ตอนที่ 507 มาเล่นด้วยกันเถอะ
แต่ละกลุ่มที่เดินทางไปครั้งนี้ ล้วนมีแรงบันดาลใจที่แตกต่างกัน เมื่อออกจากหอทงเทียนชั้นที่หก พวกเขาก็มาถึงหอทงเทียนชั้นที่สิบ
นี่คือการล่าสมบัติที่อันตรายที่สุดที่เย่ว์หยางเคยเข้าร่วม นับตั้งแต่เขาเข้ามาในหอทงเทียน ทั้งนี้เป็นเพราะผู้ร่วมกลุ่มก็คือขุนพลพยัคฆ์บูรพาจ้านหู่ ขุนพลเขี้ยวอุดรเป่ยเหลียวหยาและราชาเฮยอวี้ เย่ว์หยางรู้ว่าทั้งสามคนนี้จะฉวยโอกาสฆ่าเขา แน่นอนว่าเขาก็จะฆ่าราชาเฮยอวี้ด้วยเช่นกันเมื่อสบโอกาส
ราชันย์ปีศาจใต้โอบผีผาหยกยืนอยู่ตรงกลาง
เย่ว์หยางมีเพียงผู้เฒ่าหนานกงเท่านั้นเป็นพันธมิตร
ถ้าไม่ใช่เพราะผู้เฒ่าหนานกงเตือนให้เย่ว์หยางมา เย่ว์หยางคงไม่เห็นด้วยที่จะร่วมเดินทางในเส้นทางอันตรายอย่างนี้ และยิ่งอันตรายอย่างไม่ต้องสงสัยเมื่อเป็นภารกิจที่ราชาเฮยอวี้มีส่วนร่วม
เย่ว์หยางไม่ได้เครียดเลยขณะที่เขาเข้าสู่หอทงเทียนชั้นเจ็ดในครั้งก่อน
แรงโน้มถ่วงเพิ่มหนักขึ้นเมื่อพวกเขาเดินผ่านชั้นที่แปดและเก้า ในชั้นที่สิบแรงดึงดูดจะมากกว่าทวีปมังกรทะยานอยู่ราวๆ 25 เท่า
เมื่อเข้าแดนขอบสวรรค์ชั้นนอก แรงดึงดูดจะมากกว่าทวีปมังกรทะยานถึงสามสิบเท่า แม้แต่จ้านหู่และเป่ยเหลียวหยายังต้องปลดปล่อยพลังปราณก่อกำเนิดระดับเจ็ดเพื่อให้เคลื่อนที่ต่อไปได้ มีเพียงพวกเดียวที่สามารถเดินได้ต่อไปโดยไม่ได้รับผลอะไรก็คือผู้เฒ่าหนานกงและราชาเฮยอวี้ ราชันย์ปีศาจใต้ก็ต้องปลดปล่อยพลังปราณก่อกำเนิดระดับห้าจึงจะสามารถปรับตัวได้ จากจุดนี้ อาจเห็นได้ว่านางมีพลังมากกว่าจ้านหู่และเป่ยเหลียวหยามาก แน่นอนว่าไม่ต้องสงสัยเลยว่าผู้เฒ่าหนานกงและราชาเฮยอวี้มีพลังเหนือกว่านาง
“เจ้ายังสบายดีหรือเปล่า?” ราชันย์ปีศาจใต้ถามเย่ว์หยางด้วยความสงสัย
ไม่เพียงแต่นางเท่านั้น แม้แต่ผู้เฒ่าหนานกงและราชาเฮยอวี้ก็สงสัยเช่นกัน
เขามีพลังป้องกันตนเองจากแรงดึงดูดสามสิบเท่า แต่ทำไมเขาถึงยังไม่ปลดปล่อยระดับพลังปราณก่อกำเนิด?
เย่ว์หยางไม่ตอบ เขาล้าหลังอยู่มาก สองสามก้าวที่เขาเดินขึ้นหน้าต้องใช้ความพยายามอย่างมาก เขายังคงพยายามต่อไป แม้ว่าเขาแทบจะหมดแรงหลั่งเหงื่อพร่างพรูและกล้ามเนื้อสั่นจากอาการล้า แต่เขาก็ยังไม่ปลดปล่อยระดับพลังปราณก่อกำเนิด
ราชาเฮยอวี้ลอบขมวดคิ้ว เย่ว์หยางไม่ได้พยายามแกล้งอวดโอ่ความสามารถแน่นอน
เป็นไปได้ไหมว่าเขาแสดงให้เห็นว่าตนเองอ่อนแอ? ไม่ ต่อให้เขาต้องการทำ เขาก็จะไม่เลือกวิธีการโง่เขลาเช่นนั้น
เขาใช้แรงโน้มถ่วงเพื่อฝึกร่างกายเขาหรือ ทำอย่างนั้นเขาจะสามารถปรับตัวให้เข้ากับแรงดึงดูดสามสิบเท่าโดยที่ระดับพลังยังต่ำกว่าปราณก่อกำเนิดน่ะหรือ? เมื่อราชาเฮยอวี้คิดถึงความเป็นไปได้นี้ เขาถึงกับลอบตกใจ เย่ว์หยางผิดจากธรรมดาจริงๆ เขาคิดแตกต่างจากคนทั่วไป ภายใต้แรงโน้มถ่วงสามสิบเท่า มีศัตรูรายล้อม เขายังมีอารมณ์ฝึกฝนอยู่อีก ดูเหมือนเขาจะใช้โอกาสเช่นนี้แสวงหาความก้าวหน้า
ราชาเฮยอวี้จะไม่ยอมปล่อยให้เด็กหนุ่มคนนี้ได้มีชีวิตต่อไปแน่นอน เจ้าเด็กนี่จะต้องเหนือเขาได้สักวันแน่นอน
ราชาเฮยอวี้ยิ่งกลัวก็ยิ่งคิดมาก ความคิดที่ต้องการฆ่าเย่ว์หยางแว่บผ่านเข้ามาในใจของเขา
หลังจากผ่านไปครึ่งชั่วโมง เย่ว์หยางที่มีเหงื่อท่วมร่างกายก็มีช่วงเวลาที่ก้าวเท้าได้คล่องแคล่วในที่สุด เขาที่ตอนแรกยังเดินล้าหลังก็ค่อยๆ ไล่ทันพวกที่เหลือในที่สุด
จ้านหู่และเป่ยเหลียวหยามองหน้ากันเอง นอกจากพวกเขารู้สึกประหลาดใจแล้ว เย่ว์หยางยังมีรังสีฆ่าฟันท่วมทับกดดันพวกเขาอีกด้วย… เขาคุ้นเคยกับแรงโน้มถ่วงสามสิบเท่าได้รวดเร็วมาก นี่เขาเป็นมนุษย์หรือเปล่า…
ผู้เฒ่าหนานกงไม่พูด แต่สายตาของเขาเต็มไปด้วยความพึงพอใจ เมื่อเห็นเย่ว์หยางก้าวหน้าและมีพรสวรรค์ที่ไม่เหมือนใคร ความมุ่งมั่นที่เขาตั้งใจจะปกป้องเย่ว์หยางยิ่งมั่นคงขึ้น
มีแต่เพียงราชันย์ปีศาจใต้ที่ทำเหมือนกับว่านางไม่เห็นอะไร
ในแดนสวรรค์ชั้นนอก
เพียงเวลาไม่ถึงสิบนาทีก่อนที่พวกเขาจะมาถึง โลกทั้งหมดก็กลายเป็นสถานที่ดูน่ากลัว
มีฝนอุกกาบาตที่ขาดเป็นชิ้นๆ พุ่งผ่านท้องฟ้าเป็นครั้งคราว เปลวไฟลุกตามเป็นทางยาวก่อนจะกระแทกกับพื้นและเกิดการระเบิด
คลื่นระเบิดจากแผ่นดินไหวตามมาเป็นระลอก มีภูเขาไฟปะทุปล่อยลาวามหาศาลพุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้าจากนั้นก็กระเด็นกระจายไปทั่วพื้น แม้ว่าคนทั้งหมดนี้จะประกอบไปด้วยยอดนักสู้ปราณก่อกำเนิด แต่พวกเขาก็ต้องหลบอย่างไม่มีทางเลือกเช่นกัน พวกเขาไม่ยอมสิ้นเปลืองความพยายามในการต่อสู้กับภัยพิบัตินี้ ยิ่งกว่านั้น นี่ยังนับว่าไม่รุนแรงเมื่อเทียบกับรอยแยกว่างเปล่าของสวรรค์ชั้นนอกที่น่ากลัวที่สุด
“เรากำลังจะเข้าสู่พื้นที่สวรรค์รอบนอกอย่างเป็นทางการในไม่ช้านี้ ทุกท่านโปรดตื่นตัวไว้ด้วย แม้ว่าเราอาจจะมีอะไรที่เข้าใจผิดกันในอดีต ข้าหวังว่าทุกท่านจะยอมวางทิฏฐิและเข้าไปเอาสมบัติกัน เราค่อยพูดคุยกันอีกทีหลังจากได้รับสมบัติลับแล้วในซากโบราณนั่น” ราชันย์ปีศาจใต้แหงนหน้า
“แน่นอนอยู่แล้ว ถ้าเรากำลังล่าสมบัติ ข้ายินดีจะผ่อนหนักผ่อนเบากับพวกท่าน” จ้านหู่พูดออกตัวในนามของราชาเฮยอวี้
“เชิญนำทาง!” เย่ว์หยางไม่เคยไปที่ชั้นสิบมาก่อน ก่อนหน้านี้เขาเพียงแต่ได้ยินมาจากจักรพรรดินีราตรีและนางเซียนหงส์ฟ้าว่าการจะไปให้ถึงหอทงเทียนชั้นสิบนั้นยากเพียงไหน เขาสามารถเข้าใจถึงเหตุผลในตอนนี้
สภาพแวดล้อมที่โหดร้ายมากอยู่แล้วตั้งแต่ก่อนที่พวกเขาจะเข้าแดนชายขอบสวรรค์อย่างเป็นทางการ
เขาได้แต่เพียงจินตนาการว่าเมื่ออยู่ในรอยแตกช่องว่างแดนชายขอบสวรรค์รอบนอกจะมีสภาพรุนแรงเพียงไหน
ราชันย์ปีศาจใต้พาทุกคนเข้าไปในหุบเขาที่มีภูเขาไฟที่พร้อมปะทุล้อมรอบ ในช่วงกลางหุบเขามีภูเขาไฟที่นิ่งสงบลูกหนึ่ง และครึ่งทางเหนือภูเขาไฟจะมีทางผ่านโบราณ สิ่งที่ไม่มีใครเคยคาดก็คือจุดเทเลพอร์ตเพื่อไปยังโลกต่างๆ ก็เป็นทางเข้าสู่ซากหักพังโบราณนั้นด้วย ถ้าไม่ใช่เพราะราชันย์ปีศาจใต้เป็นคนนำทาง..คงไม่มีใครเข้าไปในสถานที่ซึ่งอยู่ตรงจุดภูเขาไฟปะทุ
ราชาเฮยอวี้ขมวดคิ้วเล็กน้อย เขาไม่เคยได้ยินเรื่องพื้นที่ซากหักพังนี้มาก่อน
เขารู้สึกลำบากมาก
เขาคิดว่าราชันย์ปีศาจใต้ค้นพบที่ซ่อนสมบัติลับที่เขารู้จักแล้ว ไม่เคยนึกเลยว่าจะไม่ใช่
ราชันย์ปีศาจใต้ร่วมมือกับเย่ว์หยางวางแผนเล่นงานเขาหรือเปล่า? จักรพรรดินีราตรีและจื้อจุนอาจอยู่ในนั้นรอซุ่มทำร้ายเขาหรือไม่?
ราชาเฮยอวี้ลังเลสักครู่ แต่เมื่อเขาเห็นว่าเย่ว์หยางลอบสังเกตเขาและว่าเย่ว์หยางก็ดูเหมือนจะระวังตัวเช่นกัน ราชาเฮยอวี้จึงสบายใจ ถ้ามีการซุ่มโจมตีจริงๆ อย่างนั้นเย่ว์หยางคงไม่ตั้งท่าระมัดระวังตัวแน่นอน แต่คงจะหาเรื่องกระตุ้นหรือยั่วยุแน่อน
หลังจากเทเลพอร์ตเข้าไปยังดินแดนที่แตกแยกออกไป ทุกคนยกเว้นราชันย์ปีศาจใต้ตะลึงกันหมด
ข้างนอกนั้นร้อนมาก มากเสียจนพวกเขานึกว่าอยู่ในเตาอบ
แต่ในโลกที่แตกออกไปนั้น หนาวเย็นยะเยือกมาก
จ้านหู่และเป่ยเหลียวหยาที่ปลดปล่อยพลังจนถึงระดับหกถึงกับสั่นจนควบคุมไม่ได้ พวกเขาเริ่มแข็งตั้งแต่เท้าเหยียบย่างลงบนพื้น และเริ่มกลายเป็นน้ำแข็งภายในไม่กี่นาที
“ฮ้า…….” จ้านหู่ปล่อยพลังปราณก่อกำเนิดระดับเจ็ดและเรียกเพลิงพยัคฆ์แดง ซึ่งแทบจะไม่สามารถป้องกันตนเองได้
“…….” เป่ยเหลียวหยาใช้กรงเล็บของตนกรีดร่างตนเอง เลือดที่หยดลงพื้นกลายเป็นไฟ
ขณะที่ราชันย์ปีศาจใต้มีสมบัติป้องกันตัวนางเองอยู่แล้ว นางแทบไม่ตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลงฉับพลัน
ราชาเฮยอวี้และผู้เฒ่าหนานกงทั้งสองคนปลดปล่อยพลังปราณก่อกำเนิดระดับหนึ่งเพื่อป้องกันความเย็น แน่นอนว่าพวกเขาทั้งสองมีสมบัติชั้นศักดิ์สิทธิ์อยู่กับตัว ดังนั้นสาเหตุที่พวกเขาปลดปล่อยพลังปราณก่อกำเนิดระดับหนึ่งก็เพื่อป้องกันรอบๆ ตัว แทบจะเป็นไปไม่ได้ที่จะมีอสูรโบราณอยู่ในพื้นที่แช่แข็งแห่งนี้ อสูรโบราณในหอทงเทียนชั้นสิบสามารถอธิบายได้แต่เพียงว่ามันแข็งแกร่งผิดธรรมดา แม้เจ้าพวกที่เป็นอสูรทองระดับสิบก็ยังแข็งแกร่งมากกว่าพวกที่มีระดับเดียวกันแต่อยู่ในหอทงเทียนชั้นล่างเป็นร้อยเท่าหรือพันเท่าก็มี
ยิ่งกว่านั้น มีอสูรโบราณระดับทองในชายขอบสวรรค์ไม่มาก ส่วนใหญ่จะเป็นอสูรชั้นแพลตตินัม
สำหรับนักสู้ปราณก่อกำเนิดระดับแปดคนเดียวเข้ามาในชายขอบสวรรค์ เขามีแต่จะตายอย่างเดียวถ้าได้พบกับกลุ่มอสูรโบราณกลุ่มใหญ่
“ฟู่..” เย่ว์หยางพ่นลมหายใจที่หนาวเย็น
เขาควงมือ สายเส้นอากาศเย็นนับไม่ถ้วนเข้ามาในร่างของเขา
สิ่งที่น่าทึ่งก็คือไม่เพียงแต่อากาศเย็นยะเยียบไม่เปลี่ยนเขาให้เป็นตุ๊กตาน้ำแข็งเท่านั้น แต่ยังกลายเป็นดอกไม้น้ำแข็งลอยวนอยู่รอบตัวเขา สร้างพื้นที่น้ำแข็งที่วนล้อมตัวเขาถึงสิบเมตร จ้านหู่ยื่นมือออกไปพยายามจะสัมผัสดอกไม้ แต่นิ้วมือของเขากลายเป็นแท่งน้ำแข็งขนาดมหึมาทันที ทุกคนที่เห็นเช่นนี้ตกตะลึงไปตามกัน
แววตาอำมหิตวาบผ่านในดวงตาของราชาเฮยอวี้ “คุณชายสามมีทักษะแฝงเร้นที่ยอดเยี่ยมจริงๆ ข้าได้ยินมาว่าท่านมีทักษะควบคุมเพลิงอมฤตได้ แต่คิดไม่ถึงเลยว่าจะสามารถควบคุมความเย็นได้อย่างง่ายดาย”
เย่ว์หยางไม่ตอบเขา เนื่องจากเขาเพ่งสมาธิอยู่กับการควบคุมพื้นที่น้ำแข็งรอบตัวเขา เขาทำให้มันดูดซับพลังหยินและขณะเดียวกันก็ป้องกันตนเองไปด้วย
แน่นอนว่านี่เป็นเรื่องที่ยากมาก
ทั้งที่มีราชาเฮยอวี้อยู่ด้านข้างเขา มันจะเป็นสิ่งที่น่ากลัวขึ้นเมื่อทำมัน
ขณะที่ราชันย์ปีศาจใต้กำลังนำทาง จู่ๆ ผู้เฒ่าหนานกงก็หมุนตัวไปรอบๆ หลังจากฟังอยู่ชั่วขณะ เขาพูดเสียงเบาๆ “มีการต่อสู้อย่างรุนแรงเกิดขึ้นห่างจากพวกเราไปสิบกิโลเมตร ข้าไม่อาจยืนยันได้ว่าเป็นอะไร แต่ข้าคาดว่าไม่ใช่การต่อสู้ระหว่างอสูรโบราณ แต่เป็นนักสู้ปราณก่อกำเนิดผู้กำลังตกอยู่ในความยากลำบาก เราจะให้ความช่วยเหลือหรือว่าเราจะไปทำภารกิจกันต่อ? ด้วยพลังของเรา แม้ว่าเราจะทำไม่สำเร็จ แต่ไม่ใช่เรื่องยากที่เราจะหลบเลี่ยงไป แต่เมื่อถือหลักคุณธรรมที่ว่านักรบควรช่วยเหลือกันและกัน ข้าว่าเราควรจะไปช่วยพวกเขา”
ตอนแรกเย่ว์หยางคิดว่าราชาเฮยอวี้จะไม่เห็นด้วยเสียอีก คาดไม่ถึงเลยว่าเขาจะผงกศีรษะ
เป็นไปได้ไหมว่าเขากำลังจะใช้อสูรโบราณเพื่อทดสอบเรา?
เย่ว์หยางหัวเราะเย็นชาอยู่ภายในและพยักหน้าเช่นกัน ไม่มีใครสามารถพูดได้อย่างแน่นอนว่าใครจะตกไปในกับดักใครก่อน
ราชาเฮยอวี้คงจะไม่เป็นไร แต่จ้านหู่กับเป่ยเหลียวหยาเล่าจะเป็นยังไง? เย่ว์หยางรู้สึกว่านี่อาจเป็นโอกาสกำจัดหนึ่งในพวกเขาก็ได้ นั่นจะคล้ายกับการเด็ดแขนข้างหนึ่งของราชาเฮยอวี้ อย่างนั้นจึงจะนับว่าคุ้มที่เสี่ยงมาที่นี่
จ้านหู่และเป่ยเหลียวหยารู้ว่าพวกเขามีโอกาสสูงที่จะถูกฆ่า ดังนั้นพวกเขาจึงเรียกคัมภีร์อัญเชิญของพวกเขาออกมาทันทีและอสูรพิทักษ์ของพวกเขา ก่อนจะเพิ่มพลังปราณก่อกำเนิดขึ้นเป็นระดับแปด
พวกเขาต้องทุ่มเททั้งหมด
ทั้งราชาเฮยอวี้และผู้เฒ่าหนานกงปล่อยพลังปราณก่อกำเนิดจนถึงระดับห้า ขณะที่ราชันย์ปีศาจใต้ปลดปล่อยพลังปราณก่อกำเนิดที่ระดับเจ็ด ไม่มีใครประมาทในเรื่องนี้
นี่คือส่วนที่อยู่ในเขตในของสวรรค์ขอบนอก แม้แต่สุดยอดนักสู้ปราณก่อกำเนิดระดับสิบก็อาจตายได้
มีแต่เพียงเย่ว์หยางที่ปลดปล่อยพลังปราณก่อกำเนิดของเขาที่ระดับสาม
แน่นอนว่าพลังปราณก่อกำเนิดระดับสามของเขาก็คล้ายกับพลังปราณก่อกำเนิดระดับแปด แค่มีระดับที่ต่ำกว่าเท่านั้น
“เกิดอะไรขึ้นกับเจ้า?” ราชันย์ปีศาจใต้ถามอย่างไม่เกรงใจ “แค่ดูตัวเจ้า พลังของเจ้านับว่าไม่เลว แต่ทำไมเจ้าถึงปลดปล่อยพลังแค่เพียงระดับสาม?”
“โธ่เจ๊!, ท่านคิดว่าข้าอายุกี่ขวบ? มันไม่ได้แย่ต่อตัวข้าเลยที่สามารถปลดปล่อยพลังปราณก่อกำเนิดระดับสาม” เย่ว์หยางตอบขณะที่ ขณะที่เขาค่อยๆ ควบเกราะแก้วผลึกออกมาจากร่างและชักดาบวิเศษฮุยจินที่เปล่งเพลิงสีม่วง ในพื้นที่เย็นยะเยียบนี้ พลังของดาบวิเศษฮุยจินลดลงมากขนาดของไฟก็หดตัวเล็กลง เมื่อรู้สึกว่าไม่แข็งแกร่งพอหลังจากกวัดแกว่งหลายครั้ง เย่ว์หยางรีบชักดาบจันทร์เสี้ยวออกมา
ในทางตรงกันข้าม ดาบจันทร์เสี้ยวมีอักษรรูน “แข็งแกร่งถาวร” และอักษรรูนสวรรค์ว่า “เยือกแข็ง” และ “คมกล้า” ก็ยิ่งทรงพลังเพิ่มขึ้นในดินแดนที่แตกออกมานี้เป็นหลายเท่า
นี่ยังคงเป็นครั้งแรกที่มันสามารถอยู่เหนือดาบวิเศษฮุยจินได้ตั้งแต่ถูกสร้างขึ้นมา
ราชาเฮยอวี้แค่นเสียงเบาๆ
ไม่ใช่ว่าเขาอิจฉาดาบจันทร์เสี้ยว แต่เขารู้สึกไม่พอใจเรื่องพลังปราณก่อกำเนิดของเย่ว์หยางแค่เพียงระดับหนึ่งก็เทียบเท่ากับนักสู้ปราณก่อกำเนิดระดับหกอื่นๆ ราชาเฮยอวี้ไม่เคยพบคนที่ผิดธรรมดาอย่างนั้นมาก่อน ถ้าเย่ว์หยางยกระดับพลังปราณก่อกำเนิดจนถึงระดับหก อย่างนั้นเขาจะไม่อยู่เหนือสุดยอดนักสู้ปราณก่อกำเนิดหรอกหรือ?
ถ้าผู้เฒ่าหนานกงไม่อยู่ใกล้ๆ ด้วย เขาจะต้องฆ่าเย่ว์หยางทันที!
แน่นอนว่า ต่อให้ผู้เฒ่าหนานกงก็ต้องการปกป้องเขา ราชาเฮยอวี้ก็ยังจะทำให้ได้ ถ้าจักรพรรดินีราตรีและจื้อจุนไม่ได้ซุ่มโจมตี เย่ว์หยางจะต้องตายแน่นอน
ห่างออกไปสิบกิโลเมตร มีหุบเขาที่เกิดจากธารน้ำแข็งนิรันดร์กาล
เย่ว์หยางและพวกที่เหลือร่อนลงอยู่บนยอดหุบเขา พวกเขาอ้าปากค้างเมื่อมองลงไปข้างล่าง
ในหุบเขา มีหมีปีศาจโบราณร้อยตัวกำลังปิดล้อมหุบเขาทั้งสองด้านและมีลิงยักษ์โบราณสองสามตัวคว้าภูเขาน้ำแข็งและทุ่มใส่นักสู้ปราณก่อกำเนิดที่ถูกปิดล้อม นอกจากนี้ยังมีมังกรน้ำแข็งบินดิ่งลงมาพร้อมกับพ่นลมหายใจน้ำแข็งใส่
สิ่งที่น่ากลัวก็คือนักรบปราณก่อกำเนิดไม่ได้เกาะกลุ่มกันตลอดในเวลาอย่างนี้
นอกจากนี้พวกเขายังต่อสู้ในหมู่พวกเขากันเองขณะที่ความตายกรายมาอยู่ต่อหน้า
“มีข้อจำกัดในหุบเขาแห่งนี้ เมื่อเข้าไปแล้ว ทั้งคนและอสูรจะไม่สามารถบินขึ้นไปในอากาศได้ แต่มังกรน้ำแข็งได้รับการยกเว้น” ราชันย์ปีศาจใต้ถึงกับหน้าซีด
“อันตราย!” ผู้เฒ่าหนานกงพุ่งลงไปทันทีหลังจากเห็นชัดว่าทั้งสองฝ่ายกำลังสู้กัน
“มาเถอะ ไปเล่นด้วยกัน” เมื่อเห็นว่าราชาเฮยอวี้ยกมือขวาเตรียมโจมตี เขายิ้มเย้ย จากนั้นเย่ว์หยางพุ่งลงไปในหุบเขา เขาโบกมือให้ราชาเฮยอวี้ขณะที่ยังลอยอยู่กลางอากาศ
“…..” ราชาเฮยอวี้ลังเลอีกครั้ง, มีข้อจำกัดไม่ให้ใครบินขึ้นท้องฟ้าหรือ? นั่นคือจุดอ่อนของเขา ที่ส้นเท้า จะเกิดอะไรขึ้นถ้ามีการลอบโจมตีจริงๆ?
****************