เดชคัมภีร์เทพฤทธิ์ – ตอนที่ 496 – พญาไม้ไตตันโบราณ

ตอนที่ 496 พญาไม้ไตตันโบราณ

เย่ว์หยางผสานเม็ดพลังของนักสู้ปราณก่อกำเนิดเผ่าพันธุ์ทะเล, มุกวิญญาณของเอ้อเมิ่ง (ฝันร้าย) และผลึกของเยาถง (เนตรปีศาจ) เข้าด้วยกันและใช้วิวัฒนาการผีเสื้อมอมประสาท แตกต่างจากเพกาซัสเขาเงิน ผีเสื้อมอมประสาทอยู่ในสภาพดักแด้ทันทีเพื่อเข้าสู่วิวัฒนาการขั้นต่อไป

ผลที่เย่ว์หยางทำนายไว้กลายเป็นจริง

หลังจากที่มันอยู่ในช่วงดักแด้ ผีเสื้อมอมประสาททั้งสองจะกลายร่างเป็นปีศาจผีเสื้อมอมประสาทที่น่ากลัวยามเมื่อพวกมันออกมาจากดักแด้

พวกมันไม่ใช่ปีศาจผีเสื้อมอมประสาทธรรมดา เนื่องจากได้พลังฝันร้ายของเอ้อเมิ่งและตาปีศาจของเยาถง พวกมันจะมีทักษะเฉพาะอีกต่างหาก นี่จะกลายเป็นทักษะสำคัญที่ใช้สังหารฝ่ายตรงข้ามระหว่างต่อสู้ได้… ผงพิษมอมประสาท, ทักษะดูดเลือดผนวกกับพลังฝันร้ายและตาปีศาจ เย่ว์หยางประเมินว่า ต่อให้เขายังไม่ยกระดับอี้หนานเป็นนักสู้ปราณก่อกำเนิด แค่เพียงพลังจิตของตัวนางเอง กับปีศาจผีเสื้อมอมประสาทและภูตกระจก บางทีนางอาจสามารถฆ่าคู่ต่อสู้ที่เป็นนักสู้ปราณก่อกำเนิดระดับสามและที่ต่ำกว่าได้.. ในการต่อสู้ที่ฝ่ายอ่อนแอกว่าสามารถเอาชนะฝ่ายที่แข็งแกร่งกว่าได้ อี้หนานจะเด่นล้ำในด้านนี้อย่างชัดเจน นางยังจะล้ำหน้าเย่ว์ปิงที่มีทักษะแฝงเร้นพิษเข้มข้นอีกด้วย

อี้หนานยังคงมีแมงมุมแม่มดพ่นใยที่เกือบถูกลืมไปแล้ว เย่ว์หยางรู้สึกว่าศักยภาพของแมงมุมแม่มดไม่เลวนัก ยังพอรับกันได้

ถ้าเย่ว์หยางไม่รู้ว่าเจี้ยงอิงเป็นนางพญาแมงมุม แมงมุมแม่มดพ่นใยอาจจะไม่มีค่ามากนักก็ได้

เย่ว์หยางจะรอให้เจี้ยงอิงตื่นขึ้นเสียก่อน บางทีนางอาจมีวิธียกระดับแมงมุมแม่มดก็ได้

อาจมีสิ่งที่คาดไม่ถึงเกิดขึ้นก็ได้

“จริงเหรอ? อย่างนั้นข้าต้องขอขอบคุณพี่เจี้ยงอิงมาก” อี้หนานพยักหน้าด้วยความยินดี เมื่อนางได้ยินเย่ว์หยางพูด นางไม่ถือสาว่าเจี้ยงอิงก็คือสาวมังกรร่างมนุษย์ ความจริงแมงมุมแม่มดพ่นใยยังคงจงรักภักดีอยู่ไม่ได้หนีไปไหนเมื่อเผชิญหน้ากับคู่ต่อสู้ เป็นเพราะว่าระดับของนางยังต่ำเกินไป และนางยังไม่มีสติปัญญาเพียงพอ ทำให้นางกลัวกระทิงป่าอสูรระดับบรอนซ์ที่สามารถใช้ดวงตาฆ่าสิ่งมีชีวิตได้ทุกรูปแบบ

กระทิงป่าระดับทองแดงในอดีตได้ถูกเงาปีศาจยึดครองร่างไปแล้วทำให้นางกลายสภาพเป็นโคเงาอาหมันในปัจจุบัน

เย่ว์หยางรู้สึกว่าอี้หนานอสูรรุกโจมตีของอี้หนานยังมีพลังเล็กน้อยเกินไป ความสามารถของแมงมุมแม่มดพ่นใยในการขัดขวางศัตรูจะช่วยอี้หนานได้อย่างมาก

สิ่งที่อี้หนานยังขาดในตอนนี้ก็คืออาวุธอย่างหนึ่งที่สามารถขยายพลังจิตของนางได้ ถ้าจะให้ดีที่สุดควรจะเป็นสมบัติชั้นศักดิ์สิทธิ์ที่แม้แต่นักสู้ปราณก่อกำเนิดจะต้องกลัวนางแทบบ้า

แน่นอนว่าพลังต่อสู้ที่แท้จริงของอี้หนานไม่ใช่แบบลุยสู้คนเดียว แต่เป็นสู้แบบร่วมกับกลุ่ม

ถ้าในกลุ่มประกอบด้วยองค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนคอยสู้ประชิดด้วยดาบเทพของจักรพรรดิอวี้, เสวี่ยอู๋เสียคอยหนุนอยู่ชั้นสองด้วยการโจมตีด้วยพลังสายฟ้าและพลังเยือกแข็ง, พลังโล่แก้วผลึกปกป้องของอู๋เหิน, ทักษะแฝงเร้นพิษเข้มข้นของเย่ว์ปิง, พลังแสงอุษาเกลียวของเจ้าเมืองโล่วฮัวและพลังมอมประสาทของอี้หนาน…

การประสานสู้แบบนี้อาจสร้างความปวดเศียรเวียนเกล้าให้กับซุ่นเทียนต่อให้มีพลังห้าเปลี่ยนแปรหรือองค์ชายเงาดำที่มีเพลิงเขียวภูตผีเป็นไม้ตายก็ตาม

เย่ว์หยางสงสัยว่าการฝึกฝนขององค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนและเสวี่ยอู๋เสียจะดำเนินไปเช่นไร

โดยเฉพาะอย่างยิ่งเสวี่ยอู๋เสียที่ได้รับการแนะนำจากจื้อจุนโดยตรง เดี๋ยวนี้นางก้าวหน้าไปถึงไหนแล้ว?

เมื่อเทียบกับอี้หนานแล้วจะก้าวหน้ามากกว่าหรือเปล่า?

เป็นไปได้ไหมว่าแม่เสือสาวจะใช้ดาบเทพของจักรพรรดิอวี้ได้เชี่ยวชาญ?

เย่ว์หยางกำลังคาดหวังการกลับมาของสองสาว อีกอย่างหนึ่ง เขาคิดถึงพวกนางมาก นอกจากนี้เย่ว์หยางพยายามยกระดับให้อี้หนานและเจ้าเมืองโล่วฮัวในช่วงเวลาที่จำกัด พลังของบุรุษคนเดียวคงไม่มีอะไรเมื่อเทียบกับพลังความแข็งแกร่งของทั้งทีม ยังคงมีเวลา ทันทีที่พวกเขาเอาชนะราชาเฮยอวี้ได้ พวกเขาอาจจะมุ่งหน้าสู่แดนสวรรค์ก็ได้ ลำพังการพึ่งพาพลังของตัวเขาเองสู้กับสามผู้ยิ่งใหญ่แดนสวรรค์และนักสู้จากแดนสวรรค์ที่ทรงพลังคงจะไม่เพียงพอ

ระหว่างที่กลับมาพบกันหลังจากพลัดพรากกัน อี้หนานเปลี่ยนนิสัยจากเด็กผู้หญิงแข็งกระด้างเหมือนเด็กผู้ชายกลายเป็นนุ่มนวลเอาใจเย่ว์หยางเป็นพิเศษ

นางไม่รบกวนเขาในเวลาค่ำคืน ปล่อยให้เขากลับไปอยู่ข้างกายเจ้าเมืองโล่วฮัว

ตราบเท่าที่มีเวลาครึ่งชั่วโมงให้ส่วนตัวเป็นประจำกับการฝึกฝนผสานร่างด้วยกัน อี้หนานก็คงพอใจ เนื่องจากนางยังคงสถานะคนรักที่ยังไม่ได้แต่งงาน นางจึงไม่มีความปรารถนามาก เย่ว์หยางก็เอาใจใส่นางอย่างนุ่มนวล แค่จูบนางก็ทำให้นางพอใจแล้ว แน่นอนว่า แม้ว่านางจะรู้สึกอายบ้างเล็กน้อย แต่นางก็ไม่ถึงกับห้ามเย่ว์หยางมิให้แตะต้อง บางครั้งมือของเย่ว์หยางก็ซุกซนเข้ามาในเสื้อผ้านาง นางไม่ได้รู้สึกอึดอัดแต่อย่างใด แต่นางจะดื่มด่ำเพลิดเพลินกับการดูแลเอาใจใส่ของคนรักนางแทน และเนื่องมาจากกำลังใจที่พอกพูน และความรู้สึกที่สบายใจจะทำให้การฝึกผสานร่างคู่รักก้าวหน้าไปได้เร็ว

เมื่อเทียบกับอี้หนานแล้ว ความก้าวหน้าที่ฝึกกับเจ้าเมืองโล่วฮัวและหญิงงามอู๋เหินจะมีความก้าวหน้ามากกว่าเนื่องพวกเขาฝึกฝนผสานร่างในฐานะคนใช้ชีวิตคู่เป็นประจำเกือบทุกคืน

เย่ว์ปิงกำลังขยันฝึกฝนอย่างหนัก ภายใต้คำชี้แนะเป็นครั้งคราวของเย่ว์หยาง ทำให้ทักษะสู้ระยะประชิดของนางรุดหน้ามากที่สุด

เย่ว์หยางเตรียมพร้อมสำหรับการยกระดับขุนพลพฤกษาพันปีของนางไว้ล่วงหน้าแล้ว

ภายใต้การช่วยเหลือของผลปัญญา, ใบไม้นิรันดร์, กิ่งชีวิต, น้ำพุหวานใต้ดินและรากไม้ปีศาจของปีศาจไม้โบราณหมื่นปี ขุนพลพฤกษาพันปีทั้งสองของเย่ว์ปิงเริ่มพัฒนาการ แสงสีเขียวเต็มพื้นที่ขณะที่รัศมีทองพุ่งออกมาจากมนุษย์พฤกษา เย่ว์หยางใช้เพลิงอมฤตเผาผลาญใบและลำต้นของขุนพลพฤกษาพันปี และจากนั้นใช้ปราณก่อกำเนิดของเขาฟื้นฟูพวกมัน ภายใต้การช่วยเหลือของนางไม้แสงเขียวของเย่ว์ปิง ขุนพลพฤกษาที่กำลังเผาไหม้ทุกข์ทรมานอย่างต่อเนื่อง ขณะที่พวกเขาถูกบังคับให้ปลดปล่อยศักยภาพของพวกเขาออกมาอย่างเต็มที่

เปลือกไม้ของพวกเขาแตกออกเป็นชิ้นๆ

เปลือกชั้นในขยายลามออกมาพร้อมกับกิ่งอ่อนสีเขียวงอกออกมาจากไฟ

รัศมีทองเชื่อมขุนพลพฤกษาทั้งสองไว้

เมื่อพวกมันสูงขึ้นราวๆ ยี่สิบเมตรก็หยุดโต และเปลี่ยนเป็นพญาไม้ดึกดำบรรพ์หมื่นปี

เย่ว์หยางเตรียมเลือดไตตันไว้สองถังก่อนจะราดรดไปบนเปลือกไม้ เมื่อเห็นเช่นนั้น นางไม้แสงเขียวใช้ทักษะรากวิญญาณของนางทันที ขุนพลพฤกษาที่กำลังวิวัฒนาการอยู่นั้นสามารถใช้พลังงานในเลือดของไตตันด้วยพลังของพวกมันทั้งหมดได้

ขุนพลพฤกษาทั้งสองเริ่มเติบโตอย่างบ้าคลั่งในขณะเดียวกัน

เปลือกไม้ของพวกมันค่อยๆ เปลี่ยน ขณะที่ขยายลามและหนาขึ้นอย่างต่อเนื่อง จากนั้นก็หยุดเมื่อพวกมันสูงถึงขนาดสามสิบเมตร

เปลือกไม้ของขุนพลพฤกษาทั้งสองเริ่มเปลี่ยนรูปมีลักษณะเหมือนแขนมนุษย์คู่หนึ่ง และยอดของต้นไม้ดูเหมือนศีรษะของมนุษย์ยิ่งขึ้น กิ่งก้านยาวเชื่อมกับศีรษะของพวกมันเต็มไปด้วยใบไม้สีเขียว ลำต้นดำเป็นมันและรากของพวกมันเริ่มจะคล้ายกับขายาวของมนุษย์ ขณะที่เย่ว์หยางสลักวงเวทอักษรรูนสวรรค์ไว้บนร่างของพวกมัน ร่างของมันเริ่มเปลี่ยนเป็นสีผิวคล้ายกับยักษ์ไตตันทำให้ผิวที่เข้มคล้ำมีสีทองแซมอยู่ในนั้น

หลังจากเย่ว์หยางสลักวงเวทอักษรรูนสวรรค์แล้ว ขุนพลพฤกษาทั้งสองก็กระโดดขึ้นไปในกลางอากาศ

เสียงตุ้บเมื่อพวกมันกระแทกลงพื้นพร้อมกับรากของมันที่หยั่งลึกลงไป

พวกมันมีระดับเกินกว่าพญาไม้ดึกดำบรรพ์หมื่นปีอสูรชั้นทองไปอย่างเป็นทางการแล้ว

ขณะที่พวกมันทะลุขีดจำกัดการเติบโต พวกมันกลายพันธุ์และยกระดับเป็นพญาไม้ไตตันโบราณ อสูรระดับแพลตตินัม เป็นสายพันธุ์ใหม่และเป็นอสูรใหม่ที่เย่ว์หยางสร้างขึ้นมา

พญาไม้ไตตันโบราณ : อสูรพิทักษ์ ชั้นแพลตตินัมระดับหนึ่ง ลำต้นไตตัน จ้าวแห่งพญาไม้หมื่นปี มีภูมิคุ้มกันจุดอ่อนจากการโจมตีด้วยสายฟ้า ใบเขียวสดตลอดไม่มีเหี่ยวแห้ง รากของมันสามารถสูบเลือดของสิ่งมีชีวิตและพลังงานจากโลกเพื่อการงอกใหม่ได้ “ร้อยรัด” “หมัดพร่างพราย” “แส้” “หนามพิษ” และ “เหยียบย่ำ”

“พี่สาม!” เย่ว์ปิงหน้าแดงด้วยความตื่นเต้น ขณะที่นางจับมือเย่ว์หยางกระโดดเต้นไปรอบๆ

นางกระโดดขึ้น กระโดดลง แต่ก็ยังไม่รู้สึกว่าสาแก่ใจกับความสุขที่ได้รับ

นางพึงพอใจมากอยู่แล้วหากสามารถยกระดับขุนพลพฤกษาของนางขึ้นเป็นพญาไม้ดึกดำบรรพ์หมื่นปีได้ แต่ตอนนี้ พี่ชายนางกับสร้างอสูรสายพันธุ์ใหม่ พญาไม้ไตตันโบราณที่ไม่เหมือนใครให้นางเป็นเจ้าของ

แล้วนางจะไม่ปลาบปลื้มใจได้อย่างไร?

เย่ว์หวี่, อี้หนานและพวกที่เหลือพลอยมีความสุขไปกับนางด้วยเช่นกัน พวกนางทุกคนร่วมแสดงความยินดีกับเย่ว์ปิงที่ได้เป็นเจ้าอสูรใหม่ที่แข็งแกร่งขนาดนั้น

มีแต่เพียงเย่ว์ซวงกวาดตามองอยู่นานและบ่นพึมพำ “ต้นใหญ่โต แต่พวกมันไม่มีผลไม้เลย…” เด็กหญิงให้ความสำคัญแต่เรื่องกินเท่านั้น เรื่องอื่นเธอไม่สนใจ

พญาไม้ไตตันโบราณทั้งสองนับว่าเพียงพอจะเป็นผู้ช่วยที่แข็งแกร่งที่สุดของเย่ว์ปิง

ต่อไปก็เตรียมพร้อมให้อสูรพิทักษ์สายธาตุจำเพาะของนาง นางไม้แสงเขียว แม้ว่าพญาไม้ไตตันโบราณจะกลายพันธุ์ได้สำเร็จ แต่มันไม่ได้มีผลสำคัญต่อความก้าวหน้าเติบโตของเย่ว์ปิง นางไม้แสงเขียวกลับตรงกันข้าม นางจะช่วยเย่ว์ปิงได้มากยิ่งกว่า และยังสามารถยกระดับกลายเป็นอสูรศักดิ์สิทธิ์ได้ง่ายอีกด้วย ส่วนพญาไม้ไตตันโบราณเล่า? จะรอให้สมองไม้ของพวกมันพัฒนาการกลายเป็นปัญญาสูงส่งและกลายเป็นอสูรศักดิ์สิทธิ์น่ะหรือ? เป็นไปไม่ได้!

ปัญหาก็คือว่าระดับของนางไม้แสงเขียวยังค่อนข้างต่ำ เป็นอสูรเงินระดับสาม

บางทีอาจต้องใช้เวลาในการฝึกฝนนาง

“ไม่สำคัญหรอก ด้วยพญาไม้ไตตันโบราณทั้งสอง ข้าก็ช่วยท่านพี่สู้ได้แล้ว” เย่ว์ปิงมั่นใจมาก ด้วยพญาไม้ไตตันโบราณที่ทรงพลังทั้งสองนี้ บวกกับการปรับพลังวิญญาณของนางและทักษะแฝงเร้นพิษเข้มข้น พลังต่อสู้ของนางจะเพิ่มพูนขึ้นเป็นสิบเท่า

“อันที่จริง ให้ปิงเอ๋อปรับตัวให้เข้ากับการควบคุมพญาไม้ไตตันโบราณทั้งสองนี้เสียก่อน เรื่องนางไม้แสงเขียวยังไม่ใช่ปัญหาเร่งด่วนตอนนี้ ข้าจะลองคิดหาสิ่งที่ช่วยพัฒนานางไม้แสงเขียวของปิงเอ๋อดู” เจ้าเมืองโล่วฮัวลูบแก้มน้อยๆ ของเย่ว์ปิง ไม่เพียงแต่ในฐานะเป็นพี่สะใภ้เท่านั้น แม้แต่ก่อนนี้พวกนางก็มีสัมพันธ์ที่ดีอย่างนี้อยู่แล้ว นางให้ความสำคัญเย่ว์ปิงเป็นอย่างสูงอยู่แล้ว ดังนั้นจึงเป็นธรรมดาที่นางจะแสดงความโปรดปรานนางมาก

“ขอบคุณ,พี่สะใภ้!” เย่ว์ปิงเป็นเด็กที่สุภาพที่สุด ถ้าอี้หนานไม่ได้ย้ำว่าให้เรียกนางว่าพี่เฉยๆ ต่อหน้าคนอื่น เย่ว์ปิงจะเรียกนางว่าพี่สะใภ้เป็นปกติเหมือนกัน

สำหรับเจ้าเมืองโล่วฮัวและหญิงงามอู๋เหิน เย่ว์ปิงเรียกพวกนางเป็นพี่สะใภ้มานานแล้ว

ขณะที่ทุกคนกำลังฉลองที่พญาไม้ไตตันถือกำเนิด เย่ว์หยางมองเห็นหญิงสาววัยผู้ใหญ่ที่เขาไม่ได้พบเห็นมานานแล้วกำลังเดินตรงมาหาพวกเขาจากทางเดิน

นางคือพี่สาวขี้เมานั่นเอง

นางแตกต่างจากสภาพที่เคยเห็นตามปกติ นางดูกระฉับกระเฉงมาก

จักรพรรดิหัวซิ่วรี่ได้รับของขวัญจากเย่ว์หยาง เป็นเลือดของไตตันเมื่อไม่กี่วันก่อน วันนี้นางส่งพี่สาวขี้เมาส่งของขวัญกลับมามอบให้เขา นั่นคือ “หยกสุบิน”

แต่ก่อนที่พี่สาวขี้เมาจะล้วงหยกสุบินออกมา เจ้าเมืองโล่วฮัวก็ฉุดรั้งนางออกไปคุยด้วย

เย่ว์หยางทักทายหนูน้อยแพนด้าหนิวหนิวนอกเหนือจากทักทายพี่สาวขี้เมา สาวน้อยแพนด้าผู้น่ารักชอบเย่ว์หยางมากเช่นกัน หลังจากทักทายสตรีสองสามคนอย่างสุภาพแล้ว เธอรีบกางแขนและรีบวิ่งเข้าไปกอดเย่ว์หยางและตระหนักได้ว่าไม่มีใครอยู่ใกล้ๆ เขาเลย “พี่ชาย… หนิวหนิวคิดถึงพี่ชายมากๆ … โอวใช่แล้ว หนิวหนิววาดภาพให้พี่ชายด้วย ท่านตาบอกว่าสวยมากเลย” หนิวหนิวพูดเสียงดังลั่น

ท่านตาที่เธอพูดถึงก็คืออาจารย์จิ้งจอกเฒ่า สุ่ยตงหลิว

เย่ว์หยางรู้สึกทึ่ง เธอรู้วิธีวาดรูปด้วยหรือนี่? เด็กหญิงแพนด้าจะวาดอะไรให้เขากันแน่?

หนิวหนิวหันไปมองทางพี่สาวขี้เมา ก่อนจะกลับมาคุยกับเย่ว์หยาง “อย่าให้แม่เห็นเชียวนะ ไม่อย่างนั้นนางจะโกรธ แม่ไม่ยอมให้ข้าวาดภาพทุกอย่างที่เกี่ยวกับพี่ชาย นี่คือสิ่งที่ท่านตาสอนข้า!”

เธอล้วงภาพวาดออกมา เย่ว์หยางเห็นเป็นภาพวาดคนสามคนที่วาดด้วยลายเส้นยุ่งเหยิง

คนซ้ายมือเป็นบุรุษตัวสูงผมเผ้ากระเซิง เด็กผู้หญิงอ้วนมีลายทางสีดำอยู่ตรงกลาง และสตรีสูงผมยาวอยู่ทางขวา ทั้งสามคนยืนจับมือด้วยกัน นอกจากนั้น ยังมีดวงอาทิตย์หนึ่งดวง พระจันทร์หนึ่งดวงและดวงดาวในท้องฟ้า มีดอกไม้สองสามดอกกับต้นหญ้าอยู่บนพื้น เย่ว์หยางเข้าใจภาพวาดเมื่อได้เห็น แต่ยังคงแกล้งทำเป็นไม่รู้ “นี่คือใคร? ใช่หนิวหนิวหรือเปล่า?”

“ใช่แล้ว, นี่ข้าเอง, นี่ท่านแม่และคนนี้ก็คือพี่ชาย” ชู่ววว ต้องไม่ให้ท่านแม่เห็นภาพนี้ ไม่อย่างนั้นท่านแม่ต้องตีก้นข้าแน่..” แพนด้าน้อยหนิวหนิวชี้ให้เห็นว่าเย่ว์หยางควรจะรีบเก็บภาพที่ล้ำค่านี้ไว้

“หนิวหนิวฉลาดมาก เดี๋ยวข้าจะให้ลูกอมมอลต์เป็นรางวัลนะ” เย่ว์หยางเชี่ยวชาญในเรื่องปะเหลาะเด็กอยู่แล้ว

พี่สาวขี้เมาเหลือบตามองจากระยะไกล เห็นได้ชัดว่านางรู้เรื่องภาพวาดนี้ แต่แกล้งทำเป็นไม่รู้เพราะเห็นแก่ความรู้สึกของหนูน้อยแพนด้า

เย่ว์หยางกระแอมเบาๆ ขณะที่จูงมือหนิวหนิวเดินเข้ามาหา “ฝ่าบาทต้องการมอบอะไรให้ข้าหรือ?”

พี่สาวขี้เมาแบมือออกมา “เอาเหล้าฉีหลานของเจ้ามาแลกไป”

เย่ว์หยางพูดไม่ออก เขารู้ว่าหลายๆ อย่างจะกลายเป็นแบบนี้

 

*****************

Long Live Summons เดชคัมภีร์เทพฤทธิ์

Long Live Summons เดชคัมภีร์เทพฤทธิ์

LLS, Triệu Hoán Vạn Tuế, Zhaohuan Wansui, 召唤万岁
Score 7.6
Status: Ongoing Type: Author: , Released: 2010 Native Language: Chinese
อ่านนิยายเรื่อง Long Live Summons เดชคัมภีร์เทพฤทธิ์ ทวีปมังกรทะยานคือโลกแห่งการอัญเชิญ คุณจะกลายเป็นคนแข็งแกร่งได้ ถ้าเพียงแต่คุณเป็นผู้อัญเชิญ! ยิ่วหยางเด็กนักเรียนมัธยมปลายธรรมดาถูกส่งเข้ามาในโลกนี้อย่างฉับพลันทัน ด่วน เมื่อเขาฟื้นขึ้นกลับได้พบใบหน้าของหลายคนที่เต็มไปด้วยความห่วงใย และพบว่าเขาเป็นตัวตนของอีกคนหนึ่ง กลับกลายเป็นว่าเขาเป็นบุตรที่ไม่เอาไหนของตระกูลยิ่ว จนถึงกับโดดน้ำตายเพราะถูกปฏิเสธการหมั้น อีกทั้งไม่สามารถจะทำพันธสัญญากับคัมภีร์อัญเชิญได้ แต่ยิ่วหยางกลับประสบความสำเร็จทำสัญญากับคัมภีร์ ส่วนเรื่องราวจะเป็นเช่นไรต่อไป ขอเชิญติดตามดูครับ ความจริงในการแปลครั้งนี้มาจากแรงบันดาลใจที่ไม่ได้จะเป็นนักเขียนนักแปล หรอกครับ เกิดจากการอ่านมันฮัวการ์ตูนของจีนแล้วชอบ พยายามหาดูที่แปลเป็นอังกฤษ ก็แปลกันไปได้น้อยนิด แต่พอดูฉบับนิยายรู้สึกว่าเขาแปลไปได้เยอะ จึงลองเข้าอ่าน แต่เพราะความที่ภาษาไม่แข็งแรง จึงต้องดูไป เปิดดิคฯ ไปใช้โปรแกรมแปลช่วยบ้าง มีความรู้สึกว่าอ่านไม่ต่อเนื่อง จึงคิดว่าน่าจะแปลข้อมูลเก็บไว้ในเว็บๆ หนึ่งแล้วค่อยอ่านเป็นตอนๆ ให้ต่อเนื่องไปเลยดีกว่า แล้วก็นึกถึงที่นี่

Comment

Options

not work with dark mode
Reset