ตอนที่ 501 เครื่องแบบ
แม้ว่าทุกคนจะสนับสนุนเย่ว์หยางก็ตาม แต่เขายังตัดสินใจชลอหลายๆ อย่างไว้ก่อน
เขาตัดสินใจเลือกเลือดของหลิวเย่, เซี่ยอีและสาวลูกครึ่งเอลฟ์ เพื่อที่ว่าเขาจะได้กลั่นเลือดให้บริสุทธิ์ยิ่งขึ้น เขาควรเตรียมตัวให้มากขึ้นจะดีกว่า แต่น่าเสียดายที่เสวี่ยอู๋เสีย, องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยน, นางเซียนหงส์ฟ้า, จักรพรรดินีราตรีและจื้อจุนไม่อยู่ใกล้ๆ ไม่อย่างนั้นเย่ว์หยางเชื่อว่าผลที่ออกมาคงจะดีขึ้น
เย่ว์หยางกลับไปที่ปราสาทตระกูลเย่ว์และตามหาตัวหลิวเย่
ขณะที่เขากำลังรวบรวมเลือดของนาง เป่าเอ๋อก็เดินเข้ามา “เจ้าต้องการเลือดข้าด้วยหรือเปล่า?”
“เอ่อ..” เย่ว์หยางไม่แน่ใจว่าเลือดของเอลฟ์ทองจะสามารถรวมตัวได้กับเลือดของมนุษย์ แต่จะปล่อยของดีให้เสียไปก็ยังกระไรอยู่ เขาจึงผงกศีรษะ
“แต่ข้ากลัวเจ็บ, งั้นเอาไปแค่นิดเดียวนะ” ปกติเป่าเอ๋อกลัวเจ็บอยู่แล้ว แต่เมื่อนางเห็นว่าหลิวเย่ยอมรับคำขอร้องของเย่ว์หยางโดยไม่ลังเลใจ นางก็ยืนยันทันที ในชีวิตนาง นางสนับสนุนการค้นคว้าของเขา ขณะที่สาวทอเรนฟ่านหลุนเถี่ย นางลังเลใจเล็กน้อยเมื่อนางเห็นว่าเย่ว์หยางรวบรวมเลือดของเป่าเอ๋อ นางคาดว่าเขาคงรวบรวมเลือดจากสาวสวยน่ารัก นางจึงตัดสินใจเอาเองว่าเลือดของนางคงจะไม่มีประโยชน์อะไร ดังนั้นนางจึงไม่เสนอตัว ได้แต่แค่นเสียงและเดินออกไป
หลังจากกินเนื้อยักษ์ไตตัน สาวทอเรนฟ่านหลุนเถี่ยมีส่วนสูงเพิ่มขึ้นจนสูงถึงสี่เมตร
พลังของนางเพิ่มขึ้นอย่างน้อยสองเท่า
ระดับของนางเพิ่มขึ้นจากนักสู้ระดับเจ็ดเป็นนักสู้ระดับแปด
ถ้านางดื่มเลือดไตตันที่เย่ว์หยางกลั่น บางทีนางอาจจะเพิ่มขึ้นได้อีกระดับหนึ่ง
ไม่เพียงแต่นางเท่านั้น แม้แต่ทอเรนเลโอและสี่สาวเผ่าคิวบัวร์ก็มีระดับเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ดูเหมือนว่าเนื้อของไตตันจะส่งผลต่อการยกระดับของชนเผ่าทอเรนและเผ่าคิวบัวร์ กล่าวอีกนัยหนึ่งมันจำกัดเฉพาะมนุษย์โดยตรงเท่านั้น
เย่คงและเจ้าอ้วนไห่พูดเหน็บแนมว่าความสามารถของชนเผ่าทอเรนและเผ่าคิวบัวร์ในการย่อยคล้ายกับพวกอสูร
มันเป็นอย่างนั้นแน่นอน นอกจากนี้ เย่ว์หยางคาดไม่ถึงว่าพวกเขาจะยกระดับได้เร็วหลังจากกินเนื้อยักษ์ไตตัน เย่คง, เจ้าอ้วนไห่และพี่น้องตระกูลหลี่ยังพอทำเนา เนื่องจากพวกเขายินดีกินเนื้อไตตัน ยังไงก็ได้เพื่อให้มีพลังเพิ่มขึ้น แต่องค์ชายเทียนหลัวและเสวี่ยทันหลางคัดค้านต่อต้านอย่างหนัก พวกเขายอมเสียโอกาสยกระดับจากการกินเนื้อไตตันดีกว่า แน่นอนว่า ถ้าเป็นเย่ว์หยาง เขาก็ไม่ต้องการกินเช่นกัน แม้ว่ายักษ์ไตตันโบราณจะใหญ่โตมหึมา แต่เขาก็อยู่ในร่างแบบมนุษย์ คงเป็นเรื่องรู้สึกผิดปกติอยู่บ้างถ้าจะกินเนื้อของเขา องค์ชายเทียนหลัวและเสวี่ยทันหลางยังโชคดีที่ไม่มีใครบังคับให้พวกเขากินได้ แต่เหยียนพั่วจวินและเฟิงชิซาพบกับพบความโชคร้าย
พวกเขาไม่ต้องการจะกิน แต่ผู้อาวุโสในตระกูลของพวกเขาบังคับให้พวกเขาต้องกิน พวกเขาแทบจะอาเจียนออกมา โชคดีที่พวกเขายังได้รับพลังงานบางอย่างจากการกินเนื้อไตตัน ถ้าไม่อย่างนั้นพวกเขาคงได้ร้องไห้จนตาย
ลีน, แอนนาและเป่าเอ๋อไม่ยอมกินอย่างแน่นอน เอลฟ์ทองไม่ค่อยกินเนื้อสัตว์ อาหารตามปกติของพวกเขาประกอบไปด้วยผักและผลไม้
เมื่อรวบรวมเลือดของหญิงสาวทั้งสองคนแล้ว เย่ว์หยางก็มุ่งหน้าไปยังหอทงเทียนชั้นหก
จากนั้นเขากลับไปที่ป้อมสายฟ้า
สิ่งที่ทำให้เขางุนงงก็คือดูเหมือนมีร่องรอยการต่อสู้รุนแรงในป้อมสายฟ้า และดูเหมือนว่าเผ่าพันธุ์ทะเลจะอยู่เบื้องหลังเรื่องนี้กระมัง?
ถ้าพวกเผ่าทะเลเริ่มบุกโจมตี ทำไมเจ้ากบอ้วนถึงไม่แจ้งเรื่องนี้กับเขา?
เย่ว์หยางเก็บความสงสัยเหล่านี้เดินเข้าประตู
“นายท่าน ในที่สุดนายท่านก็กลับมา ท่านคงไม่รู้หรอกว่ามีการต่อสู้ที่น่าตื่นเต้นมากขนาดไหน ตื่นเต้นขนาดสะเทือนไปทั้งโลก…” เจ้ากบอ้วนจั๊ดด์เดินขึ้นมาและแจ้งข่าวดีก่อนหน้าที่เย่ว์หยางจะเดินเข้ามาเสียอีก
“โดยสรุปก็คือ, สมาชิกเผ่าทะเลสองสามคนมาเยือนและยั่วยุเรา” คำพูดของพ่อบ้านเหยียนเจิ้งพูดง่าย ฟังเข้าใจง่าย
เจ้ากบอ้วนบ่นเสียงดัง แสดงให้เห็นว่าการสรุปแบบนั้นยังไม่น่าประทับใจเพียงพอ
จากนั้นเขาลำดับเรื่องราวให้ดูเกินจริงยิ่งขึ้นไปอีก
แต่ในที่สุดก็ทำให้เย่ว์หยางเข้าใจถึงเรื่องที่เกิดขึ้น พวกเผ่าทะเลพบที่อยู่น้อยของไตตันน้อยในป้อมสายฟ้าแล้ว พวกเขาต้องการให้ราชาฉงนี่ขับไล่คนเฝ้าบ้านของไตตันน้อยออกไป แต่ถูกเขาปฏิเสธ ดังนั้นทูตที่ราชินีแมงกระพรุนส่งมาจึงออกคำสั่งให้สมาชิกในหอการค้าไตตัน, ข้าทาสและคนที่เกี่ยวข้องกับไตตันน้อยจำนนทันที พวกเขายังต้องการจะยึดทรัพย์สินทั้งหมดของไตตันน้อยในป้อมสายฟ้า
อย่าว่าแต่ได้รับการสนับสนุนจากมนุษย์มัจฉากลายพันธุ์เลย ต่อให้พวกเขาไม่อยู่แต่ในภาพ เจ้ากบอ้วนจั๊ดด์และพวกที่เหลือก็ไม่มีทางยอมแพ้
ดังนั้นทั้งสองฝ่ายใช้การประลองตัดสินหาผู้ชนะ
รูปแบบการประลองใช้การสู้สามต่อสามแบบที่ใช้ในหอทงเทียน
ราชาฉงนี่เป็นผู้ตัดสิน ขณะที่เซวี่ยเหอ, ซานเซียว, หม่าหลง, ท่านเฉินและนักสู้ปราณก่อกำเนิดอื่นๆ ลอบช่วยบริวารของไตตันน้อยทางลับ เนื่องจากพวกเขาต้องสู้กับฝ่ายทูตที่ราชินีแมงกระพรุนส่งมา
ทุกคนคิดว่าทูตที่ได้รับแต่งตั้งมาเป็นยอดฝีมือจะเอาชนะบริวารของไตตันน้อยได้อย่างแน่นอน แต่พวกเขาก็ต้องกลัวแทบบ้าเมื่อหัวหน้ามนุษย์ปลาหมึกผานฉาน, มนุษย์ปลาดาบจี้ฟง, ปลาวาฬจางและมนุษย์ปูยักษ์อ้าวปรากฏตัวขึ้น ไม่เพียงแต่พวกเขาเป็นนักสู้ปราณก่อกำเนิดระดับแปดเท่านั้น แม้แต่มนุษย์ปลาตีนซุ่ยจุ่ยผู้อ่อนแอที่สุดก็สามารถเล่นงานพวกเขาอย่างเจ็บปวดได้สบาย…
แม้ว่าพวกเขาจะกลายเป็นมนุษย์มัจฉากลายพันธุ์ก็ตาม แต่พวกเขาคือสุดยอดนักสู้ปราณก่อกำเนิดในยุคหลายพันปีก่อน
ราชาฉงนี่ถึงกับตกตะลึง
การต่อสู้หยุดชะงักทันทีและกลุ่มทูตที่เหลือหลังจากยอมรับความพ่ายแพ้ยอมชดใช้ของมีค่าเป็นจำนวนมหาศาล… เผ่าพันธุ์ทะเลประสบความสูญเสียอย่างหนัก ยกเว้นแต่พวกเขาจะทุ่มกองกำลังทั้งหมดของพวกเขา พวกเขาคงไม่สามารถตีชิงป้อมสายฟ้าที่มีมนุษย์มัจฉากลายพันธุ์คอยปกป้องได้
แต่ขณะที่พวกเผ่าพันธุ์ทะเลเผชิญกับความแตกแยกและแยกตัวเป็นอิสระ ราชินีแมงกระพรุนต้องการนักสู้ปราณก่อกำเนิดเพื่อให้ความมั่นใจกับคนของนางเป็นการเร่งด่วน ดังนั้นคงเป็นไปไม่ได้ที่นางจะให้ความสำคัญกับการต่อสู้กับมนุษย์มัจฉากลายพันธุ์
วันต่อมา นางส่งคนมาทำสัญญาสงบศึกและยอมเลื่อนแผนการที่จะส่งทหารเข้าทวีปมังกรทะยานเพื่อแก้แค้นอีกด้วย
“นั่นคือเรื่องราวที่เกิดขึ้นสินะ” เย่ว์หยางคาดการผลจะออกมาเป็นเช่นนี้อยู่แล้ว
แม้ว่าจะไม่มีพวกมนุษย์มัจฉากลายพันธุ์ เผ่าพันธุ์ทะเลก็ไม่สามารถพิชิตป้อมสายฟ้าได้ทั้งหมด ราชาฉงนี่, เซวี่ยเหอ, ซานเซียวและท่านเฉินจะไม่ปล่อยให้พวกเขาทำเช่นนั้นแน่ การแสดงออกเช่นนี้เป็นท่าทีที่ราชาฉงนี่แสดงต่อราชินีแมงกระพรุน เขาต้องการเตือนนางโดยแสดงพลังของพวกเขา ยิ่งกว่านั้น ต่อให้เผ่าพันธุ์ทะเลพิชิตป้อมสายฟ้าได้ เย่ว์หยางก็สามารถชิงกลับมาได้อย่างง่ายดาย พวกเขาคงไม่สามารถย้ายป้อมสายฟ้ากลับไปที่หอทงเทียนชั้นเก้าได้เป็นแน่
เซี่ยอีที่ยังอยู่ในเครื่องแบบของตำรวจสาวพูดขึ้นอย่างห้าวหาญทันที “ข้าก็จะสู้ด้วย แม้ว่าข้าจะไม่ชนะ แต่ข้าไม่ยอมแพ้แน่”
เจ้ากบอ้วนจั๊ดด์รีบพยักหน้าประจบนาง “ใช่แล้ว ใช่ คุณหนูเซี่ยอีสามารถสู้กับเตรียมนักสู้ปราณก่อกำเนิดได้ ถ้าเจ้าผู้นั้นไม่เผ่นลงจากเวทีเสียก่อน เขาจะต้องกลายเป็นประวัติศาสตร์แน่นอน คุณหนูเซี่ยอีคือก้าวแรกสร้างความมั่นใจในการคว้าชัยชนะในการต่อสู้ให้กับพวกเรา!”
พ่อบ้านเหยียนเจิ้งเตือน “ราชาฉงนี่ยังมีอาคันตุกะอื่นรออยู่ในตอนนี้ ท่านต้องการให้จัดหมายกำหนดการหรือไม่?”
เย่ว์หยางรู้สึกว่ารอไปอีกสักระยะคงจะดีกว่า เขาจึงโบกมือ
จากที่พักด้านหน้าทะเลสาบ มนุษย์มัจฉากลายพันธุ์สองสามคนยังคงดื่มกินกันอยู่ เย่ว์หยางเดินเข้าไปหาพวกเขาและโยนชิ้นเนื้อไตตันให้พวกเขาอย่างสบายๆ
หัวหน้ามนุษย์ปลาหมึกดมดูแล้วถึงกับผิวเปลี่ยนซีดขาว
มนุษย์ปลาดาบจี้ฟงมองดูเย่ว์หยางอย่างหวาดๆ “นี่มันเนื้ออะไรกัน? อสูรปราณก่อกำเนิดระดับสูงใช่ไหม? เจ้าสามารถฆ่ามันได้ด้วยหรือนี่?”
มนุษย์ปลาตีนซุ่ยจุ่ยแทบตกใจเป็นลม เขาพลิกมองแล้วมองอีก ไม่อยากจะเชื่อและคิดว่านี่เป็นแค่ภาพหลอน เขากัดกินอย่างมูมมาม จากนั้นก็มีเสียงดัง ฟันที่แหลมคมซี่หนึ่งของเขาหัก แม้แต่ฟันของเขาก็ยังไม่สามารถฉีกเนื้อไตตันได้เลย เขาดึงฟันหักออกมาจากปากและโวยวายอย่างหงุดหงิด “นี่มันเนื้อบ้าอะไรกัน? ฟันของข้ายังไม่สามารถกัดเข้าได้เลย ดูสิ ฟันฟางข้า หักหมดแล้ว”
“ตอนนี้ไม่เป็นไรแล้ว ถ้าเจ้าของเนื้อนี้ยังมีชีวิตอยู่ ต่อให้ใช้มีดระดับแพลตตินัมท่านก็ยังเฉือนตัดไม่เข้าด้วยซ้ำ” มนุษย์ปลาตีนซุ่ยจุ่ยกลัวจนแทบปัสสาวะราดหลังจากได้ยินสิ่งที่เย่ว์หยางพูด
“เจ้าช่างยอดเยี่ยมจริงๆ เราไม่เคยลองกินเนื้อของสัตว์ประหลาดระดับปราณก่อกำเนิดมาก่อน เราต้องลองกินเนื้อนี้ดูซะแล้ว” ปลาวาฬจางผงกศีรษะและพูดอย่างยินดี
“รีบๆ เฉลยคำตอบมา นี่คือเนื้ออะไรกันแน่? ความสงสัยแทบจะฆ่าข้าได้เช่นกัน” มนุษย์ปูอ้าวต้องการรู้ว่าเนื้อนี้ได้มาจากไหน
“ไตตันโบราณ” คำพูดของเย่ว์หยางทำให้มนุษย์มัจฉากลายพันธุ์แข็งค้างแทบเป็นหิน
ในที่สุดพวกเขาก็สามารถสงบจิตใจได้หลังจากเย่ว์หยางจากไปนานแล้ว…. หัวหน้ามนุษย์ปลาหมึกปาดเหงื่อเยียบเย็นที่หน้าผาก “เจ้าเด็กนี่รุดหน้ารวดเร็วน่ากลัวเหลือเกิน เขาเพิ่งจะฆ่าจักรพรรดิสมุทรไม่นาน และนี่ยังฆ่ากระทั่งไตตันโบราณได้อีกหรือนี่ ความเร็วในการยกระดับของเขาลึกล้ำยากจะหยั่งถึงจริงๆ”
มนุษย์ปลาตีนฝืนหัวเราะแหะๆ “ท่านยังจะกลัวอะไร พวกเราไม่ใช่ศัตรูของเขา และเนื่องจากเขามีอนาคต จากนี้ไปเราก็แค่ทำงานให้กับเขา”
มนุษย์ปลาดาบจี้ฟงคำราม “เจ้าไม่ต้องพูดเลย”
เมื่อเย่ว์หยางกลับมายังที่พักหลักของเขา สาวลูกครึ่งเอลฟ์เข้ามาต้อนรับเขาด้วยความยินดี
นางเรียนรู้จากความผิดพลาดครั้งก่อน นางจึงเตรียมพร้อมไว้เป็นอย่างดีในเวลานี้ เมื่อเย่ว์หยางกลับมา
บนโต๊ะจัดวางจานไว้เต็ม
นางมีน้ำอุ่นเตรียมไว้พร้อมแล้วและยังฝึกฝนวิธีนวดที่ให้ความสบายที่สุด นอกจากบริการที่อ่อนโยนของนางแล้ว นางยังเตรียมการแสดงที่น่าสนใจอีกด้วย สาวลูกครึ่งเอลฟ์เตรียมการร่ายรำที่ชดช้อยสวยงามไว้เพื่อเย่ว์หยางและตั้งใจจะแสดงให้เขาชมโดดเฉพาะ นางยังฉุดเซี่ยอีและเตรียมอวดแฟชั่นให้เขา สาวลูกครึ่งเอลฟ์เตรียมเครื่องแต่งกายพิเศษที่ออกแบบโดยเย่ว์หยางไว้แล้ว
มีชุดตำรวจหญิง, ชุดทหาร, ชุดแอร์โฮสเตท, ชุดพยาบาล, ชุดสาวประจำสำนักงาน, ราชินี, เจ้าหญิง, นักเรียนและชุดสาวใช้ สาวลูกครึ่งเอลฟ์ล้วนเตรียมไว้ทั้งหมด
เย่ว์หยางเกือบโก่งคอหอนและแทบปล้ำสองสาวไปแล้ว
“ชุดสวยไหม? บ่าวยังทำไม่เสร็จอยู่ส่วนหนึ่ง มันจะดีกว่านี้ถ้ามีเวลามากขึ้น” สาวลูกครึ่งเอลฟ์สวมชุดใช้พร้อมกับที่คาดผมหูแมวทำให้นางดูน่ารัก นางสามารถทำให้หนุ่มๆ ที่เอาแต่เก็บตัวหลงใหลได้
“คนลามก, ข้าไม่ยอมใส่ชุดเหล่านี้ออกไปเดินแสดงข้างนอกแน่” เซี่ยอีมองดูน่ายั่วยวนแฝงแววป่าเถื่อน นางสวมชุดสาวแก๊งมอเตอร์ไซค์ สวมหมวกแก๊ปทหาร ชุดหนังกางเกงขาสั้นและถุงน่องลายตาข่ายกับรองเท้าส้นสูง มีปัญหาอยู่อย่างเดียวก็คือนางไม่ได้ใช้ชุดที่ดันอกให้ล้นทะลัก ถ้าไม่อย่างนั้นคงทำให้เย่ว์หยางเลือดกำเดาพุ่งอย่างแน่นอน
เป็นไปไม่ได้ที่เซี่ยอีจะยอมใส่ชุดนี้ต่อหน้าคนอื่น และยิ่งเป็นไปไม่ได้ที่นางจะสวมปลอกคอที่มีหมุดแหลมร้อยโซ่ไว้ที่คอ
แน่นอนว่าเย่ว์หยางคงไม่บอกว่าเขาพอใจทั้งหมด เขาต้องเข้มงวดในการศักยภาพของเขาให้กับเด็กสาว
เขาชี้ไปที่เซี่ยอีและตำหนินาง “เจ้าไม่ควรสวมกางเกงในไว้ใต้ถุงน่องตาข่ายนะ”
เซี่ยอีคัดค้านปฏิเสธทันที “อย่างนั้นเจ้าก็เห็นทุกอย่างได้ไม่ใช่เหรอ? เสื้อหนังก็มีรูอยู่ทั่วทุกที่แล้ว ข้าแทบจะปิดบังอะไรไม่ได้แล้ว และไอ้กางเกงสั้นบ้านี่ ก็สั้นเหลือเกิน สั้นจนเห็นก้นข้าหมดแล้ว”
“เหลวไหล! กางเกงนั้นของเจ้า ต้องตัดให้สั้นกว่านี้อีก ถ้ามันไม่พอดีกับทำเลทองของเจ้า และส่วนเว้าโค้งของเจ้าไม่ปรากฏ ชุดเหล่านี้จะแสดงด้านป่าเถื่อนของเจ้าออกมาได้หรือ เจ้าใส่แล้วจะให้ดูเหมือนนกนกกะทาได้ยังไง? เสื้อของเจ้าก็ต้องสั้นกว่านี้ด้วย ต้องอวดท้องของเจ้า แล้วจะยิ่งดีถ้าสั้นถึงหน้าอก แต่แขนเสื้อต้องยาวเข้าไว้” เซี่ยอีรู้สึกเสียใจที่เย่ว์หยางดุ มันน่าจะดีพอแล้วที่นางยินดีใส่ชุดนี้ให้คนลามกอย่างเขาได้ดู แต่เขายังรู้สึกว่าไม่ดีพออีกหรือ? เขารู้ดีแล้วว่าอกนางไม่ใหญ่ แต่ก็ยังให้นางสวมเครื่องแบบบ้าๆ นี่ แล้วยังสาวลูกครึ่งเอลฟ์อกใหญ่กลับให้นางคลุมตัวมิดชิด นี่มันเป็นความคิดที่ผิดปกติจริงๆ
“เข้าใจแล้ว, ข้าจะแก้ไขให้สมบูรณ์แบบยิ่งขึ้นแน่นอน” สาวลูกครึ่งเอลฟ์เชื่อฟังว่าง่ายเป็นที่สุดในบรรดาคนทั้งหมด นางจะฟังคำแนะนำทั้งหมดของเขาอย่างไม่มีเงื่อนไขเลย
“นายท่าน มีอาคันตุกะสามคนรออยู่ข้างนอก พวกเขาไม่ได้ให้ชื่อไว้ แต่พวกเขาเจาะจงว่าต้องการพบท่านโดยเฉพาะ” หญิงรับใช้ข้างนอกเข้ามารายงาน
“….” เย่ว์หยางตะลึง สำหรับหญิงรับใช้ที่เข้ามารายงานเขาอย่างนี้ แสดงให้เห็นว่าเจ้ากบอ้วนจั๊ดด์และพ่อบ้านเหยียนเจิ้งไม่อาจรั้งอีกฝ่ายไว้ได้ เมื่อไม่รู้ชื่อของอีกฝ่าย เขาจะเป็นใครได้เล่า? เซี่ยอีซักไซ้สาวใช้อย่างละเอียดว่าผู้มาเป็นบุรุษหรือสตรี เมื่อได้ยินว่าเป็นสตรีคนหนึ่ง นางเดินตามเย่ว์หยางออกมาทันที สำหรับสาวลูกครึ่งเอลฟ์ นางไม่สนใจเรื่องอย่างนี้แม้แต่น้อย เพราะนางสนใจแต่ตนเอง เหมือนกับว่าการดัดแปลงชิ้นส่วนของเสื้อตรงจุดที่เย่ว์หยางแนะนำเป็นสิ่งสำคัญที่สุดในโลกสำหรับนาง
เมื่อเย่ว์หยางก้าวเข้ามาในห้องโถง เขาถึงกับพูดไม่ออกทันทัน “เป็นพวกเจ้าเองหรือ?”
*****************