ตอนที่ 533 ทักษะพรางตัวเล็กน้อย
แม้ว่าหวงฉวนและคนอื่นๆ ไม่ได้รับข่าวสารใดๆ ที่เย่ว์หยางได้สมาชิกเข้ามาร่วมกลุ่มเพิ่ม แต่พวกเขาก็ยังรู้สึกได้จากการปรากฏตัวของพวกเขา และทราบได้ว่าทวีปมังกรทะยานมีการเสริมกำลัง
เปรียบเทียนกับหวงฉวนและคนอื่นๆ แล้ว ดูเหมือนถูกปล่อยให้สู้ตามลำพัง
หลังจากสูญเสียสหายร่วมกลุ่ม ก็ไม่มีการเสริมกำลังของสมาชิกใหม่จากแดนสวรรค์เหนือ, ใต้และตะวันออก
ไม่เพียงแต่ไม่มียอดฝีมือเข้ามาเพิ่ม แต่ว่าไม่มีพวกเขาคนใดที่ต้องการเข้าร่วมในสังเวียนมรณะโบราณแห่งนี้เพื่อเซ่นให้กับความโหดร้ายของรหัสโบราณ เหตุผลที่หวงฉวนและคนอื่นๆ เข้ามาร่วม ก็เนื่องมาจากต้องการได้สมบัติชั้นเทพและเพิ่มพลังให้ตนเอง
เมื่อว่ากันในเรื่องของความสามารถ พวกเขาอาจนับได้ว่าเป็นนักสู้ระดับที่แข็งแกร่งที่สุดในฝ่ายเหนือ, ใต้และตะวันออกหรือไม่?
ย่อมไม่อย่างแน่นอน
“ข้าจะให้เวลาพวกเจ้าสิบนาที… จงรวบรวมสมาชิกของพวกเจ้ามาทั้งหมด ข้าหวังว่าจะได้เห็นการแข่งขันกันอย่างเป็นธรรมแท้จริง ข้าไม่ต้องการเห็นผู้เยาว์ที่โดดเด่นมากมายต้องตายไปในการต่อสู้ที่ไร้ความหมายนี้ วัตถุประสงค์ของสังเวียนโบราณแห่งนี้ไม่ใช่เพื่อกำจัดนักสู้ระดับต่ำ แต่เพื่อสร้างนักสู้ระดับสูงผ่านการต่อสู้ครั้งนี้ พวกเจ้าทุกคนเข้าใจวัตถุประสงค์ของสังเวียนมรณะผิดไป… พวกเจ้าทุกคนล้วนเป็นสิ่งมีชีวิตที่โดดเด่น ข้าหวังว่าพวกเจ้าจะเสริมสร้างพลังของพวกเจ้าได้ทุกคนระหว่างต่อสู้ แทนที่จะสู้กันเองอย่างผิดๆ” บุรุษชุดม่วงพูดด้วยน้ำเสียงเหมือนกับจะเปรยถึงสภาพของทุกคนในสนามรบ เมื่อเขายกมือขึ้น เขาสงบความดุร้ายของจ่าฝูง, แม่ทัพและจ้าวอสูรเพชรฆาตโบราณได้ทั้งหมด แสงนุ่มนวลแผ่ออกจากมือของเขาเหมือนกับแสงจันทร์
หลังจากบุรุษลึกลับผู้นี้เหยียดมือออก หวงฉวนและคนอื่นๆ พากันเชื่อมั่นทั้งหมด
พวกเขาปฏิเสธไม่ได้ว่าเป็นเรื่องดี
จ้าวอสูรเพชรฆาตโบราณเป็นอสูรปราณก่อกำเนิดฟ้าระดับห้า ก็สามารถละเว้นทุกอย่างและโจมตีได้ทุกอย่าง
แต่เมื่อบุรุษผู้นี้แค่เหยียดมือออก มันก็สงบลงโดยไม่มีการแข็งขืนแต่อย่างใด นี่พิสูจน์อะไรได้?
ถ้าบุรุษผู้ลึกลับนี้โจมตีใส่ทุกคน ไม่มีใคร แม้แต่หวงฉวนผู้แข็งแกร่งที่สุดสามารถต้านรับได้แม้แต่ครั้งเดียว
รอบตัวบุรุษลึกลับ มีนักสู้แดนสวรรค์ระดับสามอีกสี่คน ในทิศตะวันออกมีเทพสิบสองปีก เขาตัวเตี้ยกว่าเทพศึกโบราณและมีความสูงราวๆ สามเมตรเท่านั้น เขาถือกระบี่ทองศักดิ์สิทธิ์เล่มหนึ่งมีลักษณะงดงามบริสุทธิ์ ด้านตะวันตกเป็นขุนพลที่อยู่ในชุดเกราะเงินสูงกว่ามนุษย์เล็กน้อย เขาคล้ายมนุษย์มากและท่าทางของเขาเหมือนกับเทพสงครามที่ควบคุมทหารนับหมื่นที่ไม่มีใครเทียบได้ ในด้านใต้เป็นมนุษย์สมิงร่างมหึมาเปลือยกายท่อนบนและร่างเขาล่ำสัน เขามีส่วนสูงห้าเมตรเต็มไปด้วยมัดกล้ามเนื้อ ร่างของเขาเต็มด้วยแผลเป็นที่เกิดจากการต่อสู้ ในทิศเหนือเป็นเผ่าลิช (มนุษย์กระดูก) ทั่วทั้งร่างสว่างเปล่งประกายน่าสยดสยอง เขาถือไม้เท้ากระดูกขาวและดวงตาของเขาเรืองแสงสีแดง
แค่เพียงความสามารถผู้แทรกแซงทั้งสี่คนนี้ พวกเขาก็สามารถกวาดล้างทุกคนในสังเวียนมรณะนี้ได้
“โปรดอภัยที่หวงฉวนบังอาจถาม ท่านคือผู้อาวุโสฉือฟงจากตำหนักกลางหรือเปล่า?” หวงฉวนคำนับบุรุษลึกลับในชุดม่วง
“ฉือฟงเป็นเพียงคนเดียวที่มีชื่อเสียงในบรรดาทุกคนในตำหนักกลางหรือ?” บุรุษลึกลับปฏิเสธสถานะตนเอง
“อย่างนั้นท่านก็คือผู้อาวุโสชางเหยียน…?”
เฝินเทียนทักทายอย่างสุภาพ “ข้าเฝินเทียน ศิษย์รุ่นที่สามของเจ้าเมืองสุริยันต์ มาจากเผ่ามนุษย์เพลิง แดนสวรรค์เหนือ ขอคารวะท่านผู้อาวุโส”
บุรุษลึกลับพยักหน้าตอบรับเล็กน้อย
ด้วยการยอมรับของพวกเขา คนอื่นนอกจากเย่ว์หยางและราชาเฮยอวี้ พวกหวงฉวน, หวิ่นซิงเป็นต้นต่างพากันตกใจทั้งหมด สิ่งที่ตำหนักกลางทำต่อแดนสวรรค์ พวกเขาผู้ฝึกฝนอยู่ในแดนสวรรค์ทราบชัด ตำหนักกลางไม่ได้เป็นของสำนักใดๆ แต่สมาชิกทั้งหมดได้รับเลือกจากนักสู้ระดับหัวกะทิจากแต่ละสำนักในแดนสวรรค์ การได้เป็นสมาชิกของตำหนักกลางถือเป็นเกียรติยศที่ยิ่งใหญ่ของนักสู้ทุกคน
ตำหนักกลางเป็นองค์กรที่ไม่เหมือนใครๆ ศิษย์จากทุกค่ายสำนักสามารถเข้าร่วมได้โดยไม่ต้องออกจากสำนักเดิมของพวกเขา
มีคนที่ทรงพลานุภาพมากมายหลายคน นั่นเป็นเรื่องที่ลึกลับมาก
นี่คือคำอธิบายที่ชัดเจนของตำหนักกลาง
ไม่ต้องพูดถึงคนนอก แม้แต่สมาชิกของตำหนักกลางก็ยังไม่รู้ว่ามีผู้คนเข้าร่วมในองค์การอยู่จำนวนเท่าใด
เมื่อหวงฉวนและคนอื่นทุกคนได้ยินชื่อชางเหยียน พวกเขาตกใจกันทั้งหมด เวิ่งจินและจักรพรรดิทองอึดอัดไม่สบายใจ ทั้งนี้เพราะแม้ว่าบุรุษลึกลับชางเหยียนจะเป็นนักสู้ของตำหนักกลางก็ตาม แต่เขาก็ต้องมีความภาคภูมิใจของแดนสวรรค์เหนือเนื่องจากเขาเกิดที่นั่น
พูดตามตรงก็คือ สำหรับเฝินเทียนและเวิ่งจินแล้ว ชางเหยียนคือผู้อาวุโสของพวกเขา!
หวงฉวนและหวิ่นซิงลอบมองกัน ไม่ใช่เรื่องดีที่ผู้อาวุโสจากแดนสวรรค์เหนือของเฝิ่นเทียนจะมาที่นี่ในฐานะผู้ชี้ขาด
ตอนนี้ พวกเขาไม่มีหวังว่าจะได้รับสมบัติชั้นเทพ
พวกเขาหวังได้แต่เพียงว่าสามารถไปจากที่นี่ได้อย่างปลอดภัย
สำหรับเรื่องทั้งหมดที่เกิดอยู่ต่อหน้าเขา เย่ว์หยางไม่มีความเคลื่อนไหว
สิ่งที่เขากังวลก็คือสมาชิกที่มาใหม่ของเขา… เมื่อสมาชิกใหม่ของเขาเข้ามาในลานแก้วผลึก พวกเขาต้องทำตามคำแนะนำที่เย่ว์หยางส่งไปให้ไห่อิงอู่ในการส่งข่าวของเขาโดยให้พวกเขาเข้าไปในโลกคัมภีร์ของพวกเขาอย่างเงียบๆ และรอเย่ว์หยางอยู่ที่นั่น
ตอนนี้เย่ว์หยางเข้าใจแล้ว
พวกที่มาถึงทั้งหมดอยู่ข้างเขา ไม่ใช่กำลังเสริมของราชาเฮยอวี้หรือจักรพรรดิฟ้า
ส่วนว่าจะเป็นจักรพรรดินีราตรีและจื้อจุนหรือไม่ เย่ว์หยางยังไม่แน่ใจเต็มร้อย ทั้งนี้เพราะผลจากการปรากฏตัวของผู้แทรกแซงจากแดนสวรรค์ และวิธีที่พวกเขาเข้าไปในโลกคัมภีร์ของพวกเขาอย่างรวดเร็ว เย่ว์หยางแทบไม่รู้สึกได้ถึงการปรากฏตัวของสมาชิกใหม่เลยแม้แต่น้อย แต่ยังมีสิ่งหนึ่งที่เย่ว์หยางมั่นใจก็คือ องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนอยู่ที่นี่ด้วย นี่เป็นเพราะเย่ว์หยางรับรู้ถึงดาบเทพจักรพรรดิอวี้ที่นางนำติดตัวมาด้วย
แม้ว่าจะเป็นองค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนที่เป็นคนใช้ดาบเทพจักรพรรดิอวี้ แต่ดาบเทพนี้ยังคงจำเย่ว์หยางได้ว่าเป็นเจ้าของๆ มัน
แค่เพียงเพราะปณิธานสุดท้ายของวิญญาณจักรพรรดิอวี้ที่ยังคงอยู่ จึงทำให้ดาบตกทอดไปที่องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนอย่างไม่ได้ตั้งใจ
“ไม่สำคัญว่าผู้ตัดสินจะมาจากไหน เขาจะให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย พวกเจ้าทุกคนจงพาสมาชิกในกลุ่มมาที่นี่ทั้งหมด ผู้ที่ไม่มีความสามารถพอจะร่วมต่อสู้ได้ สามารถได้รับการปกป้องจากเราในตอนนี้ นี่จะช่วยป้องกันรหัสโบราณไม่ให้กำจัดคนที่มีคะแนนไม่ถึงอีกด้วย หลังจากสมบัติเทพเลือกเจ้าของๆ มันแล้วทุกคนจะถูกนำออกไปจากสังเวียนมรณะโดยคณะผู้ตัดสิน มีเพียงเฉพาะผู้ที่มีความสามารถพอเข้าแข่งขัน ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายใด ผู้ตัดสินจะให้การดูแลโดยปราศจากอคติใดๆ ทั้งสิ้น”บุรุษลึกลับนามว่าชางเหยียนนำเสนอเหมือนกับมืออาชีพ และรับประกันอย่างไม่เห็นแก่ตัวที่จะกำจัดปัญหาของทุกคนจากการถูกกำจัดเนื่องจากคะแนนไม่ถึงเกณฑ์
“…..” หวงฉวนและหวิ่นซิงไม่เชื่อ
พวกเขารู้สึกว่าหลายอย่างเกิดขึ้นเร็วเกินไป, ราบเรียบเกินไป
ความจริง, พวกเขาดูเหมือนจะแตกต่างจากผู้แทรกแซงที่เย่ว์หยางพูดถึงก่อนนั้น พวกเขาควรเชื่อใคร? พวกเขาไม่สามารถตัดสินใจได้!
“ขอบคุณผู้อาวุโสชางเหยียน!” เฝินเทียน, เวิ่งจินและจักรพรรดิทองยอมเชื่อโดยไม่สงสัยเลยแม้แต่น้อยและคำนับด้วยความซาบซึ้งใจ
ตอนนี้พวกเขาเต็มไปด้วยความมั่นใจ
แม้ว่านี่จะเป็นการต่อสู้ที่ยุติธรรม แต่เนื่องจากผู้ตัดสินมาจากถิ่นฐานเดียวกัน ก็ยังดีกว่าเขามาจากที่อื่น อย่างน้อยแดนสวรรค์เหนือก็ไม่ต้องกังวลว่าจะถูกปฏิบัติอย่างไม่เป็นธรรม
ความจริงหวงฉวนต้องการพูดบางอย่างกับเย่ว์หยาง แต่เย่ว์หยางแกล้งทำเป็นไม่ได้ยินอะไร
เขาสื่อสารเงียบๆ
หนีไป
แน่นอนว่า เย่ว์หยางรู้ว่าเรื่องกำกับดูแลความยุติธรรมที่พูดมาทั้งหมดนี้เหลวไหลทั้งเพ! ไม่สำคัญว่าบุรุษลึกลับนี้คือชางเหยียนจากตำหนักกลางหรือไม่ ถ้าเขาเป็นจริงๆ เขามาที่นี่ก็ไม่ได้มาเพื่อช่วยพวกเขา แต่มาเพื่อฆ่าพวกเขา พวกเขายอดเยี่ยมมากนักหรือ? พวกเขามาสังเวียนมรณะจากแดนสวรรค์เพียงแค่ช่วยคนอย่างนั้นหรือ? เป็นไปไม่ได้! ต่อให้เขาไม่ได้เข้าไปถามนางพญาเฟ่ยเหวินหลีในมิติหลุมดำก็ตาม เย่ว์หยางก็ไม่มีทางเชื่อว่าชางเหยียนและพวกเป็นผู้ตัดสิน ยิ่งไม่ต้องพูดถึงว่าเย่ว์หยางรู้สถานะที่แท้จริงของผู้ตัดสินเหล่านี้อยู่แล้ว
สำหรับหวงฉวนและกลุ่มของเขา เย่ว์หยางสามารถเตือนพวกเขาได้โดยเปิดเผย
อย่างไรก็ตาม คำเตือนของเขาอาจไม่มีผล หวงฉวนและกลุ่มของเขาอาจไม่เชื่อเขาก็ได้
ทำอย่างนั้น ก็เท่ากับเย่ว์หยางกำลังเรียกความยุ่งยากเข้าหาตัวเอง
เขาจะกลายเป็นเป้าหมายของทุกคน
เหมือนอย่างที่หลายคนบอกว่า เอาตัวเองให้รอดก่อน!
ก่อนที่เย่ว์หยางจะมั่นใจว่าปลอดภัยเต็มร้อย เขาไม่มีทางอ้าปากแฉกลโกงของชางเหยียน
ชางเหยียนไม่ได้ตั้งใจมาที่นี่อย่างมีเจตนาดีแน่นอน ก่อนที่พวกเขาจะสามารถสื่อสารกับราชาเฮยอวี้ที่หักหลังและกำหนดเขาให้เป็นเป้าหมาย เขาต้องฉากหนีก่อนเพื่อความปลอดภัยเพื่อจะได้พบจักรพรรดินีราตรีและจื้อจุน สำหรับวิธีต่อสู้จะตามมาภายหลัง เย่ว์หยางจำเป็นต้องคิดทบทวนกลยุทธ์ของเขา เนื่องจากผู้แทรกแซงจากแดนสวรรค์เหล่านี้มาถึงเร็วกว่าที่เขาคิด
เมื่อเห็นเย่ว์หยางเทเลพอร์ตหนีอย่างสุดกำลัง ตาของราชาเฮยอวี้เป็นประกาย
เขาปรากฏตัวออกมาเพื่อตัดสินใจอย่างหนึ่ง
เขาไล่ตาเย่ว์หยางไปโดยเร็ว
“ปาอี้, อาหู่, เฟิงสื่อ พวกเจ้าออกมาให้หมด!” ราชาเฮยอวี้ไม่ได้โจมตีเย่ว์หยาง เพียงแต่ติดตามเขาห่างๆ ขณะที่เขาเรียกจักรพรรดิฟ้าและบริวารทั้งสองของเขา
เย่ว์หยางไม่สนใจว่าราชาเฮยอวี้จะส่งสหายและบริวารของเขาไปตาย แต่ถ้าจ้านหู่, เป่ยเหลียวหยาและจักรพรรดิฟ้าเชื่อราชาเฮยอวี้ พวกเขาก็สมควรตาย เย่ว์หยางใช้มือทั้งสองวาดวงเวทภาษารูนที่ไม่เหมือนใครด้วยอักษรรูนสวรรค์และส่งมันขึ้นไปบนยอดโดม
หลังจากได้รับสัญญาณตามที่ตกลงกันไว้ ประกายเจิดจ้าปรากฏอยู่ในท้องฟ้า
องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนสะพายดาบเทพจักรพรรดิอวี้และเสวี่ยอู๋เสียถือคัมภีร์โบราณชั้นทองปรากฏตัวอยู่ต่อหน้าเย่ว์หยาง
เมื่อเห็นสตรีทั้งสองนางมาถึง เย่ว์หยางทั้งประหลาดใจระคนดีใจ “ทำไมพวกเจ้าถึงมาที่นี่? ข้าห้ามไม่ให้พวกเจ้าทั้งสองมาไม่ใช่เหรอ?”
แม้ว่าเขาจะตำหนิพวกนาง แต่แขนของเขาก็ฉุดพวกนางเข้ามากอดไว้แน่น
ไม่ได้พบกันนานแล้ว
ความจริงเย่ว์หยางคิดถึงพวกนางมากจริงๆ…
เดิมทีเขาต้องการถามว่าจักรพรรดินีราตรีและจื้อจุนอยู่ที่ไหนก่อน แต่เขาสังเกตว่าเสวี่ยอู๋เสียกำลังโบกมือเขียนสัญญาณลับไม่ให้เขาถามต่อ
เขาต้องข่มความปิติที่ท่วมท้นอยู่ในใจ
จักรพรรดินีราตรีและจื้อจุนมาถึงแล้ว
เพียงแต่พวกนางต้องมีแผนแน่นอน และยังไม่ต้องการจะเผยตัวให้ศัตรูรู้
เมื่อองค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนเห็นเย่ว์หยาง นางไม่คำนึงถึงสิ่งใดโถมตัวเข้าอ้อมกอดเขาทันที นางไม่ยินดีจะปล่อยให้เย่ว์หยางไป เหมือนกับว่าถ้านางปล่อยเย่ว์หยางไป เขาจะอันตรธานหายไป ตาของนางแดงเล็กน้อย ปากนางสั่น คำพูดต่างๆ ชะงักอยู่ที่ริมฝีปาก เย่ว์หยางลูบหน้านางต้องการดูว่าแม่เสือสาวนี้เปลี่ยนไปแค่ไหนหลังจากไม่ได้พบเห็นนาน นางซบศีรษะที่ไหล่ของเขาและงับเข้าอย่างดุดัน “หน้าโง่, ทำไมเจ้าถึงมาที่นี่? เราทุกคนเป็นห่วงจะบ้าอยู่แล้ว”
เสวี่ยอู๋เสียใจเย็นกว่า เมื่อเห็นว่าราชาเฮยอวี้กำลังเข้ามาถึงพวกเขาด้วยเจตนาไม่ดี นางรีบเตือน “เราค่อยคุยกันหลังจากกลับเข้าโลกคัมภีร์เถอะ”
ภายใต้การนำของเสี่ยวเหวินหลี องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนและเสวี่ยอู๋เสียเข้าไปในโลกคัมภีร์
ขุนพลเกราะเงินที่แสดงตัวเป็นผู้ตัดสินแดนสวรรค์ตะวันตก บินเข้ามาตรงนี้ด้วยความเร็วสูง
“รอเดี๋ยว….”
โดยไม่ต้องรอให้เสียงเขาเข้าถึงหู เย่ว์หยางและสองสาวกลับเข้าไปในโลกคัมภีร์ทันที
ไม่ว่าภาษาดอกไม้ใดๆ ที่ศัตรูมี อย่านึกว่าเย่ว์หยางจะยอมเชื่อแม้แต่คำเดียว เชื่อคำพูดของศัตรูก็เท่ากับขุดหลุมฝังศพตนเอง
ราชาเฮยอวี้แทบจะไม่สนใจพลังขององค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนและเสวี่ยอู๋เสีย แต่เนื่องจากดาบเทพจักรพรรดิอวี้ขององค์หญิงเชี่ยนเชี่ยน เขาอดกระวนกระวายใจเมื่อเห็นมันมิได้ เขารู้ดีกว่าทุกคนว่าดาบเทพนี้น่ากลัวเพียงไหน ตอนนี้เย่ว์หยางมีดาบเทพจักรพรรดิอวี้ และกับการมาถึงของผู้ตัดสินจากแดนสวรรค์ ราชาเฮยอวี้ยิ่งปวดหัวหนักกว่าเดิม
เมื่อกลับเข้ามาในโลกคัมภีร์ เย่ว์หยางถามเสวี่ยอู๋เสียอย่างไม่รีรอ “จักรพรรดินีราตรีกับจื้อจุนอยู่ที่ไหน?”
“เราตามหลังเจ้าอยู่ตลอดเวลา!” ทันใดนั้น เสียงของจักรพรรดินีราตรีดังขึ้นมาจากด้านหลังของเย่ว์หยาง “เพื่อหลบเลี่ยงการตรวจสอบของชางเหยียนผู้นั้น เราจึงต้องใช้ทักษะพรางตัวเล็กน้อยของพวกเราเอง”
****************