ตอนที่ 481 เจ้าสาวแก้วผลึก
กระดาษสามแผ่นนี้ได้ออกแบบไว้ชัดเจน เป็นแบบตุ๊กตาหุ่นรบโบราณ
แต่สิ่งที่สร้างความประหลาดใจให้เย่ว์หยางก็คือ การออกแบบนั้นมีมาตรฐานดีกว่าหุ่นรบของทวีปมังกรทะยานมากและยังล้ำเกินกว่าที่เขาจะจินตนาการได้
ตุ๊กตารบโบราณเป็นประดิษฐกรรมที่ผสานชีวิตกับเครื่องจักรกลเข้าด้วยกัน ไม่ใช่รูปแบบชีวิตซิลิคอนแบบในหนังเรื่องทรานฟอร์เมอร์ แต่รูปแบบชีวิตสร้างจากบางสิ่งบางอย่างระหว่างซิลิคอนกับคาร์บอน ร่างกายของมันเป็นการสร้างสรรค์ที่สมบูรณ์แบบของเลือดเนื้อและแก้วผลึก เมื่อมีความแน่นอนถูกต้องมากกว่า หุ่นตุ๊กตารบโบราณก็มีความก้าวหน้าและสมบูรณ์แบบมากกว่าผู้พิทักษ์โบราณแห่งหุบเขาแก้วผลึก มันไม่เพียงแต่มีชีวิตเท่านั้น แต่ยังสามารถมีความคิดเป็นของตนเอง…
ตุ๊กตาหุ่นรบเหล่านี้สามารถเปลี่ยนรูปแบบได้เหมือนกับเป็นนักสู้ปราณก่อกำเนิดพิเศษ
มีทั้งรูปแบบสำหรับต่อสู้, สำหรับใช้ชีวิตและแม้กระทั่งเพื่อการศึกษา ขึ้นอยู่กับความต้องการของมันเอง, ตุ๊กตารบสามารถเปลี่ยนรูปแบบการใช้ชีวิตได้อย่างอิสระ ดังนั้นอาจกล่าวได้ว่าพวกเขามีความเหนือกว่า ในขอบเขตบางอย่างจะเหนือกว่ามนุษย์และเอลฟ์ที่ไม่มีความสามารถในการเปลี่ยนรูปแบบ
แน่นอนว่าตุ๊กตารบโบราณเหล่านี้มีจุดอ่อนที่ยิ่งใหญ่ที่สุดอย่างหนึ่ง
เป็นปัญหาของการเติบโตพัฒนา
ความสามารถของมันถูกกำหนดไว้แน่นอนตายตัว ทันทีที่มันถูกสร้าง ก็จะมีพลังทั้งหมดที่มันสามารถมีได้อยู่แล้ว ดังนั้นจึงไม่มีพัฒนาการเติบโตอีกต่อไป
นี่ยังคงหมายความว่า มันก็ยังคงเหมือนหุ่นตุ๊กตารบอื่นๆ ทั้งหมดที่พลังของมันคงที่ตลอดไปและไม่สามารถเพิ่มขึ้นได้ มันสามารถทำได้เพียงเรียนรู้วิธีที่เจ้านายใช้ทักษะ และดูดซับพลังงานเพื่อการเติบโต แต่ก็ไม่สามารถพัฒนาได้จริงจัง
ก็เหมือนกับนักสู้ที่ศักยภาพหมดลงแล้วไม่อาจยกระดับได้
(เทพธิดาศึก – ตุ๊กตารบสมบัติระดับศักดิ์สิทธิ์ที่มีความสามารถทุกอย่าง มีรูปแบบแตกต่างกันสามรูปแบบ มีพลังชีวิตที่พิเศษและมีสติปัญญาสูง สามารถใช้ทักษะนักสู้ปราณก่อกำเนิด เรียนรู้ทักษะในการรบได้เป็นอย่างดี ต้องมีการเชื่อมต่อทางจิตวิญญาณที่แข็งแกร่งในฐานเป็นพลังวิญญาณให้กับมัน มีความภักดีตลอดกาล สามารถรักษาตัวเองได้ ความตายของมันขึ้นอยู่กับความตายของเจ้านายที่มันทำสัญญาด้วย หุ่นกลรบธรรมดาอย่างอื่นจะต้องได้รับการสอนและเรียนรู้ก่อนที่มันจะสามารถใช้ทักษะได้ ขณะที่ทักษะโดยธรรมชาติทางด้านอาวุธของมันสามารถใช้ออกได้โดยสัญชาตญาณของมันเอง ระดับที่จะกลายเป็นจิตสำนึกทักษะธรรมชาติมัน จะต้องดูผลสุดท้ายของการใช้อาวุธ)
“มีตุ๊กตารบระดับศักดิ์สิทธิ์ด้วยหรือ? เมื่อสร้างมันได้สำเร็จ นักสู้ปราณก่อกำเนิดทุกคนที่ภูมิใจในจ้าวอสูรทองเป็นนักหนาคงได้ฆ่าตัวตายเป็นแน่” เจ้าเมืองโล่วฮัวรู้สึกว่านี่ไม่ยุติธรรมเกินไป ตุ๊กตารบระดับศักดิ์สิทธิ์ที่มีทั้งชีวิตและสติปัญญา ทุกคนที่รู้เรื่องนี้คงได้บ้าเป็นแน่
“มันช่างน่ากลัวเสียจริง” แม้แต่หญิงงามอู๋เหินก็ยังรู้สึกว่าตุ๊กตารบที่มีชีวิตและสติปัญญาช่างเหมือนกบที่เปลี่ยนเป็นเจ้าชาย
“ดูแล้วมีความซับซ้อนมาก ใช่ว่าจะสร้างกันได้ง่ายๆ จริงไหม?” เย่ว์หวี่กังวลว่า ตุ๊กตารบระดับศักดิ์สิทธิ์มีระดับความต้องการสูงที่จะสร้างได้และนั่นอาจสร้างความลำบากให้พวกเขา ถ้าไม่อาจสร้างออกมาได้
“เกี่ยวกับออกแบบ เรามีอยู่แล้วครึ่งหนึ่ง ข้าเชื่อว่าเราสามารถเอาชนะความยากลำบากได้” เย่ว์หยางมีความเชื่อว่า พวกเขาสามารถทำได้ เนื่องจากพวกเขามีวัสดุที่จำเป็นเกือบทุกอย่างแล้ว ร่างของมนุษย์ผลึกสองร่าง วัสดุคุณภาพสูงสุดอย่างเช่น แก่นอุกกาบาตและหัวใจจ้าวอัคนี เทพเหล็กไหลดาวตกซึ่งสามารถใช้สร้างอาวุธชั้นเทพได้และของอย่างอื่นที่เย่ว์กงได้เตรียมไว้แล้ว แม้ว่ายังขาดวัสดุบางอย่างไปบ้าง พวกเขาก็สามารถใช้เงินซื้อหามาได้
ไม่ว่ายังไงก็ตาม พวกเขาต้องเติมเต็มปณิธานที่สามของเย่ว์กงให้สำเร็จ
คัมภีร์หุ่นกลของแท้, แท่งผลึกที่ลึกลับและสมบัติชิ้นที่สามที่เย่ว์กงยังทำไม่สำเร็จ เย่ว์กงได้จัดเตรียมชิ้นส่วนพื้นฐานที่จำเป็นให้เย่ว์หยางไว้แล้ว ที่สำคัญยิ่งกว่า เขาได้นำพาเย่ว์หยางสู่เส้นทางใหม่ทั้งหมด
นั่นคือการสร้างหุ่นตุ๊กตารบที่มีชีวิต
เมื่อได้รับแรงบันดาลใจจากอัจฉริยะอย่างเย่ว์กง ทำให้เย่ว์หยางไม่มีความข้องใจอะไรในของขวัญที่ยิ่งใหญ่ที่สุด
ต้องเข้าใจว่าถ้าบางสิ่งบางอย่างมิได้วางแฉกันให้เห็น ก็อาจเป็นเหตุให้วิทยาการของโลกต้องชะงักการพัฒนาไปเป็นร้อยหรือกระทั่งเป็นพันปี ขณะที่การเผยแพร่เรื่องง่ายๆ จะพิสูจน์ว่าความคืบหน้าไม่ใช่ได้มาง่ายๆ ยกตัวอย่างเช่น แต่ก่อนที่เย่ว์หยางจะข้ามมิติมา นักเดินเรือชาวยุโรปนับพันคนมักมีปัญหามีอาการเลือดออกตามไรฟัน คนจำนวนนับไม่ถ้วนยอมแพ้ต่อความเจ็บป่วย ดังนั้นอาการลักปิดลักเปิดจึงเป็นโรคที่น่ากลัวสำหรับลูกเรือทุกคน อย่างไรก็ตาม ยังมีนักเดินเรือที่มิได้รับทุกข์ทรมานจากอาการลักปิดลักเปิดในโลกตะวันออก เป็นเพราะเหตุผลง่ายๆ เป็นเพราะพวกนักเดินเรือชาวตะวันออกรู้ว่าถ้าพวกเขาเอาถั่วขึ้นเรือ ถั่วจะงอกกลายเป็นถั่วงอกซึ่งพวกเขาสามารถใช้แก้ปัญหาอาการลักปิดลักเปิดได้
อีกตัวอย่างหนึ่งเกิดไข้กาฬโรคระบาดทำให้มีผู้เสียชีวิตถึง 75 ล้านคนทั่วโลก โดยเฉพาะประชากรยุโรปลดลงไปถึงหนึ่งในสาม
มีคำกล่าวว่าโรคระบาดเกิดขึ้นครั้งแรกในอาณาจักรหัวเสียโบราณ
อาณาจักรหัวเสียไม่มีบันทึกเกี่ยวกับโรคระบาด แต่ความเสียหายที่เกิดขึ้นกับอาณาจักรพวกเขาไม่ได้ใกล้เคียงกับกาฬโรคที่แพร่ระบาดอยู่ในยุโรป แม้แต่รากไม้และเปลือกไม้ในแพทย์แผนจีนโบราณก็ยังมีส่วนช่วยในเบื้องหลังเหตุการณ์ครั้งนั้น แต่พอเหลียวมองประวัติศาสตร์ที่แสดงให้เห็นวิธีที่อาณาจักรหัวเสียจัดการทำให้ภัยพิบัติอยู่ใต้การควบคุมไว้ได้ แม้ว่าอาการเจ็บป่วยเล็กๆ น้อยจะมีการระบาด แต่ภัยพิบัตินั้นก็อยู่ภายใต้การควบคุมอย่างรวดเร็ว ถ้าพวกเขาใช้วิธีการรักษาอื่นๆ อย่างวิธีที่ชาวยุโรปทำกัน เช่นถ่ายเลือด หรืออาบน้ำปัสสาวะเพื่อรักษาโรคระบาด ชาวอาณาจักรหัวเสียโบราณอาจจะล่มสลายตายไปนานแล้ว
เป็นเรื่องปฏิเสธไม่ได้เลยว่าประสบการณ์เป็นสิ่งสำคัญ การถ่ายทอดจากรุ่นสู่รุ่นใช้รากไม้เปลือกไม้ในการรักษาโรคระบาดอาจจะไม่ใช่วิธีที่ดีที่สุด แต่ก็ยังดีกว่าวิธีถ่ายเลือดและอาบน้ำปัสสาวะแน่นอน
ถ้ามีบางคนรู้ว่าการถ่ายเลือดออกมาและการอาบน้ำปัสสาวะใช้ไม่ได้ หมอชาวยุโรปในยุคนั้นจะยอมทำสิ่งที่เขาทำอยู่หรือไม่?
เห็นได้ชัดว่าไม่!
“การสร้างตุ๊กตารบนี้สามารถทอดเวลาล่าช้าได้ แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือช่วยให้อู๋เหินยกระดับก่อน” แววเขินอายปรากฏอยู่บนใบหน้าของสาวงามอู๋เหิน ขณะที่คำพูดหลุดจากปากเย่ว์หยาง จากนั้นเย่ว์หวี่รีบวิ่งออกจากห้องกลับไปยังห้องนางทันที นางรู้ว่าน้องชายและน้องสะใภ้ของนางพร้อมจะกระทำการบางอย่างที่เยาวชนไม่ควรรับชม
“ฮิฮิ, อย่างนั้นข้าจะกลับไปก่อน” เจ้าเมืองโล่วฮัวรู้ว่านางไม่สามารถช่วยอะไรที่นี่ได้ อย่างไรก็ตาม บางทีนางค่อยร่วมสนามรักหลังจากอู๋เหินยกระดับแล้ว
เย่ว์หยางล้วงขวดผลึกเหลวและรินออกมา
ด้วยทักษะพลังหยินของเขา เขาหยุดของเหลวที่อยู่ในรูปลูกกลมไว้ในอากาศ จากนั้นกลั่นด้วยปราณก่อกำเนิดและเพลิงอมฤต
แม้ว่านี่จะต้องสิ้นเปลืองพลังอย่างมาก แต่จะทำให้ของเหลวนั้นบริสุทธิ์ขึ้น ลูกกลมผลึกเหลวชัดใสบริสุทธิ์ยิ่งขึ้นหลังจากกลั่นชำระแล้ว ทันใดนั้นเย่ว์หยางจัดการทำให้ลูกกลมผลึกเหลวเปลี่ยนแปลงมีสีสัน และช่วยให้มันไหลลงคอของอู๋เหินลงไปอย่างนุ่มนวล ขณะที่นางซึมซับพลังของมัน ขณะเดียวกัน ปราณก่อกำเนิดคอยสนับสนุนพลังงานผลึกเหลวและช่วยโคจรเข้าไปในร่างกายนางช้าๆ
สาวงามอู๋เหินกอดเย่ว์หยางอย่างนุ่มนวล ริมฝีปากนางจุมพิตกับคนรักนาง ดวงตาปิดสนิทและปล่อยให้เย่ว์หยางใช้ทักษะวิชาผสานร่างกับนาง
แท่งผลึก และเศษแก้วผลึกนับไม่ถ้วนจากหุบเขาแก้วผลึกวางอยู่รอบๆ ฐานตั้งที่เป็นแก้วผลึกจากโลงทอง ทั้งหมดถูกวางรายล้อมตัวอู๋เหิน
เย่ว์หยางกำกับพลังงานของผลึกทั้งหมดให้เข้าไปในร่างของอู๋เหิน พลังเหล่านั้นซึมผ่านส่วนผิวอวัยวะทุกส่วน ขณะที่พลังงานของผลึกเหลวหล่อเลี้ยงภายในร่างของนาง ร่างของเย่ว์หยางสว่างโชนด้วยเปลวเพลิงอมฤตและเสื้อผ้าของเขาถูกเผาไหม้จนเหลือแต่เถ้าถ่าน อู๋เหินกอดเขาแนบชิดในท่ามกลางความรู้สึกปวดแสบปวดร้อน นางต้องทนต่อความเจ็บปวดในกระบวนการชำระร่างด้วยเพลิงอมฤตและด้วยความช่วยเหลือจากปราณก่อกำเนิดของเย่ว์หยาง ซึ่งประคองสติของนางไว้แม้จะเจ็บปวดก็ตาม อักษรรูนนับไม่ถ้วนปรากฏออกมาจากร่างของเย่ว์หยางและค่อยๆ ฟื้นฟูอาการเจ็บปวดทรมานในร่างของอู๋เหิน แม้ว่าร่างของนางจะได้รับการรักษามาครั้งหนึ่งแล้ว แต่เวลานี้นางได้รับความช่วยเหลือจากปราณก่อกำเนิด เพลิงอมฤตของเย่ว์หยางและพลังงานแก้วผลึก ร่างของนางจึงเปลี่ยนแปลงเป็นสมบูรณ์แบบยิ่งขึ้น
อู๋เหินประสานร่วมกับเย่ว์หยางได้เป็นอย่างดี ภายใต้การนำของทักษะผสานร่าง นางยกเท้าข้างหนึ่งพลางส่ายเอวก่อนจะอยู่ในระดับที่ร่วมกันได้อย่างสมบูรณ์
ในฐานะภรรยา อู๋เหินผ่านประสบการณ์ที่ยอดเยี่ยมมาแล้ว
ขณะที่ทักษะผสานร่างทำให้พลังงานของทั้งสองคนรวมเป็นหนึ่ง ร่างของอู๋เหินได้รับการรักษาฟื้นฟูอย่างเสร็จสิ้นสมบูรณ์
แก้วผลึกเหลือคณานับเกิดขึ้นบนร่างนางอย่างรวดเร็วกลายเป็นเกราะรบพิเศษ
นั่นคืออสูรพิทักษ์ของนางที่วิวัฒนาการหลังจากรักษาอาการป่วยของนางได้เด็ดขาด สิ่งที่ดูพิเศษมากขึ้นก็คือมันไม่เพียงแต่สร้างเกราะแก้วผลึกบนร่างของอู๋เหินเท่านั้น แต่ยังคงสร้างเกราะรอบตัวเย่ว์หยางเพียงแต่ว่าดูเป็นบุรุษมากขึ้นทรงพลังขึ้น ความแตกต่างเพียงอย่างเดียวระหว่างเกราะของพวกเขาก็คือ เกราะของอู๋เหินจะมีปีกยาวอยู่บนหลัง ขณะที่เย่ว์หยางจะมีปีกเป็นเปลวเพลิงอมฤต
ลำแสงสีทองพุ่งออกมาจากร่างของพวกเขา และอักษรรูนนับพันหมุนเป็นเกลียวอยู่ในอากาศ หลังจากถักทอก่อตัวเป็นรูปใหม่แล้ว อักษรรูนก็กลับเข้าไปในร่างของพวกเขา
คัมภีร์อัญเชิญของอู๋เหินลอยออกมาโดยอัตโนมัติ
นางยกระดับแล้ว
เวลาผ่านไปจนกระทั่งทั้งสองคนรู้สึกตัวจากสถานการณ์งดงามในที่สุด
อู๋เหินสามารถควบคุมเกราะแก้วผลึกได้ เพียงแค่คิดเกราะแก้วก็กลับเข้าไปในร่างของนาง ขณะเดียวกันร่างกายของนางตอนนี้บริสุทธิ์ผุดผ่องยิ่งกว่าแก้วใสเสียอีก นางเป็นเหมือนตุ๊กตาแก้วโปร่งแสงมีประกายแสงอยู่ทั่ว
หลังจากร่างของนางฟื้นจากอาการป่วยได้สมบูรณ์แบบ ยังมีการเปลี่ยนแปลงอย่างอื่นในร่างของนาง
ผมดำนุ่มยาวสลวยของนางกลายเป็นบางเบาใสเหมือนแก้วผลึก เย่ว์หยางยังได้กลิ่นหอมจางๆ ของผลึกเหลวเมื่อโน้มตัวเข้าไปใกล้นาง เป็นกลิ่นที่เหมาะกับกลิ่นกายตามธรรมชาติของอู๋เหิน นางยังคงรู้สึกว่าตอนนี้นางสามารถความคุมผมที่เหมือนแก้วผลึกของนางให้ตั้งชันได้ เหมือนอย่างที่นางควบคุมเกราะรบและปีกผลึกของนาง
เย่ว์หยางมักลอบเสียใจอยู่เสมอกับความล้มเหลวในการรักษาร่างกายนางครั้งแรก จนกระทั่งวันนี้ความปรารถนาของเขาก็สำเร็จได้ในที่สุด
“โห… ท่านงดงามมาก ท่านสมควรถูกเรียกว่าเจ้าสาวแก้วผลึกของข้าจริงๆ” เย่ว์หยางชมนางซ้ำแล้วซ้ำเล่า
ความรู้สึกถึงความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่เอ่อท้นมาจากก้นบึ้งหัวใจของเขา
อู๋เหินถึงกับเขินอายคำพูดของเขา
นางซุกตัวเข้ากับอ้อมอกของเขาขณะยังคงหลบสายตา กลัวการมองหน้าเขา
เมื่อคนรักนางเริ่มซุกซน ความยับยั้งชั่งใจนางก็ได้รับความกระทบกระเทือน นางตอบสนองทุกการกระทำที่เขาทำกับนางอย่างมีความสุข
ร่างกายที่อ่อนแอของนางไม่สามารถรับบทรักที่รุนแรงของเขาก่อนนั้นได้
อย่างไรก็ตาม นางรู้สึกว่าร่างกายของนางฟื้นคืนสภาพแล้ว และมีพัฒนาการ
ร่างกายของนางโดยรวมมีความแข็งแรงพัฒนาเพิ่มขึ้น และนางสามารถควบคุมร่างกายนางได้มากขึ้น แม้จะเป็นท่วงท่าที่เหนื่อยง่ายนางก็สามารถรับมือได้ เย่ว์หยางยังคงสังเกตความเปลี่ยนแปลงในตัวอู๋เหินได้และแสดงบทรักกับนางไม่ยั้ง สร้างความสุขให้กับนาง อู๋เหินมีความสุขสุดยอดจนวิญญาณแทบล่องลอย
“ร้ายกาจนักนะ, พวกเจ้าเริ่มกันเร็วนัก ให้ข้าเล่นด้วยคน!” เจ้าเมืองโล่วฮัวได้ยินเสียงและลอบเข้าห้องมา ใบหน้าของนางเต็มไปด้วยแรงปรารถนา
นางรีบปิดประตูด้านหลังนาง จากนั้นเปลื้องผ้าเข้าร่วมศึกนี้ในทันที
สองต่อหนึ่ง
นี่ไม่ใช่ครั้งแรก และคงจะไม่ใช่ครั้งสุดท้ายแน่นอน
เจ้าเมืองโล่วฮัวและสาวงามอู๋เหินปรนนิบัติเย่ว์หยางเต็มที่, เสียงครางเบาๆ ดังเล็ดลอดออกมาจากปากพวกนาง ช่างเป็นการโรมรันพันตูที่รุนแรง
พวกเขาโยนทุกอย่างทิ้งและดื่มด่ำกับความสุขตามประสาคนรัก อย่างไรก็ตาม เสียงพวกเขาสร้างความทรมานให้เย่ว์หวี่ที่ไม่สามารถป้องกันเสียงได้ทั้งที่เอามืออุดหูแล้วก็ตาม แม้ว่านางจะม้วนผ้าห่มมาคลุมโปงและเอามืออุดหูก็ตาม แต่นางก็สามารถได้ยินเสียงแว่วของพวกเขาเข้าหูเป็นระยะๆ
ยังดีที่อู๋เหินนางไม่ค่อยส่งเสียงดัง
นางยังคงยับยั้งเสียงครางไว้เพราะความเขินอาย
แต่เมื่อโล่วฮัวเผลอไผลลืมตัว เสียงครางของนางกลับดังออกมาไม่มียั้ง
เย่ว์หวี่อายจนได้แต่แกล้งทำเป็นว่านางไม่ได้ยินอะไร… นี่เป็นเรื่องธรรมดาเนื่องจากน้องชายนางแต่งงานแล้ว เย่ว์หวี่ไม่คิดว่าเป็นเรื่องผิด แต่นางก็อายทุกทีที่ได้ยินเสียงพวกเขา ยิ่งกว่านั้นเสียงนั้นทำให้ใจนางเต้นรัว ยากที่จะไม่ได้รับผลกระทบ หลับเท่านั้น ทุกสิ่งทุกอย่างจะหายไปเมื่อนางตื่นขึ้น
เย่ว์หวี่พยายามอย่างหนักที่จะหลับให้ได้ แต่พิสูจน์แล้วว่าเป็นเรื่องที่ยาก
ความจริงนางรู้สึกเป็นสุขในใจที่นางได้กลับมาที่นี่ แม้ว่าจะอึดอัดเล็กน้อยก็ตาม แต่ก็ยังดีกว่าคิดมากขณะออกไปจากนั่น อย่างน้อยก็ยังรู้สึกสะดวกใจมากกว่า
**********