ตอนที่ 486 หลิวเย่ข้ามขีดจำกัด
“ข้ามีหัวก็เหมือนหัวหมู จนป่านนี้แล้วยังเรียนรู้ไม่ได้เลย” เจ้าอ้วนไห่ทุบอกขยี้เท้า ความจริงเขาสามารถจับความรู้สึกได้บ้างแล้ว แต่ก็ยังล้มเหลว เขายังทำไม่สำเร็จหลังจากลองดูเป็นร้อยๆ ครั้ง ดังนั้นเขาจึงผิดหวังในใจยิ่งนัก
“อ้อ, เจ้าเพิ่งจะรู้ว่าตัวเองหัวหมูอย่างนั้นหรือ?” เย่คงก็ยังคงล้มเหลวหลังจากลองดูเป็นร้อยครั้ง แต่อย่างน้อยเขาก็ทำสำเร็จครั้งหนึ่ง แม้ว่าหลังจากนั้นเขาจะตื่นเต้นเกินไปจนไม่สามารถจับความรู้สึกเช่นนั้นได้ดีเหมือนก่อนอีกก็ตาม แต่อย่างน้อยก็ยังสำเร็จครั้งหนึ่ง เทียบกับเจ้าอ้วนไห่แล้ว เขาก็ยังดีกว่าเล็กน้อย ก็เลยคุยทับเจ้าอ้วนไห่ได้บ้าง
“อะฮู้วววว!” ฮุยไท่หลางรำคาญมากยิ่งขึ้น มันเทเลพอร์ตมาอยู่ข้างๆ เจ้าอ้วนไห่ หันก้นให้ กระดิกหางแล้วเริ่มเต้นส่ายก้นล้อเลียน ท่าทางที่แสนรู้เกินไปของมันทำให้เจ้าอ้วนไห่หงุดหงิดเพิ่มขึ้น
“…..” เสวี่ยทันหลางกำหมัดแน่นกว่าเดิม
เขาไม่เพียงแค่ต้องการความสำเร็จ แต่เขายังคงต้องการเทเลพอร์ตได้ให้เร็ว
เขาต้องการเป็นเหมือนกับเย่ว์หยางที่สามารถเทเลพอร์ตออกไปได้ดั่งใจ แม้ว่าเขาจะรู้ว่ายังมีระยะห่างระหว่างเขากับพี่เขยอยู่ช่วงใหญ่ก็ตาม เขาจะไม่ยอมลดเป้าหมาย เสวี่ยทันหลางยังคงเข้มงวดกับการฝึกฝนต่อไปและสาบานว่าจะต้องทำให้สมบูรณ์แบบเช่นเดียวกับเย่ว์หยาง
เมื่อว่ากันถึงเรื่องการฝึกฝนแล้ว เสวี่ยทันหลางมักจะทำได้สมบูรณ์แบบเสมอมา
แน่นอนว่า ไม่เพียงแต่เสวี่ยทันหลางเท่านั้น องค์ชายเทียนหลัวและแม้แต่เย่คงก็เป็นอย่างนี้ ลีนและคนที่เหลือเริ่มคุ้นชินกับวิธีฝึกฝนแบบไม่คำนึงถึงสังขารของพวกเขาเสียแล้ว นอกจากนี้พวกเขายังเข้าใจเหตุผลที่มนุษย์ก้าวหน้าได้เร็วกว่าเผ่าพันธุ์อื่นอย่างเอลฟ์, ทอเรนและคิวบัวร์อีกด้วย เหตุผลที่มนุษย์ก้าวหน้าได้เร็วมากไม่ใช่เพราะความเหนือชั้นทางชาติพันธุ์แต่อย่างใด ตรงกันข้าม เป็นเพราะความด้อยกว่าเรื่องอายุขัยและความสามารถที่อ่อนแอ พวกเขามีชีวิตอยู่ภายใต้เงื่อนไขที่บีบคั้น
เหตุผลที่สิ่งมีชีวิตที่เรียกว่ามนุษย์สามารถให้กำเนิดชีวิตที่มีความแข็งแกร่งนั้นง่ายมาก เป็นเพราะนักรบมนุษย์มีสมาธิและบ้าคลั่งในการฝึกฝน
อย่าว่าแต่เย่ว์หยางเลย ยกตัวอย่างเช่นเสวี่ยทันหลาง การฝึกฝนของเขาภายในหนึ่งปีเท่ากับเอลฟ์ทองผู้รักสันติฝึกฝนสบายๆ ตามปกติถึงสามสิบปี
เมื่อเปรียบเทียบกันเช่นนี้จึงไม่ยากจะเข้าใจถึงเหตุผลที่นักรบเอลฟ์ทองคนหนึ่งที่มีอายุถึงสองสามร้อยปีก็ยังอ่อนแอกว่าเสวี่ยทันหลางที่มีอายุเพียงยี่สิบปี
เจ้าอ้วนไห่และคนที่เหลือยังคงฝึกฝนอย่างขะมักเขม้นอยู่ที่ทางผ่านอีกด้านหนึ่ง
เย่ว์หยางนำหลิวเย่และเป่าเอ๋อไปด้วยเพื่อสำรวจบริเวณ
หลิวเย่ก้มหน้าตลอด หลังจากติดตามเย่ว์หยางมาตลอดทาง จู่ๆ นางก็พูดเสียงอ่อยว่า “เจ้ามีอะไรบางอย่างจะบอกข้าหรือ?”
นางรู้สึกว่าเย่ว์หยางมองดูนางหลายครั้งตลอดทางที่ผ่านมา เขามีบางอย่างจะบอกนางหรือเปล่า?
แม้ว่านางจะอาย แต่นางก็อดถามไม่ได้
“ข้าจะบอกท่านเมื่อถึงเวลา…” เมื่อได้ยินคำพูดของเย่ว์หยาง หลิวเย่ก็เข้าใจบางอย่างได้ทันที เนื่องจากเป่าเอ๋อยังอยู่ใกล้ๆ จึงไม่ใช่เวลาเหมาะสมที่เขาจะพูด แต่เขาจะบอกอะไรแก่นางแน่? หลิวเย่สงสัยเล็กน้อย ขณะที่นางเงยหน้ามองหน้าเย่ว์หยาง เมื่อเห็นเขายิ้ม หัวใจนางถึงกับเต้นรัว นางรีบก้มหน้าอีกครั้งหนึ่ง ไม่กล้าเงยหน้ามองเขาอีก เย่ว์หยางชี้ไปที่เส้นทางมืดข้างหน้าและพูดกับหลิวเย่ “มาฝึกพิเศษกัน เป่าเอ๋อกับข้าจะไปซ่อนตัวและท่านต้องใช้กวางทะลุมิติหาเราให้เจอ ก็เหมือนกับเล่นเกมซ่อนหา.. เราจะซ่อนตัวสิบครั้ง ถ้าท่านสามารถหาเราเจอได้ทั้งสิบครั้ง อย่างนั้นถือว่าสอบผ่าน ถ้าไม่ได้ ข้าจะไม่ฝึกท่านต่อไป”
“ได้สิ, ข้าจะทำอย่างดีที่สุด” หลิวเย่มีโอกาสที่จะพิสูจน์ตัวเองต่อหน้าเย่ว์หยาง นางไม่สามารถบอกเหตุผลได้ แต่นางไม่ต้องการเห็นเขาผิดหวัง ยกตัวอย่าง นางไม่สบายใจเมื่อตอนที่กวางทะลุมิติไม่สามารถผ่านม่านพลังทองเข้าไปได้
“ความรู้สึก ท่านต้องใช้ใจของท่านรู้สึกให้ได้… ข้าเชื่อว่าท่านสามารถทำได้ เนื่องจากท่านมีพรสวรรค์มาก” เย่ว์หยางให้กำลังใจหลิวเย่ด้วยรอยยิ้มสดใส
หลิวเย่ไม่ได้พูด ขณะที่นางมองดูเย่ว์หยาง นางพยักหน้าแสดงความมุ่งมั่น
เมื่อได้ยินคำชมของเขา หลิวเย่แทบรู้สึกตัวลอยตื่นเต้นจนมิอาจอธิบายได้ นางต้องข่มความตื่นเต้นของตนเองอย่างหนัก
หนึ่งชั่วโมงต่อมา
หลิวเย่เหน็ดเหนื่อยจากการใช้ปัญญาเดินสำรวจที่มืดรอบด้าน นางพยายามสัมผัสสภาพแวดล้อมรอบตัวนาง
นางแค่เหลืออีกเพียงสองครั้ง แต่ความรู้สึกของนางยิ่งสัมผัสได้ยากมากขึ้นขณะที่นางเดินลึกลงไปในที่มืด
ถ้าพูดให้ถูกยิ่งกว่าก็คือ เย่ว์หยางจะทำให้เป็นเรื่องยากสำหรับนางในครั้งต่อไปหลังจากที่นางหาเขาพบทุกครั้ง ในตอนแรกก็ยังควบคุมจัดการได้ แต่หลังจากครั้งที่ห้านางก็ต้องสิ้นเปลืองพลังมากไปกับการตามหาเขา แม้ว่าเขาไม่ได้ซ่อนตัวในตำแหน่งที่ห่างออกไป และอยู่ในระยะห้าสิบเมตรจากที่นางเห็น แต่นางก็ไม่สามารถหาเขาได้เจอ
นางกล้ำกลืนความเหน็ดเหนื่อย พยายามเพ่งสมาธิและใช้ใจนางรับรู้ความรู้สึกรอบตัว…
หลิวเย่ค้นหาในความมืดครั้งแล้วครั้งเล่า นางล้มเหลวในการค้นหาเขาเป็นสิบครั้ง และมีหลายครั้งที่นางไม่สามารถรู้สึกถึงอะไรได้ เนื่องจากความเหน็ดเหนื่อยของนาง
นางเม้มปากและอดทน
ในที่สุด นางก็สามารถรู้สึกถึงบางอย่างได้เลือนลาง หลิวเย่ตื่นเต้นมากจนแทบกรีดร้อง ก่อนที่ความรู้สึกนางจะเลือนหาย ทันใดนั้นนางสั่งกวางทะลุมิติให้ยืนยันเป้าหมาย.. เมื่อกวางทะลุมิติมาถึง หลิวเย่ข่มอาการวิงเวียนศีรษะและใช้การเทเลพอร์ตไปยังด้านข้างเขาและจับเขาไว้ตามกติกา
ในที่สุดนางก็ฝึกได้เป็นครั้งที่เก้า
เนื่องจากความเหนื่อยล้ามาก จึงมีความคลาดเคลื่อนเล็กน้อยในการเทเลพอร์ตของนาง มือของนางไม่ได้จับเขา ตรงกันข้ามศีรษะนางกลับชนผนังด้านหลังเขา
“ท่านยังไหวไหม?” เย่ว์หยางเอื้อมมือไปรั้งมือนาง ช่วยประคองนางที่เหนื่อยจัดให้ยืนขึ้น
“ข้า, ข้ายังไหว เหลืออีกรอบหนึ่ง ต่อกันเถอะ…” หลิวเย่รู้สึกอาย และลูบหน้าผากด้วยความเจ็บปวด นางสะบัดศีรษะด้วยความอาย ทำไมนางถึงโง่นัก? ทำไมนางมักทำกิริยาโง่ๆ ต่อหน้าเขา?
“ท่านต้องการพักไหม?” เย่ว์หยางลูบหน้าผากนางและใช้ปราณก่อกำเนิดรักษาอาการเจ็บให้นาง
“ไม่ต้อง” หลิวเย่ส่ายหน้ายืนกราน
ความจริงนางต้องการจะพักจริงๆ เพราะนางเหนื่อยล้าจนแทบไม่เหลือเรี่ยวแรง ถ้านางนั่งกับพื้น นางคงไม่สามารถลุกขึ้นได้อีกแน่ แม้ว่านางรู้ว่าบนพื้นจะมีโคลนและสกปรกเลอะเทอะ แต่นางเกือบไม่อาจต้านทานแรงกระตุ้นให้ล้มตัวนอนพักได้ แต่เมื่อเขาถามนางว่าต้องการพักไหม ความรู้สึกเกิดแรงฮึดที่รุนแรงเพิ่มขึ้น เนื่องจากนางไม่ต้องการให้เขาเห็นว่านางอ่อนแอ นางยืนยันตอบสนองความคาดหวังของเขาด้วยการบรรลุเป้าหมายดังกล่าวให้ได้
หลิวเย่ว์ยืดตัวตรงด้วยความพยายามอย่างมาก และพยายามอย่างหนักไม่ยอมให้เย่ว์หยางเห็นว่านางแทบจะจนปัญญาแล้ว
นางผงกศีรษะยืนยันแสดงให้เห็นว่านางสามารถทำได้
แต่อีกด้านหนึ่ง นางพยายามฝืนอย่างหนักที่จะไม่ร้องไห้
นางกัดฟันแน่น
นางไม่ต้องการเปิดเผยความอ่อนแอและไม่ต้องการให้เย่ว์หยางรู้
สามชั่วโมงต่อมา หลิวเย่โซเซไปตามอุโมงค์ นางจำไม่ได้ว่าตกหลุมไปกี่ครั้งเมื่อนางรู้สึกผิดที่
นางยังคิดจะยอมแพ้หลังจากตกหลุมอีกครั้ง ขณะที่นางสงสัยว่าเย่ว์หยางอาจจะแยกจากไปและทิ้งนางไว้ให้ฝึกฝนตามลำพัง…. แต่นางปฏิเสธความคิดที่กระทบกระเทือนความมุ่งมั่นของนางทันที นางเชื่อว่าเย่ว์หยางจะต้องอยู่ในที่ใกล้ๆ สักแห่งคอยดูนางอยู่ในความมืด น้ำตาที่ขลาดเขลาและความไร้ประโยชน์ของนางจะถูกเขามองเห็นทั้งหมด… เขาจะต้องผิดหวังนางมากขึ้นแน่นอน
นางต้องไม่ให้เขาผิดหวัง นางต้องตอบสนองความคาดหวังของเขาและประสบความสำเร็จให้มากกว่านั้น
ไม่มีใครเคยยอมรับนาง มีเพียงเขาเท่านั้น
เขาเท่านั้น
ด้วยความรู้สึกดื้อรั้นที่คาดไม่ถึง หลิวเย่ฝืนตัวยืนครั้งแล้วครั้งเล่า นางรู้สึกได้ครั้งแล้วครั้งเล่า พยายามดิ้นรนประคองตัวภายใต้ความเหนื่อยล้าทั้งกายและใจ นางยังคงจับความรู้สึกถึงเขาได้
มีอยู่หลายช่วงเวลาที่ร่างกายนางถึงขีดจำกัด จนเกือบจะหมดสติ
นางฝืนใจบังคับตัวเองไว้
ในที่สุด เมื่อนางพยายามรู้สึกถึงเขาอีกครั้ง นางพบกลิ่นจางๆ เหมือนกับกลิ่นเขา แต่ดูเหมือนจะเป็นภาพลวงตาในขณะเดียวกัน …. อย่างไรก็ตาม หลิวเย่รีบกัดปลายลิ้น พยายามใช้ความเจ็บปวดเรียกความรู้สึกมึนชาและทำให้ความรู้สึกนางตื่นตัวขึ้น ในเสี้ยววินาทีที่นางสามารถรู้สึกหลายอย่างได้ชัดเจน นางรู้สึกเหมือนบางอย่างในใจนางระเบิดออกมา เป็นเหมือนกับกระจกที่แตก หรือภูเขาน้ำแข็งพังทลาย หลิวเย่รู้สึกว่าบางอย่างในใจนางแตกทำลาย ทำให้นางปวดศีรษะและเส้นเอ็นและกล้ามเนื้อทั้งหมดในร่างกายนางกระตุก
ต่อให้นางตาย นางจะต้องเทเลพอร์ตไปอยู่ข้างๆ เขาเพื่อดูความคาดหวังของเขา
หลิวเย่กลายเป็นเหมือนคนบ้า ขณะที่นางเรียกคัมภีร์อัญเชิญและเรียกกวางทะลุมิติ
“ไปเลย, เจ้ากวางน้อย” หลิวเย่ชี้ไปที่มุมมืดและสั่งให้มันตรงไป ก่อนที่นางจะหมดสติไป นางตามมาด้านหลังกวางทะลวงมิติและเทเลพอร์ต
“ทำได้ดีมาก”
หลิวเย่รู้สึกว่านางล้มลงในอ้อมกอดอบอุ่นของใครบางคน ขณะที่รับร่างนางที่กำลังล้มลง
เสียงของเขาก้องอยู่ในจิตสำนึกของนาง
ดูเหมือนว่าเขาจะยกย่องชื่นชมนาง…..
แต่ก่อนที่หลิวเย่จะได้ยินอย่างชัดเจน นางก็เป็นลมเสียก่อน
หลังจากเวลาผ่านไป นางไม่เห็นว่าคัมภีร์อัญเชิญของนางกำลังเปล่งประกายสีทอง ลำแสงทองลอยออกมาจากคัมภีร์และครอบคลุมตัวนางไว้ กวางทะลวงมิติของนางปรากฏตัวอยู่ในแสงทองค่อยๆ สว่างขึ้นและขนาดของมันค่อยๆ โตขึ้น เขากวางน้อยบนหัวของมันเริ่มมีกิ่งก้านเล็กๆ หลิวเย่ยกระดับหลังจากฝืนฝึกจนเกินระดับของนาง
กวางทะลวงมิติ อสูรพิทักษ์ของนาง ก็ยกระดับด้วยเช่นกัน
มันยกระดับจากอสูรเงินระดับสอง ไปเป็นอสูรเงินระดับสาม
ยิ่งกว่านั้น หลิวเย่ไม่ทราบว่านางได้ทำอะไรลงไปในช่วงสุดท้าย
เมื่อกวางทะลวงมิติเดินมาอยู่ข้างๆ เย่ว์หยาง นางไม่ได้พยายามทำความรู้สึกให้เหมือนปกติที่นางเคยทำ แต่นางกลับเทเลพอร์ตไปโดยไม่ต้องยืนยืนจุดหมายด้วยตัวนางเอง ในช่วงสุดท้าย นางเทเลพอร์ตมาอยู่ต่อหน้าเย่ว์หยางพร้อมกับกวางทะลวงมิติเลยทีเดียว
นี่คือสิ่งที่เย่ว์หยางปรารถนาจะเห็นเป็นที่สุด
เดิมทีเย่ว์หยางคิดว่าต้องใช้เวลาเดือนหนึ่งหรือสามเดือนเพื่อฝึกฝนนาง จนกระทั่งนางสามารถเทเลพอร์ตได้พร้อมกับกวางทะลวงมิติของนาง
เขาไม่เคยคาดคิดว่าหลิวเย่ผู้ดื้อรั้นจะทำได้สำเร็จภายในสามชั่วโมง
พลังระเบิดของพลังงานจากพรสวรรค์ธรรมชาติของนางพร้อมกับการตัดสินใจที่ดื้อรั้นของนาง เกินความคาดหมายของเย่ว์หยางไปมาก
แม้ว่านางจะไม่ได้เทเลพอร์ตสำเร็จด้วยตัวเองคนเดียวจริงๆ แต่นี่ก็ถือว่าเป็นจุดเริ่มต้นของความสำเร็จ เย่ว์หยางเชื่อว่าตราบใดที่เขาใช้ปราณก่อกำเนิดของเขาเปิดเส้นชีพจรในร่างนาง และจากนั้นใช้เพลิงอมฤตชำระร่างนาง ในการฝึกฝนเพียงครึ่งเดือนหรือสั้นกว่านั้น หลิวเย่อาจกลายเป็นผู้เชี่ยวชาญเทเลพอร์ตพร้อมกับกวางทะลวงมิติของนาง ถ้านางสามารถทำได้จริงๆ นางจะมีอนาคตที่สดใส
โล่พลังของวังลึกลับและสถานที่ต่างๆ ในแดนล่มสลายแห่งทวยเทพจะไม่สามารถหยุดนางได้อีกต่อไป….
เมื่อมีหลิวเย่ เย่ว์หยางรู้สึกว่าเขาสามารถเข้าไปในวังลึกลับได้ก่อนราชาเฮยอวี้แน่นอน
ราชาเฮยอวี้คงทำได้แต่เพียงทุบตีโล่พลังด้านนอกต่อไป เขาจะต้องเผชิญกับความเศร้าสลดผิดหวังอีกต่อไป
***************