ตอนที่ 528 ใครแอบดูที่ประตู?
เมื่อเย่ว์หยางตื่นลืมตาขึ้น เขาก็ตระหนักได้ว่า เขาแช่อิ่มอยู่กับความยินดีที่เกิดจากการรู้แจ้งในมรรคากระบี่อยู่เป็นเวลานาน
ความปลื้มเช่นนั้นไม่เหมือนอย่างที่คนเราดีใจโดดตัวลอยหรือเหมือนการส่งเสียงตะโกนสะใจ
เพราะเป็นรูปแบบของความปลื้มที่เงียบสงบ
เป็นความเงียบสงัดภายในซึ่งพลังของมันไม่ได้ด้อยไปกว่าแรงระเบิดของภูเขาไฟ คงอยู่เป็นเวลานาน เย่ว์หยางรู้สึกว่าความคิดของเขาอยู่ในสภาพกึ่งจริงกึ่งฝัน เขารู้ว่าเขากำลังนอนอยู่บนเตียงของเขาโดยมีนางเซียนหงส์นอนอยู่บนตัวของเขา แต่กลับเป็นเหมือนว่าความคิดของเขาออกจากร่างขณะที่เขาขี่กระบี่เทพขึ้นไปในท้องฟ้าและออกไปนอกอวกาศ
เย่ว์หยางตกใจจากการได้เห็นกระบี่ดำสนิทกุยจ้างและกระบี่ขาวบริสุทธิ์ซวงหัวมิได้ด้อยไปกว่าช่วงเวลาที่เขาได้พบเห็นดาบเทพจักรพรรดิอวี้ในครั้งแรกเลย
ดาบเทพของจักรพรรดิอวี้คืออาวุธสมบัติชั้นเทพที่มีปณิธานและพลังเป็นของตนเอง
มันก็เหมือนกับกระบี่กุยจ้างและซวงหัว
แต่ที่แตกต่างกันก็คือสมบัติระดับเทพของจักรพรรดิอวี้ที่ครอบครองนั้นจะมีรูปลักษณ์ที่คงที่และมีลักษณะที่ทุกคนมองเห็นได้ แม้ว่าพลังและปณิธานของมันจะได้รับการแก้ไขแล้ว ดังนั้นไม่ว่าสมบัติเหล่านั้นจะแข็งแกร่งมากเพียงไหนก็ไม่สามารถแสดงพลังได้เหนือค่าคงที่ของมัน ในทางตรงกันข้าม กระบี่กุยจ้างและซวงหัวไม่มีรูปที่คงที่ พวกมันจะเป็นรูปร่างต่อเมื่อเจ้านายของพวกมันต้องการให้มันแสดงออกมา กล่าวอีกนัยหนึ่งก็คือ ยังมีขีดจำกัดสำหรับพลังของดาบเทพจักรพรรดิอวี้ ไม่ว่ามันจะมีพลังแข็งแกร่งเพียงไหนก็ตาม แต่กระบี่กุยจ้างและซวงหัวไม่ถูกอะไรจำกัดไว้ พวกมันสามารถเพิ่มขีดพลังได้ไม่จำกัด
ถ้าเย่ว์หยางใช้พวกมันในขณะที่ยังอยู่ในระดับปราณก่อกำเนิด พลังของพวกมันที่ปล่อยออกมาจะค่อนข้างอ่อน
เมื่อเย่ว์หยางถึงระดับสุดยอดปราณก่อกำเนิด พลังของพวกมันจะเพิ่มขึ้นอย่างชัดเจน พวกมันจะแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิงในทุกระดับ ขณะเดียวกันพวกมันจะไม่ถูกจำกัดอยู่ในรูปแบบอย่างใดอย่างหนึ่ง
ถ้าเย่ว์หยางสามารถผ่านเกินระดับสุดยอดนักสู้ปราณก่อกำเนิดและเข้าสู่ขอบเขตในระดับที่สูงกว่านั้น พวกมันก็ยังจะเติบโตขึ้นไปตามลำดับ
พวกมันสามารถเพิ่มความสามารถได้อย่างไม่มีขีดจำกัด
ความเข้าใจและการใช้ประโยชน์กระบี่กุยจ้างและซวงหัวของเย่ว์หยางในสภาพปัจจุบัน พลังของพวกมันยังมิอาจเทียบได้กับกระบี่เทพจักรพรรดิอวี้แน่นอน แต่เมื่อพวกมันตกอยู่ในมือของเทพธิดากระบี่ฟ้า ทั้งกระบี่กุยจ้างและซวงหัวทั้งคู่สามารถทำลายโลกและสรรพสิ่งที่คงอยู่ให้เป็นจุล หรือแม้กระทั่งมิติอากาศ.. เย่ว์หยางสามารถนึกภาพเทพธิดากระบี่ฟ้าออก แต่ก็เป็นเพียงเข้าใจว่าทันทีที่นางลงมือโจมตี ก็ไม่มีใครป้องกันได้
จักรพรรดิชื่อตี้เป็นเจ้าของสมบัติชั้นเทพ อสูรพิทักษ์โล่เทพมิใช่หรือ?
ซิวคงและจิ่วเซียวผู้หลบหนีไปจากวังเทพจักรพรรดิอวี้กลับไปยังแดนสวรรค์เล่า?
ไม่, แม้ว่าคนพวกนี้จะทรงพลังมากกว่าเย่ว์หยางในปัจจุบัน แต่พวกเขาคงไม่สามารถรอดอยู่ได้ถ้าโดนเทพธิดากระบี่ฟ้าใช้กระบี่กุยจ้างและซวงหัวฟันใส่ครั้งหนึ่ง
เย่ว์หยางสามารถจินตนาการถึงถึงพลังที่แท้จริงของซิวคงและจิ่วเซียว
แต่เขาไม่สามารถจินตนาการถึงขีดจำกัดพลังของกระบี่กุยจ้างและซวงหัวทั้งสองเล่มนี้ นอกจากกุยจ้างและซวงหัวแล้ว ยังคงมีกระบี่เทพที่ทรงพลังอีกเจ็ดเล่ม เย่ว์หยางไม่อาจนึกถึงภาพจุดสิ้นสุดวิถีกระบี่สายนี้เลย ทั้งหมดที่เขารู้สึกได้ก็คือเทพธิดากระบี่ฟ้าได้สอนเขาแค่พื้นฐานวิถีกระบี่เท่านั้น เพื่อให้เข้าใจวิถีกระบี่ได้ลึกซึ้งขึ้น เขาจำเป็นต้องพึ่งพาตนเองยกระดับขึ้นสู่ขอบเขตชั้นสูงขึ้นไป
เกี่ยวกับขอบเขตชั้นปัจจุบันของเย่ว์หยาง เขาเป็นเหมือนนักเรียนมัธยมต้น
ดังนั้น เขาจึงไม่สามารถเข้าใจข้อความจากการบรรยายในระดับอุดมศึกษาได้
เมื่อเทียบกับเย่ว์หยาง นักสู้ปราณก่อกำเนิดทั่วไปก็เป็นเหมือนนักเรียนชั้นประถม ขณะที่สุดยอดนักสู้ปราณก่อกำเนิดเป็นเหมือนนักเรียนมัธยมปลาย…
แม้ว่าเย่ว์หยางจะยังเป็นนักเรียนมัธยมต้น แต่ความสามารถในการทำความเข้าใจได้อย่างผิดธรรมดาและจังหวะของโอกาสเวลาทำให้เขาเข้าใจความรู้ในระดับมัธยมปลายได้อย่างสมบูรณ์ ก็เหมือนกับว่าเขายังไม่ได้อยู่ในชั้นมัธยมปลายเลยแต่ก็เริ่มศึกษาเนื้อหาของระดับอุดมศึกษาไปแล้ว
ยกตัวอย่างเช่น ปราณกระบี่ไร้ลักษณ์ในระดับที่สูงกว่าอย่างกระบี่ดำกุยจ้างและกระบี่ขาวซวงหัวเป็นต้น
“อะไรกันนี่?”
นางเซียนหงส์ฟ้าผวาตื่นขึ้นเพราะปราณกระบี่ที่น่ากลัว นางตระหนักได้ว่าปราณก่อกำเนิดปริมาณมหาศาลเหมือนสายน้ำบ่ารวมอยู่ในฝ่ามือของเย่ว์หยาง กระบี่ดำบางเล็กปรากฏออกมาอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย ตอนแรกมันยังเล็กกว่าตะเกียบเสียอีก คมมีดยังไม่ชัดเจนกอปรกับอักษรรูนที่เห็นได้รางๆ นางเซียนหงส์ฟ้าตกตะลึงสิ้นเชิง นี่คือปราณกระบี่โบราณขั้นสุดยอดที่ปรากฏรูปลักษณ์ได้สมบูรณ์ นางเซียนหงส์ฟ้ารู้สึกถึงพลังที่ไม่อาจจินตนาการได้จากกระบี่เล็กๆ ที่น่ากลัวอย่างแท้จริง แม้ว่านางจะอยู่ในระดับสุดยอดนักสู้ปราณก่อกำเนิดแล้วก็ตาม
นางพญาซัคคิวบัสหลบอยู่ด้านหลังของนางเซียนหงส์ฟ้าตั้งแต่แรกอยู่แล้ว
นางไม่ได้กลัวว่าเย่ว์หยางจะทำร้ายนาง เป็นแต่สัญชาตญาณธรรมชาติของนางจะอยู่ตรงข้ามกับกระบี่ศักดิ์สิทธิ์
เย่ว์หยางรู้สึกเหมือนกับว่าพลังงานในตัวเขาถูกดูดออกไป แต่เขาก็ยังไม่สามารถควบพลังกระบี่ดำกุยจ้างอย่างราบรื่นได้.. นี่ขนาดควบกลั่นเป็นกระบี่เล็กๆ ขนาดนั้น แล้วจะต้องใช้ปราณก่อกำเนิดมากมายขนาดไหนถึงจะสร้างกระบี่ยักษ์กุยจ้างเหมือนที่อยู่ในมือของเทพธิดากระบี่ฟ้าได้? จำเป็นต้องได้พลังสูงถึงระดับไหนจึงจะควบคุมได้?
ราชันย์ปีศาจใต้ที่อยู่ในห้องใกล้เคียง ถูกปลุกให้ลุกขึ้นเพราะปราณกระบี่ฉายผ่านเข้ามา
นางไม่สนใจเย่ว์หยางที่ยังนอนเปลือยกายอยู่บนเตียง ขณะที่นางมองดูกระบี่กุยจ้างที่เขาพยายามประคองรักษาไว้ด้วยความรู้สึกที่เหลือเชื่อ
“นี่คือสมบัติชั้นเทพหรือนี่?” นางไม่สามารถเชื่อได้เลยว่าปราณกระบี่จะกลั่นรวมกันเป็นกระบี่เทพได้จริงๆ?
“เป๊าะ!”
ราชันย์ปีศาจใต้ปากอ้าค้างจนไปรบกวนเย่ว์หยางที่ถึงขีดจำกัดอยู่แล้ว อย่างมิอาจควบคุมได้ สมาธิของเขาได้รับการกระทบกระเทือนทำให้เขาสูญเสียการควบคุมกระบี่กุยจ้าง จากนั้นมันก็หายไปในอากาศ กลับคืนสภาพเป็นปราณบริสุทธิ์เข้าไปในร่างของเย่ว์หยาง
เหงื่อของเย่ว์หยางท่วมตัวขณะที่เขาหายใจถี่ นี่เหนื่อยหนักยิ่งกว่าตอนที่เขาสู้กับจักรพรรดิชื่อตี้เสียอีก
“เจ้าเป็นอะไรหรือเปล่า?” ราชันย์ปีศาจใต้รู้ว่าเป็นเพราะนางที่รบกวนเขา นางรู้สึกผิดในใจ ขณะที่นางเดินเข้ามาเพื่อถามความปลอดภัยของเขา
“ข้า..ไม่..เป็นไร” เย่วหยางหอบหายใจหนักหน่วง เนื่องจากเขาแทบไม่สามารถตอบนางได้
“อ๋า, ทำไมเจ้าถึงไม่นุ่งผ้าสักชิ้นเล่า?” ราชันย์ปีศาจใต้ตระหนักว่าเย่ว์หยางไม่ได้นุ่งอะไรเลย แน่นอน ไม่ใช่เพียงแค่เขาเท่านั้น แม้แต่นางเซียนหงส์ฟ้าและนางพญาซัคคิวบัสก็เปลือยกายไม่มีอะไรเลย ที่สำคัญ พวกเขามีสัมพันธ์รักจนต่างกอดและหลับกันไปทั้งหมด เมื่อเย่ว์หยางตื่นขึ้น เขาต้องการลองกลั่นควบกระบี่กุยจ้าง แต่คาดไม่ถึงเลยว่าจะไปปลุกราชันย์ปีศาจใต้จนนางบุกเข้าเห็นเขาเปลือยกาย
“คนบางคนบุกเข้าห้องนอนมาทั้งที่เจ้าหล่อนยังอยู่ในชุดนอนเบาบางอยู่เลย…” นางเซียนหงส์ฟ้าไม่ได้รู้สึกอึดอัดใจเหมือนกับเย่ว์หยาง ดังนั้นนางเตือนราชันย์ปีศาจใต้ไม่ควรเข้าห้องคนอื่นทั้งที่ยังอยู่ในชุดนอน
“อุ๋ย!” ราชันย์ปีศาจใต้ก้มมองดูและเห็นว่าตัวนางเองยังอยู่ในชุดนอน เนื่องจากชุดนอนของนางทำจากไหมบางค่อนข้างโปร่ง จึงเผยรูปร่างนางทั้งหมด
นางอายมากจนวิ่งออกไปจากห้องของเย่ว์หยาง
นางเซียนหงส์ฟ้าหัวเราะอย่างสนิทสนม
นางเอื้อมมือขาวเนียนของนางมานวดเย่ว์หยาง นางใช้การผสานร่างเพื่อถ่ายพลังบางส่วนช่วยลดอาการเหนื่อยล้าให้เขา
ก่อนที่ความรู้จะเลือนหายไป เย่ว์หยางตัดสินใจลองดูอีกครั้ง
เขาควบพลังสร้างกระบี่กุยจ้าง เขาเพียงแต่ยังขาดพลังการควบคุมอยู่มาก ไม่น่าจะมีปัญหาแต่อย่างใด ถ้าเขาฝึกฝนต่อไป
แต่เขายังควบกลั่นกระบี่ซวงหัวไม่ได้
เขาต้องทำให้สำเร็จไม่ว่ายังไงก็ตาม เขาไม่สามารถสูญเสียความรู้แจ้งที่ได้มาอย่างยากลำบากนี้…. เย่ว์หยางไม่ยอมพัก เขาพยายามกลั่นควบกระบี่รูปแบบที่สอง นี่แตกต่างจากกระบี่กุยจ้างอย่างสิ้นเชิง นี่คือกระบี่ขาวซวงหัว
กระบี่กุยจ้างมีขนาดใหญ่และดำสนิท หยาบใหญ่ตามธรรมดาจะไม่มีปลายแหลม ตัวกระบี่ทั้งหมดจะปลดปล่อยพลังกดดันต่อสิ่งมีชีวิตทั้งหมดทำให้ทุกคนเชื่อว่ามันมิอาจทำลายได้
กระบี่ซวงหัวกลับตรงกันข้าม มันคือกระบี่ที่สง่างามโดดเด่นมีพลังความสามารถน่าตื่นตา ดูเรียบเนียนสะอาดเหมือนน้ำแข็ง เย่ว์หยางรู้สึกว่ามันมีพลังสังหารปีศาจและขับไล่ภูตผีได้ แต่กระบี่นี้จะแตกต่างจากกระบี่กุยจ้างซึ่งมีคุณสมบัติทำลายล้าง เย่ว์หยางรู้สึกว่ากระบี่ซวงหัวยังมีพลังความสามารถพิเศษในการบำบัดแก้อันตรายทุกชนิด ความสามารถนี้ยังเป็นส่วนขยายและเปลี่ยนแปลงปราณก่อกำเนิดในทางที่มีคุณภาพขึ้นง
สำหรับคู่ต่อสู้ กระบี่ซวงหัวใช้สำหรับฆ่าปีศาจ กับเย่ว์หยางหรือเพื่อนร่วมต่อสู้ของเขา มันคือสมบัติที่ใช้ชำระและรักษาได้
ด้วยกระบี่ซวงหัวนี้ เย่ว์หยางไม่เพียงแต่มีพลังต่อสู้ในระดับที่สูงขึ้นแต่ยังเป็นประโยชน์ต่อการต่อสู้ทั้งหมด
เทียบกับกระบี่ดำกุยจ้างแล้ว กระบี่ซวงหัวควบกลั่นได้ยากกว่า
จำเป็นต้องใช้ปราณก่อกำเนิดมากขึ้น
เย่ว์หยางพยายามอย่างดีที่สุดเพื่อควบกลั่นกระบี่ซวงหัวที่เรียวบางยาวได้สองเมตร เรื่องนี้ต้องขอบคุณที่ได้รับความช่วยเหลือโดยการผสานร่างกับนางเซียนหงส์ฟ้า เมื่อกระบี่ซวงหัวปรากฏ ทั่วทั้งห้องสว่างขึ้นทั้งมีกลิ่นหอมยอดเยี่ยมอบอวลเต็มพื้นที่ ร่างกายที่เหนื่อยล้าของเย่ว์หยางก่อนหน้านี้ก็ฟื้นตัวได้อย่างรวดเร็ว ในที่สุดกระบี่ซวงหัวที่ช่วยยกเย่ว์หยางจากสภาพติดลบ กลายเป็นเส้นสายบางแต่ก็ยังทรงพลัง
แม้ว่าราชันย์ปีศาจใต้จะอายและวิ่งออกไปจากห้อง นางไม่สามารถข่มความสงสัยของนางเมื่อกระบี่ซวงหัวปรากฏ นางข่มความอายและซ่อนตัวอยู่หลังประตูและเห็นประจักษ์ของการถือกำเนิดของกระบี่ซวงหัว
นางพญากระหายเลือดหง, โคเงาอาหมันและแม้แต่ทหารหญิงโบราณก็มารวมตัวกันอยู่นอกหน้าต่าง ขณะที่พวกนางกลั้นหายใจและมองดูกระบี่ซวงหัวเคลื่อนไหวอย่างคล่องแคล่วในมือของเย่ว์หยางเหมือนกับมีชีวิต
ภายใต้การช่วยเหลือของนางเซียนหงส์ฟ้าที่เป็นระดับสุดยอดนักสู้ปราณก่อกำเนิด ในที่สุดเย่ว์หยางก็สามารถกลั่นกระบี่ซวงหัวได้สำเร็จ แม้ว่ามันจะบางเฉียบเหมือนเส้นด้าย แต่เย่ว์หยางสามารถเห็นด้วยจักษุญาณทิพย์ว่า มีคำว่าซวงหัวสลักไว้กับมัน เทียบกับกระบี่กุยจ้างที่กลั่นรวมโดยเย่ว์หยางตามลำพัง กระบี่ซวงหัวเย่ว์หยางลองควบกลั่นเป็นครั้งที่สองจึงทำได้ดีขึ้น กระบี่ยิ่งแข็งขึ้นก็มีรูปร่างชัดเจนขึ้น แม้แต่ชื่อของมันก็มองเห็นได้
“ข้าทำได้ ข้าทำได้แล้ว!” เย่ว์หยางค่อยๆ เก็บกระบี่ซวงหัวกลับเข้าไปในร่าง เทียบกับกระบี่กุยจ้างซึ่งกระจายไปก่อนหน้านั้น ตอนนี้เย่ว์หยางสามารถเอาออกมาได้ง่าย แม้ว่าเขาต้องใช้เวลานานและด้วยความช่วยเหลือของนางเซียนหงส์ฟ้า กว่าจะได้มาจึงไม่ใช่เรื่องง่ายเลย
“ยินดีด้วย! ด้วยอาวุธเทพทั้งสองนี้ ราชาเฮยอวี้คงต้องตายในไม่ช้านี้” นางเซียนหงส์ฟ้ากอดเย่ว์หยาง ขณะที่นางจูบเขาด้วยความหลงใหล
แม้ว่าเย่ว์หยางจะยังไม่สามารถใช้กระบี่กุยจ้างและซวงหัวจัดการกับราชาเฮยอวี้ได้ในตอนนี้ แต่ตราบเท่าที่เย่ว์หยางยังคงยกระดับและเชี่ยวชาญกระบี่ทั้งสองยิ่งขึ้น โชคของราชาเฮยอวี้คงจะหมดไปในไม่ช้านี้แน่
เป็นไปได้ไหมที่ราชาเฮยอวี้ยังจะอาศัยเกราะทมิฬศักดิ์สิทธิ์เพื่อป้องกันการโจมตีของเย่ว์หยางได้อีก?
เพลิงอมฤตและวงจักรล้างโลกก็ยังคงเป็นอาวุธที่สามารถฆ่าคนได้ทันที แต่เป้าหมายของมันเห็นได้ชัด ดังนั้นคู่ต่อสู้มักจะลงท้ายด้วยการหลบหนีเสมอ กระบี่กุยจ้างและซวงหัวแตกต่างออกไป ถ้าเย่ว์หยางควบคุมกระบี่เหล่านี้ได้และทำให้มันใช้งานทันทีหรือควบกลั่นให้เร็วที่สุดและเริ่มโจมตีใส่ราชาเฮยอวี้ ราชาเฮยอวี้จะต้องเจ็บตัวอย่างหนักเป็นแน่ เพลิงอมฤตและวงจักรล้างโลกเพียงแต่ทำให้ราชาเฮยอวี้อ่อนแอลงเท่านั้น แต่ยากจะใช้ฆ่าเขาได้ทันที มันเหมาะกับใช้จัดการกับเพชรฆาตโบราณพวกนั้นเพราะพวกมันมีสติปัญญาต่ำ
เย่ว์หยางมีเวลาพอจะฆ่าเพชรฆาตโบราณที่เหาะไม่ได้ หรือเทเลพอร์ตไม่ได้
แม้ว่าพวกมันจะวิ่งหนีหลังจากเห็นเพลิงอมฤตก็ตาม แต่เย่ว์หยางก็สามารถไล่ตามพวกมันได้ทัน แต่สิ่งนี้ใช้ไม่ได้กับราชาเฮยอวี้
เย่ว์หยางต้องฆ่าราชาเฮยอวี้ภายในกระบวนท่าเดียวเพื่อป้องกันเขาหลบหนี
กระบี่กุยจ้างและซวงหัวอาจทำเรื่องนี้ได้สำเร็จ ปัญหาก็คือเย่ว์หยางต้องเชี่ยวชาญกระบี่ทั้งสองชนิดนี้โดยเร็ว ยิ่งเขาควบกลั่นกระบี่ทั้งสองได้เร็วขึ้นก็ยิ่งดี
ภายใต้การปลอมตัวของทักษะแฝงเร้นลอกเลียนและทักษะปลอมของเขา เย่ว์หยางตัดสินใจหาโอกาสดีๆ ทำให้ราชาเฮยอวี้ได้ลิ้มรสความรู้สึกยามเมื่อกระบี่แทงทะลุหัวใจ
“บัดสียิ่งนัก…” ราชันย์ปีศาจใต้ที่แอบดูอยู่หลังประตู ตระหนักว่าเย่ว์หยางและนางเซียนหงส์ฟ้าเริ่มมีสัมพันธ์รักกันอีกครั้งท่ามกลางการกอดจูบอย่างดูดดื่ม นางตะลึงมองดูนางเซียนหงส์ฟ้าเปิดอกและคลึงใส่เย่ว์หยาง ราชันย์ปีศาจใต้ลืมตัวไปว่านางกำลังแอบดูพวกเขาขณะที่นางพึมพำอย่างตะลึง “ทำแบบนั้นได้ด้วยเหรอ?” จนกระทั่งนางเห็นว่านางเซียนหงส์ฟ้านั่งอยู่บนตัวเย่ว์หยาง และขี่เขาด้วยความรู้สึกหลงใหล แก้มนางแดงร้อนผ่าวทันทีและตัวของนางก็เริ่มร้อน นางรีบวิ่งกลับไปที่ห้องของนางทันที นางพบว่าหัวของนางว่างเปล่า คิดอะไรไม่ออกอยู่นาน ฉากภาพที่เร่าร้อนยังคงแว่บอยู่ในหัวของนาง
ขณะที่เย่ว์หยางกับนางเซียนหงส์ฟ้ายังคงยุ่งอยู่กับการปรนเปรอรักให้กัน สาวมังกรไร้เขาเจี้ยงอิงที่อยู่ในระหว่างจำศีลและมึนเมา ก็เริ่มอาการดีขึ้นทันที
นางเริ่มฟื้นจากสภาพจำศีล ไม่ทราบแน่ว่าเป็นเพราะกระบี่ซวงหัวที่เย่ว์หยางควบกลั่นขึ้นจึงทำให้นางฟื้นสภาพหรือว่าเป็นเพราะศึกรักระหว่างเขากับนางเซียนหงส์ฟ้าปลุกความรู้สึกของนางกลับมากันแน่
ไม่ว่ายังไงก็ตาม ความจริงที่ว่านางฟื้นขึ้นมาในที่สุด นับว่าเป็นข่าวดี
***************