ตอนที่ 506 สวรรค์ชั้นนอก สมบัติลับ
หญิงงามถือผีผาหยกทักทายผู้เฒ่าหนานกงก่อน จากนั้นก็เป็นราชาเฮยอวี้
เมื่อหันมาทางเย่ว์หยางเป็นคนสุดท้าย นางยิ้มหวาน “เราพบกันอีกแล้วนะ”
“เจ้ารู้จักข้าด้วยเหรอ?” เย่ว์หยางแกล้งทำเป็นไม่รู้จักนาง ขณะที่เขาเกาศีรษะทำท่าทางเหมือนพยายามคิดอย่างหนัก หลังจากนั้นชั่วครู่ เขาจึงปรบมือ “อ๊ะ..ข้าจำได้แล้ว เจ้าคือสาวงามที่ขึ้นโรงแรมกับข้าใช่ไหม? จำได้ว่าเสียงเย้ายวนกวนอารมณ์ บั้นท้ายก็งดงามอีกด้วย!”
“เจ้ากำลังพูดเรื่องอะไร!” สาวงามเขินอายหลังจากได้ยินคำพูดของเขา นางหน้าแดงกลอกตามองเย่ว์หยางอย่างเอียงอาย
“ไม่ใช่เหรอ? หรือว่าเจ้าคือสาวจ้ำม่ำที่แอบชอบข้าแล้วส่งจดหมายรักให้ข้า? เจ้าไปผ่าตัดเสริมสวยหุ่นตั้งแต่เมื่อไหร่? ถึงได้ดูยั่วยวนใจอย่างนี้ ทั้งส่วนโค้งเว้า ใบหน้าที่กลมมนอ่อนหวาน ข้าปฏิเสธไม่ได้เลยว่าข้ารู้เรื่องนี้ สาวน้อยจ้ำม่ำ ทำไมเจ้าถึงไม่บอกข้าว่าเจ้าลดน้ำหนักได้สำเร็จแล้ว?” เย่ว์หยางทำท่าทางเหมือนกับไม่พอใจ
“เจ้าแน่ใจนะว่าไม่ได้จำผิดคน? เอาอย่างนี้เป็นยังไง มาใกล้ๆ ข้าแล้วดูให้ดี?” หญิงงามรู้ว่าเย่ว์หยางชอบกลั่นแกล้ง ดังนั้นนางจึงทำท่าคล้อยตาม
“ให้ข้าดูหน่อยนะ…” เย่ว์หยางทำเป็นเอนตัวไปใกล้ๆ และดูนางอย่างระมัดระวัง จากนั้นก็ทำเป็นตบไหล่นางและโอบนางไว้เหมือนกับว่าพบเห็นคนที่คุ้นเคยกันอีกครั้ง “ข้าล่ะนึกเจ้าเป็นใคร อันที่จริงเจ้าก็คือสาวหล่อนี่เอง ข้าจำได้เมื่อครั้งกระโน้นเรายืนอยู่บนยอดไม้แล้วฉี่ใส่กระโถน ตัวของเจ้ายังแบนเหมือนคัมภีร์อัญเชิญอยู่เลย อกไม่นูนบั้นท้ายไม่งอน ข้านึกไม่ถึงเลยว่าสาวน้อยผู้เขลาจะมีลักษณะกลายเป็นเช่นนี้ จุ๊ จุ๊..เสี่ยวหัว อกเจ้าไม่ได้ยัดซิลิโคนมาใช่ไหม ถึงได้ใหญ่บึ้มเต็มไม้เต็มมือขนาดนั้น บอกมาซะดีๆ ไม่ได้ยัดถุงน้ำไว้ข้างในใช่ไหม? เสี่ยวหัว อย่าหลอกกันดีกว่า อกปลอมๆ ใครๆ ก็ระบุออกมาได้ง่าย ให้ข้าช่วยตรวจสอบดูหน่อย”
“อุ๊ฟ!” จ้านหู่และเป่ยเหลียวหยาถึงกับอึ้ง เจ้าผู้นี้รู้วิธีเจ้าชู้มากมายนัก
พวกเขาเคยเห็นคนลามกมาแล้ว แต่ไม่มีใครเทียบกับเขาได้
ผู้คนกล่าวกันว่าทักษะแฝงเร้นของคุณชายสามแห่งตระกูลเย่ว์น่าทึ่งและมีศักยภาพไม่มีขีดจำกัด จ้านหู่และเป่ยเหลียวหยาไม่เคยคาดคิดเลยว่าวิธีจีบสาวๆ ของเขาก็ช่างน่าประทับใจเช่นกัน
เขาคือจอมลามกขนานแท้
เป่ยเหลียวหยาและจ้านหู่ก็ชอบหลอกลวงสตรีพอๆ กัน และบางครั้งพวกเขาก็คิดว่าตนเองก็มีประสบการณ์ของหนุ่มเจ้าสำราญ
“สำรวมตัวเจ้าบ้างเถอะ” หญิงงามปัดมือของเย่ว์หยางออกห่าง
ตอนแรกนางอยากทำเป็นเหมือนว่าโกรธ แต่นางก็ทนไม่ไหวและหัวเราะออกมาจนได้ เพราะนิสัยชอบกลั่นแกล้งของเย่ว์หยาง
“เสี่ยวหัว, เจ้าจำข้าไม่ได้จริงเหรอ? ข้าคือพี่ไตตันไงเล่า! เจ้าเคยร้องห่มร้องไห้เมื่อเจ้าพูดว่าอยากจะแต่งกับข้า ไฉนเจ้าจึงลืมเรื่องเหล่านี้?” เย่ว์หยางทำท่าอึดอัดมาก
“นี่คือราชาปีศาจใต้จากเผ่าปีศาจตะวันออก สถานะของนางปกติจะเป็นขุนพลปีศาจผีผา เจ้าคงจะได้พบนางเมื่อครั้งที่เผ่าปีศาจตะวันออกบุกทวีปมังกรทะยานครั้งก่อน” ผู้เฒ่าหนานกงเตือนเย่ว์หยาง จากนั้นเย่ว์หยางถึงได้นึกขึ้นมาได้ทันทีขณะที่เขาพยักหน้า “ใช่แล้ว ข้าเคยพบเห็นนางมาก่อน สุนัขยามของนางบุกมาที่สวนของเรา ข้าก็เลยจับปรุงอาหารซะเลย เมื่อนางเข้ามาทำคะแนนกับข้า นางก็ตระหนักว่าความจริงตัวนางยังคงมีความผิดอยู่ ดังนั้นนางรู้สึกผิดและตัดสินใจยกน้องสาวของนางให้ข้าเป็นการขอโทษ ข้ายอมรับว่าค่อนข้างดีใจนะในตอนนั้น ข้าคงลืมเรื่องนี้ไปแล้ว ถ้าท่านไม่พูดถึง”
“คุณชายสามตระกูลเย่ว์มักจะชอบขู่ขวัญผู้คนอย่างนี้หรือ?” ราชันย์ปีศาจใต้โอบผีผาหัวเราะขณะที่ถาม
“เป็นธรรมดาที่คนหนุ่มอย่างเขาจะชอบหญิงสาวสวย แต่อาจเป็นเรื่องดีก็ได้ถ้าคุณชายสามสามารถแต่งกับน้องสาวของราชันย์ปีศาจใต้ คงจะเป็นข่าวใหญ่โตกระจายไปทั่วทั้งหอทงเทียน” ราชาเฮยอวี้มองดูราชันย์ปีศาจใต้เพื่อดูอาการตอบสนองของนาง ถ้านางยังคงหนุนเย่ว์หยาง อย่างนั้นราชาเฮยอวี้คงมีศัตรูที่แข็งแกร่งเพิ่มขึ้นมาอย่างไม่เต็มใจ
“น่าเสียดายที่ข้าไม่มีน้องสาว” ราชันย์ปีศาจใต้ยิ้ม “และดูเหมือนว่าคุณชายสามตระกูลเย่ว์มีคู่หมั้นอยู่จำนวนหนึ่งแล้ว”
“การเป็นคนเจ้าชู้ทำให้มีสาวงามมากหลายรายล้อมคุณชายสามจนเป็นปกติจริงๆ” เป่ยเหลียวหยามั่นใจ ถ้าราชันย์ปีศาจใต้ผู้นี้ตกหลุมรักไตตันน้อย นางคงไม่มาหาเขาอย่างโจ่งแจ้งแน่ ก่อนหน้านี้เขาได้ยินมาว่าจักรพรรดิมังกรต้องการให้ไตตันน้อยเป็นเขยของเขาและยังพูดว่า เขายินดีจะยกธิดาของเขาให้เป็นภรรยาน้อยของเย่ว์หยางเพื่อให้ราชตระกูลของเผ่าปีศาจตะวันออกสามารถผูกสัมพันธ์กับทวีปมังกรทะยานได้
“ข้าสงสังจริงว่าราชันย์ปีศาจใต้มาที่นี่เพื่ออะไร?” เป่ยเหลียวหยาแกล้งทำเป็นไม่รู้
จักรพรรดิมังกรแสดงประสงค์อย่างมากว่าต้องการให้เย่ว์หยางเป็นเขยของเขา ดังนั้นราชันย์ปีศาจใต้ อย่างนางไม่อาจนั่งมองเฉยๆ ได้
มีเส้นทางสามสายให้นางเลือกข้างหน้า
ทางแรก นางสามารถแต่งงานกับเขาก่อนที่คนอื่นจะทำได้
ทางที่สอง นางสามารถตกลงลับๆ กับเย่ว์หยางและทำลายการผูกสัมพันธ์ระหว่างเขากับจักรพรรดิมังกร
ทางที่สาม นางกลายเป็นเป็นศัตรูกับเย่ว์หยาง และร่วมมือกับนักสู้ปราณก่อกำเนิดที่แข็งแกร่งฆ่าเขา เพื่อที่ว่าแผนของจักรพรรดิมังกรจะได้พังทลาย
บรรดาทางเลือกทั้งสามนี้ ทางเลือกสองประการแรกเป็นสิ่งที่ราชาเฮยอวี้ไม่ต้องการให้ราชันย์ปีศาจใต้เลือก เพราะนางทรงพลังอย่างมาก แม้แต่จักรพรรดิมังกรก็ยังทำอะไรนางไม่ได้ ถ้านางกลายเป็นพันธมิตรกับเย่ว์หยาง ความแข็งแกร่งของเย่ว์หยางก็จะเพิ่มขึ้นอีกมากมาย และที่น่ากลัวยิ่งกว่าก็คือ เย่ว์หยางอาจทำให้การชิงดีชิงเด่นระหว่างนางกับจักรพรรดิมังกรน้อยลงไป แม้ว่าการชิงดีชิงเด่นจะสิ้นสุดลงชั่วคราว แต่ก็ยังน่ากลัวอยู่ดี ทันทีที่พวกเขาร่วมมือกันช่วยเย่ว์หยาง คงจะมีผลกระทบต่อสงครามอย่างมาก อาจจะทำให้เย่ว์หยางเปลี่ยนสถานการณ์ได้
ถ้านางไม่สามารถร่วมมือกับจักรพรรดิมังกรและเลือกทางที่สาม นั่นอาจเป็นประโยชน์ต่อราชาเฮยอวี้ได้
ถ้าราชันย์ปีศาจใต้ร่วมเป็นพันธมิตรกับกองกำลังนรกดำ อาจสร้างผลกระทบใหญ่ต่อทวีปมังกรทะยาน ด้วยพลังของเผ่าปีศาจบูรพาที่อยู่ใต้อาณัติของนาง เขาสามารถกำจัดจักรพรรดิมังกรและทำลายต้าเซี่ย, เทียนหลัวและสี่ตระกูลใหญ่ในทวีปมังกรทะยานได้ ได้เป็นพันธมิตรกับราชันย์ปีศาจใต้ ราชาเฮยอวี้ควรพยายามอย่างหนักเพื่อเอาชนะใจนาง
ไม่ใช่เพียงแต่เป่ยเหลียวหยาเท่านั้น แม้แต่ราชาเฮยอวี้ก็ไตร่ตรองอยู่เช่นกัน
เขากำลังคิดถึงวิธีหนึ่งตั้งแต่เมื่อราชันย์ปีศาจใต้ปรากฏตัวออกมา
“ความจริงข้าแค่บังเอิญผ่านมาที่หอทงเทียนชั้นที่หกเท่านั้น ไม่เคยคิดเลยว่าจะได้พบกับพวกท่านเหล่าผู้อาวุโสและคุณชายสามตระกูลเย่ว์ในที่นี้อย่างคาดไม่ถึง” ราชันย์ปีศาจใต้ยิ้ม
คำพูดของนางไม่ได้กระตุ้นความสงสัยของราชาเฮยอวี้ เนื่องจากแผนการที่พวกเขาจะสกัดกั้นเย่ว์หยางเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นกะทันหัน ดังนั้นจึงไม่มีผู้ใดรู้
ถ้าผู้เฒ่าหนานกงมาที่นี่เพราะเขาได้ทราบข่าว อย่างนั้นราชันย์ปีศาจใต้ผู้ที่ปกติจะอยู่ที่ชั้นแปดและชั้นเก้าก็คงไม่ได้เตรียมพร้อม นี่เป็นเรื่องบังเอิญจริงๆ ราชันย์ปีศาจใต้ทักทายผู้เฒ่าหนานกงและราชาเฮยอวี้อีกครั้ง “เมื่อครึ่งปีที่แล้ว มีคนพบสวรรค์ชั้นนอกโบราณที่พังทลายแล้วที่ชั้นสิบ มันถูกทอดทิ้งไว้โดยฝีมือของผู้อาวุโสที่ทรงพลัง และข้ารู้สึกว่า คงเป็นเรื่องน่าเสียดายหากว่าข้าไม่สามารถสำรวจด้วยตนเอง แต่เมื่อข้าพบกับพวกท่านแล้ว เอาอย่างนี้เป็นไง เรามาร่วมมือกันล่าสมบัติลับในดินแดนล่มสลายโบราณกัน?”
“แดนสวรรค์ชั้นนอกในหอทงเทียนชั้นที่สิบน่ะหรือ?” ราชาเฮยอวี้เริ่มคิด
“สวรรค์ชั้นนอกคืออะไร?” เย่ว์หยางถามเหมือนกับเด็กนักเรียนชั้นประถมกำลังนั่งเรียน
“ไตตันน้อย, สวรรค์ชั้นนอกหมายถึงดินแดนที่ไม่เป็นที่รู้จักอยู่ระหว่างหอทงเทียนและแดนสวรรค์ มีพื้นที่กว้างใหญ่ระหว่างหอทงเทียนและแดนสวรรค์ และยังมีโลกที่เป็นเอกเทศนับไม่ถ้วนกับสภาพแวดล้อมที่ไม่เป็นมิตรต่อสิ่งมีชีวิตทุกรูปแบบ อย่าว่าแต่นักรบธรรมดาเลย แม้แต่สุดยอดนักสู้ปราณก่อกำเนิดก็ยังเป็นอันตรายเมื่ออยู่ในแดนมรณะเหล่านี้” ผู้เฒ่าหนานกงอธิบาย
“ข้าคิดว่ามีทางผ่านที่นำไปสู่ประตูแดนสวรรค์จากหอทงเทียนใช่ไหม?” เย่ว์หยางยกคำถามขึ้นตั้งอีกครั้ง
“ความจริงไม่มีทางผ่านแน่นอน มันเป็นเพียงเส้นทางที่ปลอดภัยที่ยอดฝีมืออาวุโสนับไม่ถ้วนใช้เลือดเนื้อและชีวิตบุกเบิก และเจ้าจะต้องผ่านโลกเอกเทศอีกสิบแห่งเพื่อผ่านเส้นทางนี้ ดังนั้นจึงไม่ใช่เส้นทางตรง และในแต่ละโลกยังมีพื้นที่ที่ยังมิได้สำรวจ ช่องว่างที่พังทลายและแม้แต่มิติที่เรามีความรู้อย่างจำกัด แต่ตามประวัติศาสตร์โบราณ มีพื้นที่แตกสลายเพราะพลังของเซียนที่คาดไม่ถึงต่อสู้กันในยุคโบราณ แม้ว่าจะมีเซียนมาซ่อมแซมมัน แต่แดนสวรรค์ดั้งเดิมที่อยู่ในชั้นที่สิบ ได้แตกขาดออกจากหอทงเทียนและกลายเป็นโลกใหม่ในตัวมันเอง จากนั้นเวลาล่วงผ่านไป ก็ขยายตัวออกห่างเรื่อยๆ และต่อมาแดนสวรรค์ก็ไม่รู้จักโลกมนุษย์และกลายเป็นดินแดนใหม่ในตัวมันเอง ถ้านักรบจากโลกมนุษย์ต้องการจะเข้าแดนสวรรค์ เขาจะต้องผ่านอันตรายมากมาย ดินแดนแตกสลายจนกระทั่งถึงประตูแดนสวรรค์” ผู้เฒ่าหนานกงอธิบายอย่างอดทน
“ไม่มีทางอื่นเลยเหรอ?” เย่ว์หยางรู้สึกว่าคงจะไม่ได้ผล ถ้าเพียงแต่อาศัยประตูเข้าแดนสวรรค์ซึ่งร้อยปีเปิดเพียงครั้งเดียว
“อาจเป็นไปได้ มีการพูดถึงว่ามีบันไดสวรรค์อยู่ในแดนล่มสลายแห่งทวยเทพ สามารถใช้เข้าแดนสวรรค์ได้โดยตรง” ราชันย์ปีศาจใต้โพล่งออกมา
“มันเป็นแค่เพียงตำนาน อาจจะมีอยู่ก็ได้ แต่ไม่มีใครสามารถเข้าแดนสวรรค์โดยไม่ผ่านประตูแดนสวรรค์ นี่คือกฎรหัสโบราณ และไม่มีใครยกเว้น” ผู้เฒ่าหนานกงสั่นศีรษะและเห็นว่าเป็นการไร้ความคิดหากจะใช้บันไดสวรรค์เข้าแดนสวรรค์ อาจเป็นไปได้ว่าเขาจะสามารถชำระเรื่องต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับแม่สี่ผู้เป็นเจ้าของบันไดสวรรค์ให้ปลอดภัยยิ่งขึ้น
“แม้ถ้าบันไดสวรรค์ ไม่สามารถไปถึงแดนสวรรค์ได้ จะมิเป็นการเจ็บตัวที่จะลองหรือ” ราชันย์ปีศาจใต้พูดขณะยิ้ม
“คุณชายสาม กลับไปถามแม่สี่ของเจ้าดู นางอาจรู้ก็ได้” ราชาเฮยอวี้บอกเย่ว์หยาง
“นางเป็นเพียงแม่บ้านที่ไม่ค่อยออกไปข้างนอก” เย่ว์หยางจ้องราชาเฮยอวี้อย่างเย็นชาขณะที่เปล่งรังสีฆ่าฟันออกมา เขากำลังเตือนราชาเฮยอวี้ไม่ให้สร้างความยุ่งยากกับแม่สี่
“โปรดอย่าถือสาเลย นายข้าแค่เพียงล้อเล่น ปกติผู้อาวุโสจะรู้ความลับมากมายกว่าผู้เยาว์อยู่แล้ว แม่สี่ของเจ้าก็เป็นผู้ที่ได้รับการศึกษามามาก ดังนั้นนางอาจจะรู้ก็ได้ กลับมาที่หัวข้อสมบัติลับที่ราชันย์ปีศาจใต้ยกขึ้นมาพูดเถอะ ข้าสนใจสมบัติลับในซากปรักหักพังโบราณ ดังนั้นเราจะต้องไปแน่ๆ” จ้านหู่หัวเราะ
“เฟิงสื่อยินดีจะไปเช่นกัน” เป่ยเหลียวหยามองดูเย่ว์หยาง
“ถ้าคุณชายสามสนใจ อย่างนั้นหนานกงยินดีจะนำเจ้าไปที่ชั้นที่สิบ” ผู้เฒ่าหนานกงถือหางเย่ว์หยาง แม้ว่าเย่ว์หยางจะยังไม่ได้ร่วมกับพันธมิตรปราณก่อกำเนิดอย่างเป็นทางการ แต่ด้วยความที่เป็นคนชื่นชมอัจฉริยะ ผู้เฒ่าหนานกงไม่ยอมปล่อยให้ราชาเฮยอวี้ทำอันตรายเย่ว์หยางในชั้นที่สิบแน่นอน
“ข้าก็สงสัยเช่นกัน ว่าสมบัติแบบไหนถึงทำให้ราชันย์ปีศาจใต้สนใจที่จะไปดูนักหนา?” ราชาเฮยอวี้มองดูราชันย์ปีศาจใต้ แต่ในสายตาของเขา เขายังระวังเย่ว์หยาง ถ้าเขาไม่ไป อย่างนั้นเขาจะไม่ไปเช่นกัน
“แล้วเราจะแบ่งสมบัติกันยังไง?” คำถามของเย่ว์หยางสร้างความมั่นใจให้กับราชาเฮยอวี้ เย่ว์หยางยังคงต้องการสมบัติ
ดูเหมือนคนผู้นี้จะรู้ว่าเขาไม่ได้ทรงพลังมากเพียงพอและต้องการสมบัติมาเสริมความแข็งแกร่ง
ด้วยการลอบปกป้องของผู้เฒ่าหนานกง เย่ว์หยางต้องยอมเสี่ยงสู้เพื่อครอบครองสมบัติด้วยตนเองแน่นอน
สิ่งที่สำคัญที่สุด สมบัตินี้ถือเป็นการทดสอบของราชันย์ปีศาจใต้อย่างกะทันหัน นางไม่สามารถจะเลือกได้ว่าจะเป็นพันธมิตรกับใครระหว่างตัวเขากับเย่ว์หยาง ดังนั้นนางตัดสินใจเผยเรื่องแดนล่มสลายโบราณและหวังจะใช้เรื่องนี้ทดสอบเพื่อเลือกพันธมิตรที่ดี เขาต้องลงมือชิงสมบัติลับ เพื่อทำให้ราชันย์ปีศาจใต้เป็นพันธมิตรกับเขาด้วยความเต็มใจ ในทางตรงกันข้าม ถ้าเป็นเย่ว์หยางที่ได้สมบัติไป นางจะหันไปเข้าข้างเขาแน่นอน
หอทงเทียนเชื่อถือในคนชนิดเดียวเท่านั้น
นั่นก็คือนักสู้
ราชาเฮยอวี้มองดูเย่ว์หยางและมุ่งมั่นที่จะเอาชนะเขา เขาตั้งใจจะเอาสมบัติลับในพื้นที่ปรักหักพังโบราณ เพื่อไว้พิชิตทวีปมังกรทะยาน จากนั้นก็เป็นหอทงเทียนทั้งหมด