ตอนที่ 518 วางกลยุทธ์
ที่แตกต่างจากเย่ว์หยาง นักสู้ตัวแทนแดสวรรค์เหนือ, ใต้และตะวันออกมีพลังฝีมือที่เหนือกว่ามากมาย
ไม่เพียงแค่ว่าแต่ละฝ่ายจะมีนักสู้ปราณก่อกำเนิดฟ้าถึงสามคนเท่านั้น แต่ยังมีนักสู้ปราณก่อกำเนิดระดับสิบผู้มีระดับฝีมือเดียวกับผู้เฒ่าหนานกงและจักรพรรดิใต้พิภพ ไม่มีผู้ใดอ่อนแอ แม้แต่พวกที่เหลือก็เป็นนักสู้ปราณก่อกำเนิดระดับเก้ากันทั้งหมด เมื่อเทียบดูกันแล้ว เย่ว์หยางรู้สึกว่าทางฝ่ายของเขาอ่อนด้อยจริงๆ แม้แต่ราชาเฮยอวี้ นักสู้เพียงคนเดียวที่สามารถต่อสู้ต้านรับได้ ก็ทรยศหักหลังใช้กลวิธีที่สกปรก ที่สำคัญที่สุดเด็กสาวยักษ์โบราณก็ยังไม่ได้สติ…
ยังไม่ทันต่อสู้ ก็สูญเสียไปครึ่งหนึ่งเสียแล้ว
ลานแก้วผลึก
ไม่ต้องรอให้เย่ว์หยางปลุกเด็กสาวยักษ์ สงครามโบราณสมรภูมิมรณะก็เริ่มต้นอย่างเป็นทางการแล้ว
หลังคาโดมที่สูงใหญ่พลันยิงแสงสีทองลงมา
“พวกท่านทุกคนอยู่ที่นี่ คอยปกป้องและรักษาเทพธิดาศึกให้เต็มที่” เย่ว์หยางพูดไม่ออกที่ในกลุ่มของเขาไม่มีนักสู้ปราณก่อกำเนิดที่เป็นนักบำบัดรักษาอาการบาดเจ็บเลยสักคน อย่างไรก็ตามเขาไม่มีเวลาหาสาเหตุเรื่องนี้
“ตกลง” นักสู้ปราณก่อกำเนิดจำนวนมากทุกคนแสดงความนับถือเย่ว์หยางเต็มที่
นอกจากฝีมือของเขาที่สามารถเรียกความเคารพนับถือได้แล้ว พวกเขาได้แต่หลั่งน้ำตาซาบซึ้งในวิธีที่เย่ว์หยางต่อสู้เพื่อช่วยเหลือพวกเขาให้พ้นวิกฤตินี้ เมื่อเขาก้าวออกมาต่อสู้กับเวิ่งจินจากเผ่ามนุษย์กระดูกอย่างกล้าหาญ
ถ้าไม่ใช่เป็นเพราะเย่ว์หยางแล้ว มีความเป็นไปได้ที่พวกเขาจะถูกเปลี่ยนเป็นคะแนนไปแล้ว… ราชาเฮยอวี้ก็ยอมรับความเหนือกว่าของศัตรูโดยปริยาย มีแต่คุณชายสามตระกูลเย่ว์ที่กล้าออกมาท้าทายนักสู้ปราณก่อกำเนิดฟ้าระดับหนึ่งอย่างเวิ่งจินด้วยพลังนักสู้ปราณก่อกำเนิดระดับสิบ และยังได้รับการยอมรับจากศัตรู เขาไม่เพียงแต่ช่วยรักษาหน้าพวกเขาไว้เท่านั้น แต่ยังช่วยชีวิตเพื่อนร่วมทีมไว้ถึงยี่สิบกว่าคน
สำหรับศึกครั้งนี้ นักสู้เหล่านี้รู้ความสามารถของตัวพวกเขาดี
ด้วยความสามารถของพวกเขา การท้าทายเพชรฆาตโบราณก็เท่ากับส่งตัวเองไปเป็นอาหารโอชะนั่นเอง
ไม่มีปัญหาอะไรกับการรั้งอยู่เพื่อช่วยรักษา… มีอยู่เพียงอย่างเดียวที่น่าเสียใจก็คือไม่ใครเป็นหมอที่แท้จริง ดังนั้นจึงมีผลอะไรไม่มากนัก
ราชาเฮยอวี้, จักรพรรดิฟ้า, พยัคฆ์ตะวันออกจ้านหู่และเขี้ยวเหนือเป่ยเหลียวหยาได้เริ่มต้นไปแล้ว ขณะที่จักรพรรดิใต้พิภพกำลังรอเย่ว์หยางอย่างอดทน เมื่อมาถึงเวลานี้แล้ว พวกเขาจะต้องตาย เว้นแต่รวมกลุ่มไว้ อย่าว่าแต่พวกเขาเป็นกลุ่มที่อ่อนแอที่สุด แม้แต่นักสู้ฝ่ายตะวันออก, ฝ่ายใต้และฝ่ายเหนือก็ละวางความแค้นและร่วมมือเผชิญหน้ากับเพชรฆาตโบราณที่ทรงพลัง
เพชฌฆาตโบราณผิวเหล็กสิบตนปรากฏตัวที่กลางลานสี่เหลี่ยม
พวกมันมีรูปร่างเหมือนกับปีศาจเบเฮม็อธที่น่าเกลียดน่ากลัว
พวกมันมีแขนเหมือนลิงและเขี้ยวที่ยาว ร่างท่อนบนใหญ่กว่าท่อนล่างหลายเท่า กรงเล็บแหลมคมบนแขนขาพวกมันยาวถึงสิบเมตร
ขณะที่เพชรฆาตโบราณเหล่านี้มีลักษณะตัวงอเล็กน้อย แต่ความสูงของพวกมันน่ากลัวมาก แต่ละตัวจะสูงถึงร้อยเมตร เมื่อมองดูพวกมันแล้ว เหมือนกับเห็นปราสาทที่เคลื่อนที่ได้เอง
เมื่อใช้จักษุญาณทิพย์ตรวจดู เย่ว์หยางก็รู้ได้ว่าพวกมันไม่ใช่อสูรศักดิ์สิทธิ์ เห็นได้ชัดว่าพวกมันฉลาดน้อยกว่าอสูรศักดิ์สิทธิ์ แต่ละตัวเป็นอสูรแพลตตินัมระดับสิบ แม้ว่าตัวที่แข็งแกร่งที่สุดเป็นอสูรชั้นเพชร แต่ฝีมือความสามารถของเพชรฆาตโบราณเหล่านี้ทรงพลังอย่างคาดไม่ถึง ตัวจ่าฝูงที่รวมอยู่ในเพชฌฆาตโบราณมีพลังระดับสุดยอดนักสู้ปราณก่อกำเนิดฟ้าระดับสอง เทียบได้กับพลังที่แข็งแกร่งที่สุดของราชาเฮยอวี้
แต่สมาชิกธรรมดาจะมีพลังเทียบเท่าปราณก่อกำเนิดฟ้าระดับหนึ่ง
หากความสามารถของนักสู้ปราณก่อกำเนิดฟ้าระดับหนึ่งแบ่งย่อยออกเป็นระดับต่ำ ระดับกลางและระดับสูง สมาชิกนักเพชรฆาตโบราณชั้นธรรมดาเหล่านี้ทั้งหมดเทียบเท่านักสู้ปราณก่อกำเนิดฟ้าระดับหนึ่งชั้นกลาง ความสามารถของพวกมันคล้ายๆ กับเวิ่งจิน
พวกมันยังยอดเยี่ยมกว่านางเซียนหงส์ฟ้าที่เพิ่งยกระดับเป็นสุดยอดนักสู้ปราณก่อกำเนิด(ดิน)
“เฝิ่นเทียน, หวิ่นซิง ราชาเฮยอวี้ พวกเจ้าทั้งสามคนมากับข้า เราจะร่วมมือกันฆ่าจ่าฝูงของเพชฌฆาตโบราณ” แม้แต่หวงฉวนผู้แข็งแกร่งที่สุดก็ยังระมัดระวัง ถ้าจ่าฝูงของเพชรฆาตโบราณเปิดฉากสังหารหมู่ นักสู้ระดับต่ำกว่าปราณก่อกำเนิดฟ้าระดับหนึ่งจะถูกสังหารหมดสิ้นในเวลาไม่ถึงสิบนาที จ่าฝูงเพชรฆาตโบราณคือภัยคุกคามมากที่สุดซึ่งต้องจัดการให้ได้ทันที
“เข้าใจแล้ว…” มนุษย์เพลิง, มนุษย์โลหะและราชาเฮยอวี้มุ่งไปข้างหน้าโดยเร็ว
“โฮกกกก!” เทพสงครามผู้ปกป้องทิศตะวันออก, ใต้และเหนือเริ่มเข้าถึงตัวศัตรู พลังย่ำเท้าของพวกเขาทำให้พื้นสั่นสะเทือน
เทพอารักษ์แดนสวรรค์ทิศตะวันออกเป็นเทพสิบสองปีกตัวมหึมา
ปีกของเขาสีเงินร่างสีทอง แสงรัศมีที่เปล่งจากศีรษะสว่างเจิดจ้าเหมือนดวงอาทิตย์
จักรพรรดิฟ้าจ้องมองด้วยความยำเกรง และเกือบจะคุกเข่าแสดงความคารวะ
เทพสิบสองปีกนี้เป็นผู้แข็งแกร่งที่สุดในบรรดาสามเทพสงคราม พลังของเขาอยู่ในระดับสุดยอดปราณก่อกำเนิดฟ้าระดับสอง เขายังแข็งแกร่งกว่าจ่าฝูงของเพชฌฆาตโบราณ ความแตกต่างเพียงประการเดียวของพวกเขาก็คือความสูงของพวกเขา เทพสิบสองปีกสูงราวๆ ห้าสิบเมตร เล็กกว่าจ่าฝูงของเพชรฆาตโบราณครึ่งหนึ่ง ในเรื่องของพลังส่วนใหญ่ ความแตกต่างระหว่างทั้งสองยังแตกต่างกันอยู่มาก เมื่อเป็นเช่นนี้ หวงฉวนจึงไม่ยินดีปล่อยให้เขาเผชิญหน้ากับจ่าฝูงของเพชรฆาตโบราณ ทั้งนี้เพราะถ้าพวกเขาสู้กัน อาจจะสูญเสียกันทั้งคู่และอาจจบลงด้วยการสูญเสียชีวิตของพวกเขา
เทพอารักษ์ดินแดนสวรรค์ทิศใต้เป็นมนุษย์หัวเสือหางสิงห์ร่างใหญ่ สูงประมาณแปดสิบเมตรและมีกล้ามเนื้อใหญ่มหึมา
ขณะที่ระดับความสามารถของเขาเป็นรองเทพสิบสองปีกเพียงเล็กน้อย อย่างน้อยเขาเป็นนักสู้ปราณก่อกำเนิดฟ้าระดับสองขั้นกลาง
เทพอารักษ์แดนสวรรค์ทิศเหนือเป็นโครงกระดูกขนาดยักษ์สวมเกราะดำควงดาบยักษ์สีดำสนิท มันมีส่วนสูงร้อยเมตรและดวงตาเรืองแสงสีเขียว
ในบรรดาเทพอารักษ์ทั้งสาม เขาอ่อนแอที่สุด
แต่เขาก็ยังเป็นนักสู้ปราณก่อกำเนิดฟ้าระดับสองขั้นต้น ดังนั้นเขาจึงแข็งแกร่งกว่าเมื่อเทียบกับเวิ่นจิน
โครงกระดูกยักษ์นี้อยู่ด้านหลัง แต่การโจมตีของเขารวดเร็ว ก่อนที่เทพสิบสองปีกและยักษ์หัวเสือหางสิงห์จะเข้ามาในสนามรบ เขาก็ส่งระเบิดคลื่นความเย็นออกมาจากการควงดาบยักษ์ของเขา คลื่นระเบิดนี้ส่งผลให้เพชรฆาตโบราณที่วิ่งตรงเข้าต้องถอยออกไปหลายก้าว ปราณดาบที่สามารถผ่าสวรรค์และโลกได้ทำลายพื้นแก้วผลึก แต่ก็สร้างรอยขีดข่วนสีขาวเล็กน้อยบนร่างของเพชรฆาตโบราณ
หัวใจเย่ว์หยางสั่นสะท้าน พลังป้องกันของศัตรูช่างน่ากลัวเหลือเกิน
ปรากฏว่าการโจมตีธรรมดาคงไม่มีผลกับพวกมัน
จ่าฝูงเพชรฆาตโบราณหนึ่งตน และเพชฌฆาตโบราณอื่นอีกเก้าตน ก็สามารถถูกจัดการได้ การต่อสู้ครั้งนี้ไม่มีปัญหา
อย่างไรก็ตาม หลังจากหนึ่งชั่วโมงผ่านไป เมื่อเพชฌฆาตโบราณชุดที่สองเข้ามาอีก ทุกคนยังจะเหลือเรี่ยวแรงพอต่อสู้กับพวกมันอีกหรือเปล่า? และจากนั้น สองชั่วโมงต่อมา เมื่อเพชฌฆาตโบราณชุดที่สามตามมา ผลที่ตามมาจะเป็นยังไง?
เย่ว์หยางไม่คิดว่าหนึ่งชั่วโมงจะเพียงพอจัดการกับเพชรฆาตโบราณทั้งสิบได้
ถ้าหนึ่งชั่วโมงไม่เพียงพอ สองชั่วโมงก็คงไม่เพียงพอ ยิ่งศัตรูปรากฏมากยิ่งขึ้น แนวโน้มของชัยชนะจะค่อนข้างไปทางเพชรฆาตโบราณ
ในบรรดาสมาชิกเพชฌฆาตโบราณทั้งเก้าตน สามตนจะถูกเทพสงครามยันเอาไว้ อีกสามตนจะถูกแยกไปโดยมนุษย์ไซบอร์ก, มนุษย์กระดูกเวิ่งจินและจักรพรรดิศพทองที่เป็นนักสู้ปราณก่อกำเนิดฟ้า
ยังเหลืออีกสามตน
“บุรุษหนุ่มตระกูลเย่ว์ เราต้องฆ่าเพชรฆาตโบราณนี้ภายในหนึ่งชั่วโมง มิฉะนั้นเราจะต้องถูกกำจัดออกไปแน่นอน ไม่ว่าเจ้าจะมีทักษะซ่อนตัวเพียงใดก็ตาม จงใช้มันออกมาตอนนี้ เพราะนี่คือโอกาสสุดท้ายของเจ้า ลำพังตัวข้า เป็นไปไม่ได้ที่จะรับมือเพชรฆาตโบราณถึงสองตนพร้อมกัน” มนุษย์สมิงสามตามองดูเย่ว์หยาง และโบกมือให้สหายของเขา ที่ก่อนหน้านี้ไม่ได้เข้าร่วม ส่งสัญญาณให้พวกเขาเข้าโจมตี
“ย่อมได้” บรรดานักสู้ปราณก่อกำเนิดฟ้าผู้ที่ไม่ได้ออกมาคุกคามเย่ว์หยางก่อนนั้น นอกจากจักรพรรดิศพทองแล้ว ยังมีมนุษย์แสงที่ตลอดทั้งตัวของเขาส่องแสงงดงาม และมนุษย์แมลงที่ร่างกายดูใกล้เคียงกับมนุษย์ แต่ทั้งตัวคลุมไปด้วยดวงตาและร่างกายสามารถเปลี่ยนแปลงได้
หวงฉวน, มนุษย์สมิงและมนุษย์แสงเป็นคนแดนสวรรค์ทิศตะวันออก และเป็นสามคนที่แข็งแกร่งที่สุด
ผู้ที่แข็งแกร่งกลุ่มที่สองคือมนุษย์โลหะ หวิ่นซิงและมนุษย์ไซบอร์กและมนุษย์แมลงเป็นคนของแดนสวรรค์ใต้
นักรบกลุ่มที่สามคือมนุษย์เพลิง, เวิ่งจินและจักรพรรดิศพทองมาจากแดนสวรรค์เหนือ พลังของพวกเขาคล้ายกับพวกสวรรค์ใต้ อาจจะเป็นรองเล็กน้อย
แดนสวรรค์ตะวันตกที่เย่ว์หยางอยู่ ไม่มีนักสู้ปราณก่อกำเนิดฟ้า นอกจากราชาเฮยอวี้ ในกลุ่มมีความแตกแยก เย่ว์หยาง ผู้เฒ่าหนานกงและราชันย์ปีศาจใต้รวมเป็นทีมหนึ่ง ราชาเฮยอวี้ จักรพรรดิฟ้า พยัคฆ์ตะวันออกจ้านหู่, เขี้ยวเหนือเป่ยเหลียวหยาก็เป็นอีกทีมหนึ่ง ขณะที่จักรพรรดิใต้พิภพเป็นกลาง บวกกับความจริงที่ว่าเทพสงครามสาวยักษ์ ถูกราชาเฮยอวี้เล่นงานจนสลบ ความสามารถของพวกเขาจึงอยู่ในระดับที่ถูกฝ่ายตรงข้ามดูแคลน
มนุษย์สมิงสามตา มนุษย์แสงและเย่ว์หยางร่วมพลังกันโจมตีใส่เพชรฆาตโบราณ หวังเป็นอย่างยิ่งว่าอาวุธเพลิงของพวกเขาจะสามารถฆ่าเป้าหมายได้ภายในครึ่งชั่วโมง จากนั้นจะทำให้พวกเขาช่วยเหลือสหายอื่นๆ ได้
มนุษย์แมลงตรึงเพชฌฆาตโบราณได้ตัวหนึ่ง ภายใต้การช่วยเหลือลับๆ ของเพื่อนร่วมทีมอื่นอีกสิบคน
ส่วนที่เหลือจะไม่เป็นปัญหาใหญ่เลย ถ้าสาวยักษ์ยังคงอยู่ที่นี่ แต่ตอนนี้ พวกจากแดนสวรรค์ตะวันตกอยู่ในสภาพน่าอนาถ
จ้านหู่กับเป่ยเหลียวหยาไม่สามารถสร้างความเสียหายใดๆ ได้เลย พวกเขาเกือบถูกฆ่าตายจากการถูกโจมตีทีเดียว
“ข้าจะปล่อยเจ้าตัวนี้ให้เจ้า ไม่ว่ายังไงก็ตาม มันต้องถูกฆ่าภายในชั่วโมงเดียว” การกระทำของมนุษย์สมิงสามตาถือว่าให้งานที่ง่ายที่สุดกับพวกจากแดนสวรรค์ตะวันตกแล้ว แต่ในความเป็นจริง สำหรับแดนสวรรค์ตะวันตกแทบจะเป็นไปไม่ได้เลย ความหวังของพวกเขาอยู่ที่เย่ว์หยาง แต่ถ้าเขาไม่ระเบิดพลังออกมาใช้ เพชฌฆาตโบราณนี้จะกวาดล้างค่ายแดนสวรรค์ตะวันตกเรียบ
“ให้เราล่อมันไปที่ทางเดินแก้วผลึกเถอะ..” แม้ว่าลานแก้วผลึกจะใหญ่โต แต่มีตัวแปรมากเกินไปที่ทำให้เกิดการพลั้งมือทำร้ายสหายได้ ราชันย์ปีศาจใต้ตัดสินใจล่อเพชฌฆาตโบราณให้เข้าไปที่ทางผ่านแก้วผลึกก่อน จากนั้นค่อยหาวิธีฆ่ามัน
สถานการณ์จะดีที่สุด เมื่อเด็กสาวยักษ์ฟื้นขึ้นมาและฆ่าเพชรฆาตโบราณได้
แต่น่าเสียดาย เมื่อนางอยู่ในสภาพอ่อนแอที่สุด ราชาเฮยอวี้ได้โจมตีทำร้ายนางสุดกำลัง หลังจากทนทุกข์ทรมานจากแรงกระทบกระเทือน แม้แต่เย่ว์หยางก็ไม่สามารถคาดได้ว่านางจะฟื้นคืนสภาพได้เต็มที่เมื่อใด
เย่ว์หยางคิดอยู่ตลอดเวลา
เขาไม่พยายามค้นหากลยุทธของศัตรู แต่กลับวางกลยุทธทั้งหมดแทน
เขาคาดการณ์ไว้แล้วว่างานของเขาก็คือฆ่าเพชรฆาตโบราณตนหนึ่ง
สิ่งที่ค่ายสวรรค์ตะวันตกจะต้องทำก็คือตั้งหลักให้ได้ก่อน.. หวงฉวนและคนอื่นไม่ได้คาดหวังว่าพวกจากค่ายสวรรค์ตะวันตกจะสามารถฆ่าเพชรฆาตโบราณได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งภายในหนึ่งชั่วโมง แม้แต่มนุษย์สมิงและมนุษย์แสงที่เป็นนักสู้ปราณก่อกำเนิดฟ้าทั้งคู่ก็ยังไม่กล้ารับรองว่าพวกเขาสามารถทำได้
แต่สิ่งหนึ่งก็คือ ต้องไม่ยอมให้คนอื่นตัดสินชะตาของพวกเขา พวกเขาจะต้องควบคุมชะตาด้วยมือตนเอง
ควรจะทำอะไรดี?
พวกเขาจะชนะได้อย่างไร?
เมื่อสงครามเริ่ม เสียงดังสนั่นสั่นสะเทือนและคลื่นระเบิดสะท้อนไปทั่วสนามรบ
ในที่สุดเย่ว์หยางก็ตัดสินใจ “พวกท่านล่อมันไว้ ข้าจะฆ่ามันเอง พวกท่านทุกคนไม่ต้องทำอะไร ขอให้หาวิธีหลอกล่อความสนใจของสัตว์ประหลาด ที่เหลือข้าจะจัดการเอง..” เย่ว์หยางมีความมั่นใจว่าสามารถฆ่าเพชรฆาตโบราณได้ ต่อให้เป็นจ่าฝูงเพชรฆาตโบราณก็ตาม อย่างไรก็ตาม ต้องทำภายในชั่วโมงเดียวไม่น่าทำได้ เย่ว์หยางต้องใช้ยุทธการว่าวบินที่ลือชื่อในเกมที่ทรมานศัตรูจนตาย
การฆ่ามันโดยตรง ความสามารถปัจจุบันของเขาแทบจะทำไม่ได้
แต่เวลาไม่เป็นใจให้เขา เย่ว์หยางต้องฆ่าศัตรูให้ได้โดยเร็วและภายในชั่วโมงเดียว
หลังจากใช้จักษุญาณทิพย์ตรวจสอบเพชฌฆาตโบราณแล้ว ในที่สุดเย่ว์หยางก็หาวิธีแก้ปัญหาได้ แม้ว่ามันอาจไม่เปลี่ยนแปลงอะไรได้ แต่เย่ว์หยางตัดสินใจลองดู
เขาต้องเป็นคนควบคุมชะตาไว้ด้วยตนเอง
ภายใต้การส่งสัญญาณของเย่ว์หยาง เงือกวายุเป่าสังข์วายุทันที…
สงครามทางน้ำคือวิธีแสดงพลังของอสูรพิทักษ์ปัจจุบันของเย่ว์หยาง ในพื้นที่กว้างอย่างนั้น สงครามทางน้ำไม่ได้มีผลอะไรมากต่อเพชรฆาตโบราณ เนื่องจากมันสูงถึงร้อยเมตร และไม่ได้ถูกล่ามเหมือนไตตันอูซู อย่างไรก็ตาม นี่ยังดีกว่าไม่มีอะไร นักรบโบราณที่คุ้นเคยกับสงครามทางน้ำสามารถสนับสนุนและควบคุมการหมุนของน้ำเปลี่ยนอุโมงค์แก้วผลึกให้เป็นทะเลสาบ
ระดับน้ำในตอนนี้ค่อยๆ เพิ่มขึ้นจนถึงข้อเท้าเพชรฆาตโบราณเรื่อยมาจนถึงเข่า
ความเคลื่อนไหวของเพชรฆาตโบราณได้รับผลกระทบ มีบางครั้งที่มันกระโดดโจมตีอย่างบ้าคลั่งใส่ราชันย์ปีศาจใต้ที่กำลังบินและใช้เสียงรบกวนจิตใจของมัน
เมื่อราชันย์ปีศาจใต้อยู่ในช่วงวิกฤติ ผู้เฒ่าหนานกงก็โจมตีใส่เพชรฆาตโบราณ
สิ่งที่เขาจำเป็นต้องทำในตอนนี้ก็คือถ่วงเวลาให้เย่ว์หยาง
จ้านหู่และเป่ยเหลียวหยาสามารถทำได้เพียงโจมตีจากระยะไกล แต่พวกเขาไม่สามารถสร้างความเสียหายใดๆ ได้เลย
ความเสียหายที่เกิดขึ้นเล็กน้อยมาก
“ฆ่า!” เย่ว์หยางระเบิดพลังที่แข็งแกร่งออกมาทันที ด้วยแสงสีดำในมือของเขาและบัวเพลิงฟ้าพิโรธในมืออีกข้างหนึ่ง เขาบดบังการมองของเพชรฆาตโบราณไว้ เขาแกล้งโจมตีปากของฝ่ายตรงข้าม แต่ในความเป็นจริง เป้าหมายของเขาก็คือตาของเพชฌฆาตโบราณ ตราบใดที่ศัตรูตาบอด และศัตรูไม่ฉลาด ความสามารถของมันจะลดลงอีกมากมาย
มองผิวเผิน บัวเพลิงฟ้าพิโรธดูเหมือนจะรุนแรง
เบื้องหลังตัวล่อนั้นทำให้เย่ว์หยางเข้าใกล้ศัตรู แสงดำในมือของเขายิงออกด้วยความเร็วกว่าสายฟ้าพุ่งเข้าใส่ตาขวาของเพชรฆาตโบราณ
********************