะขายยาพลังวิญญาณให้นิดหน่อย และยาเหล่านี้ราคาสูงลิ่ว
หลังจากใช้ยาเหล่านี้ ความน่าจะเป็นไปได้ที่จะทำสัญญากับคัมภีร์อัญเชิญได้สำเร็จ จะมีโอกาสมากขึ้น แม้ว่าโอกาสสำเร็จจะไม่เต็ม 100% แต่อย่างน้อยก็ 30% เพราะเหตุนี้ จึงเป็นธรรมดาที่คนจำนวนนับไม่ถ้วน ต่างก็ตามหามัน
อย่างไรก็ตาม ยาเพิ่มพลังวิญญาณ ถูกปล่อยออกมาโดยสี่นิกายใหญ่ที่มีความมั่งคั่ง คนระดับต่ำไม่มีปัญญาจ่ายให้ได้
เพราะข้อแรก ของมีจำนวนจำกัด ข้อสอง ราคาแพงมาก
เย่ว์หยางตกใจมากกับความรักที่หญิงงามและสามีนางมีต่อเจ้าคนน่าสงสารอย่างไม่มีจำกัด ยอมทำทุกอย่างที่ทำได้เพื่อเขา แม้แต่ต้องซื้อยาปลุกพลังวิญญาณสัตว์อสูรให้เขาก็ตาม
ตามอัตราสกุลเงินที่นี่ ทอง 1 เหรียญเท่ากับเงิน 100 เหรียญ หรือ ทองแดง 10,000 เหรียญ
1 พันเหรียญทองหมายความถึง 10 ล้านเหรียญทองแดง
หญิงงามได้ขายสมบัติของครอบครัวพวกเขาทั้งหมดและแม้กระทั่งเอาสินสอดทองหมั้นของนางไปจำนำเพื่อรวบรวมทรัพย์ไปซื้อยาปลุกพลังวิญญาณสัตว์อสูร เย่ว์หยางเห็นว่าหญิงงามสวมใส่เครื่องประดับบนศีรษะอย่างเรียบง่าย จากจุดนี้คงคิดประเมินมูลค่าของ 1 พันเหรียญทองได้ ถ้าไม่ใช่เป็นเพราะมรดกที่ได้รับจากตระกูลของพวกเขา ใครเล่าจะรวบรวมเงินได้มากพอจะซื้อยาพลังวิญญาณเล่า?
หญิงงามได้ช่วยส่งเสริมเจ้าคนที่สงสารถึงระดับนี้เชียว…
“ท่านน่าจะให้ยานี้กับน้องชวงเอ๋อนะ ข้าทำสัญญาเสร็จเรียบร้อยแล้ว” เย่ว์หยางคงช่วยไม่ได้ แต่รับรู้สัมผัสได้ว่า หญิงงามช่างมีความเมตตาอย่างแท้จริง
“เจ้าพูดเหลวไหลได้ยังไง? ชวงเอ๋อยังเด็กนัก เจ้าจะรู้ได้อย่างไรว่าในอนาคตนางจะทำสัญญากับคัมภีร์อัญเชิญไม่ได้? บางทีปีหน้าเด็กคนนี้อาจทำสัญญากับคัมภีร์สำเร็จแล้วก็ได้ ยาปลุกพลังวิญญาณสัตว์อสูรจะถูกซื้อมาเพื่อเจ้า แม้ว่าเจ้าจะทำสัญญาได้สำเร็จ เจ้าก็ยังทำได้สำเร็จช้าหน่อย ถ้าเจ้าใช้ยานี้ เจ้าจะได้ไล่ตามเพื่อนๆ ให้ทัน ทั้งยังปลุกความหวังของลุงสี่ขึ้นมอีกด้วย พ่อแม่เจ้าก็หวังว่าเจ้าจะประสบความสำเร็จในอนาคตและนำชัยชนะมาสู่ตระกูลเย่ว์ของพวกเรา ทำไมเจ้าถึงได้ยืนกรานนัก?” จู่ๆ หญิงงามได้ยินคำปฏิเสธของเย่ว์หยางอย่างไม่สบายใจ จึงแสดงความไม่พอใจออกมา นางแนะนำให้เขาได้คิด “ซานเอ๋อ! แม้ว่าลุงสี่ของเจ้าจะมีตำแหน่งระดับต่ำ ครอบครัวเราพิจารณาอย่างดีแล้ว แต่การรวบรวมทอง 1 พันเหรียญไม่ใช่เรื่องง่าย ดังนั้นเจ้าไม่ควรจะรานความตั้งใจที่ดีของเรา…”
“ขอรับ, ขอรับ…ข้าผิดไปแล้ว” เย่ว์หยางรีบยอมรับ ต่อให้ยาพลังวิญญาณไม่ได้ซื้อมาเพื่อเขา แต่เขาก็ซาบซึ้งใจกับความรู้สึกกรุณาของหญิงงาม
“ข้าได้เขียนจดหมายขอให้ปิงเอ๋อกลับจากโรงเรียนมาที่บ้าน นางจะได้สอนทักษะการอัญเชิญพื้นฐานบางอย่างให้เจ้า คิดว่านางจะกลับมาถึงวันพรุ่งนี้ เจ้าลองตรวจดูสิว่าต้องเตรียมอะไรบ้าง ซื่อหนียงรู้ว่าเจ้าพยายามอย่างหนัก แต่อย่าฝึกจนเกินไป เจ้าต้องรู้ขีดจำกัดตนเอง คืนนี้พักผ่อนให้ดี ไม่ต้องทำสมาธิอีกแล้ว”
หญิงงามไม่รู้ว่าเย่ว์หยางกินอิ่มนอนหลับในช่วงไม่กี่วันมานี้ เขาฝึกปราณกระบี่ไร้ลักษณ์โดยดูดซับพลังวิญญาณจากโลกและบรรยากาศเท่านั้น
เย่ว์หยางฝึกมากขึ้น ร่างกายของเขารู้สึกดีขึ้น เขาไม่เคยเหนื่อยมากจากการฝึกเลย
อย่างไรก็ตาม เพื่อไม่ให้หญิงงามต้องห่วง เย่ว์หยางจำใจต้องนอนเร็วขึ้น บางทีคงเป็นเพราะการที่หญิงงามคงจะซื้อยาปลุกพลังวิญญาณสัตว์อสูรให้เขานั่นเอง สภาวะใจของเขาผ่านการเปลี่ยนแปลงแล้ว เมื่อเย่ว์หยางฝึกภายในฝันตัวเอง เขาตระหนักได้ทันทีถึงความก้าวหน้าของทักษะเขา
พลังภายในทั้งหมดในตัวเขารวมตัวกันเป็นกระแสสายหนึ่ง
กระแสพลังนั้นรวมอยู่ที่รักแร้ทั้งสองข้างแล้วไหลไปตามมือของเขา พลังภายในไหลไปที่จุดไหล่ผ่านแขนไปสุดที่จุดไท่หยวนในข้อมือเขา
ในที่สุดก็ไหลไปสุดที่จุดนิ้วหัวแม่มือ
พลังเพิ่มขึ้นเป็น 2-3 เท่า และแสงประกายปราณกระบี่ก็เริ่มยิ่งออกมาจากหัวแม่มือของเขา
การเห็นเหตุเปลี่ยนแปลงดังกล่าวทำให้เย่ว์หยางตกใจสุดขีด จนต้องผวาตื่นจากฝันทันที
ในโลกเป็นจริง เย่ว์หยางพยายามอย่างหนัก เพื่อให้มีประสบการณ์อย่างในฝันของเขา
เขายังคงพยายามจนกระทั่งเห็น ประกายปราณกระบี่ตรงไปที่ผนัง
ในที่สุดเย่ว์หยางก็ตระหนักได้ว่าเขาสำเร็จวิชาปราณธรรมชาติ กระบี่ไร้ลักษณ์ขั้นที่ 1, หัตถ์จันทราแล้ว
ปราณกระบี่ที่ออกมาจากตัวเขายาวเพียงไม่กี่นิ้ว เทียบกับเทพธิดากระบี่ฟ้าแล้วนางปล่อยพลังกระบี่ยาวถึง 10 เมตร อย่างไรก็ตาม แม้ว่าพลังปราณกระบี่ของเขามีแค่น้อยนิด เย่ว์หยางมีความสุขที่ว่า เขารู้สึกเหมือนกลายเป็นหมาป่า เงยหน้าขึ้นฟ้าแล้วโก่งคอหอนออกมาดังๆ…
*********************