ตอนที่ 505 แว่วเพลงปีศาจ
บุรุษที่ปรากฏตัวก็คือราชาเฮยอวี้ คนที่เย่ว์หยางต้องการเห็นเป็นคนสุดท้ายที่สุด
ไม่เพียงแต่ครอบครองสมบัติศักดิ์สิทธิ์มากมายเท่านั้น แม้แต่ชุดคลุมที่เขาสวมใส่ก็ยังเป็นสมบัติชั้นทองนามว่า ชุดคลุมปีศาจ นี่ทำให้เย่ว์หยางอิจฉามากจริงๆ
ช่างเป็นผู้ดีที่โอ้อวดยิ่งนัก เขาไม่กลัวว่าคนอื่นๆ จะชิงมันไป เย่ว์หยางต้องการชิงชุดคลุมปีศาจมาก แต่ด้วยพลังในปัจจุบันของเขา ยังคงมีช่องว่างที่เขาต้องเติมให้เต็มก่อน เขาจึงจะสามารถฉกชิงสมบัติของราชาเฮยอวี้ได้ อย่างไรก็ตาม การต่อสู้ในทวีปมังกรทะยานเพิ่งจะเริ่มต้นขึ้น ดังนั้นถ้าเขาสามารถฆ่าราชาเฮยอวี้ระหว่างรบ อย่าว่าแต่ชุดคลุมชั้นทองเลย เป้าหมายจริงๆ ของเขาจะอยู่ที่สมบัติชั้นศักดิ์สิทธิ์ที่เขากำลังสวมมากกว่า
อีกนานมากกว่าจื้อจุนจะกลับมา เย่ว์หยางมั่นใจแปดในสิบส่วนว่าเขาสามารถกำจัดราชาเฮยอวี้ได้ แล้วข้ามผ่านศพเขาขึ้นสู่บันไดสวรรค์และเข้าแดนสวรรค์ได้
สำหรับจักรพรรดิฟ้า, จักรพรรดิใต้พิภพและพวกที่คล้ายกัน พวกเขาเป็นแค่กลุ่มตัวละครประกอบ พวกเขาทำได้แต่เพียงนั่งดู เย่ว์หยางจะไม่มีวันแบ่งดอกผลที่ได้มาจากน้ำพักน้ำแรงเขากับพวกนี้แน่
“..ลุงเป็นใครกันเหรอ?” เย่ว์หยางแกล้งทำเป็นเหมือนว่าจำราชาเฮยอวี้ไม่ได้
“ฮ่าฮ่าฮ่า เป็นบุรุษหนุ่มที่น่าสนใจจริงๆ” ราชาเฮยอวี้ไม่ตอบเย่ว์หยาง ขณะที่เขาแกล้งทำเป็นใจกว้างหัวเราะลั่น
เขารู้ว่าเย่ว์หยางแกล้งทำเป็นว่าไม่รู้จักเขาเพื่อข่มความถือดีของเขา
ดังนั้นเขาจึงหัวเราะทันที
ไม่เพียงแต่เขาเท่านั้น แม้แต่ผู้ติดตามผู้มีความสามารถของเขา จ้านหู่พยัคฆ์บูรพาและเป่ยเหลียวหยาเขี้ยวอุดรก็หัวเราะลั่นเช่นกัน เมื่อพวกเขาพบว่าราชาฉลามเข้าไปที่ป้อมสายฟ้าเพื่อท้าทายเขา แต่กลับโดนไตตันน้อยเล่นงานพ่ายแพ้ในไม่กี่กระบวนท่า พวกเขาจึงเทเลพอร์ตมาที่หอทงเทียนชั้นหกทันที มั่นใจเพียงพอว่าพวกเขาสามารถจับคุณชายสามผู้นี้ซึ่งมีศักยภาพไร้ขีดจำกัดได้อย่างง่ายดาย ราชาเฮยอวี้ต้องการฆ่าเขาอยู่หลายครั้ง เพราะเป็นเรื่องโง่มากที่เขาจะยอมปล่อยให้ผู้เยาว์ซึ่งมีศักยภาพไร้ขีดจำกัดนี้เติบโตและกลายเป็นจักรพรรดิอวี้รุ่นใหม่
แต่มีใครบางคนที่ทำให้ราชาเฮยอวี้วิตกอย่างหนัก
คนผู้นี้ก็คือจื้อจุน
นางเป็นผู้แนะนำของเย่ว์หยางให้เข้าสู่หอทงเทียน แม้ว่านางจะไม่ได้ยอมรับต่อสาธารณะทั่วไป แต่นางก็คืออาจารย์ของเขาจริงๆ
ราชาเฮยอวี้มีเหตุผลเชื่อได้ว่าถ้าไม่ใช่จื้อจุนแล้ว ไม่ว่าเย่ว์หยางจะมีศักยภาพมากเพียงไหนก็ตาม เขาก็คงไม่มีความก้าวหน้าอย่างรวดเร็วนักเป็นแน่
เป็นเรื่องง่ายถ้าจะฆ่าคุณชายสามแห่งตระกูลเย่ว์ แต่นี่จะเป็นเหตุให้จื้อจุนโกรธ ราชาเฮยอวี้คาดว่านางจะต้องทุ่มเทพลังทั้งหมดแก้แค้นให้ศิษย์โปรดของนาง
นี่คือสิ่งที่ราชาเฮยอวี้ไม่ต้องการเห็นเป็นที่สุด
ใครจะแข็งแกร่งกว่ากันระหว่างจื้อจุนกับตัวเขาเอง? ราชาเฮยอวี้ไม่สามารถประกันคำตอบได้ แต่เขารู้ว่าถ้าจื้อจุนทุ่มเทกำลัง กองทัพของเขาจะต้องถูกกวาดล้างจนไม่เหลือใครเลย ก่อนที่เขาจะได้รับคัมภีร์เทพ และได้รับสมบัติอย่างเลือดเทพหรือวิญญาณพลังยุทธในแดนล่มสลายแห่งทวยเทพ เขาจะไม่สู้กับจื้อจุน สถานการณ์ที่ทั้งสองฝ่ายบาดเจ็บเสียหายจะเปิดโอกาสให้จักรพรรดิมังกร, จักรพรรดิฟ้าและจักรพรรดิใต้พิภพฉกฉวยประโยชน์ได้
ยิ่งกว่านั้น ราชาเฮยอวี้ยังไม่ฟื้นฟูพลังได้เต็มที่ ดังนั้นจึงไม่ใช่เวลาที่ดีที่สุดที่จะรบกับจื้อจุน
พยัคฆ์บูรพาจ้านหู่และเขี้ยวเหนือเป่ยเหลียวหยามองหน้ากันอย่างรอบคอบ
พวกเขาจะเป็นเหมือนคนทดสอบความลึกน้ำเมื่อราชาเฮยอวี้ไม่สะดวกกับการลงมือทำเอง
พวกเขาจะต้องทดสอบความแข็งแกร่งของคุณชายสามผู้นี้ไม่ว่ายังไงก็ตาม ถ้าเขาเป็นภัยคุกคามพวกเขาอย่างใหญ่หลวง พวกเขาก็จะทุ่มเทกำลังฆ่าเขาทันที ไม่อย่างนั้นพวกเขาจะสั่งสอนให้บทเรียนเขาซึ่งจะเป็นการเตือนไปถึงจื้อจุน
“ข้าได้ยินชื่อเสียงของเจ้ามานานแล้ว ข้าหวังว่าคุณชายสามจะลงมือชี้แนะให้ข้าด้วย” พยัคฆ์บูรพาจ้านหู่ดูเหมือนว่าจะมีความสุภาพมาก แต่คำพูดของเขาแฝงไปด้วยการคุกคาม ตั้งแต่ฐานทัพลับในอาณาจักรสือจินถูกเย่ว์หยางทำลาย จ้านหู่ผู้เสียหน้าในเหตุการณ์นี้ถือว่าเป็นความเสียหายใหญ่หลวง พยัคฆ์ตะวันออกจ้านหู่เก็บงำความเกลียดชังเย่ว์หยางไว้ลึกๆ ในใจ อย่าว่าแต่ราชาเฮยอวี้ก็ยังอยู่ที่นี่ ต่อให้เขาไม่อยู่ที่นี่ จ้านหู่ก็ยังต้องการจะทดสอบฝีมือต่อสู้ของเย่ว์หยางแน่นอน
“เฟิงฉื่อผู้นี้ยังเคยเห็นคุณชายสามมาก่อน เชิญชี้แนะข้าด้วยเช่นกัน” บุรุษวัยกลางคนสูงสองเมตร ผิวสีน้ำตาลถอดชุดคลุมใหญ่ของเขาออก
“….” เมื่อได้ยินว่าเขาแซ่เฟิง เย่ว์หยางลอบขมวดคิ้ว
ยังมีคนแซ่เฟิงอีกคนหรือนี่?
ก่อนหน้านั้นเขาเพิ่งจัดการปัญหาระหว่างแม่นางเฟิงแห่งตระกูลเฟิงและอาสี่ของเขา จากนั้นจับเฟิงจินผู้เสียสติในฐานทัพลับในอาณาจักรสือจิน ตอนนี้เขี้ยวเหนือผู้นี้ยังคงมีแซ่ว่าเฟิงเช่นกัน เขาเกี่ยวข้องกับตระกูลเฟิงอย่างไรกัน?
เป็นไปได้ไหมว่ายังมีความลับที่ไม่รู้กันในประวัติศาสตร์ของตระกูลเฟิง?
เผชิญหน้ากับคู่ต่อสู้แข็งแกร่งสามคน เย่ว์หยางได้เพียงแต่ข่มความสงสัยในใจ
“อย่าเพิ่งพูดถึงเรื่องความรู้เลย ทักษะฝีมือของข้าอาจจะไม่ดีพอ ดังนั้นข้าเกรงว่าข้าอาจจะทำร้ายพวกท่านทั้งสองคนบาดเจ็บ ถ้าเรื่องนั้นเกิดขึ้นจริงๆ มันคงจะไม่ดีนัก” เย่ว์หยางยิ้ม
“ถ้าเป็นเช่นนั้นจริงๆ อย่างนั้นเจ้าจะต้องสั่งสอนพวกเขาให้ยิ่งขึ้น ถ้าไม่อย่างนั้นพวกเขาก็จะหลงตัวเอง” สายตาของราชาเฮยอวี้เยือกเย็นเล็กน้อย
“เชิญสั่งสอนเราได้” เป่ยเหลียวหยาและจ้านหู่มองหน้ากันเองอีกครั้ง
ถ้าคำพูดนี้เป็นผู้เยาว์คนอื่นกล่าว พวกเขาคงได้หัวเราะแน่
แต่พวกเขาไม่อาจดูแคลนคำพูดของคุณชายสามแห่งตระกูลเย่ว์ได้
แม้แต่จักรพรรดิแห่งจื่อเว่ย ซุ่นเทียนและองค์ชายเงาดำก็ยังพูดถึงว่าเย่ว์หยางก้าวหน้ารวดเร็ว และพวกเขาคาดว่าเขาคงเป็นนักสู้ปราณก่อกำเนิดระดับแปดในตอนนี้แน่ ข้อสังเกตของพวกเขาทำให้ราชาเฮยอวี้ตกตะลึง เกี่ยวกับความก้าวหน้าของพลัง แม้แต่จักรพรรดิอวี้ก็ยังไม่เทียบเท่ากับเย่ว์หยาง ไม่เคยมีผู้ใดในประวัติศาสตร์ที่กลายเป็นนักสู้ปราณก่อกำเนิดตอนอายุยี่สิบปี และยังยกระดับก้าวหน้าพรวดพราดเป็นนักสู้ปราณก่อกำเนิดระดับแปดแค่เพียงในเวลาสองปี อย่าว่าแต่นักรบธรรมดาเลย แม้แต่จักรพรรดิอวี้ผู้มีพรสวรรค์จากเมื่อหกพันปีก่อนก็ยังไม่มีความสำเร็จขนาดนั้น
เย่ว์หยางยิ้มเล็กน้อยให้เป่ยเหลียวหยาผู้ท้าทายเขาก่อน “สถานที่แห่งนี้ดูเหมือนไม่ใช่สถานที่ดีสำหรับใช้ต่อสู้ จริงไหม?”
“โชคดีจริงๆ ที่ข้าได้พบกับพวกเจ้า ถ้าที่นี่ไม่สะดวก งั้นไปในที่ของข้าเป็นยังไง มีน้ำชาและของว่างบริการให้ก่อนที่พวกท่านจะได้ท้าทายประลองกัน
น้ำเสียงสุภาพนุ่มนวลเหมือนดังก้องมาจากที่ไกล
เป็นเหมือนกับว่าดังมาจากท้องฟ้า
แต่ว่าชัดเจนมากเหมือนกับว่าเขาพูดต่อหน้าพวกเขาเป็นการส่วนตัว
จุดดำจุดหนึ่งปรากฏขึ้นแต่ไกลเพียงก้าวเดียวก็ได้ระยะที่ไกล ทั้งที่ก้าวเท้าตามปกติแต่ในเวลาชั่วครู่เขาก็มาปรากฏตัวอยู่ข้างเย่ว์หยางแล้ว
บุรุษผู้มาถึงอยู่ในชุดคลุมยาวสีดำและเขามีผมขาว หากแต่ยังดูอายุเยาว์ไม่แก่เลยสักนิด
ขณะที่เขาดูสุภาพและมีมารยาท แต่ก็ยังมีลักษณะไว้ตัว
เขายังคงความรู้สึกที่สงบเย็น แม้โลกจะแตกสลายแต่ความเยือกเย็นของเขาก็จะยังไม่เปลี่ยนแปลง
ท่านผู้นี้ไม่ใช่ใครอื่น นอกจากผู้เฒ่าหนานกงผู้ส่งคำเชิญให้เย่ว์หยางเข้าร่วมกลุ่มพันธมิตรปราณก่อกำเนิด การปรากฏตัวของเขาทำให้ราชาเฮยอวี้ผงะเล็กน้อย ขณะที่เขาทักทายผู้เฒ่าหนานกงทันที หลังจากที่ผู้เฒ่าหนานกงทักทายราชาเฮยอวี้, เป่ยเหลียวหยาและจ้านหู่
“ทำไมข้าจะต้องปฏิเสธคำเชิญของผู้เฒ่าหนานกงด้วยเล่า ผู้เฒ่าหนานกง เชิญ!” ราชาเฮย์อวี้ผายมือทำเหมือนกับเป็นคนใจกว้าง
“ท่านบรรลุถึงระดับสุดยอดปราณก่อกำเนิดแล้ว เนื่องจากในหอทงเทียนเรามองกันที่พลังแทนที่จะมองกันที่อายุ แม้ว่าข้าจะแก่กว่าท่านอยู่สองสามปี ท่านไม่ต้องวางตัวเสมอข้าก็ได้ แค่เรียกข้าว่าหนานกงก็คงพอ” คำพูดของผู้เฒ่าหนานกงทำให้เย่ว์หยางกลัว ราชาเฮยอวี้เป็นบุรุษจากเมื่อหกพันปีที่แล้ว แค่นั้นก็เกินพออยู่แล้ว แต่ตอนนี้ ผู้เฒ่าหนานกงนี้ยังคงแก่กว่าเฮยอวี้หรือนี่ อย่างนั้นเขาจะอายุเท่าใดกันแน่?
มิน่าเล่าแม้แต่เฮยอวี้ผู้ทรงพลังมากมายก็ยังต้องทักทายเขา
เย่ว์หยางยังรู้สึกว่าเขาคงไม่สามารถมองเห็นความสามารถของผู้เฒ่าหนานกงได้ แม้หลังจากที่เขายกระดับจักษุเนตรทิพย์แล้ว
จากตรงนี้เอง สามารถอนุมานได้ว่าชายชราผู้นี้ไม่ใช่คนง่ายๆ อย่างที่เห็นแน่นอน ก่อนหน้านั้นเย่ว์หยางปรามาสเขา… แน่นอน เขาไม่สามารถตัดความเป็นไปได้ว่าผู้เฒ่าหนานกงมีสมบัติวิเศษหรือทักษะแฝงเร้นที่ใช้อำพรางตัวเองได้ จนคนอื่นไม่สามารถมองเห็นตัวเขาได้
“ท่านหนานกง, เชิญ” เป่ยเหลาหยาและจ้านหู่มองดูเย่ว์หยางก่อนจะตอบพร้อมกัน
“แล้วเจ้าล่ะ ไตตันน้อย?” ผู้เฒ่าหนานกงถาม
“เสียใจด้วยนะ ถ้าไม่มีสาวน้อยหน้าตาจิ้มลิ้ม ข้าไม่ขอไปสถานที่มีแต่ลุงๆ กับคนแก่แน่” เย่ว์หยางปฏิเสธเขา
ผู้เฒ่าหนานกงรับคำเบาๆ ขณะที่เขาคาดไว้ว่าเย่ว์หยางจะปฏิเสธอยู่แล้ว แต่สีหน้าของเขาก็ยังไม่เปลี่ยน ราชาเฮยอวี้ยังคงทำตัวลึกลับต่อไป ขณะที่เขาไม่พูดต่อ มีเพียงจ้านหู่และเป่ยเหลียวหยาที่ตกใจ ไม่มีใครในโลกนี้ที่กล้าปฏิเสธคำเชิญของผู้เฒ่าหนานกง เย่ว์หยางคงบ้าไปแล้วจริงๆ ที่สำคัญที่สุด ผู้เฒ่าหนานกงเข้าข้างเย่ว์หยางอย่างเห็นได้ชัด แต่เย่ว์หยางไม่ได้ดีใจแม้แต่น้อย อาจเป็นได้ว่าเขามั่นใจจริงๆ ว่าสามารถหลบพ้นอันตรายจากการร่วมมือจู่โจมทำร้ายจากพวกเขาทั้งสามอย่างนั้นหรือ?
คลื่นเสียงผีผาทิพย์ดังก้องผ่านชั้นบรรยากาศ
ตอนแรกช้าเหมือนสายน้ำไหลอ้อยอิ่ง
จากนั้นจึงค่อยๆ เร่งความเร็วเหมือนสายลมและฝนในฤดูใบไม้ผลิทำให้ผู้ฟังอดคล้อยตามไม่ได้
จังหวะดนตรีเปลี่ยนแปลงอีกครั้ง ขณะที่ความเร็วเร่งขึ้นทันที เหมือนกับว่าเป็นสายลมพัดในช่วงฤดูหนาว
ทุกคนรู้สึกเหมือนกับว่าพวกเขาอยู่ในโลกน้ำแข็งและมีหิมะพร้อมกับสายลมพัดเยือกเย็นทำให้พวกเขาหนาวเหน็บถึงกระดูก แทบจะทำให้เลือดของพวกเขาแข็งตัว มีเสียงน่าขนลุกที่ดังขึ้น เหมือนกับว่ามีทหารนักรบเข้าจู่โจมสัปยุทธ์ในท่ามกลางหิมะพร้อมทั้งเสียงร้องตะโกนของม้าศึก..
ทันใดนั้นทหารมากมายน่าเกลียดน่ากลัวจำนวนมากพุ่งกระโจนเข้าใส่พวกเขาพร้อมกับเสียงคำราม
พวกเขาชูดาบคมที่อาบเลือดและทุกคนหัวขาดกันหมด
แม้แต่ผู้เข้มแข็งอย่างเย่ว์หยางก็อดจมอยู่กับตนเองไม่ได้ เมื่อเขาได้ยินสำเนียงเพลงปีศาจ
เพลงปีศาจกำลังกดดัน
เขางงเล็กน้อย แต่จู่ๆ ปราณก่อกำเนิดในตันเถียนของเขาก็ปลดปล่อยพลังออกมาราวกับภูเขาไฟ สลายความเย็นชั่วร้ายที่เขารู้สึกออกไป
“เล่นได้ดี เล่นบทเพลงรอนแรมในหิมะได้ดี” ราชาเฮยอวี้ปรบมือให้ เย่ว์หยางใช้จักษุญาณทิพย์จับตาดูความแตกต่างในพลังงานระหว่างมือของราชาเฮยอวี้ในชั่วเวลาหนึ่งในพันวินาที ราชาเฮยอวี้สภาพแย่ยิ่งกว่าเย่ว์หยาง เนื่องจากเขาจำเป็นต้องอาศัยการปรบมือเพื่อสลายผลกระทบทางลบที่เกิดจากบทเพลงหลอนประสาท แน่นอนว่าเย่ว์หยางรู้ว่าด้วยพลังเพลิงอมฤตและปราณก่อกำเนิด จึงเป็นธรรมดาที่เขาสามารถต้านสำเนียงปีศาจได้ดีกว่าราชาเฮยอวี้ แต่เขาไม่คิดว่าราชาเฮยอวี้ผู้มีสมบัติชั้นศักดิ์สิทธิ์เต็มตัวจะได้รับผลกระทบจากเพลงปีศาจของผีผานี้
“เพลงนี้ช่างน่าทึ่งจริงๆ…” ผู้เฒ่าหนานกงชมเชยด้วยเช่นกัน
“ฮื่อ…” จ้านหู่และเป่ยเหลียวหยาไม่สามารถพูดได้ พวกเขาได้แต่อ้าปากสูดอากาศที่หนาวเหน็บเท่านั้น
นักรบที่ช่างสงสัยและมองดูอยู่แต่ไกล กลายเป็นตุ๊กตาน้ำแข็งกันหมด
สีหน้าพวกเขาแข็งค้างและเสียชีวิตไปโดยไม่รู้ตัว
อย่างนั้นนี่ก็เป็นพลังของเพลงปีศาจหรือนี่?
เย่ว์หยางตกใจและอดกังวลอย่างหนักมิได้
เขารู้สึกว่าราชาเฮยอวี้ก็ลอบสังเกตเขา เขาตื่นเต้นและรีบแกล้งทำเป็นว่าได้รับผลกระทบจากบทเพลงปีศาจอย่างหนักจนร่างของเขาไม่สามารถทนได้ เขาเริ่มสั่นมากกว่าปกติ
ราชาเฮยอวี้ประสาทไวพอจะจำแนกการตอบสนองที่แท้จริงของเย่ว์หยางออกได้ เขาลอบตกใจที่เย่ว์หยางสามารถรู้สึกตัวได้เพียงแค่สั่นครั้งเดียว
เขาตระหนักได้ว่าข่าวลือเป็นเรื่องจริง ความจริงเย่ว์หยางมีพลังที่เหนือกว่าปราณก่อกำเนิดระดับแปด การฟื้นตัวของเขาจากผลกระทบของบทเพลงปีศาจดีกว่าจ้านหู่และเป่ยเหลียวหยา ถ้าไม่ใช่เพราะการสั่นอย่างควบคุมไม่ได้ เขาคงจะถูกเย่ว์หยางหลอกไปแล้ว ดูเหมือนว่าทักษะการฟื้นตัวของเย่ว์หยางแค่เป็นรองตัวเขาเองและผู้เฒ่าหนานกงเท่านั้น เย่ว์หยางไม่ธรรมดาสมคำร่ำลือแน่นอน
สาวงามในชุดยาวสีขาวหิมะถือผีผาหยกเดินนวยนาดตรงเข้ามาหาพวกเขา
ก่อนที่นางจะเดินมาถึง กลิ่นหอมจรุงก็ลอยมาถึงก่อนแล้ว
***********************