ตอนที่ 499 มีน้องชายนี่ดีจริงๆ
วันนี้สาวขี้เมายังไม่ตัดสินใจยกเว้นไม่ดื่มสักวัน
แต่เมื่อนางกำลังจะกิน นางจ้องดูเย่ว์หยางด้วยสายตาที่เกลียดชังมากกว่าใครที่นางเคยเห็นเป็นศัตรู ความรู้สึกของนางกระพือโหมทันที เจ้าเมืองโล่วฮัวรีบพาเย่ว์หวี่ไปนั่งฝั่งเดียวกับสาวขี้เมาขณะที่นางนั่งอีกด้านหนึ่ง ป้องกันไม่ให้สาวขี้เมาอาละวาดถือโอกาสคว่ำโต๊ะ
ทุกคนมีความรู้สึกไวพอที่จะไม่พูดถึงเรื่องที่เกิดขึ้น ดังนั้นพวกนางจึงไม่แตะต้องทุกเรื่องเกี่ยวกับการฝึกฝนของนางกับเย่ว์หยาง พวกนางทำเช่นนั้นเพื่อป้องกันไม่ให้การเผชิญหน้าต่อต้านระหว่างนางกับเย่ว์หยางเพิ่มขึ้น
นางไม่พูดอะไร ทุกคนก็รู้แล้วว่านางเสียเปรียบ
ไม่เพียงแต่เย่ว์หยางจะทรงพลังมากมายเท่านั้น เขายังผ่านการฝึกฝนมาซ้ำแล้วซ้ำเล่า เอาแค่ระดับพลังปราณก่อกำเนิดระดับหนึ่ง เย่ว์หยางก็มีพลังเท่ากับนักสู้ปราณก่อกำเนิดระดับหกเสียแล้ว ต่อให้เขาลดพลังจนเหลือเท่ากับเตรียมนักสู้ปราณก่อกำเนิด เย่ว์หยางก็ไม่จำเป็นต้องใช้ไม้ตายของเขาอย่าง เพลิงอมฤตและวงจักรล้างโลกเพื่อเอาชนะสาวขี้เมาเลย แม้ว่านางจะอยู่ในสภาวะเมาและพลังเพิ่มขึ้นถึงระดับนักสู้ปราณก่อกำเนิดระดับสองก็ตาม พลังของนางก็ยังห่างจากพลังที่เย่ว์หยางมี
กล่าวโดยสรุปก็คือ ถ้านางต้องการจะเอาชนะเย่ว์หยางในสภาพที่เขาอยู่ในระดับเตรียมปราณก่อกำเนิด นางต้องยกระดับเป็นนักสู้ปราณก่อกำเนิดระดับสี่หรือแม้แต่ระดับห้าจึงจะทำได้
ถึงอย่างนั้น ก็ต้องขึ้นอยู่กับเงื่อนไขว่าเย่ว์หยางต้องไม่ใช้อสูรของเขา และต้องพึ่งพาทักษะของเขาล้วนๆ
“ข้าอิ่มแล้ว” สาวขี้เมากินข้าวของนางอย่างโกรธเกรี้ยว ขณะที่นางจ้องเย่ว์หยางราวกับจะกินเลือดกินเนื้อก่อนจะเดินออกไป
นางโกรธมากจริงๆ
เป็นเพราะแม่สี่จึงทำให้นางยอมกินข้าวร่วมโต๊ะเดียวกับเย่ว์หยาง
นางข่มใจไม่ให้ต้องการดื่มเหล้าและกลับไปที่หอฝึกฝนฝีมือและยังคงฝึกฝนต่อไป แม้ว่านางจะโกรธ แต่นางไม่ดื้อรั้น นางฝึกฝนฝีมือทั้งหมดและวิธีที่เย่ว์หยางใช้กับนางในตอนเช้าซ้ำแล้วซ้ำเล่าและหลอมรวมทักษะนั้นเป็นของนางเอง ขณะที่นางกวัดแกว่งควงทวนทองฆ่ามังกรที่นางได้รับการฝึกฝน นางค่อยๆ ทำความเข้าใจอะไรบางอย่างได้ ถ้านางไม่พยายามฝึก นางจะไม่มีทางรู้เคล็ดลับที่แฝงอยู่ในทักษะต่อสู้ของเย่ว์หยาง และนางจะไม่มีทางรู้ช่องว่างที่แท้จริงระหว่างพวกเขา นางจะไม่มีทางรู้ได้เลยว่า นางสามารถใช้ทวนได้อย่างนี้และใช้ตอบโต้การเคลื่อนไหวของคู่ต่อสู้ได้…
ยิ่งนางฝึกมาก ก็ยิ่งตกตะลึงถึงสิ่งที่นางได้รับ
แม้ว่านางจะรู้ว่ายังมีระยะห่างกันใหญ่หลวงระหว่างเย่ว์หยางกับนาง แต่นางไม่เคยคิดว่าเขาจะเหนือกว่านางในเรื่องทักษะต่อสู้มากมายนัก
นางใช้หอกหรือทวนได้ดีที่สุด ขณะที่ทักษะของเขาน่าจะเด่นที่การใช้ดาบหรือกระบี่
เขาสามารถเล่นงานนางจนอยู่ในสภาพอนาถขนาดนั้นได้โดยไม่ได้ใช้ดาบวิเศษฮุยจินและดาบจันทร์เสี้ยวของเขา ฉะนั้นถ้าเขาใช้ดาบเหล่านั้นจริงๆ อย่างนั้นบางทีนาง…. เมื่อคิดถึงเรื่องนี้แล้ว นางสงบจิตใจลงและจัดลำดับความคิด นางพยายามลอกเลียนท่าของเย่ว์หยางให้มากเท่าที่เป็นไปได้และพยายามเข้าใจสภาวะใจของเขาในขณะนั้น
เนื่องจากเขาแข็งแกร่งมากกว่านาง จึงเหมาะแล้วที่นางจะลอกเลียนทักษะของเขา
จะดีที่สุดถ้านางสามารถเหนือเขาได้โดยใช้ทักษะที่นางเรียนรู้มาจากเขา จากนั้นนางก็จะใช้กับเขาและยั่วให้เขาโกรธบ้าง
แค่เพียงเมื่อสาวขี้เมาตั้งใจเรียนรู้ทักษะของเขา เย่ว์หยางจึงมีเวลาเริ่มสร้างตุ๊กตารบของเขาเอง เขาเตรียมส่วนประกอบไว้แล้ว อย่าว่าแต่หยกสุบินเลย แม้แต่หัวใจไตตันและเลือดเทพก็มีอยู่แล้วในตอนนี้ หญิงงามอู๋เหินศึกษาวงเวทอักษรรูนสวรรค์บนโลงทองเกือบหมดแล้วเช่นกันและบางทีนางอาจเรียนรู้สำเร็จได้ภายในไม่กี่วันนี้ เย่ว์หวี่จัดหมวดหมู่ภาพวาดอาวุธของตุ๊กตาหุ่นรบและของที่จำเป็นอื่นๆ เหลืออยู่สิ่งเดียวก็คือรอให้เย่ว์หยางลงมือทำ
“มาสร้างดาบนางฟ้าที่ติดตั้งบนตุ๊กตารบต่อไปเถอะ! ท่านไม่ต้องการจะยกระดับดาบนางฟ้าของท่านจริงๆ หรือ?” เย่ว์หยางรู้สึกว่าดาบนางฟ้าระดับเงินบนตัวเย่ว์หวี่ยังมีระดับอ่อนไปอยู่ เนื่องจากเขาไม่มั่นใจว่าเมื่อไหร่ตุ๊กตาหุ่นรบจะสำเร็จได้ เย่ว์หยางต้องการใช้ส่วนประกอบที่ดีที่สุดยกระดับอาวุธดาบนางฟ้าให้เย่ว์หวี่
“ไม่, นี่ก็ดีที่สุดสำหรับข้าอยู่แล้ว” เย่ว์หวี่รีบโบกมือปฏิเสธ นางอุ่นใจที่มีดาบนางฟ้าที่เย่ว์หยางสร้างให้
“ความจริง เรามีส่วนประกอบเพียงพอแล้ว” เย่ว์หยางพยายามเกลี้ยกล่อมนาง
“แค่นั้นก็เหมาะสมดีที่สุดแล้ว… ข้าไม่ใช่กำลังรบหลัก งานของข้าคือรักษาเยียวยาทุกคน ดังนั้นดาบนางฟ้าระดับเงินก็เพียงพอแล้ว ยิ่งกว่านั้น มันยังดีกว่าสมบัติชั้นทองส่วนใหญ่เสียอีก” เย่ว์หวี่ไม่เต็มใจจะให้เย่ว์หยางเสียส่วนประกอบเพิ่มเติมให้นาง และแค่ดาบนางฟ้าชั้นเงินในปัจจุบันของนางก็สามารถทำให้ผู้คนชื่นชมและอิจฉานางได้มากพออยู่แล้ว
“ก็ได้!” เย่ว์หยางไม่รบเร้านางต่อ จากนั้นเขาเอาสมบัติที่เย่ว์กงทิ้งไว้ให้ออกมา เสาแก้วผลึกลึกลับ
มันยาวเกินกว่าสิบเมตร กว้างสองเมตรและหนาหนึ่งเมตร ที่ฐานกว้างและตัวแท่งที่ตั้งตรงมียอดปลายสอบแหลม มันเต็มไปด้วยพลังมหาศาล เนื่องจากอักษรรูนสวรรค์ถูกแกะสลักไว้บนผิวและภายในแท่งแก้วผลึก
มันเรืองแสงสีขาวและมีประกายรุ้งจางๆ
ฐานของมันมีรอยบิ่น ราวกับว่าถูกของมีคมอื่นขุดออกไป
นี่คือสิ่งที่สร้างความงงงวยให้เย่ว์หยางมากที่สุด
เย่ว์กงไม่ใช่นักรบแข็งแกร่ง และเขาไม่ได้มีสมบัติพิเศษแต่อย่างใด แล้วขุดแก้วผลึกส่วนนี้เอามาใช้เป็นแก่นพลังให้อสูรหุ่นเคลื่อนไหวได้อย่างไร?
เย่ว์หยางพยายามใช้ดาบวิเศษฮุยจินชั้นแพลตตินัมตัดดูแล้ว แต่ไม่สามารถตัดแท่งผลึกลึกลับได้เลย ดาบวิเศษฮุยจินมีพลังมากสามารถตัดโลหะอื่นได้เหมือนหั่นก้อนดิน เพราะดาบวิเศษฮุยจินไม่สามารถตัดผ่านแท่งผลึกได้ แสดงให้เห็นถึงความทนทานของมันได้อย่างชัดเจน
“ลองใช้กริชสังหารเทพดูก่อนสิ” เย่ว์หวี่เห็นเย่ว์หยางตัดชิ้นส่วนอื่นๆ ได้ แต่นางไม่มั่นใจว่าจะสามารถตัดแท่งผลึกได้หรือไม่
“เอ๋?” เย่ว์หยางตระหนักว่ากริชสังหารเทพ สมบัติชั้นศักดิ์สิทธิ์กลับให้ผลที่แตกต่าง
ภายใต้พลังปราณก่อกำเนิดหนุนเนื่องเขาค่อยๆ ปาดเอาสะเก็ดแก้วผลึกออกมา
เย่ว์กงจัดการปาดตัดชิ้นส่วนแท่งผลึกใหญ่ขนาดนั้นได้อย่างไรทั้งที่ไม่มีกริชสังหารเทพชั้นศักดิ์สิทธิ์และปราณก่อกำเนิด? เย่ว์หยางไม่เข้าใจถึงเหตุผลเลยจริงๆ
ยิ่งกว่านั้น ยังตัดออกมาได้ไม่ดีอีกด้วย
ศูนย์กลางพลังงานของตุ๊กตาหุ่นรบจะต้องเป็นลูกกลมหรือไม่ก็เพชร
เย่กงทำสำเร็จได้อย่างไร? ไม่มีเพลิงอมฤต แล้วเขาจะหลอมเศษแก้วผลึกให้เป็นลูกกลมหรือทรงเพชรได้อย่างไร? ด้วยความสงสัยเต็มเปี่ยม เย่ว์หยางใช้ปราณก่อกำเนิดและเพลิงอมฤตปริมาณมหาศาลหลอมเศษแก้วผลึกไม่กี่ชิ้นอยู่นานถึงครึ่งชั่วโมงจนกลายลูกกลมแก้วผลึก
เย่ว์หวี่เห็นว่าเย่ว์หยางเหงื่อไหลพร่างพรู ดังนั้นนางจึงช่วยเช็ดเหงื่อให้เขาอย่างเต็มใจซ้ำแล้วซ้ำเล่า
เนื่องจากนางไม่สามารถช่วยเขาสร้างได้ นางจึงได้แต่ช่วยดูแลความเป็นอยู่ให้เขา เมื่อเห็นเย่ว์หยางดูหงุดหงิดและเต็มไปด้วยความสงสัย เย่ว์หวี่ปรารถนาว่านางจะสามารถรู้คำตอบในโลกได้ทั้งหมดและตอบความลับได้ทั้งหมด เพื่อที่ว่าเขาจะได้หยุดขมวดคิ้วเสียที
เย่ว์หยางไม่รู้วิธีสร้างผลึกจากเศษแก้วผลึกให้กลม เนื่องจากไม่มีบันทึกไว้ในสารานุกรมหุ่น
ดังนั้น เขาสามารถใช้ได้แต่เพียงวิธีที่โง่เขลา นั่นคือใช้กำลัง
เขาปลดปล่อยพลังปราณก่อกำเนิดระดับสาม จากนั้นใช้กริชสังหารเทพคู่กับปราณก่อกำเนิดเพิ่มความคมให้กระบี่แสง จากนั้นจึงค่อยๆ ตัดแก้วผลึกออกมาจากฐานแท่งแก้วผลึก หลังจากนั้นเย่ว์หยางใช้ดาบเพลิงอมฤตค่อยๆ หลอมทุกแนวเส้นที่เขาตัดออกมา เขาวางแผนจะแยกฐานจากมาจากแท่งผลึกเองและตัดฐานแท่งแก้วผลึกออกเป็นชิ้นๆ จากน้ำหนักไม่กี่กิโลกรัมไปจนถึงสิบกิโลกรัม
การตัดแท่งแก้วผลึกนี้ ทำให้เย่ว์หยางเหนื่อยมาก
แน่นอนวาต้องมีวิธีที่ง่ายกว่า แต่น่าเสียดายที่เย่ว์หยางไม่รู้
การใช้พลังดื้อด้านเป็นวิธีที่ไม่มีประสิทธิภาพ โชคดีที่เขามีปราณก่อกำเนิดและเพลิงอมฤต ไม่อย่างนั้นเขาคงไม่สามารถทำอะไรแท่งแก้วผลึกได้
“เจ้าควรจะพักสักครู่ก่อน!” เย่ว์หวี่ทำได้แต่เพียงช่วยส่งน้ำให้เย่ว์หยางและช่วยเช็ดเหงื่อให้เขา นางหวังจะช่วยเขาได้มากกว่านี้ แต่แย่เกินไปที่นางไม่สามารถทำอะไรได้มาก
“จริงๆ แล้วเขาทำได้อย่างไร? เย่ว์กงเจาะเสาแก้วผลึกได้อย่างไร?” เย่ว์หยางยังคงสงสัยต่อไป
“……” เย่ว์หวี่ต้องการจะตอบเขามาก แต่นางก็ไม่รู้คำตอบ
“เย่ว์กงอ่อนแอมากตามที่ได้รับบอกเล่า และเขาไม่ได้มีสมบัติวิเศษใดๆ อย่าว่าแต่ตัดแท่งแก้วผลึกเลย เขาไม่น่าจะขยับเจ้าสิ่งนี้ได้ เจ้าสิ่งนี้ไม่ใช่เต้าหู้” เย่ว์หยางยอมรับความพ่ายแพ้ต่อเย่ว์กง เขาเป็นอัจฉริยะที่แท้จริงซึ่งตัวเย่ว์หยางเองรู้สึกว่าเขาไม่สามารถเทียบได้
เย่ว์หวี่ช่วยเช็ดเหงื่อให้เย่ว์หยางและช่วยนวดไหล่ให้เขา
เมื่อเห็นว่าเขารู้สึกสบายตัวขึ้น นางจึงเพิ่มแรงขึ้นอีก
นางรู้สึกไร้ประโยชน์ที่นางสามารถทำให้เย่ว์หยางได้มากท่านี้ อย่างไรก็ตาม นางไม่ฉลาดพอ ดังนั้นนางจึงไม่สามารถช่วยเขาได้
คงจะดี ถ้าเสวี่ยอู๋เสียหรือองค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนอยู่ที่นี่ด้วย โดยเฉพาะอย่างยิ่งเสวี่ยอู๋เสีย นางจะเป็นแรงบันดาลใจให้เขามากที่สุด นางอาจจับเบาะแสบางอย่างได้
เย่ว์หยางคิดเกี่ยวกับวิธีที่เย่ว์กงใช้อยู่เป็นเวลานาน ขณะที่เขายังไม่สามารถได้ผลสรุปอะไร เขาคงได้แต่ใช้เรี่ยวแรงถึกต่อไป เมื่อเย่ว์หวี่คอยสนับสนุนอยู่ นางเห็นว่ามีส่วนประกอบบางอย่างที่ร่วงตกลงมาบนพื้น นางรีบก้มและหยิบขึ้นมา แต่ก่อนที่นางจะรู้ตัว หน้าผากนางก็กระแทกเข้ากับชิ้นส่วนอุกกาบาตทองที่ยื่นออกมานอกโต๊ะ
นางรู้สึกเจ็บที่หน้าผาก
นางข่มความเจ็บลุกขึ้นยืน และไม่ต้องการจะหันเหความสนใจของเย่ว์หยางจนส่งผลต่องานของเขา
นางรู้สึกถึงบางอย่างที่ผิดปกติในมือนาง เมื่อนางยื่นมือออก นางพบว่าเลือดเปื้อนนิ้วของนาง กลับกลายเป็นว่าผิวอ่อนนุ่มบนหน้าผากของนางแตก นางตัดสินใจใช้พลังวารีบำบัดโดยไม่ให้เย่ว์หยางรู้
ขณะเมื่อนางเรียกบอลวารีออกมา จู่ๆ นางก็ตระหนักถึงบางอย่างวูบขึ้นมาในใจ และนางตะโกนขึ้นทันที
“ท่านได้รับบาดเจ็บตั้งแต่เมื่อไหร่?” เย่ว์หยางเงยหน้าขึ้นเมื่อได้ยินเสียงตะโกนของนางและตระหนักว่าหน้าผากนางมีเลือดไหล
“ไม่ต้องห่วงข้า, ข้าไม่เป็นไร รีบลองดู..เร็วเข้า… เหตุผลที่ท่านบรรพบุรุษเย่ว์กงอ่อนแอและซีดขาวอาจเนื่องมาจากการเสียเลือดอย่างต่อเนื่อง ข้า..หมายถึง เขาอาจจะใช้เลือดของเขาเพื่อ.. บางทีเลือดของเขาอาจมีผลแน่นอน.. ข้าไม่รู้เหมือนกันนะ แต่ข้ารู้สึกว่าถ้าใช้เลือดช่วยด้วย อาจจะได้ผลก็ได้ ข้าไม่มั่นใจนัก ถ้าข้าคิดถูกนะ..” เย่ว์หวี่กลัวว่านางจะลืมไป ดังนั้นนางจึงรีบตะโกน แม้ว่านางจะไม่มั่นใจว่าเป็นวิธีที่ถูกต้อง แต่ความรู้สึกบอกนางเช่นนั้น
“เลือดเหรอ?” เย่ว์หยางสั่นไปทั้งตัวเมื่อเขาได้ยินเช่นนั้น มีประกายแสงเรืองรองในดวงตาเขา เขารับรู้เข้าใจทันทีหลังจากได้ฟังคำแนะนำของเย่ว์หวี่
เขารีบคว้าเศษแก้วผลึกชิ้นหนึ่งถือไว้ในมือ
จากนั้นใช้กริชสังหารเทพกรีดฝ่ามือของเขา
แต่ไม่มีผลอะไรกับเศษแก้วผลึกอยู่เป็นเวลานานหลังจากที่มันเปื้อนเลือด
เย่ว์หวี่รู้สึกผิดหวังอย่างมาก นางเห็นว่าน้องชายนางเชื่อถือนางด้วยใจจริง เพียงแต่มันเป็นวิธีการที่ไม่ถูกต้อง นางรู้สึกผิด นางน้ำตาไหลและวิ่งไปข้างๆ ตัวเขาต้องการจะช่วยรักษาบาดแผลที่ฝ่ามือให้เขา
น้ำตาหยดหนึ่งหยดลงบนแก้วผลึกที่เปื้อนเลือด
ทันใดนั้นแสงที่น่าอัศจรรย์ก็ฉายออกมา
เศษแก้วผลึกทั้งหมดเปล่งแสงสีขาวเจิดจ้า ขณะที่อักษรรูนสวรรค์จำนวนมากมายลอยขึ้นไปบนท้องฟ้า มันลอยอยู่ในท้องฟ้าและเปล่งแสงสว่าง
เมื่อเห็นฉากภาพเช่นนี้ทำให้เย่ว์หวี่ตื่นเต้นมากจนแทบลืมหายใจ
พวกเขาทำได้สำเร็จ กลับกลายเป็นว่าแค่เลือดอย่างเดียวไม่พอ แต่ต้องมีน้ำตาเสริมเข้าไปด้วย เย่ว์หวี่ต้องการกอดน้องชายนางและร้องไห้ ในที่สุดนางก็ช่วยทำประโยชน์บางอย่างได้
เย่ว์หยางถ่ายปราณก่อกำเนิดของเขาลงในชิ้นแก้วผลึก ทำให้อักษรรูนก่อตัวเป็นรูปแบบที่ลึกลับอีกครั้ง
ชิ้นแก้วผลึกที่แข็งเหล่านี้เริ่มหลอมละลายเหมือนน้ำแข็งละลายกลายเป็นน้ำ จากนั้นก็ก่อตัวเป็นลูกกลมเล็ก เมื่อเขาใช้ความปรารถนา เย่ว์หยางก็เปลี่ยนเศษแก้วผลึกให้เป็นลูกปัดหรือมีรูปร่างเหมือนเพชรเจียรไน เขาสามารถทำให้เป็นรูปอะไรก็ได้ที่เขาต้องการ เมื่อเย่ว์หยางหยุดควบคุมพวกมัน ผลึกที่มีรูปร่างเหมือนเพชรเปล่งแสง ทำให้มันแข็งอีกครั้งและกลับคืนไปเป็นแก้วผลึก
แต่รูปทรงเปลี่ยนเป็นเหมือนรูปเพชรตามที่เย่ว์หยางต้องการ
“เรา…เราทำสำเร็จแล้ว” เย่ว์หวี่กอดเย่ว์หยางขณะที่โห่ร้องและหัวเราะดีใจ ความตื่นเต้นของนางไม่สามารถอธิบายเป็นคำพูดได้
“พี่หวี่, ท่านคือดาวนำโชคของข้า!” เย่ว์หยางกอดเย่ว์หวี่ด้วยความตื่นเต้น เขาไม่สามารถข่มความยินดีได้ เขาจับนางโยนขึ้นและรับนางเมื่อนางร่วงลงมา
“เอ่อ.. เสี่ยวซาน, วางข้าลง… อย่าทำอย่างนี้ ถ้าคนอื่นเห็นเราเข้า..” ผ่านไปสองสามรอบก่อนที่เย่ว์หวี่จะรู้ตัวว่านางคือพี่สาวของเขา นางรีบห้ามเขาทันที และเปิดการทำงานของมีดนางฟ้าเมื่อเย่ว์หยางจับนางโยนขึ้นไปอีกที นางร่อนลงห่างออกมาสองเมตรไม่ยอมให้เย่ว์หยางทำซ้ำอีกครั้ง
“ไม่ต้องสงสัยเลยว่าเย่ว์กงผู้อ่อนแอและอมโรคขุดแก้วผลึกออกมาได้โดยวิธีนั้น ขอบคุณพี่หวี่ แต่เอ.. ท่านยังไม่ได้รักษาแผลของท่านเลย” เย่ว์หยางเหมือนกับไม่ได้ตระหนักเลยว่าเป็นการกระทำที่ใกล้ชิดอย่างคลุมเครือ เขารีบใช้พลังปราณก่อกำเนิดรักษาให้นาง
“ข้าไม่เป็นไร, แผลเล็กน้อยมาก” เย่ว์หวี่ต้องการปฏิเสธเขา แต่เมื่อเห็นใบหน้าที่เต็มไปด้วยความกังวล นางจึงยอมให้เขารักษานาง
นางหลับตาและรู้สึกว่ามืออบอุ่นของเขาสัมผัสหน้าผากนาง จนรู้สึกเย็นที่บาดแผลของนาง
นางไม่ได้รู้สึกเจ็บ แต่กลับรู้สึกยินดีแทน
ช่างดีจริงๆ ที่มีน้องชาย!
****************