ตอนที่ 534 บรรลุขอบเขตใหม่
คำพูดของจักรพรรดินีราตรีทำให้เย่ว์หยางตะลึง
นางเข้ามาตั้งแต่เมื่อไหร่?
เป็นไปได้ยังไงกันที่เขาไม่รู้สึกอะไรเลย? ต่อให้เป็นสุดยอดนักฆ่าแห่งหอทงเทียนอย่างอันซีที่ล่องหนได้ เย่ว์หยางก็ยังรู้สึกถึงเขาได้
ตอนนี้ แม้แต่จักรพรรดินีราตรีก็ยังเข้ามาในโลกคัมภีร์ที่อยู่ในการควบคุมของเขาได้ทั้งหมด แต่เขาก็ยังไม่สามารถรู้สึกถึงการปรากฏตัวของนางได้แม้แต่น้อย…. จักรพรรดินีราตรีช่างดูลึกลับเสียเหลือเกิน เย่ว์หยางสงสัยมาก เขารีบหันไปมองจักรพรรดินีราตรี
นึกไม่ถึงเลยว่า ไม่มีผู้ใดอยู่ด้านหลังของเขา
“แม้ว่าสายตาและความรับรู้ของเจ้าดูเหมือนได้รับการขัดเกลามาเป็นอย่างดี แต่เจ้าก็ยังไม่อาจเห็นเราได้” คำพูดของจักรพรรดินีราตรีทำให้เย่ว์หยางหลั่งเหงื่อพร่างพรู
กลับกลายเป็นว่านอกจากจักรพรรดินีราตรีแล้ว จื้อจุนก็ยังอยู่ที่นี่
ความจริง จื้อจุนก็ล่องหนเหมือนกัน
แม้แต่จักษุญาณทิพย์ของเย่ว์หยางก็ไม่อาจมองเห็นพวกนางได้…. พวกนางสูงส่งถึงระดับใดแล้ว? นี่เป็นกลเม็ดล่องหนแบบใดกันแน่? หรือว่าพวกนางยืมพลังของสมบัติชั้นเทพ หรือว่าเป็นทักษะแฝงเร้นของพวกนาง?
เย่ว์หยางไม่สามารถหาคำอธิบายได้ ไม่ว่าเขาจะพยายามอย่างหนักเพียงไหนก็ตาม เขาเพียงแต่รู้ว่าทั้งจื้อจุนและจักรพรรดินีราตรีตอนนี้อยู่ต่อหน้าเขา
อย่างไรก็ตาม แทนที่จะพยายามค้นหาว่าจื้อจุนและจักรพรรดินีราตรีล่องหนพรางตัวอย่างลึกลับได้ยังไง เขาควรนึกหากลยุทธที่สามารถใช้จัดการศัตรูได้จะดีกว่า เย่ว์หยางรีบปัดความคิดเรื่องความสามารถล่องหนออกไป และกล่าวทักทายกับความว่างเปล่าข้างหน้าด้วยความเคารพเหมือนกับเขาเป็นเด็กว่านอนสอนง่ายคนหนึ่ง องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนและเสวี่ยอู๋เสียก็คำนับแสดงความเคารพตามเย่ว์หยาง
“ไม่จำเป็นต้องมีพิธีรีตองก็ได้ ช่วยเล่าถึงสถานการณ์ทั้งหมดให้เราฟังด้วย” เสียงของจื้อจุนดังขึ้น ชัดเจนเหมือนสายน้ำไหลรินที่ไม่เหมือนใคร
เมื่ออยู่ต่อหน้าจื้อจุน แม้แต่นางเซียนหงส์ฟ้าที่ไม่กลัวใครก็ยังไม่กล้าส่งเสียง
นางได้แต่เพียงกลั้นหายใจ
ราชันย์ปีศาจใต้ตื่นเต้นมาก ท่านต้องทราบไว้ก่อนว่า จื้อจุนคือแบบอย่างวีรสตรีในใจนาง
เย่ว์หยางรีบอธิบายถึงสถานการณ์ปัจจุบันของสังเวียนมรณะ เขายังคงแบ่งปันข้อมูลที่เขาได้รับจากนางพญาเฟ่ยเหวินหลีและการคาดการณ์ของเขา “การมาถึงของผู้แทรกแซงไม่ใช่เรื่องดีแน่นอน เป้าหมายใหญ่ของพวกเขาดูเหมือนจะเป็นที่พวกเรา ถ้าจิ่วเซียวและซิวคงไม่ได้หลบหนีไปจากวังเทพจักรพรรดิอวี้ คนในแดนสวรรค์อาจไม่รู้ว่า นักสู้จากหอทงเทียนอาจตกอยู่ในสภาพย่ำแย่อย่างนั้นก็ได้… ข้าสงสัยว่าอาจจะเป็นจิ่วเซียวหรือซิวคง ได้ใช้เลือดของข้าเพื่อเริ่มสงครามโบราณ นอกจากนี้อาจเป็นจักรพรรดิชื่อตี้ก็ได้ เนื่องจากเขาอาจหลบหนีไปแดนสวรรค์ได้เช่นกัน”
“จักรพรรดิชื่อตี้ยังคงอยู่ในทวีปมังกรทะยาน เทียบกับการไปแดนสวรรค์แล้ว เขาอาจคิดหาวิธีให้ได้รับสมบัติลับในแดนล่มสลายแห่งทวยเทพเช่นกัน” หลังจากจักรพรรดินีราตรีพูดเช่นนั้น เย่ว์หยางเข้าใจได้ทันทีถึงสาเหตุที่จักรพรรดินีราตรีและจื้อจุนมาสายมาก เหตุผลเป็นเพราะจักรพรรดิชื่อตี้ยังคงอยู่ในทวีปมังกรทะยาน พอนางเดินทาง จึงไม่มีใครเหลือปกป้องทวีปมังกรทะยานเลย
“ความจริงเรามีคะแนนเพียงพออยู่แล้ว…” จู่ๆ เย่ว์หยางรู้สึกว่าคงจะดีกว่าถ้าจักรพรรดินีราตรีและจื้อจุนไม่มา พอพวกนางไปแล้ว ปัญหาในทวีปมังกรทะยานอาจเพิ่มมากขึ้นก็ได้
“เรายังไม่ต้องคิดถึงเรื่องจักรพรรดิชื่อตี้ในตอนนี้ก่อน” จื้อจุนกระตุ้นเตือนเย่ว์หยางให้ลืมความกังวลของเขา “เมื่อหลายอย่างมาถึงขั้นนี้แล้ว เราก็ต้องสู้กันสุดฝีมือ! เจ้าฝึกฝนมาได้ดีทีเดียว สติปัญญาและทักษะแฝงเร้นของเจ้าไม่มีใครสู้ได้ เจ้าแค่สงบมากเกิน และยึดติดความสมบูรณ์แบบมากเกินไป เจ้ายังกังวลเรื่องแพ้และชนะมากเกินไป นี่ไม่ได้หมายความว่า การเป็นคนเจ้าความคิดนั้นไม่ดี ผู้เหี้ยมหาญเชิดหน้าไม่อายฟ้าก้มหน้าไม่อายดิน เขาควรจะมองศัตรูเข้มแข็งที่สุดในโลกเหมือนใบไม้ใบหญ้า และเห็นศัตรูนับหมื่นเหมือนกับไม่มีอะไรนอกจากเป็นแค่อากาศธาตุจึงจะกลายเป็น สุดยอดนักสู้ปราณก่อกำเนิดของโลกนี้ได้”
คำพูดของจื้อจุนทำให้เย่ว์หยางสะท้านใจ
เหมือนกับประกายแสงสว่างวาบขึ้นในหัวใจเย่ว์หยาง
เพื่อเป็นสุดยอดนักสู้ปราณก่อกำเนิดของโลก
เย่ว์หยางเพิ่งติดอยู่ที่คอขวดของการฝึกฝน และคำพูดของนางสั่นสะเทือนความรู้แจ้งของเขา
เป็นเหมือนกับว่าบานประตูที่หนักอึ้งในหัวใจเขาได้ถูกเปิด
จื้อจุนได้ผลักประตูบานนั้นเปิดออกตรงๆ อย่างง่ายดาย
เย่ว์หยางหลับตาลง คำพูดของจื้อจุนได้เปิดความเข้าใจลึกซึ้งให้กับเขา ร่างของเขาถูกความตื่นเต้นเผาลน นางพูดถูก ถ้าเขาแข็งแกร่งเพียงพอ ทำไมเขาจึงต้องกังวลกับการเตรียมแผนการด้วย? เมื่อเผชิญหน้ากับพลังสูงสุดยอด ไม่ว่าจะมีแผนดีเพียงไหน ฉลาดเพียงไหนก็ตาม ล้วนเปล่าประโยชน์ทั้งสิ้น! ความกังวลของเขาเพิ่มมากขึ้น เพราะเขาไม่แข็งแกร่งเพียงพอ คนผู้มีความแข็งแกร่งที่แท้จริง ไม่ใช่เพียงแข็งแกร่งแต่ร่างกายเท่านั้น แต่จิตใจของเขาต้องแข็งแกร่งด้วย!
ไม่ใช่ว่าเขาไม่แข็งแกร่ง….
เป็นแต่เพียงว่าเขาไม่มีพลังใจในระดับเดียวกับจื้อจุน
ความคิดเช่นนี้ไม่ใช่ความเย่อหยิ่ง แต่เป็นการทำความเข้าใจพลังของตนเองให้กระจ่างมากกว่า อาจกล่าวได้ว่าเป็นการตระหนักรู้ตนเองอย่างแท้จริง
บางทีจื้อจุนคงเห็นว่าเขายังคงงมหาตัวตนที่แท้จริงของเขาอยู่ในความมืด จึงจงใจพูดคำเหล่านั้นเพื่อสร้างความกระจ่างให้กับเขา!
ทันใดนั้นหลังจากได้รับชี้แนะทางรู้แจ้งจากจื้อจุน เย่ว์หยางได้ยกระดับพลังใจด้วยวิธีที่มิอาจอธิบายได้
สภาพพลังใจก่อนหน้านั้นของเขาสลายไปทันที และยกขึ้นสู่ระดับใหม่ทั้งหมด
ปราณเย่ว์หยางที่ถูกกดเอาไว้
เป็นเหมือนมังกรที่กำลังหลับ
เมื่อทุกคนไม่ทันได้คิดอะไร ปราณของเย่ว์หยางก็ระเบิดออกมาเหมือนกับภูเขาไฟ
แสงระยิบระยับนับไม่ถ้วนฉายออกมาจากมือ, ร่างและหน้าของเย่ว์หยาง แสงรังสีส่วนหนึ่งก่อตัวเป็นบัวเพลิง, อีกส่วนหนึ่งก่อตัวเป็นเกล็ดหิมะ สายฟ้าที่ปกติจะอยู่นอกร่างของเย่ว์หยาง กลับฉายออกมาจากดวงตาเย่ว์หยาง ผสมผสานกันจนกลายเป็นม่านตาสีม่วง สนามพลังระเบิดดวงดาวของเขาขยายตัวอย่างรวดเร็วจากขนาดเล็กกลายเป็นขนาดเนบิวลา จากนั้นเปลี่ยนเป็นกลุ่มดวงดาวเหมือนกับกาแลคซี่
อักษรรูนเริ่มปรากฏอยู่บนพื้นผิวตัวของเขา
ก่อเกิดเป็นลวดลายหลากหลายแบบ
ขณะที่หงส์เพลิงอมฤตของขวัญที่เขาได้รับจากพี่น้องหงส์เพลิงเชิดหัวบินขึ้นไปในท้องฟ้าและพุ่งดิ่งลงมาผสานเข้ากับตัวของเขา มันเปลี่ยนรูปร่างเป็นเกราะเพลิงอมฤต ปกคลุมไปด้วยลวดลายหงส์เพลิงที่สวยงาม
เกราะและปีกเพลิงอมฤตสวยงามและทรงพลังยิ่งกว่าครั้งก่อนๆ
เสวี่ยอู๋เสีย, องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนและนางเซียนหงส์ฟ้าที่ฝึกฝนผสานร่างกับเย่ว์หยางมาก่อนอดใจไม่ได้ที่ร่ายรำอยู่รอบตัวเขาราวกับเป็นนางอัปสรสวรรค์ พวกนางเข้าสู่ขอบเขตใหม่ในจังหวะเวลาเดียวกับเย่ว์หยาง ด้วยการรู้แจ้งของเขาในครั้งนี้ ทำให้พวกนางปรับระดับเพิ่มขึ้นในขณะเดียวกัน แม้ว่าพวกนางจะไม่ถึงกับยกระดับได้เร็วเท่าเย่ว์หยาง แต่ก็ยังนับว่าเร็วอยู่ดี
หลังจากผ่านไปนาน เย่ว์หยางค่อยรู้สึกตัวจากภาวะรู้แจ้ง
รัศมีรอบตัวเขาเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง
แม้แต่องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนและคนอื่นที่อยู่ที่นั่นตลอดเวลาก็รู้สึกได้ว่าเขาเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง แม้แต่เย่ว์หยางเองก็รู้สึกเหมือนกับว่าเขากลายเป็นนักสู้ที่ทรงพลังขึ้น
ในการเคลื่อนไหวแต่ละท่วงท่า เขาสามารถรู้สึกได้ว่าเขาเคลื่อนไหวไปกับฟ้าและดินได้ดี ความรู้สึกลึกลับที่เขาได้รับเมื่อตอนที่เขามีคราวบรรลุขอบเขตใหม่ในอดีต ตอนนี้สามารถควบคุมได้ เย่ว์หยางไม่อาจเข้าใจได้ว่าเขาก้าวหน้ามากแค่ไหน สิ่งที่สามารถกำหนดในวันนี้ได้ก็คือ พลังของเย่ว์หยางเพิ่มขึ้นอีกขั้นใหญ่ๆ
ตอนนี้ไม่ว่าจะเป็นสนามพลัง หรือพลังของไพ่ชะตาหรือปราณกระบี่ไร้ลักษณ์ การควบคุมกระบี่กุยจ้างและกระบี่ซวงหัวทั้งสองวิชา เย่ว์หยางสามารถทำความเข้าใจทั้งหมดได้อย่างลึกซึ้ง เย่ว์หยางยกมือของเขาขึ้นดู เขาแทบไม่อยากเชื่อระดับพลังที่เขามีในตอนนี้ ถึงตอนนี้เขาถึงค่อยตระหนักว่าสิ่งที่นางพญาเฟ่ยเหวินหลีพูดนั้นเป็นความจริงทั้งหมด เขาทรงพลังมากอยู่แล้ว เพียงแต่เขาเอาพลังนั้นมาใช้ได้เพียงส่วนเสี้ยวเท่านั้น
แม้ว่าเย่ว์หยางจะไม่สามารถใช้พลังของเขาได้ทั้งหมด แต่เขาก็แตกต่างจากเมื่อสิบนาทีที่แล้วอย่างสิ้นเชิง
พลังของเขาเพิ่งขึ้นอย่างมากมาย!
“แม้ว่าเจ้าอาจไม่ต้องพากเพียรอย่างหนักที่สุดเมื่อถึงเวลาฝึกฝน แต่เมื่อว่ากันถึงสติปัญญาและทักษะธรรมชาติแล้ว เจ้าดีที่สุดแน่นอน ไม่มีใครสามารถเทียบเจ้าได้” จักรพรรดินีราตรีตกใจกับความก้าวหน้าของเย่ว์หยาง นางไม่เคยเห็นใครที่สามารถบรรลุขอบเขตใหม่ยกระดับได้ทันทีอย่างนี้มาก่อน
“แม้ว่าเจ้าจะยังไม่ถึงระดับสุดยอดนักสู้ปราณก่อกำเนิด แต่เจ้าก็ยังสามารถดึงคุณสมบัติอื่นๆ มาได้” จื้อจุนรู้สึกยินดีกับระดับความก้าวหน้าของเย่ว์หยาง
เสวี่ยอู๋เสียกับองค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนกอดกันอย่างชื่นชมยินดี
แม้แต่นางเซียนหงส์ฟ้าที่ปรากฏตัวออกมาอย่างสงบและใจเย็น แต่หัวใจนางกลับปลาบปลื้มยินดียิ่งนัก
ลืมเรื่องผลของการทะเลาะกับพี่สาวของนางในอดีตที่ผ่านมา อย่างน้อยกับเย่ว์หยาง นางก็ยังถือว่าเอาชนะพี่สาวนางได้
ในอดีตนางตั้งใจจะชิงตัวเย่ว์หยางเพราะอิจฉาพี่สาวของนาง นางวางแผนให้เขาตกหลุมรักและกลายเป็นคนชั่วร้าย แต่หลังจากใช้เวลากับเขามากขึ้น ไม่เพียงแต่นางล้มเหลวที่จะทำให้เขากลายเป็นคนไม่ดี นางเองกลับเป็นฝ่ายสนใจเขาโดยนางเองไม่รู้ตัว หลังจากนั้นนางก็ร่วมฝึกฝีมือกับเขา ผ่านประสบการณ์ต่อสู้เสี่ยงเป็นเสี่ยงตายกับเขา และวันนี้พวกเขากลายเป็นสามีภรรยากันแล้ว แม้แต่การต่อสู้ที่ไม่มีจุดหมายนี้ นางก็ยังคงนำหน้าอยู่
นี่เป็นเพียงครั้งเดียวในทั้งชีวิตของนางที่นางทำได้ดีกว่าพี่สาวของนาง
แน่นอนว่านางเซียนหงส์ฟ้าได้แต่คิดอยู่ในใจนาง นางคงไม่มีทางพูดออกมาดังๆ
“พวกเจ้าเพิ่งจะได้พบกันหลังพลัดพรากกันมานาน ข้าเชื่อว่าพวกเจ้าคงมีเรื่องจะคุยกันมากมาย สำหรับตอนนี้ ทุกคนพักกันสักชั่วโมงหนึ่งก่อนที่เราจะออกไปพบกับอาคันตุกะจากแดนสวรรค์!” จักรพรรดินีราตรียิ้มและให้โอกาสเย่ว์หยางพักหนึ่งชั่วโมง
ในที่สุด, นางกับจื้อจุนก็ไม่เปิดเผยตัวและจากไปโดยไม่มีเสียง
สิบนาทีที่แล้ว เย่ว์หยางไม่สามารถรู้สึกได้ถึงจักรพรรดินีราตรีและจื้อจุน
หลังจากบรรลุขอบเขตใหม่แล้ว แม้ว่าเย่ว์หยางจะมองไม่เห็นพวกนาง แต่เขารู้สึกได้ว่าอยู่ไม่ห่างจากเขา มีใครบางคนอาจเป็นจักรพรรดินีราตรีก็ได้ ขณะที่จื้อจุน เย่ว์หยางตระหนักว่าไม่รู้สึกถึงความคงอยู่ของนาง บางทีเขาจำเป็นต้องยกระดับในครั้งอื่น เขาจำเป็นต้องแข็งแกร่งยิ่งขึ้น
พวกนางอยู่ระดับใดกันแน่?
สำหรับตอนนี้ เย่ว์หยางไม่กล้าสันนิษฐานใดๆ ทั้งสิ้น
นี่เป็นเพราะพลังของจักรพรรดินีราตรีและจื้อจุนแสดงว่ามีมากเกินกว่าเย่ว์หยางจะนึกภาพออก
ลานแก้วผลึก
ขณะที่เย่ว์หยาง, เสวี่ยอู๋เสวียและองค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนต่างอยู่ในอ้อมกอดของกันเพื่อบรรเทาความคิดถึงของการแยกจากกัน ผู้เฒ่าหนานกง, จักรพรรดิใต้พิภพและจักรพรรดิฟ้ากำลังถกเถียงอยู่ต่อหน้าขุนพลเกราะเงิน
พวกเขาทุกคนต่างมีความคิดเห็นที่แตกต่าง ไม่มีใครสามารถเชื่อใจคนอื่นได้
“รหัสโบราณใช่ว่าจะเปลี่ยนแปลงกันง่ายๆ ข้าหวังว่าทุกคนจะไม่เลือกอยู่ข้างผู้ตัดสิน ที่สำคัญ เรายังคงเป็นตัวแทนของแดนสวรรค์ตะวันตก” ผู้เฒ่าหนานกงไม่เชื่อจักรพรรดิฟ้า, จ้านหู่และเป่ยเหลียวหยา เขาหวังว่านักสู้ปราณก่อกำเนิดยี่สิบคนที่รั้งอยู่เบื้องหลังจะไม่ออกไปจากกลุ่มได้โดยง่าย
“ท่านพูดแบบนั้นได้ยังไง?” จักรพรรดิฟ้าวิจารณ์เขาด้วยความยินดีระคนโกรธ “ไม่มีใครแข็งแกร่งพอ ตอนนี้อยู่ข้างเดียวกับฝ่ายผู้ตัดสินย่อมดีกว่าไม่ใช่หรือ? การออกจากทีมจะทำให้เราไม่ต้องถูกรหัสโบราณกำจัด ยิ่งกว่านั้นเราก็เข้ามาในสังเวียนมรณะนี้โดยบังเอิญ เราไม่ต้องการจะทำอย่างนี้”
“อยู่ข้างเขาน่ะหรือ? ข้าขอปฏิเสธ” จักรพรรดิใต้พิภพเป็นคนแรกที่หายกลับเข้าไปในโลกคัมภีร์ของเขา
นอกจากเย่ว์หยาง เขาจะไม่เชื่อใจคนอื่น
ถ้าคุณชายสามตระกูลเย่ว์เป็นผู้แนะนำ จักรพรรดิใต้พิภพอาจจะไตร่ตรองชั่วขณะก็ได้ แต่นี่เป็นข่าวดีที่ราชาเฮยอวี้นำมาให้พวกเขา จักรพรรดิใต้พิภพจึงไม่สนใจแม้แต่จะคิดถึง
ราชาเฮยอวี้เป็นคนแบบไหนกัน? คนที่พร้อมจะขายเขา ทำให้เขากลายเป็นคะแนน คนที่โหดอำมหิต โลภมาก ราชาเฮยอวี้เป็นคนแบบนั้น ยิ่งกว่านั้น ราชาเฮยอวี้ยังหักหลังกลุ่มและกลายเป็นศัตรูไปแล้วในตอนนี้ คำพูดของศัตรูจะเชื่อถือได้อย่างไร?
จักรพรรดิใต้พิภพไม่มีทางเชื่อเขา….
แต่จะต่างจากผู้เฒ่าหนานกง เขาไม่เคยจูงใจเหล่าสหายที่อยู่ข้างหลัง ทุกคนมีความเห็นเป็นของตนเอง เรื่องอย่างนี้ไม่สามารถบังคับกันได้!
เช่นเดียวกับจักรพรรดิใต้พิภพ เมื่อขุนพลเกราะเงินสัญญาว่านี่เป็นเพียงพันธมิตรชั่วคราวซึ่งสามารถช่วยให้พวกเขาหนีพ้นจากรหัสโบราณได้ นักสู้ปราณก่อกำเนิดทุกคนล้วนหลงเชื่อ พวกเขาคำนับผู้เฒ่าหนานกงที่ช่วยปกป้องพวกเขามาตลอดเวลา “ผู้เฒ่าหนานกง! เราเสียใจจริงๆ ก็อย่างที่ท่านทราบ พวกเราทุกคนอ่อนแอกันทั้งนั้นช่วยอะไรให้กับกลุ่มไม่ได้มากนัก แทนที่จะเป็นตัวถ่วงในกลุ่ม คงจะดีกว่าถ้าเราจากไปเร็วขึ้น”
จักรพรรดิฟ้าตบอกสัญญา “ทุกคนไม่ควรกังวลเกินไป แม้ว่าข้าจะไม่มีชื่อเสียงเหมือนกับผู้เฒ่าหนานกง แต่ข้าไม่ใช่เผด็จการไร้น้ำใจ ถ้าพวกท่านยินดีจะอยู่ฝ่ายผู้ตัดสิน ข้าจะดูแลทุกคนในฐานะหัวหน้ากลุ่มเป็นการชั่วคราว ข้าสัญญาว่าจะลืมเรื่องบาดหมางในอดีต เราจะร่วมมือกันออกไปจากสังเวียนมรณะพร้อมกัน”
แม้ว่าพวกเขาไม่ได้พูดอะไรชัดเจน แต่นักสู้ปราณก่อกำเนิดทั้งหมดยี่สิบคนก็ไปยืนอยู่ข้างหลังจักรพรรดิฟ้าแล้ว
เมื่อต้องเผชิญหน้ากับความตาย พวกเขายินดีจะเชื่อคำของผู้ตัดสิน
พวกเขาเลือกออกจากกลุ่มพวกเขา และยอมเป็นผู้ใต้บังคับบัญชาของคนอื่น…
ผู้เฒ่าหนานกงยังจะพูดอะไรได้?
“อย่างนั้นก็ขอให้พวกเจ้าทุกคนโชคดี!” ผู้เฒ่าหนานกงถอนหายใจ เขารู้ว่าเย่ว์หยางคงจะไม่ช่วยพวกเขาอีกต่อไป ไม่ว่าพวกเขาจะหลบหนีจากรหัสโบราณได้หรือไม่ก็ตาม
เพราะนี่คือการหักหลังรูปแบบหนึ่ง
ถ้าไม่ใช่เพราะเย่ว์หยาง ตอนนี้พวกผู้คนเหล่านี้อาจตายไปแล้ว
แม้ว่าอาจเป็นเรื่องฉลาดที่พวกเขาจากไปตอนนี้ และยังอาจนับได้ว่าเป็นการยอมรับสถานการณ์อย่างชาญฉลาด แต่นี่ก็ยังเป็นการทรยศอย่างย่ำแย่ต่อเย่ว์หยางผู้ที่ยังคงต่อสู้ต่อไป ผู้เฒ่าหนานกงรู้ว่าเย่ว์หยางจะไม่ยอมให้อภัยพวกเขา แม้ว่าเขาจะรู้ว่าเย่ว์หยางเป็นยังไง และผลจะออกมาเป็นเช่นไร ผู้เฒ่าหนานกงก็ไม่อาจทำให้พวกเขาเปลี่ยนใจได้ แม้แต่นักสู้ปราณก่อกำเนิดที่เป็นมนุษย์ที่เขาดูแลเป็นพิเศษ ก็ยังเลือกที่จะทรยศ
“ข้าเสียใจ!” หนึ่งในนักสู้ปราณก่อกำเนิดชาวมนุษย์คำนับขอโทษผู้เฒ่าหนานกง
“ไม่เป็นไร ความจริงอายุขนาดข้าก็คุ้นเคยกับการแยกจากกันอยู่แล้ว น่าเสียดายที่เราเลือกเส้นทางแตกต่างกัน จากนี้ไปพวกเจ้าทุกคนต้องดูแลตัวเองกันแล้ว” ผู้เฒ่าหนานกงปฏิเสธข้อเสนอของขุนพลเกราะเงินและกลับเข้าไปในโลกคัมภีร์
ราชาเฮยอวี้รู้แล้วว่าเขาคงไม่สามารถดึงผู้เฒ่าหนานกงมาได้
ความจริงเขายังคงรู้ว่าเมื่อผู้เฒ่าหนานกงแบ่งปันข่าวกับคณะผู้ตัดสินให้กับนักสู้ปราณก่อกำเนิดเหล่านั้น นั่นเป็นการทดสอบความภักดีของพวกเขา
ผลการทดสอบเห็นได้ชัดว่า ทุกคนล้มเหลว
ประกายแววตาเยาะเย้ยอยู่ในดวงตาของราชาเฮยอวี้ มันหายไปอย่างรวดเร็วก่อนที่จักรพรรดิฟ้าและนักสู้ปราณก่อกำเนิดคนอื่นๆ จะสังเกตเห็น เขามองดูตำแหน่งที่เย่ว์หยางหายตัวไปและพึมพำ “คุณชายสามตระกูลเย่ว์จะกลับมาเร็วๆ นี้ ทุกคนควรจะรีบไปได้แล้ว”
เมื่อเวลาผ่านไป จักรพรรดิฟ้าเดินตามขุนพลเกราะเงินเข้าไปกลางลานแก้วผลึก มีกลุ่มคนอยู่ตรงนั้นแล้ว พวกเขาเป็นคนที่มีสัมพันธ์และเป็นสหายของเฝินเทียนและเวิ่งจินผู้อยู่ในโลกคัมภีร์ นอกจากนี้ยังมีนักรบโบราณหลายคน เทพศึกโบราณมีความโดดเด่นอย่างยิ่ง เมื่อจักรพรรดิฟ้าเห็นว่าหวงฉวน, หวิ่นซิงและมนุษย์สมิงสามตาอยู่ที่นี่กันทั้งหมดแล้ว โดยเฉพาะอย่างยิ่งเทพศึกโบราณทั้งสอง เขารู้สึกโล่งใจ…
ดูเหมือนว่านี่จะไม่ใช่กับดัก!
แม้ว่าจะเป็นเรื่องน่าอายเล็กน้อยที่ยอมรับให้ผู้ตัดสินช่วย แต่ก็ยังดีกว่าต้องตาย
ยิ่งกว่านั้น นี่ยังเป็นการชั่วคราว
“นอกจากคุณชายสามตระกูลเย่ว์, จักรพรรดิใต้พิภพและผู้เฒ่าหนานกงจากแดนสวรรค์ตะวันตกที่ไม่อยู่ที่นี่ คนอื่นทุกคนมาพร้อมกันแล้ว “ขุนพลเกราะเงินรายงานบุรุษลึกลับชางเหยียน
“ถ้าเป็นอย่างนั้นเราคงต้องยอมปล่อย” บุรุษลึกลับชางเหยียนโบกมือ เขาทำราวกับว่าเป็นผู้กอบกู้ผู้มาช่วยชีวิตทุกคน
จักรพรรดิฟ้าปาอี้เตรียมก้าวมาข้างหน้าเพื่อคารวะเทพสิบสองปีก
ทันใดนั้น เทพสิบสองปีก, มนุษย์สมิง, มนุษย์เผ่าลิช และแม้แต่ขุนพลเกราะเงินที่อยู่ต่อหน้าเขาก็เริ่มการประหารหมู่ทันที นักสู้ปราณก่อกำเนิดชาวมนุษย์ผู้เดินอยู่ข้างจักรพรรดิฟ้าไม่ทันได้ตั้งตัวก็ถูกกระบี่ของขุนพลเกราะเงินฟันขาดทันที ก่อนที่คำว่าหนีจะทันผุดขึ้นในใจเขา จักรพรรดิฟ้าเห็นแต่เพียงมือขวาของขุนพลเกราะเงินปรากฏผ่านตาอย่างรวดเร็วและกระทบลงที่หน้าของเขา…
*************