เดชคัมภีร์เทพฤทธิ์ – ตอนที่ 514 สังเวียนมรณะ

ตอนที่ 514 สังเวียนมรณะ

“ฮ่าห์…..”

ราชาเฮยอวี้ยกระดับพลังของเขาฉับพลัน สร้างแรงระเบิดของพลังปราณก่อกำเนิดระดับสิบออกมา

คลื่นระเบิดแผ่กระจายออกไปทั่วลานแก้วผลึกเหมือนกับพายุเฮอริเคน เย่ว์หยางและราชันย์ปีศาจใต้รีบถอยออกไปอยู่ห่างๆ จากราชาเฮยอวี้อย่างรวดเร็ว แม้หลังจากที่ปลดพลังปราณก่อกำเนิดระดับสิบเขาก็ยังไม่รู้สึกเพียงพอ ราชาเฮยอวี้ดึงชุดคลุมออก เผยให้เห็นร่างที่แท้จริงของเขาที่ยังคงยกระดับพลังต่อ รัศมีของเขาเปลี่ยนเป็นพายุหมุนปั่นอย่างรุนแรงรอบตัวเขา สายฟ้านับไม่ถ้วนล้อมรอบร่างของเขา เหมือนกับงูสีเงินเต้นระบำพร้อมกับเสียงดังกระหึ่ม

สนามพลังสีดำเส้นผ่าศูนย์กลางร้อยเมตรค่อยปรากฏออกมารอบๆ ราชาเฮยอวี้และพุ่งขึ้นเหนือพื้นอย่างรวดเร็ว

มันก่อตัวเป็นรูปครึ่งวงกลมล้อมตัวราชาเฮยอวี้ไว้ภายในเหมือนกับเป็นโล่

พลังมืดนับไม่ถ้วนระเบิดออกมาจากพื้นเหมือนกับน้ำพุ

หลังจากผุดขึ้นมาหลายครั้ง พลังสีดำก็ก่อตัวเป็นรูปร่างประหลาดนับพัน บางส่วนดูเหมือนอาวุธ บางส่วนดูเหมือนสัตว์อสูร บางส่วนดูเหมือนภูตผี บางส่วนดูเหมือนมนุษย์ แต่เนื่องจากภาพเหล่านั้นเกิดมาจากพลังงานของราชาเฮยอวี้ พลังเหล่านั้นจึงถูกควบคุมโดยราชาเฮยอวี้ทั้งหมด ร่างสีดำรวมตัวกันอยู่รอบๆ ราชาเฮยอวี้

เกราะทมิฬศักดิ์สิทธิ์ของราชาเฮยอวี้ยังคงดูดพลังงานมืดรอบๆ ด้านต่อเนื่องและแผ่สหัสสรังสี

รัศมีมืดนั้นถูกสีทองย้อมเหมือนกับว่าเป็นสิ่งจับต้องได้

อาวุธนับไม่ถ้วนจากพลังความมืดจมหายเข้าไปในเกราะทมิฬศักดิ์สิทธิ์ ชุดเกราะศักดิ์สิทธิ์ชั้นนอกยังคงเรืองแสง กลายเป็นปีกคู่หนึ่งและเกราะไหล่กลายเป็นโล่ใบมีดขนาดมหึมา หลังจากชุดเกราะทมิฬศักดิ์สิทธิ์เปลี่ยนเป็นร่างที่สอง ราชาเฮยอวี้ก็คำรามลั่นอีกครั้ง ดวงตาของเขาเปลี่ยนเป็นสีแดงเลือดและเขาก็ปลดผนึกสุดยอดพลังปราณก่อกำเนิดระดับหนึ่ง สัตว์อสูรที่เกิดจากพลังงานมืดพุ่งเข้าหาเขาอย่างรวดเร็ว เมื่อราชาเฮยอวี้เรียกอสูรพิทักษ์ของเขา พยัคฆ์ฟ้ากินปีศาจ พลังงานนั้นก็รวมเข้ากับพยัคฆ์ฟ้ากินปีศาจที่ละตัว ทีละตัวจนเปลี่ยนเป็นเกราะของพยัคฆ์ที่ไม่ธรรมดา

พยัคฆ์ฟ้ากินปีศาจรวมผสานกับพลังงานสีดำทำให้ขนาดของมันเพิ่มขึ้นทันที มันมีเขางอก มีปีก มีกรงเล็บเพลิงและหางเป็นน้ำแข็ง บนตัวของมันมีอานทองร้อยด้วยเชือกเงิน

ดูน่ากลัวมาก

“อสูรศักดิ์สิทธิ์ชั้นเพชรระดับสิบ…” เย่ว์หยางใช้จักษุญาณทิพย์ตรวจสอบดูพยัคฆ์ฟ้ากินปีศาจ เขาตระหนักได้ว่าความสามารถของมันแข็งแกร่งมากเหลือเกิน ยังแข็งแกร่งยิ่งกว่าจ้าวอสูรทองชั้นเพชรระดับเก้าของซุ่นเทียนถึงสิบเท่า แข็งแกร่งกว่านางพญาซัคคิวบัสของนางเซียนหงส์ฟ้าซึ่งเพิ่งยกระดับเป็นอสูรเพชรระดับสิบถึงสี่หรือห้าเท่า

แม้ว่าทั้งสองจะเป็นอสูรเพชรระดับสิบ แต่นางพญาซัคคิวบัสของนางเซียนหงส์ฟ้าก็ยังอ่อนแอที่สุด เนื่องจากนางเพิ่งจะยกระดับได้ไม่นาน

สำหรับจ้าวมังกรดำนรกของอันซี แข็งแกร่งกว่านางพญาซัคคิวบัสเล็กน้อย แตกต่างกันไม่มาก ขณะที่จ้าวมังกรทองสามหัวของจักรพรรดิสมุทรก้วนหลานทรงพลังมากกว่าจ้าวมังกรดำนรกและนางพญาซัคคิวบัสเมื่อว่าถึงพลังระยะยาว อย่างมากก็สามเท่า เป็นเพราะความสามัคคีร่วมมืออย่างดีของจ้าวมังกรทองสามหัวที่ช่วยให้จักรพรรดิสมุทรก้วนหลานเอาชนะสุดยอดมือสังหารอย่างอันซีที่หุบเขาแก้วผลึกได้

แต่พยัคฆ์ฟ้ากินปีศาจนี้ยังแข็งแกร่งมากกว่าจ้าวมังกรทองสามหัวมากมายนัก

ถ้าพวกมันสู้กัน แม้ว่าจ้าวมังกรทองสามหัว, จ้าวมังกรดำนรกและนางพญาซัคคิวบัสจะรวมพลังกัน พวกเขาก็ยังไม่สามารถเอาชนะพยัคฆ์ฟ้ากินปีศาจนี้ได้

“แปลก, ทำไมอสูรพยัคฆ์ศักดิ์สิทธิ์นี้ถึงไม่มีร่างมนุษย์?” ราชันย์ปีศาจใต้ดูเหมือนมีความสามารถในการดูอสูรของศัตรูได้ แม้ว่าจะไม่มีประโยชน์เทียบเท่าจักษุญาณทิพย์ของเย่ว์หยาง เนื่องจากนางไม่รู้ความจริงและรู้สึกได้แต่เพียงว่ามีบางอย่างไม่ถูกต้อง

“มีวิชาลับโบราณที่สามารถเปลี่ยนอสูรให้เป็นร่างอสูรตลอดไป ทำให้ไม่สามารถเปลี่ยนกลับเป็นร่างมนุษย์ได้อีกเลย การตรึงสภาพไว้เช่นนี้จะทำให้อสูรมีพลังมากขึ้น แต่ก็ต้องแลกเปลี่ยนกับศักยภาพและสติปัญญาในอนาคต เทียบกับอสูรศักดิ์สิทธิ์ชั้นเพชรธรรมดาแล้ว พยัคฆ์ฟ้ากินปีศาจนี้ อย่างมากก็มีปัญญาเท่ากับเด็กชั้นประถม เทียบกับอสูรศักดิ์สิทธิ์ที่กลายร่างเป็นมนุษย์ได้บางพวกซึ่งมีความรอบรู้เป็นอย่างดี มีอารมณ์และสติปัญญาสูง เสือตัวนี้ยังขาดความคิด” เย่ว์หยางรู้เรื่องนี้จากความทรงจำที่มารดาสหายผู้น่าสงสารได้ตกทอดให้เขา แต่เขาต่อต้านวิธีที่ไร้หัวใจเช่นนี้

ตั้งแต่สมัยโบราณ วิชาลับนี้ได้ถูกห้าม ทั้งนี้เพราะนี่เป็นการทำลายความเป็นไปได้ที่จะทำให้อสูรเติบโตขึ้นได้ในอนาคต

อนาคตของอสูรในการเปลี่ยนร่างเป็นมนุษย์

อสูรศักดิ์สิทธิ์ใกล้เคียงจะได้เป็นมนุษย์

เมื่ออสูรได้กลายเป็นอสูรศักดิ์สิทธิ์ มันจะไม่มีความแตกต่างจากมนุษย์ นอกจากนี้มันยังมีสติปัญญาและอารมณ์ในระดับสูงขึ้น มันสามารถมีชีวิตทำสัญญากับคัมภีร์ได้เหมือนมนุษย์ และยังอยู่ร่วมในสังคมมนุษย์เรียนรู้และเติบโตในฐานะที่เป็นมนุษย์ มันยังอาจแต่งงานให้กำเนิดเลือดเนื้อเชื้อไขได้เหมือนมนุษย์

วิชาลับตรึงสภาพที่ราชาเฮยอวี้ใช้ทำให้พยัคฆ์ฟ้ากินปีศาจถูกตรึงอยู่ในสภาพเสือตลอดไป

แม้ว่าเมื่อทำเช่นนี้แล้ว พลังของพยัคฆ์ฟ้ากินปีศาจจะเพิ่มมากขึ้นหลายเท่า แต่อนาคตของมันจะไม่มีการเติบโตแต่อย่างใด

ยิ่งกว่านั้น นี่เป็นรูปแบบการจองจำที่คล้ายกับทาส

พยัคฆ์ฟ้ากินปีศาจมักจะถูกราชาเฮยอวี้ใช้ขี่อย่างเดียว แต่ไม่เคยเป็นคู่หูร่วมรบเลย…

(Last: Poor Hui Tai Lang, at least thats what I think)

เย่ว์หยางไม่เคยทำอย่างนี้ เขาไม่เพียงแต่ปฏิบัติกับเสี่ยวเหวินหลีเหมือนกับเป็นลูกสาวเขาเท่านั้น แม้แต่นางพญากระหายเลือดหง, โคเงาอาหมัน, นางพญาดอกหนามมงกุฎทองตั่วตั่วก็มักจะได้รับความรักจากเขา สำหรับเจี้ยงอิงและสาวๆ เขาปฏิบัติเหมือนกับเป็นมนุษย์ไม่ใช่อสูร… แม้ว่ารูปแบบของพวกเขาจะแตกต่างกัน แต่เย่ว์หยางไม่เคยยอมสูญเสียอสูรตนใดเพียงเพราะว่าเขาต้องการอำนาจ

เขารู้สึกว่า ถ้าเขามีพลังไม่พอ เขาควรจะฝึกฝนให้หนัก เพื่อรับพลังจากความเพียรพยายามของเขาเอง

เย่ว์หยางจะไม่มีทางใช้ชีวิตของอสูรหรืออิสรภาพของพวกมันหรืออนาคตที่รุ่งเรืองของพวกมันมาแลกเปลี่ยนเป็นพลัง

“ราชาเฮยอวี้บ้าไปแล้ว!” ราชันย์ปีศาจใต้ตะโกน นางเกลียดการต้องเสียสละสัตว์อสูรเพื่อให้ได้รับผลประโยชน์ ยังมิต้องพูดถึงอสูรศักดิ์สิทธิ์ที่สามารถเปลี่ยนเป็นร่างมนุษย์ได้ ขนาดอสูรธรรมดาก็ยังร้องเศร้าโศกได้เมื่อเจ้าของพวกมันทอดทิ้งพวกมัน

พยัคฆ์ฟ้ากินปีศาจไม่เพียงแต่เป็นอสูรพิทักษ์ของราชาเฮยอวี้เท่านั้น แต่มันยังเป็นอสูรศักดิ์สิทธิ์ แต่ราชาเฮยอวี้ยังต้องการลดศักดิ์ศรีพยัคฆ์ฟ้ากินปีศาจให้สัตว์สำหรับให้เขาขับขี่

จากตรงนี้เอง ราชาเฮยอวี้ปรารถนาอย่างแรงกล้า ต้องการจะได้รับพลังอย่างมิต้องสงสัย

ผลของความคิดเช่นนี้ไม่สามารถจะอธิบายด้วยคำพูดอีกต่อไป

มีแต่ความไร้หัวใจและไร้ความปราณี

“ครืน…”

เมื่อมนุษย์ที่ก่อตัวจากพลังงานสีดำที่ผสานกับร่างของราชาเฮยอวี้ ทำให้เขามีกล้ามซึ่งอัดแน่นไปด้วยพลังเพิ่มขึ้นอีกครึ่งเมตรทันที

เกราะทมิฬศักดิ์สิทธิ์ทั้งหมดยกระดับสู่ร่างที่สาม

มันปล่อยแสงสว่างสุกใสน่ากลัวโดยเฉพาะ เหมือนกับหมึกดำ ทรงพลังเหมือนปีศาจ และว่องไวเหมือนลูกธนู

แม้ว่าเย่ว์หยางและราชันย์ปีศาจใต้จะถอยออกไปเกินกว่าสองพันเมตรแล้วก็ตาม แต่พวกเขายังรู้สึกว่าแสงสีดำยังตามทิ่มแทงพวกเขา ผีผาหยกของราชันย์ปีศาจใต้เริ่มสั่นสะเทือนและหน้าของนางขาวซีด “ดูเหมือนว่าเราต้องระวังมากยิ่งขึ้น… สนามพลังดำของราชาเฮยอวี้แปลกประหลาดมาก อสูรและสิ่งที่คล้ายร่างมนุษย์เหล่านั้นอาจเป็นไปได้ว่าคือชีวิตที่เขาฆ่ามาในอดีต อาวุธเหล่านั้นคล้ายสมบัติที่ถูกทำลาย…. เขาใช้เวทบางอย่างเสริมพลังให้กับเกราะทมิฬศักดิ์สิทธิ์ พลังของเกราะทมิฬศักดิ์สิทธิ์นี้แตกต่างจากสิ่งที่ตำนานพูดถึงไว้อย่างสิ้นเชิง”

จักษุญาณทิพย์ของเย่ว์หยางก็เข้าใจเรื่องนี้ได้เช่นกัน

เกราะทมิฬศักดิ์สิทธิ์ของราชาเฮยอวี้ตอนนี้มีพลังใกล้เคียงสมบัติชั้นเทพมาก

แน่นอน นี่ไม่ใช่พลังดั้งเดิม แต่เป็นผลจากการที่ราชาเฮยอวี้ใช้สนามพลังมืดเสริมพลังเข้าไป สนามพลังมืดมีความสามารถในการเสียสละ มันจะดูดซับพลังที่เสียสละและเปลี่ยนเป็นพลังให้เจ้านายมัน แต่สำหรับเกราะทมิฬศักดิ์สิทธิ์ที่ถูกเสริมพลังจนอยู่ในสภาพดังกล่าว ทำให้ยากจะประเมินได้ว่าต้องมีชีวิตและสมบัติที่เสียสละให้ราชาเฮยอวี้มากเพียงไหน

เมื่อเวลาผ่านไป ราชาเฮยอวี้ก็ยกระดับพลังจนอยู่ในระดับสุดยอดปราณก่อกำเนิดระดับหนึ่ง

เขาเป็นเหมือนดวงอาทิตย์สีดำ

เขาดูแปลก แต่ก็ทรงพลังอย่างมาก

ในมือซ้ายของเขา เขาดึงกระบี่ทมิฬศักดิ์สิทธิ์ออกมา ในมือขวาถือค้อนสายฟ้าทลายสวรรค์ไว้

เมื่อบอลแสงยักษ์ลอยลงมาถึงพื้น มันก็ค่อยๆ หายไป ยักษ์โบราณก็ยังหลับอยู่ ดูแล้วไม่มีท่าทีว่าจะตื่น

“ตาย!” ราชาเฮยอวี้ตะโกนลั่น เสียงของเขาระเบิดกึกก้องผ่านอากาศ เขาชูกระบี่ทมิฬศักดิ์สิทธิ์และค้อนสายฟ้าถล่มสวรรค์พร้อมกันแล้วยิงรังสีกระบี่นับสิบสายและแสงค้อนโจมตี สายฟ้าม้วนผ่านอากาศราวกับจะฉีกฟ้าและโลกขาดออกจากกัน พลังโจมตีนั้นพุ่งใส่ศีรษะของยักษ์โบราณอย่างรุนแรง ยักษ์โบราณไม่ได้ลืมตาเลย แต่ร่วงกระแทกพื้นอย่างแรง

ภายใต้การลอบโจมตีด้วยพลังสังหารของราชาเฮยอวี้ ยักษ์โบราณถึงกับสลบจากอาการบาดเจ็บรุนแรง

ราชาเฮยอวี้ยังคงไม่ยอมหยุด

เขากวัดแกว่งค้อนสายฟ้าถล่มสวรรค์และกระบี่ทมิฬศักดิ์สิทธิ์ระดมโจมตีใส่ศีรษะของยักษ์โบราณอย่างต่อเนื่องรุนแรง เขามุ่งมั่นตั้งใจจะฆ่ายักษ์โบราณให้ตายคาที่

เย่ว์หยางขมวดคิ้ว “มีบางอย่างผิดปกติ…”

เขาสังเกตว่าเหล่าอสูรอย่างจ้าวปีศาจน้ำแข็งดึกดำบรรพ์ที่วิ่งออกมาจากบันไดเวียนแก้วทั้งหมดแค่ยืนมองดูราชาเฮยอวี้อย่างตะลึง เหมือนกับว่าพวกมันกลายเป็นหินไปเสียแล้ว ไม่มีแม้แต่ตัวเดียวที่จะเข้ามาห้ามเขา ได้แต่ยืนมองดูราชาเฮยอวี้โจมตียักษ์โบราณ

ถึงเวลานี้เอง พลังงานที่กว้างใหญ่ดุจมหาสมุทรก็ถาโถมเข้าใส่ลานแก้วผลึกทั้งหมด

เทียบกับพลังงานที่ถาโถมเข้ามานี้ ราชาเฮยอวี้ผู้แข็งแกร่งที่สุดกลายเป็นเหมือนมดตัวหนึ่ง

ขณะเดียวกันกับที่พลังงานนี้ปรากฏขึ้น เย่ว์หยางได้ยินเสียงลึกลับพูดกับเขาว่า ในอีกหนึ่งนาที การต่อสู้เสี่ยงชีวิตจะเริ่มขึ้น ผู้เข้าร่วมแข่งขันต้องฆ่าศัตรูทั้งหมดจึงจะออกไปได้ เมื่อถึงขีดจำกัดเวลา ผู้เข้าแข่งขันที่มีคะแนนน้อยกว่าร้อยคะแนน จะต้องตายทันทีภายใต้บังคับกฎมรณะ

ก่อนที่เย่ว์หยางและราชันย์ปีศาจใต้จะทันตั้งตัว ลานแก้วผลึกก็ขยายออกไปอย่างรวดเร็ว

ผนังทางทิศตะวันออกแตกและหายไปอย่างเงียบ

มีอุโมงค์แก้วขนาดพันเมตรปรากฏทางทิศตะวันออก ห่างออกไปสิบกิโลเมตร สังเวียนต่อสู้ขนาดมหึมาใหญ่กว่าลานแก้วผลึกถึงสิบเท่าปรากฏขึ้น ขณะเดียวกัน เย่ว์หยางรู้สึกได้ว่าการปรากฏตัวที่ทรงพลังนับไม่ถ้วนทะลักออกมาจากในที่ห่างออกไปหลายสิบกิโลเมตร ในคนพวกนั้น มีอยู่สามรายที่ทรงพลังโดยเฉพาะ พวกเขาแทบจะมีพลังพอๆ กับยักษ์ไตตันอูซู

ถ้าราชาเฮยอวี้ไม่ทำร้ายยักษ์โบราณจนบาดเจ็บหนัก ก็น่าจะมีถึงสี่ตน

แต่ละตนจะอยู่ในทิศเหนือ, ใต้, ตะวันออกและตะวันตก

หลังจากนั้นชั่วครู่ เย่ว์หยางก็เรียกความรู้สึกกลับคืนมา เขาตะโกนไปทางราชาเฮยอวี้อย่างดุเดือด “ราชาเฮยอวี้ ท่านโง่จริงๆ ยักษ์ที่เจ้าโจมตีทำร้ายเป็นหนึ่งในผู้ดำเนินการแข่งขันของเรา ท่านไม่มีอะไรจะทำแล้วหรือ ทำไมท่านต้องโจมตีทำร้ายด้วย ตอนนี้หนึ่งในผู้ดำเนินการแข่งขันของเราเกือบตายอยู่แล้ว หยุดได้แล้ว นั่นคือผู้ช่วยเรา ไม่มียักษ์ตนนี้ ต่อให้ท่านมีร้อยชีวิตก็ไม่มีทางรอดออกไปได้”

“ว่าไงนะ?” ราชาเฮยอวี้ตะลึง

เขาเป็นคนที่จะฆ่าฝ่ายตรงข้ามที่คุกคามน้อยที่สุดเหรอนี่ ก็เห็นอยู่ว่ายักษ์โบราณกำลังจะตื่นขึ้น เขารู้สึกว่าโดนคุกคาม จึงโจมตีสุดกำลัง

ต่อให้เขาฉลาดเพียงไหนเขาก็ไม่มีทางเข้าไปพัวพันในสังเวียนมรณะแห่งนี้ แต่เขายังคงทำร้ายพันธมิตรของเขาด้วย

ราชันย์ปีศาจใต้รู้สึกลำบากมากยิ่งกว่า

ตอนนี้นางเข้าใจเหตุผลที่คนพูดกันว่า “เพื่อนร่วมกลุ่มที่โง่เง่าทำร้ายท่านได้มากกว่าศัตรูที่น่ากลัวที่สุด”

การได้อยู่ข้างเดียวกับคนเห็นแก่ตัวอย่างราชาเฮยอวี้ถือว่าเป็นภาระหนักจริงๆ…. นางเรียกคัมภีร์ออกมาและมองดูข้อมูลในนั้น แน่นอนว่า แผนที่เต็มไปด้วยศัตรู ขณะที่ด้านของพวกเขาเป็นยักษ์ผู้ดำเนินการแข่งขันจริงๆ มันคือสิ่งมีชีวิตที่ไม่เป็นอันตรายเหมือนกับจ้าวปีศาจน้ำแข็งดึกดำบรรพ์และนักรบอื่น

“รีบรักษายักษ์เร็วเข้า” เย่ว์หยางอยากจะฆ่าราชาเฮยอวี้นัก เมื่อเข้าไปตรวจสอบใกล้ๆ เขาก็ตระหนักได้ว่ายักษ์โบราณนี้เป็นยักษ์เด็กสาวที่เกิดใหม่ เขาถึงกับโกรธราชาเฮยอวี้, ท่านเอาสมองไปไว้ที่ไหน? ท่านตีเด็กคนหนึ่งได้ยังไง? ไปเลย ไปป้องกันอุโมงค์ไว้ ถ้าเราช่วยเด็กสาวยักษ์นี่ไม่ได้ พวกเราจะพากันตายทั้งหมด!”

“…..” ราชาเฮยอวี้พูดไม่ออก เขาไม่เคยคิดว่าเรื่องอย่างนี้จะเกิดขึ้นได้จริงๆ เขาก็แค่โจมตีเพลินไปหน่อย ใครจะไปรู้ได้ยังไงว่ายักษ์นี้เป็นพันธมิตรของเขา

แตกต่างจากสถานการณ์ของเย่ว์หยาง เสียงฝีเท้ายักษ์กึกก้องดังมาจากทางทิศเหนือ, ใต้และตะวันออก

 

******************

Long Live Summons เดชคัมภีร์เทพฤทธิ์

Long Live Summons เดชคัมภีร์เทพฤทธิ์

LLS, Triệu Hoán Vạn Tuế, Zhaohuan Wansui, 召唤万岁
Score 7.6
Status: Ongoing Type: Author: , Released: 2010 Native Language: Chinese
อ่านนิยายเรื่อง Long Live Summons เดชคัมภีร์เทพฤทธิ์ ทวีปมังกรทะยานคือโลกแห่งการอัญเชิญ คุณจะกลายเป็นคนแข็งแกร่งได้ ถ้าเพียงแต่คุณเป็นผู้อัญเชิญ! ยิ่วหยางเด็กนักเรียนมัธยมปลายธรรมดาถูกส่งเข้ามาในโลกนี้อย่างฉับพลันทัน ด่วน เมื่อเขาฟื้นขึ้นกลับได้พบใบหน้าของหลายคนที่เต็มไปด้วยความห่วงใย และพบว่าเขาเป็นตัวตนของอีกคนหนึ่ง กลับกลายเป็นว่าเขาเป็นบุตรที่ไม่เอาไหนของตระกูลยิ่ว จนถึงกับโดดน้ำตายเพราะถูกปฏิเสธการหมั้น อีกทั้งไม่สามารถจะทำพันธสัญญากับคัมภีร์อัญเชิญได้ แต่ยิ่วหยางกลับประสบความสำเร็จทำสัญญากับคัมภีร์ ส่วนเรื่องราวจะเป็นเช่นไรต่อไป ขอเชิญติดตามดูครับ ความจริงในการแปลครั้งนี้มาจากแรงบันดาลใจที่ไม่ได้จะเป็นนักเขียนนักแปล หรอกครับ เกิดจากการอ่านมันฮัวการ์ตูนของจีนแล้วชอบ พยายามหาดูที่แปลเป็นอังกฤษ ก็แปลกันไปได้น้อยนิด แต่พอดูฉบับนิยายรู้สึกว่าเขาแปลไปได้เยอะ จึงลองเข้าอ่าน แต่เพราะความที่ภาษาไม่แข็งแรง จึงต้องดูไป เปิดดิคฯ ไปใช้โปรแกรมแปลช่วยบ้าง มีความรู้สึกว่าอ่านไม่ต่อเนื่อง จึงคิดว่าน่าจะแปลข้อมูลเก็บไว้ในเว็บๆ หนึ่งแล้วค่อยอ่านเป็นตอนๆ ให้ต่อเนื่องไปเลยดีกว่า แล้วก็นึกถึงที่นี่

Comment

Options

not work with dark mode
Reset