ตอนที่ 527 กระบี่ดำกุยจ้าง กระบี่ขาวซวงหัว
ไม่ทราบว่าเป็นเพราะเหตุใดราชันย์ปีศาจใต้ถึงได้อยู่ต่อที่นี่หรือเป็นเพราะพวกนางไม่ได้พบกันนานแล้ว นางเซียนหงส์ฟ้าจึงแข่งดีทันที
นางเริ่มปรนเปรอคนรักนางอย่างสุดความสามารถ ท่ายากทุกกระบวนถูกนำมาใช้ปรุงแต่งความรักของพวกเขาจนเข้มข้น หลังจากนั้นนางหมดเรี่ยวแรงจริง นางกลับมาอยู่ในสถานะที่โดดเด่นต่อเย่ว์หยางและเพลิดเพลินอยู่ในอ้อมกอดคนรัก นำความสุขความยินดีขีดสุดมาปรนเปรอคนรักนาง….
พวกเขาจมอยู่ในห้วงความสุขอยู่เป็นเวลานาน
เสียงหัวใจเต้น เสียงครางกระเส่าด้วยความสุขดังออกจากปากนางเซียนหงส์ฟ้าต่อเนื่องมาตั้งแต่แรกทำให้ราชันย์ปีศาจใต้ได้ยินแล้วแทบบ้า นางสงสัยว่ามารกฎฟ้าจงใจเพิ่มเสียงขึ้นเพื่อยั่วโมโหนาง นางอยากวิ่งไปที่นั่นถีบเปิดประตูแล้วสบถใส่นาง “พอได้แล้ว, มันมากเกินไปแล้ว”
อย่างก็ตาม นี่เป็นแค่เพียงความคิดของนางเท่านั้น
เป็นไปไม่ได้อยู่แล้วที่ราชันย์ปีศาจใต้จะวิ่งไปที่นั่นถีบประตูและบอกเย่ว์หยางและนางเซียนหงส์ฟ้าให้หยุดศึกรักของพวกเขา
ไม่ว่านางจะพูดอย่างไรต่อหน้าก็ตาม สำหรับศึกรักแบบนั้น นอกจากเป็นเรื่องของความโหยหาแล้วยังเป็นเรื่องน่าอาย นางหวั่นเกรงเล็กน้อย นางกลัวว่าเย่ว์หยางจะโกรธถ้านางถีบเปิดประตูไปรบกวนความสุขของพวกเขา แล้วถ้าเขาอยู่ในช่วงอารมณ์ไม่ดี และจับนางทำให้นางทำอะไรไม่ถูก ในอดีต ถ้าเย่ว์หยางบังอาจปล้ำนาง คงไม่ใช่เรื่องแปลกละที่นางจะใช้ผีผาหยกหวดเขาจนลอยกระเด็น อย่างไรก็ตาม หลังจากได้ยินเสียงครางอย่างมีความสุขสุดยอดของนางเซียนหงส์ฟ้าแล้ว ทำให้นางตัวอ่อนไปทั้งตัว นางไม่กล้าพูดเต็มปากว่านางสามารถขัดขืนเย่ว์หยางได้ หากเขาปล้ำนางในตอนนี้..
“พวกเจ้ายังไม่เสร็จกันอีกหรือ? ยังจะทำอย่างนี้กันไปอีกนานไหม? เจ้าเด็กนี่อึดเกินไปแล้ว ทำเรื่องแบบนี้มันน่ายินดีพอใจนักหรือ?” นางคิด
ราชันย์ปีศาจใต้พลิกตัวไปมา
นางไม่อาจนอนหลับได้เลย
ไม่ว่านางปิดบังความรู้สึกยังไง หรือฮัมเพลงบรรเลงผีผา “ความเงียบสงบในหัวใจ” ก็ยังช่วยอะไรไม่ได้ รู้สึกแต่ว่ามีบางอย่างรบกวนจิตใจนาง
นางสามารถกลับเข้าไปในโลกคัมภีร์ของนางเพื่อหลับได้ แต่ถ้าทำเช่นนี้ก็เท่ากับว่านางแพ้มารกฎฟ้า
ด้วยความภูมิใจของราชันย์ปีศาจใต้ นางไม่ยอมให้ตนเองด้อยกว่าคู่แข่งของนาง
อย่างไรก็ตาม ถ้ายังคงเป็นเช่นนี้ต่อไป นางสงสัยว่าจะสามารถทนเสียงครวญครางหอบหายใจของนางเซียนหงส์ฟ้าได้หรือไม่ ปกตินางก็รู้แล้วว่ามารกฎฟ้ามีทักษะแฝงเร้นเสน่ห์ แต่นางไม่ยอมแพ้ต่อคู่ต่อสู้ของนาง ทั้งนี้เป็นเพราะทั้งสองคนเป็นนักสู้ประเภทโจมตีจิต แต่นางไม่เคยนึกภาพออกเลยว่าทักษะแฝงเร้นของมารกฎฟ้าจะส่งผลออกมาเป็นเสียงครางและหอบหายใจอย่างนั้น ถ้าการป้องกันทางจิตของนางไม่แข็งแกร่งขนาดนี้ นางก็คงเป็นเหมือนสตรีอื่นๆ และเข้าร่วมศึกรักครั้งนี้เป็นแน่
“ข้าจะไม่ยอมแพ้แน่นอน….” ราชันย์ปีศาจขบกรามแน่ฝืนข่มหัวใจที่เต้นถี่
นางไม่สามารถทนได้อีกต่อไปและเริ่มเลื่อนมือนางลงมา
เม้มริมฝีปากแน่น
นางกลั้นเสียงและเคลื่อนไหวลับๆ ไม่ปล่อยให้เสียงเล็ดลอดออกมา
เมื่อนางเซียนหงส์ฟ้ากรีดเสียงระหว่างที่นางอยู่ในจุดสุดยอดของความสุข ราชันย์ปีศาจใต้ต้องรีบใช้โอกาสนี้หอบหายใจบ้าง ภาพของเขาแว่บขึ้นมาในใจนาง นางจำได้ถึงท่าทางกล้าหาญที่เขาสังหารเพชรฆาตโบราณก่อนนั้น จำได้ถึงท่าทีมั่นใจยามขับขี่นกหงส์เพลิง จำได้ว่าเขาปกป้องนางอย่างไรเมื่อจ้าวปีศาจเพชรฆาตโบราณปรากฏตัว
ความรู้สึกเมื่อมือของเขาฉุดมือน้อยของนางยังอยู่ตรงนั้น
ความรู้สึกเริ่มท่วมท้นภายในใจของนางอย่างรวดเร็วสะสมมากขึ้นรอเวลาระเบิดเหมือนกับภูเขาไฟ
ราชันย์ปีศาจใต้ดูเหมือนว่านางจะไม่สามารถทนได้อีกต่อไป แต่นางยังพยายามอดกลั้นไว้ แม้ว่ามารกฎฟ้าและเย่ว์หยางจะทำศึกรักกันอย่างดุเดือด แต่ทักษะในการฟังของทั้งคู่ยังคงได้ยินเสียงในห้องถัดไป มารกฎฟ้าที่น่ารังเกียจยังสามารถได้ยินความเคลื่อนไหวของนาง ราชันย์ปีศาจใต้ไม่ยอมปล่อยให้มารกฎฟ้าได้พบความเคลื่อนไหวของนางแน่
หลังจากผ่านไปอีกนาน นางเซียนหงส์ฟ้าก็กรีดร้องอย่างสุขสมอีกครั้ง
ฉวยโอกาสช่วงเวลาอย่างนี้ ราชันย์ปีศาจใต้คลายความรู้สึกที่อัดอั้นได้สักนิดก็ยังดี
นางครางเสียงด้วยเสียงระดับเบามาก
แม้ว่านี่จะยังไม่พอตอบสนองความพอใจของนาง แต่นางก็ปลดปล่อยอารมณ์ได้สำเร็จบ้าง ทำให้นางหงุดหงิดแต่ปนอารมณ์สบาย ร่างกายนางเกร็งสะท้านแล้วก็ผ่อนคลาย
เมื่อใช้วิธีนี้ ราชันย์ปีศาจใต้นับได้ว่าได้ปลดปล่อยความกดดันในจิตใจนางแล้ว
ในที่สุดนางก็ประสบความสำเร็จป้องกันทักษะแฝงเร้นเสน่ห์ของนางเซียนหงส์ฟ้าและเสียงครวญครางของนางได้ นางหลับสนิทอย่างเหน็ดเหนื่อย
นางเซียนหงส์ฟ้าก็หมดเรี่ยวแรงเช่นกัน
อย่างไรก็ตาม นางยังคงปรนนิบัติทำหน้าที่ของภรรยาสาวปรนเปรอคนรักนาง มากเท่าที่ร่างกายนางไม่อาจทนไหวอีกต่อไป นางจึงเปิดโอกาสให้นางพญาซัคคิวบัสรับศึกแทนจนกระทั่งคนรักนางปลดปล่อยความรู้สึกของเขาทั้งหมด หลังจากศึกรักสงบแล้วเย่ว์หยางอุ้มนางเซียนหงส์ฟ้าไปอาบน้ำและปล่อยให้นางช่วยดูแลร่างกายและหลับไปอย่างสบาย แม้ในเวลาที่เขาหลับก็ยังมีนางพญาซัคคิวบัสคอยนวดเฟ้นให้
ในดินแดนแห่งความฝัน พี่สาวในฝันรอเขาอยู่แล้ว
ดูเหมือนว่านางเตรียมทักษะวิชากระบี่ใหม่ไว้ให้แล้ว
เมื่อเย่ว์หยางเห็นวิชากระบี่นี้ เขารู้สึกคุ้นเคยและรู้สึกแปลกไปพร้อมกัน นี่เห็นได้ชัดว่าคือปราณกระบี่ไร้ลักษณ์ แต่ทำไมถึงได้แตกต่างนัก?
หรือว่าปราณกระบี่ไร้ลักษณ์ที่เขาได้เรียนมาก่อนนั้นเป็นของปลอม? เป็นไปไม่ได้ เทพธิดากระบี่ฟ้าไม่เคยสอนวิชากระบี่ปลอมให้กับเขาเป็นแน่ ยิ่งกว่านั้น วิชาปราณกระบี่ปลอมก็คงไม่มีพลังขนาดนั้นเป็นแน่
มีความเป็นไปได้อีกประการหนึ่งก็คือ ปราณกระบี่ไร้ลักษณ์ที่เขาได้เรียนก่อนหน้านั้นเป็นเพียงระดับพื้นฐาน
ปราณกระบี่ไร้ลักษณ์ที่แท้จริงลุ่มลึกกว่ามากและละเอียดมากกว่า
ระยะทางที่เขาจะเข้าถึงส่วนที่ลึกที่สุดอาจจะไกลมาก
เย่ว์หยางตัดสินใจเรียนทักษะกระบี่ใหม่นี้กับพี่สาวในฝัน อย่างไรก็ตามพี่สาวในฝันกลับหยุดอย่างคาดไม่ถึง แสดงให้เย่ว์หยางเห็นว่าเขาไม่อาจเรียนรู้โดยทำตามนาง
“มีอะไรหรือ?” เย่ว์หยางสงสัยเล็กน้อย ทำไมนางถึงไม่ให้เขาเรียนรู้?
“……” พี่สาวในฝันไม่พูดและนางได้แต่เพียงส่ายหน้า
บางทีเนื่องจากเห็นว่าเย่ว์หยางมีท่าทางงง นางชี้เหมือนจะบอกว่าสิ่งที่นางเรียนรู้มาผิดพลาดและบอกให้เย่ว์หยางอย่าเลียนแบบนาง ถ้าเย่ว์หยางไม่เรียนรู้กับสาวน้อยคนนี้ อาจเป็นไปได้ว่าเทพธิดากระบี่ฟ้าจะมาสอนเขาด้วยตนเองหรือ?
เย่ว์หยางคิดว่านี่เป็นไปไม่ได้
ปาฏิหาริย์เกิดขึ้นได้อย่างคาดไม่ถึงจริงๆ
เทพธิดากระบี่ฟ้าผู้มักเก็บตัวตามปกติลอยลงมาอยู่ต่อหน้าเย่ว์หยางเปล่งรัศมีแสงสีต่างๆ เหมือนภูตแฟรี่ลงมาเยือนโลกมนุษย์
นางยังคงไม่พูดอะไรและเพียงแต่ชี้แสดงให้เย่ว์หยางและพี่สาวในฝันควรดู
เพราะนางลงมาสอนพวกเขาด้วยตนเอง หัวใจเย่ว์หยางเต้นแรงและตื่นเต้น…. เขาไม่สามารถถอนสายตาจากการจ้องมองมือขาวดุจหิมะและไร้ตำหนิของนางเลย
เขาเห็นได้ว่าปราณกระบี่ถูกรวบรวมอยู่ฝ่ามือนางแล้วจากนั้นก็เปลี่ยนแปลงไปอย่างช้ามาก ด้วยวิธีการที่ลึกซึ้งที่ยากจะอธิบาย ปราณกระบี่ค่อยๆ ควบรวมตัวกันและจัดสภาพของตัวมันเองกลายรูปเป็นกระบี่ยักษ์สีดำกว้างสองเมตรยาวสิบเมตร บนกระบี่มีอักษรรูนนับไม่ถ้วนส่องประกายสว่าง ซึ่งเย่ว์หยางไม่รู้จักจารึกอยู่บนนั้นและก่อตัวเป็นวงเวทอักษรรูนที่น่ามหัศจรรย์
มีหลายอย่างที่เย่ว์หยางสามารถจำได้ก็คืออักขระจีนยุคโบราณสองคำ “กุยจ้าง”
กุยจ้างต้องเป็นชื่อของกระบี่นี้
กระบี่ยักษ์สีดำใหญ่นามว่ากุยจ้าง
เย่ว์หยางตาเบิกกว้าง สามารถกลั่นปราณให้เป็นกระบี่เล่มหนึ่งได้จริงๆ หรือ?
เขาสงสัยว่าจะต้องบรรลุที่ขอบเขตระดับใดจึงจะสามารถทำอย่างนี้ได้จริงๆ
ภายใต้การอนุมัติยินยอมอย่างเงียบๆ ของเทพธิดากระบี่ฟ้า เย่ว์หยางใช้มือสัมผัสกระบี่เพื่อให้รู้สึกถึงความคงอยู่ของมัน
เมื่อมือของเย่ว์หยางสัมผัสกระบี่ดำกุยจ้างแล้ว เขาสั่นสะท้านทันที อำนาจของพลังปราณกระบี่สุดยอดของรู้สึกว่ายังเล็กน้อยอย่างไม่น่าเชื่อ ยิ่งกว่านั้น มันยังดูเป็นรูปเป็นร่างสมบูรณ์และหนักยิ่งกว่าโลหะถึงพันเท่า เมื่อเย่ว์หยางใช้นิ้วสัมผัสดู มันกลับใช้ปณิธานสุดยอดอาวุธตรวจสอบเขาอย่างใกล้ชิด ปรากฏว่ามันตัดสินว่าเขายังมีพลังไม่พอจะกวัดแกว่งมันได้ กระบี่ยักษ์มีปณิธานเป็นของตนเอง นอกจากนี้มันยังกลั่นสร้างจากพลังงานที่บริสุทธิ์ แม้แต่ในฝันของเขา เย่ว์หยางนึกภาพไม่ออกเลยว่าปราณกระบี่ไร้ลักษณ์เมื่อถูกฝึกฝนจนถึงที่สุด จะมาถึงระดับสุดยอดขนาดนี้ได้
ด้วยพลังของกระบี่กุยจ้างนี้ เย่ว์หยางรู้สึกว่าเขาไม่จำเป็นต้องกลัวราชาเฮยอวี้ ไม่จำเป็นต้องกลัวเพชรฆาตโบราณเลย
นอกจากนี้ เขายังสามารถฆ่าพวกมันมันได้หมดจดง่ายดายราวกับหั่นผัก
ตอนนี้ คำถามประการเดียวก็คือ ถ้าเขาจะสามารถกวัดแกว่งกระบี่กุยจ้างได้ กระบี่นี้มีปณิธานเป็นของตนเองและมีความคล้ายกับสมบัติเทพมาก มันจะยอมรับเขาเป็นเจ้าของได้หรือไม่?
มือขาวผ่องของเทพธิดากระบี่ฟ้าขยับเล็กน้อย กระบี่กุยจ้างก็หายไปทันที
ในพริบตา นางกลั่นควบปราณกระบี่อีกครั้งและทำซ้ำแล้วซ้ำเล่า
“เดี๋ยวก่อน, ข้ายังเห็นไม่ชัดเลย” เย่ว์หยางรีบตะโกน
เหมือนกับว่าต้องการให้เย่ว์หยางเห็นชัดเจน เทพธิดากระบี่ฟ้าอดทนทำซ้ำถึงสามครั้ง ควบกลั่นกระบี่กุยจ้างด้วยระดับที่ช้ามากๆ
ก่อนที่เย่ว์หยางจะสามารถแยกย่อยความรู้ใหม่ที่สง่างามนี้ได้เสร็จสิ้น เทพธิดากระบี่ฟ้าใช้มืออีกข้างหนึ่งควบกลั่นสร้างกระบี่ยาวสีขาว กระบี่นี้มีลักษณะยาวบางและอ่อนหยุ่นเหมือนสายรุ้ง ตัวกระบี่ใสดุจแก้ว มีคลื่นรัศมีส่องตระการตา กระบี่ยาวสีขาวนี้จะบางกว่ากระบี่ยักษ์สีดำ มีอักขระจารึกอยู่บนตัวกระบี่งดงามว่า “ซวงหัว”
กระบี่ดำกุยจ้างและกระบี่ขาวซวงหัว
หนึ่งดำและหนึ่งขาว ทั้งสองนี้ไม่ใช่สมบัติชั้นเทพ แต่ยังเหนือกว่าสมบัติชั้นเทพเสียอีก
ถ้าเทพธิดากระบี่ฟ้าไม่สามารถกลั่นควบกระบี่เหล่านี้ได้ เย่ว์หยางคงไม่กล้าเชื่อว่ามีปราณกระบี่ลึกลับเช่นนี้อยู่ในโลก…
หลังจากสอนการสร้างกระบี่กุยจ้างและกระบี่ซวงหัวให้เย่ว์หยางแล้ว เทพธิดากระบี่ฟ้าก็ลอยตัวขึ้นสูงทันทีและโบกพริ้วในพื้นที่ว่างเปล่า กระบี่เทพงดงามนับไม่ถ้วนถูกย่อลงและหมุนอยู่ในมือนาง เป็นภาพที่งดงามเกินจะพรรณนา นอกจากกระบี่ดำกุยจ้างและกระบี่ขาวซวงหัวแล้ว ยังมีกระบี่เทพสีแดง, ส้ม, เขียว, เขียวเข้ม, ฟ้าและม่วงที่ทรงพลังมากกว่า กระบี่เหล่านั้นลอยอยู่รอบๆ เทพธิดากระบี่ฟ้าอย่างช้าๆ และทุกเล่มที่หมุนอยู่ พลังของมันสามารถตัดมิติทำลายโลกได้ อยู่ต่อหน้ากระบี่เทพเหล่านี้ เย่ว์หยางรู้สึกเหมือนกับว่าประตูสู่โลกใหม่ได้เปิดอยู่ข้างหน้าเขา เขารู้สึกว่าเขาแค่เดินอยู่รอบๆ ประตูจนกระทั่งวันนี้ เมื่อเขาเข้าถึงวิถีสุดยอดกระบี่ที่แท้จริง
วิถีกระบี่ไร้จุดสิ้นสุด
เย่ว์หยางเข้าใจว่ากระบี่กุยจ้างและกระบี่ซวงหัวทั้งสองเล่มนี้ที่เขากระหายจะได้อยู่นี้ ไม่ใช่สมบัติ
นี่คือทิศทางการฝึกฝนในอนาคตของเขา….
ทันทีที่เขาครอบครองกระบี่กุยจ้างและซวงหัวจะเป็นช่วงเวลาที่เขาเชี่ยวชาญปราณกระบี่ไร้ลักษณ์อย่างแท้จริง และจากนั้นเขาจึงจะนับว่าเข้าสู่วิถีกระบี่ ดังนั้นการก้าวไปข้างหน้าตามวิถีกระบี่ไร้ที่สิ้นสุด ก็จะขึ้นไปสู่ยังแดนดิน ณ จุดที่เทพธิดากระบี่ฟ้ายืนอยู่
ปราณกระบี่ไร้ลักษณ์ นอกจากมีปราณกระบี่ไร้ลักษณ์แล้ว ยังคงมีพลังที่สามารถตัดได้ทุกสรรพสิ่ง นี่คือขอบเขตปัจจุบันที่เย่ว์หยางทราบ
เขาจำเป็นต้องไปถึงจุดที่เขาสามารถสลับกันได้ระหว่างมีรูปลักษณ์และไร้ลักษณ์
และจากนั้นเขาจำเป็นต้องผสานถึงระดับ “ปราณเป็นกระบี่” “กระบี่เกิดสำนึกกระบี่” “กระบี่ก่อกำเนิดชื่อ” และจากนั้นจึงแยกออกมาเป็นกระบี่กุยจ้างและกระบี่ซวงหัว เพียงเท่านี้เขาจึงนับได้ว่าเข้าสู่วิถีกระบี่
เย่ว์หยางตัวลอยด้วยความตื่นเต้นและตะโกนไปทางเทพธิดากระบี่ฟ้า “ตอนนี้ข้าเข้าใจแล้ว สมบัติเป็นเพียงตัวช่วยสนับสนุน เป้าหมายที่แท้จริงก็คือต้องแข็งแกร่ง ข้าสามารถอาศัยการฝึกปรือของข้าได้ ข้าจะต้องครอบครองกระบี่กุยจ้างและกระบี่ซวงหัวเป็นของตนเองให้ได้”
เทพธิดากระบี่ฟ้าหายไปโดยไม่เหลือร่องรอย ก่อนที่นางจะหายไป สีหน้าที่เฉยเมยของนางมองดูเหมือนกับว่ายิ้ม…