ตอนที่ 529 สาวยักษ์ไตตันโบราณ
พอเมื่อนางเซียนหงส์ฟ้าเหนื่อยและรู้สึกอิ่มเอมใจจากการมอบสัมพันธ์รักให้เย่วหยางและเตรียมตัวจะปลีกตัวออกมาและปล่อยให้นางพญาซัคคิวบัสรับปรนนิบัติแทนนาง ก็พลันมีแสงสว่างวาบขึ้น
มังกรไร้เขาร่างสีเงินทั้งร่างบินออกมาจากคัมภีร์ทอง
มันพุ่งขึ้นไปในที่สูงมากในท้องฟ้าใต้โดมก่อนจะพุ่งกลับลงมา และหยุดลอยตัวเหนือพื้นราวๆ ร้อยเมตร มังกรไร้เขาเปลี่ยนเป็นร่างมนุษย์ นางหลั่งน้ำตาและบินเข้าไปในบ้านโถมตัวเข้าอ้อมแขนเย่ว์หยาง นางร้องไห้เหมือนเด็กน้อยที่เพิ่งได้พบพ่อแม่หลังจากหนีออกจากบ้านไปเป็นเวลานาน นางเซียนหงส์ฟ้าตอนแรกตะลึง แต่หลังจากเห็นเย่ว์หยางปลอบโยนนางด้วยท่าทางงงงวย นางหัวเราะคิกทันที นางถือเสื้อผ้าเดินออกไปจากห้องพร้อมกับนางพญาซัคคิวบัส ปล่อยให้เย่ว์หยางและมังกรไร้เขาได้ใช้เวลาในพื้นที่เล็กๆ ตามลำพัง
“อย่าร้องเลยนะ, เจี้ยงอิงคนดี, อย่าร้อง!” เย่ว์หยางรีบปลอบนาง ขณะที่เขาห่มคลุมตัวสาวมังกรไร้เขาผู้ไม่มีเสื้อผ้าปิดกายแม้แต่ชิ้นเดียว
“ข้ากลัวมาก, ข้าหลงอยู่ในความมืดมิด ข้าคิดถึงเจ้ามาก แต่ข้าไม่สามารถออกมาได้ ข้านึกว่าจะต้องติดอยู่อย่างนั้นตลอดไปแล้ว..ฮึกๆ” สาวมังกรไร้เขาเจี้ยงอิงยังคงสะอึกสะอื้น ความปรารถนาของนางเป็นจริงแล้ว ภายใต้การช่วยเหลือของเย่ว์หยาง นางยกระดับกลายเป็นอสูรในตำนานได้สำเร็จ
แต่ขณะที่นางสมปรารถนาดังฝัน ตัวนางกลับติดอยู่ในสภาวะสับสนยุ่งเหยิง เพราะนางเร่งยกระดับรวดเร็วเกินไป
ในจิตสำนึกของนาง ยังคงมีกระแสของความมุ่งมั่นที่ชัดเจน
นางเพียงแต่ไม่สามารถควบคุมร่างกายนางได้
จิตใจของนางอยู่ในสภาพว้าวุ่นและนางไม่สามารถใช้จิตสำนึกของนางปลุกจิตวิญญาณที่หลับใหลของนางได้
ในฐานะที่เป็นหนึ่งในอสูรพิทักษ์ นางรู้ว่าเย่ว์หยางพบกับอันตรายระหว่างที่เขาต่อสู้ แม้ว่านางอยากช่วยเย่ว์หยางแต่ว่านางทำอะไรไม่ได้ แม้ว่านางจะเติบโตขึ้นอย่างโดดเดี่ยวและเด็ดเดี่ยวยืนกรานมานานหลายปี แต่นางไม่เคยมีประสบการณ์ในการควบคุมร่างกายของนาง แน่นอนว่านางจะยังมีพัฒนาการที่น่ากลัวต่อไปในอนาคต
ตอนนี้ นางสามารถออกมาจากสภาวะยุ่งเหยิงดังกล่าวได้
นางสามารถรู้สึกถึงการกระทำของเย่ว์หยางได้ตลอด จิตสำนึกนางเริ่มชัดเจนและนางเริ่มกลับมาควบคุมร่างกายได้ช้าๆ
หลังจากตื่นขึ้น
เจี้ยงอิงไม่สามารถรีรอได้ รีบออกมาจากคัมภีร์อัญเชิญชั้นทองแดง ทันทีที่นางเป็นอิสระ
โดยไม่สนใจว่าเย่ว์หยางกำลังอภิรมย์กับนางเซียนหงส์ฟ้า นางไม่รีรอโดดเข้าอ้อมกอดของเขาบอกเล่าเรื่องราวที่ผ่านมา
แม้ว่าราชันย์ปีศาจใต้จะไม่รู้ว่าเจี้ยงอิงเป็นใคร แต่เมื่อเห็นร่างที่แท้จริงของเจี้ยงอิงในฐานะสาวมังกรไร้เขา นางจึงรู้ว่าเจี้ยงอิงเป็นคนของเผ่าปีศาจบูรพา ความจริงนางรู้สึกรางๆ ถึงคนที่มาจากเผ่าพันธุ์เดียวกัน เมื่อราชันย์ปีศาจใต้เปิดประตูมองเห็นนางเซียนหงส์ฟ้าเปลือยกายเดินถือเสื้อผ้านางออกมาจากห้องเย่ว์หยาง นางคำรามอย่างช่วยไม่ได้
“ไม่มีความจำเป็นต้องดูเลยย่ะ ของข้าใหญ่กว่าเจ้าอีก!” นางเซียนหงส์ฟ้าเดินเชิดส่ายอกมหึมาผ่านหน้าราชันย์ปีศาจใต้อย่างยั่วยวนใจ
“ยัยโคนมยักษ์…” ราชันย์ปีศาจใต้สบถตามเงียบๆ แม้ว่านางพบว่าของนางเองก็ว่าไม่เล็กแล้ว แต่ก็ยังไม่อาจเทียบกับนางเซียนหงส์ฟ้าได้เลย
ภายในห้อง หลังจากเย่ว์หยางปลอบโยนเจี้ยงอิงอยู่ครึ่งค่อนวันแล้ว ในที่สุดเจี้ยงอิงก็สงบสติลง
เมื่อนางเห็นร่างเปลือยของเย่ว์หยาง ใบหน้าของนางแดงทันที ใจของนางกระวนกระวายว้าวุ่นอีกครั้ง แต่นางยังไม่กล้าผละออกจากเขา นางยังฝังตัวอยู่ในอ้อมอกของเขา และปล่อยให้เขากอดนาง นางสุขสบายอยู่กับความสุขที่ได้รับจากเขา
ถ้านางไม่ติดอยู่ในสภาพใจยุ่งเหยิงและจำศีลอยู่ มีทางเป็นไปได้มากที่นางจะทำเรื่องนั้นกับเขา
หัวใจของเจี้ยงอิงเต้นถี่เร็ว นางไม่คุ้นเคยกับร่างเย่ว์หยาง
นางเคยเห็นร่างของเขาหลังจากฝึกผสานร่างกับเขาเพื่อยกระดับเป็นอสูรในตำนาน
ถ้านางไม่กังวลว่านางเซียนหงส์ฟ้าจะกลับมา นางคงจูบเขาไปแล้วเพื่อบรรเทาความโหยหาในใจนาง
หลังจากเย่ว์หยางปลอบนางให้คลายความเศร้าโศกและความกลัวในใจของสาวมังกรไร้เขาเจี้ยงอิงแล้วจนกระทั่งนางรู้สึกเป็นสุขใจ นั่นเหมือนกับว่านางเห็นแสงสว่างในความมืดมิด จิตวิญญาณนางได้รับการยกขึ้นแล้วในตอนนี้ เมื่อนางได้ยินเสียงดังมาจากด้านนอก นางเริ่มกังวลเกี่ยวกับเย่ว์หยางจริงๆ นางรีบลุกขึ้นและสวมเสื้อผ้าของนาง และบอกให้เย่ว์หยางพานางออกไป “พี่สาวคนนั้นเป็นใครกัน? ดูเหมือนนางจะเป็นสุดยอดนักสู้ปราณก่อกำเนิดแล้วใช่ไหม?”
“นางคือมารกฎฟ้าแห่งวังมาร” เย่ว์หยางพาเจี้ยงอิงมาส่งที่หน้าประตู เขาตระหนักได้ว่าเด็กสาวยักษ์ก็ตื่นขึ้นแล้ว และยันตัวลุกขึ้นนั่ง เหลียวมองไปรอบๆ โลกคัมภีร์ด้วยความงงงวย
“ตายแล้ว, นั่นใครกัน? ไตตันโบราณหรือ?” เมื่อเห็นเด็กสาวยักษ์สูงเกือบร้อยเมตรลุกขึ้นนั่ง สาวมังกรไร้เขาเจี้ยงอิงตกใจ
“นางตัวใหญ่จริงๆ….” ราชันย์ปีศาจใต้ไม่เข้าใจว่าเด็กสาวยักษ์โตขนาดนั้นได้ยังไง
“นักสู้ชาวสวรรค์ระดับสาม นี่เป็นไปได้ที่นางคือเด็กสาวที่แข็งแกร่งที่สุดในโลก” ความจริงนางเซียนหงส์ฟ้ารู้สึกว่าปราณก่อกำเนิดฟ้าระดับสามยังไม่ใช่ระดับสูงสุดของนาง แต่นางยังมีพลังที่ไม่ได้แสดงอีก
“นี่ที่ไหนกัน? ทำไมข้าถึงมาอยู่ที่นี่ได้?” คนที่สับสนที่สุดก็ยังเป็นเด็กสาวยักษ์ คำถามของนางดังเหมือนเสียงฟ้าคำรามผ่านก้อนเมฆ
ประการแรก นางได้รับการกระทบกระเทือนจากการโจมตีของราชาเฮยอวี้อย่างสุดกำลังทำให้สูญเสียความทรงจำไปบางส่วน
จากนั้น นางได้รับการช่วยเหลือและถูกเย่ว์หยางปลุกขึ้น
หลังจากเปลี่ยนเกราะไตตันและเตรียมรบ นางก็เป็นลมสลบ
เมื่อนางฟื้นขึ้นอีกครั้ง นางตระหนักได้ว่านางไม่ได้อยู่ในลานผลึกที่คุ้นเคย แต่กลับอยู่ในโลกใบเล็กแทน
ด้วยเหตุเปลี่ยนแปลงหลายอย่างมากมาย ยังไม่ต้องพูดถึงเด็กสาวยักษ์สูญเสียความทรงจำหลังจากได้รับความกระทบกระเทือนศีรษะ แม้คนปกติก็ยังสับสนได้
“อะแฮ่ม.. ความจริงเรื่องราวหลายๆ อย่างก็เป็นแบบนี้” เย่ว์หยางอธิบายสถานการณ์ทั้งหมด โดยหวังว่าจะช่วยให้เด็กสาวยักษ์ฟื้นฟูความจำ พวกนักรบหญิงโบราณคอยเสริมเรื่องราว ในบรรดาพวกนางสาวงามจากเผ่าสุนัขกระดิกหางรับรองคำพูดของเย่ว์หยางอย่างน่ารัก “โฮ่ง, เขาพูดถูก เจ้าคือองครักษ์หลวงพิทักษ์แดนสวรรค์ตะวันตก พวกเราทุกคนเป็นลูกหลานของตระกูลที่ถูกผนึกไว้ แม้ว่าเราจะไม่ได้เข้าร่วมรบในสงครามครั้งก่อน แต่เราจะพยายามอย่างดีที่สุดไม่ยอมให้คนรุ่นบิดาของเราต้องรู้สึกตกต่ำ”
“พวกเจ้าทุกคนเป็นลูกหลานของตระกูลที่ถูกผนึกไว้หรือ? ผนึกตระกูลคืออะไร?” เย่ว์หยางสงสัย นักรบโบราณเหล่านี้มาจากไหนกัน?
“โฮ่ง โฮ่ง” สาวงามเผ่าสุนัขกระดิกหางนาง นางอายุน้อยที่สุดในบรรดานักรบโบราณ และก็น่ารักที่สุดเช่นกัน เมื่อมองดูนางแล้ว นางยังดูอายุน้อยกว่าเย่ว์ปิงน้องสาวของเย่ว์หยางเสียอีก “ผนึกตระกูลหมายถึงคนรุ่นบิดาหรือรุ่นบรรพบุรุษของเราได้กระทำบางอย่างที่ผิดพลาดจึงต้องถูกลงโทษด้วยการผนึกไว้ พวกเขาต้องคอยสนับสนุนเทพธิดาศึกพิทักษ์ดินแดนเอาชนะศัตรูและคว้าชัยชนะ เพื่อให้ได้รับอิสระ แต่เมื่อดูสถานการณ์ตอนนี้แล้ว ดูเหมือนจะช่วยอะไรไม่ได้”
จนถึงตอนนี้ หญิงงามเผ่ามนุษย์สุนัขเศร้าใจเล็กน้อย
หูน้อยที่น่ารักของนางตกลง
เย่ว์หยางรีบปลอบนางอย่างอ่อนโยน “นี่ไม่จริง, แม้ว่าการต่อสู้ครั้งนี้จะยากลำบาก แต่ชัยชนะจะเป็นของพวกเรา พวกเจ้าทุกคนจะได้รับอิสรภาพ!”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ หญิงงามเผ่ามนุษย์สุนัขมีชีวิตชีวาขึ้น นางเชื่อในเย่ว์หยาง “จริงเหรอ? นั่นเยี่ยมจริงๆ”
นอกจากนางแล้ว นักรบหญิงโบราณคนอื่นๆ ไม่ได้มองโลกในแง่ดี พวกนางไม่กล้าเชื่อในสิ่งที่เย่ว์หยางพูดทั้งหมด เพราะราชาเฮยอวี้ทรยศ สถานการณ์จึงเลวร้าย แน่นอนพวกเขาไม่กล้าเผยคำพูดต่อหน้าเย่ว์หยาง ที่สำคัญคือ นางยังเป็นเด็กน้อยคนหนึ่ง พวกเขาไม่ต้องการทำลายความไร้เดียงสาของเด็กคนหนึ่งด้วยการพูดความจริงโหดร้ายมากเกินไป
“ข้าเป็นเทพศึกพิทักษ์แดนสวรรค์ตะวันตกหรือ?” เด็กสาวยักษ์สับสน นางลุกขึ้นยืน ความสูงของนางมากกว่าสองร้อยเมตร
ทุกคนกังวลเมื่อเห็นแผลที่ศีรษะนาง และสับสน
เย่ว์หยางรีบโกหกทันที “ไม่สำคัญว่าเจ้าจะจำได้หรือเปล่า ประการแรกเลย เจ้าต้องมั่นใจไว้อย่างหนึ่ง ตอนนี้เจ้าปลอดภัยดีแล้ว พวกเราทุกคนเป็นสหายของเจ้า
เมื่อได้ยินเช่นนี้ เด็กสาวยักษ์ปรบมือดีใจ “ข้ามีเพื่อนมากจริงๆ หรือนี่? ข้ามีความสุขจริงๆ!” นางเริ่มเต้นอย่างมีความสุข โลกคัมภีร์สั่นสะเทือนไปทั้งหมด พลังเขย่าโลกของนางน่ากลัวยิ่งกว่าแผ่นดินไหวเสียอีก ทันใดนั้น เด็กสาวยักษ์หยุดเต้น นางโน้มตัวลงใช้นิ้วที่ยาวราวๆ สิบสองเมตรจิ้มเย่ว์หยางเบาๆ “แต่ข้าไม่รู้ว่าเจ้าเป็นใคร?”
แค่เพียงนางจิ้มเย่ว์หยางเบาๆ เขาปลิวออกไปเกือบร้อยเมตร นี่น่าตลกยิ่งกว่าเมื่อครั้งที่เขาเจ็บตัวจากการโดนหมัดห้าเปลี่ยนแปลงของซุ่นเทียนเล่นงานเสียอีก
เขาหยุดยั้งตัวเองด้วยพลังทั้งหมด
แม้แต่เขาก็ยังถอยออกไปหลายก้าวอย่างช่วยไม่ได้
แน่นอน ใบหน้าของเขาก็ยังประดับรอยยิ้มสดใสเหมือนดวงอาทิตย์ “ถ้าเจ้าถามชื่อข้า เจ้าจึงจะรู้ว่าข้าคือใคร”
เด็กสาวยักษ์ปรบมืออย่างน่ารัก ทำให้เกิดกระแสลมลมรุนแรงพัดใส่เย่ว์หยาง เจี้ยงอิงและคนอื่นๆ แทบปลิวกระเด็น “เจ้าพูดถูก, อย่างนั้นเจ้าชื่ออะไร?”
เย่ว์หยางกังวลมากที่รู้ว่าเด็กสาวยักษ์นี้มีพลังทำลายล้างโดยที่นางไม่รู้ตัว
หลังจากสื่อสารกันอย่างยากลำบาก
ทั้งสองฝ่ายก็กลายเป็นเพื่อนกัน แม้ว่าเด็กสาวยักษ์จะจำชื่อของนางเองไม่ได้ แต่หลังจากนางทำสัญญากับเย่ว์หยางแล้ว นางก็จดจำเย่ว์หยางไว้ว่าเป็นสหายของนาง ในทางตรงกันข้าม ราชาเฮยอวี้ผู้ทำร้ายนางบาดเจ็บถูกขึ้นบัญชีดำโดยอัตโนมัติ
“พี่เย่ว์หยาง, เจ้าตัวเล็กมากจัง ถ้าเพียงแต่เจ้าเป็นเผ่าไตตัน ก็คงจะดีอยู่หรอก จากนั้นเราจะได้เอาชนะเจ้าคนเลวนั่นที่เจ้าพูดถึง แล้วก็สัตว์ประหลาดเหล่านั้นด้วย” แค่เพียงใช้นิ้วชี้ของนาง เด็กสาวยักษ์ก็สามารถคว้าตัวเย่ว์หยางได้ ความจริงก็ไม่ใช่เรื่องยาก เพราะเจี้ยงอิง ราชันย์ปีศาจใต้, นางเซียนหงส์ฟ้าและนักรบหญิงโบราณคนอื่นก็มีพื้นที่นั่งเหลือเฟือ
“ข้าเป็นมนุษย์ แตกต่างจากเผ่าพันธุ์ของเจ้า สำหรับสิ่งมีชีวิตมนุษย์ตัวขนาดข้านี่ก็ถือว่าสูงแล้ว” เย่ว์หยางหัวเราะเมื่อได้ยินคำพูดนาง
“คิกคิก” เจี้ยงอิงหัวเราะและคนที่เหลือก็พลอยหัวเราะตามไปด้วย
“เจ้ายังโตไม่ได้อีกหรือ? มองหาเจ้าแต่ละที ทำข้าเหนื่อยมาก” เทียบกับเด็กสาวยักษ์ เย่ว์หยางเป็นเหมือนมดในสายตาของสาวยักษ์
“อา, เป็นไปไม่ได้จริงๆ ที่ข้าจะตัวใหญ่ขึ้น, ข้าไม่มีความสามารถจะทำเช่นนั้นได้… แต่.. ก็พอเป็นไปได้ที่จะย่อตัวเจ้าให้เล็กลงมาชั่วคราว” เย่ว์หยางนึกได้ว่าสาวกิเลนปิงหยิน มีวิชาที่สามารถย่อขนาดของเป้าหมายให้เล็กลง บางทีอาจได้ผลเมื่อใช้กับเด็กสาวยักษ์ก็ได้ การเปลี่ยนขนาดเด็กสาวยักษ์ให้มีขนาดเดียวกับมนุษย์อาจจะเป็นเรื่องยากอยู่ แต่ฝีมือของสาวกิเลนปิงหยินในปัจจุบันอาจจะย่อขนาดให้เหลือสักสิบเมตรได้
“จริงเหรอ?” เด็กสาวยักษ์ไม่แน่ใจ “เกราะไตตันของข้ามีภูมิคุ้มกันต่อการโจมตีด้วยพลังจิตทั้งหมด ไม่ว่าทักษะใดก็ไม่มีผลต่อร่างกายข้าเลย”
“งั้นลืมซะเถอะว่าข้าพูดอะไรไป…” เย่ว์หยางเหนื่อยใจ
“ใครบอกว่าการย่อเป็นไปไม่ได้ อย่าว่าแต่ไตตันโบราณเลย ต่อให้เป็นยักษ์ผมทองที่สามารถโยกคลอนภูเขาได้ทั้งลูก ข้าก็สามารถย่อได้” เมื่อถึงจุดหนึ่ง สาวกิเลนปิงหยินจะต้องวิ่งออกมาปกป้องวิชาของนาง นางได้เห็นสิ่งมีชีวิตทั้งหมดในแดนสวรรค์หรือหอทงเทียนทั้งระดับต่ำ ระดับสูงด้วยความชิงชัง ทั้งนี้เพราะนางรู้สึกว่านางเป็นชีวิตระดับสูงสุด นอกจากพี่น้องหงส์เพลิงแล้ว นางยังลังเลที่จะมองเสี่ยวเหวินหลีอย่างเท่าเทียมกัน
สำหรับคนอื่น ต่อให้เป็นฮุยไท่หลางที่อยู่ในเผ่าพันธุ์หมาป่าปีศาจทำลายโลก หรือนางพญาดอกหนามมงกุฎทอง ที่มีพัฒนาการอย่างรวดเร็ว นางไม่สนใจพวกเขาเลย
สายเลือดของอสูรอมตะ สามารถกล่าวได้ว่าไม่เห็นใครอยู่ในสายตา
สาวกิเลนปิงหยินยื่นมือน้อยๆ ออก พลังงานสีรุ้งนับไม่ถ้วนฉายส่องประกายออกมาจากมือดุจหยกของนาง
ทุกคนถึงกับขากรรไกรค้าง บางอย่างที่ไม่คาดคิดเกิดขึ้นต่อหน้าพวกเขา เด็กสาวยักษ์กำลังย่อขนาดลงอย่างรวดเร็ว
****************