เดชคัมภีร์เทพฤทธิ์ – ตอนที่ 537 – ลำแสงล้างโลก

ตอนที่ 537 ลำแสงล้างโลก

จื้อจุนสังหารขุนพลเกราะเงินทันทีที่นางลงมือ ด้วยอานุภาพนี้ นางได้ทำลายความข้องใจที่ทุกคนมีต่อนาง ทำให้ทุกคนกริ่งเกรงพลังของนาง

ทุกคนยกเว้นบุรุษลึกลับชางเหยียนที่ยังคงยึดมั่นอยู่ในทัศนคติอันสูงส่งของเขา

นักล่าที่เหลือต่างหน้าซีดกันทุกคนและระย่นย่อต่อจื้อจุน

นางสามารถสังหารนักสู้ปราณก่อกำเนิดฟ้าระดับสามได้ทันทีหรือนี่?

นี่หมายความว่านักล่าอื่นทุกคนยกเว้นชางเหยียนนักสู้ปราณก่อกำเนิดฟ้าระดับห้า ไม่สามารถต้านทานนางได้และจะต้องประสบชะตาเช่นเดียวกับขุนพลเกราะเงินไม่ใช่หรือ? สตรีนางนี้ทรงพลังขนาดนี้ได้ยังไง? พลังของนางลึกล้ำเกินจะหยั่งถึงได้ เมื่อเผชิญหน้ากับอันตรายถึงตายที่มาจากจื้อจุน, มนุษย์เผ่ากระดูก, มนุษย์สมิงและเทพสิบสองปีกจากหน่วยนักล่าถึงกับระมัดระวังตัวสุดขีด พวกเขาล้อมจื้อจุนด้วยกลยุทธรูปสามเหลี่ยมทันที พวกเขาตัดสินใจรวมพลังกันกำจัดคู่ต่อสู้ที่แข็งแกร่งผู้นี้เสียก่อน

ไม่มีทางที่จะเอาชนะนางได้ด้วยการสู้กันตัวต่อตัว

แต่พวกเขายังคงมั่นใจมากว่าสามารถรุมสังหารจื้อจุนได้

พวกเขาไม่อาจปฏิเสธได้ว่าศัตรูที่แข็งแกร่งที่อยู่ต่อหน้าพวกเขาสามารถสังหารพวกเขาได้ทันที ถ้านางลงมือ

แต่พวกเขาฉลาดมาก… ขณะที่พวกเขาตะลึงตกใจ พวกเขาตัดสินทันทีว่า จุดอ่อนที่นักสู้ปราณก่อกำเนิดหญิงผู้นี้ก็คือเริ่มโจมตีช้า ถ้าขุนพลเกราะเงินไม่มัวแต่ประมาทนาง เขาคงไม่รอให้นางได้วาดยันต์ในอากาศได้สำเร็จ และจะไม่ยอมให้นางได้ควบกลั่นกระสุนดำที่น่ากลัวจากมิติว่างที่แตกแยกจนถูกนางสังหารได้ในทัน

กระสุนดำที่น่ากลัวทรงพลังจนไม่สามารถต่อต้านได้

แต่ก็ไม่ยากจะหลบหลีก

กระสุนดำคงไม่มีทางควบกลั่นได้สำเร็จ ถ้าพวกเขาเป็นฝ่ายรุกใส่นาง

กระบวนการนี้จำเป็นต้องเพ่งสมาธิเต็มที่ นางไม่สามารถกลั่นกระสุนได้แน่นอนในสภาวะที่ฟุ้งซ่านและถูกก่อกวน

ขณะที่เทพสิบสองปีก, มนุษย์กระดูกเผ่าลิชและมนุษย์สมิงล้อมกรอบนาง พวกเพชรฆาตโบราณก็เริ่มพุ่งเข้าหาจื้อจุนภายใต้การนำของจ้าวอสูรของพวกมัน

“จักรพรรดินีราตรี, ท่านไม่ต้องต้องยั้งมือให้กับคู่ต่อสู้ในตอนนี้แล้ว รีบไปช่วยเร็วๆ” เย่ว์หยางต้องการจะวิ่งเข้าไปช่วย แต่เขากังวลว่าเขาจะมีพลังไม่พอและกลายเป็นตัวถ่วงจื้อจุนแทน ดังนั้นเขาจึงเลือกขอให้จักรพรรดินีราตรีช่วย

“ความจริงข้าไม่ใช่ประเภทนักรบนะ…. ข้าไม่ได้เชี่ยวชาญการต่อสู้เป็นพิเศษ และระดับของข้าก็ยังไม่สูง ข้าเพิ่งเป็นแค่ปราณก่อกำเนิดฟ้าระดับสองเมื่อไม่นานมานี้ เจ้านึกว่าทุกคนก้าวหน้าได้รวดเร็วเหมือนเจ้าและจื้อจุนหรือไง? อย่าห่วงเลย, จื้อจุนมีวิธีการ แม้ว่าข้าไม่เคยสู้กับนาง แต่ข้ารู้ว่าจื้อจุนเป็นรูปแบบที่ตรงกันข้ามกับข้าและคล้ายๆ กับเจ้า นางเป็นนักรบสายลุย ดังนั้นนางจะแข็งแกร่งขึ้นเมื่อนางได้พบคู่ต่อสู้ที่แข็งแกร่ง!” จักรพรรดินีราตรีไม่เปิดเผยพลังนางยังคงความลึกลับไว้รอบๆ ตัวนาง

คำพูดของนางยิ่งทำให้เย่ว์หยางหลั่งเหงื่อมากขึ้นอีก

จักรพรรดินีราตรีเป็นเพียงสุดยอดปราณก่อกำเนิดระดับสองหรือนี่?

จักษุญาณทิพย์ของเขาไม่สามารมองเห็นนางได้ แม้ว่านางจะเป็นเพียงนักสู้ปราณก่อกำเนิดขั้นสุดยอดระดับสอง แต่เขาไม่สามารถมองเห็นนางได้เมื่อนางซ่อนตัว เทียบกับราชาเฮยอวี้แล้ว นางยังเหนือกว่ามากมายมิใช่หรือ? ไม่แต่เพียงแค่นั้น แม้แต่หวงฉวน มนุษย์ลิช, มนุษย์สมิง เทพสิบสองปีกและขุนพลเกราะเงินก็ยังหลบจักษุญาณทิพย์ของเขาไม่ได้ จักรพรรดินีราตรีสามารถซ่อนตัวอยู่ในอากาศได้เป็นอย่างดี แม้ว่าระดับของนางยังไม่สูงมากนัก เป็นไปได้ว่าเนื่องมาจากวิธีที่นางฝึกฝนกระมัง? หรือเป็นไปได้ว่านางก็มีสมบัติระดับเทพที่ช่วยให้นางซ่อนสถานะได้?

เย่ว์หยางไม่อาจได้ข้อสรุปใดๆ ได้ และรู้สึกมึนงงมาก

แม้ว่าพวกเขาจะคุยกันค่อนข้างเบา แต่หวงฉวนและพวกที่เหลือสามารถได้ยินได้

พวกเขาทุกคนหงุดหงิดและละอายใจมากถึงกับอยากจะเอาศีรษะโขกกำแพงตาย

พวกเขาเพิ่งตระหนักว่ายังมีนักสู้อยู่เบื้องหลังเย่ว์หยางอีกคน ถ้าพวกเขาไม่ได้คุยสนทนากัน ทุกคนก็ยังคงงมอยู่ในความมืด

ถ้าคนผู้นี้เป็นคู่ต่อสู้ของพวกเขา พวกเขายังจะรอดอยู่ได้อีกหรือ?

“กรรร!” จ้าวอสูรเพชรฆาตโบราณคำรามใส่จื้อจุนอย่างดุร้าย แม้ว่านางจะตัวเล็ก แต่แท้ที่จริงนางทำให้มันรู้สึกว่าถูกคุกคาม นี่เองทำให้มันประหลาดใจและโกรธในขณะเดียวกัน มันไม่อาจข่มความโกรธได้อีกต่อไป ขณะที่นำเพชรฆาตโบราณทั้งหมดตรงเข้าเล่นงานจื้อจุนโดยสัญชาตญาณ แสดงให้เห็นว่ามันต้องการกำจัดคู่ต่อสู้ที่คุกคามต่อพวกมันนี้

“ขึ้นไปเลย จงร่วมกันฆ่านาง” มนุษย์เผ่าลิช, มนุษย์พยัคฆ์และเทพสิบสองปีกจากหน่วยนักล่าลอบตื่นตัวเมื่อพวกเขาตระหนักว่าจื้อจุนไม่ได้ใส่ใจแม้แต่น้อย

เป็นไปได้ไหมว่านางยังคงมีไม้ตายที่ทำให้นางไม่กลัวการโจมตีทั้งปวง?

แต่พวกเขาไม่อาจจะเอาแต่ขู่ได้ และจะถอยก็ไม่ได้เช่นกัน

ถ้าพวกเขาถอยกลับ พวกเขาอาจถูกสังหารทันทีเมื่อจื้อจุนควบกลั่นกระสุนดำได้สำเร็จ

ไม่มีใครต้องการผลลัพธ์เช่นนี้ ดังนั้นนอกจากนักรบลิช, มนุษย์สมิงและเทพสิบสองปีกแล้ว แม้แต่ราชาเฮยอวี้และชางเหยียนบุรุษผู้ลึกลับจะลอบป้องกันพลังโจมตีของจื้อจุนได้ทันที การต่อสู้ของทั้งสองฝ่ายสามารถเริ่มขึ้นในเวลาใดก็ได้ เช่นเดียวกับหวงฉวน, เฝินเทียนและพวกที่เหลือกำลังคิดจะถอย พวกเขาตระหนักได้ว่าพวกเขาไม่สามารถขยับได้ เนื่องจากพวกเขารู้สึกว่าสูญเสียการควบคุมตนเอง

พวกเขาหน้าซีดด้วยความตกใจ ตอนแรกพวกเขาคิดว่าเป็นชางเหยียนกระตุ้นสนามพลังประหลาดของเขา แต่ความจริงเป็นฝีมือของจักรพรรดินีราตรี

เสียงกึกก้องของจักรพรรดินีราตรีดังขึ้น “จื้อจุนกำลังจะโจมตีในไม่ช้า นั่นไม่ใช่สิ่งที่พวกเจ้าจะสามารถต่อต้านรับได้ เข้ามาหลบอยู่ในสนามพลังดารานภากาศของข้าก่อน”

ดวงดาวกระพริบระยิบระยับดวงแล้วดวงเล่า

ดวงดาวเหล่านั้นงดงามเหมือนกับทางช้างเผือก

พวกเขาถูกกันอยู่ในมิติห่างจากเย่ว์หยางราวๆ สองสามร้อยเมตร แม้ว่าจะไม่กว้างใหญ่เท่าสนามพลังประหลาดของชางเหยียน แต่ก็มีพลังมาก เนื่องจากมันขับสนามพลังประหลาดของเขาออกไปจากดารานภากาศได้อย่างง่ายดาย บุรุษลึกลับชางเหยียนก็รู้สึกได้เช่นกัน ขณะที่สีหน้าของเขาเปลี่ยนไปทันที เขาไม่เคยมีความคิดเลยว่าฝ่ายตรงข้ามอ่อนแอเกินกว่าจะขับสนามพลังของเขาออกไปได้… ระดับความตกใจที่เขารู้สึกได้ก็คล้ายกับเวลาตอนที่ขุนพลเกราะเงินถูกสังหารทันที ทุกคนรู้ว่าสนามพลังเป็นพลังอำนาจโดยตรงของผู้เป็นเจ้าของ ยิ่งเจ้าของแข็งแกร่งมาก พลังของสนามพลังก็มากตามไปด้วย

สตรีนักสู้ปราณก่อกำเนิดฟ้าระดับสองสามารถขับสนามพลังของเขาออกไปได้ด้วยสนามพลังของนางหรือนี่?

นี่ไร้สาระเกินไปแล้ว!

นี่ช่างน่าขันยิ่งกว่ามดจับช้างทุ่มได้เสียอีก! พลังของพวกเขาแตกต่างกันอย่างน้อยสามระดับ แต่สนามพลังของนางกลับเอาชนะของเขาได้ เหลือเชื่อมากเกินไปแล้ว

“ฮึ่ม!” ชางเหยียนคำรามขณะปล่อยปราณมืดจำนวนมหาศาลออกมาจากร่างของเขาครอบคลุมสนามพลังประหลาดของเขา เขาสั่นเล็กน้อยขณะที่คลื่นพลังกระแทกถูกปลดปล่อยออกมาจากร่างชางเหยียน จากนั้นก็เริ่มแผ่ขยายออกและกลืนทุกอย่างเหมือนพายุเฮอริเคน

สนามพลังดารานภากาศที่มีรัศมีร้อยเมตรถูกปะทะใส่ทันที

มันเริ่มหดตัวอย่างต่อเนื่อง ขณะที่ชางเหยียนขยายสนามพลังเพื่อครอบงำมันให้ได้

ภายใต้คลื่นปราณกระแทกที่เหมือนพายุสลาตัน เพชรฆาตโบราณซึ่งมีพลังเทียบเท่านักสู้ปราณก่อกำเนิดฟ้าระดับหนึ่งที่อ่อนแอที่สุด ไม่สามารถจะยืนต้านได้ขณะที่พวกมันเซไปรอบๆ ความหนาแน่นของพลังคลื่นกระแทกสามารถเห็นได้จากตรงนี้ อย่างไรก็ตามเย่ว์หยางที่ยืนปะทะอยู่ข้างหน้า ไม่ได้รู้สึกถึงพลังกดดันแม้แต่น้อย สนามพลังดารานภากาศหดลงมาเหลือขนาดแปดสิบเมตร แต่มั่นคงเหมือนกับภูเขาไท่ซาน สนามพลังไม่สั่นคลอนอีกต่อไป ไม่ว่าคลื่นพลังจากสนามพลังของชางเหยียนจะกระแทกกดดันเพียงใดก็ตาม

“กำเนิดดาวกระบวยใหญ่…” เสียงของจักรพรรดินีราตรีนุ่มเหมือนสายน้ำ

ในความมืด นิ้วงดงามของนางดูเหมือนจะชี้ไปที่ความว่างเปล่า

นางปรากฏออกมาเหมือนกับเทพธิดา ใช้พลังสูงสุดของนางสร้างดวงดาวในความมืด

แสงของดวงดาวสว่างเจิดจ้า

ดาวที่สว่างเจิดจ้าเป็นพิเศษกำเนิดขึ้น มันตั้งอยู่ในตำแหน่งท้องฟ้าทิศเหนือของสนามพลังดารานภากาศ

พลังงานที่อธิบายไม่ได้ถูกถ่ายเทเข้ามาในสนามพลังดารานภากาศ เมื่อดวงดาวเกิด สนามพลังดารานภากาศที่ถูกสนามพลังอีกฝ่ายกดดันในตอนแรกก็กลับไปอยู่ในสภาพดังเดิม

ดวงดาวที่หมองในตอนแรกในระยะไม่กี่ร้อยเมตรของสนามพลังก็พลันฉายประกายสดใสอีกครา

คลื่นบดกระแทกที่รุนแรงก่อนนั้นและถูกครอบคลุม กลับกลายเป็นไร้ประโยชน์

การตอบโต้เช่นนี้ทำให้ชางเหยียนหน้าถอดสี

หวงฉวน เฝินเทียน หวิ่นซิงและเวิ่งจินที่อยู่ในสนามพลังดารานภากาศต่างก็รู้สึกลำบากใจกันทุกคน ทั้งที่ยังมิได้ปรากฏร่าง จักรพรรดินีราตรีซึ่งอ้างตนเองว่าเป็นนักสู้ปราณก่อกำเนิดฟ้าระดับสอง สามารถขับไล่พลังโจมตีของสนามพลังของชางเหยียนนักสู้ปราณก่อกำเนิดฟ้าระดับห้ากลับไปได้โดยตรงเชียวหรือ? เป็นไปได้หรือที่ทุกคนจากทวีปมังกรทะยานจะมีพลังที่แข็งแกร่งผิดธรรมดาเช่นนี้ นี่เป็นไปได้อย่างไร? ยังไม่ต้องพูดถึงการป้องกันตัวนางเอง นางสามารถโต้ตอบและเอาชนะได้ ผลงานเอาชนะที่น่าทึ่ง ขณะที่เป็นกลุ่มที่มีพลังน้อยทำให้กลุ่มที่มีพลังสูงกว่าอย่างหวงฉวน, เฝินเทียนและหวิ่นซิงอยากเอาหัวกระแทกให้แตกเป็นเสี่ยงๆ ตายเหมือนเต้าหู้นัก

นี่ทำให้พวกเขาด้อยเกินไป!

พวกเขาจะเชิดหัวด้วยความภูมิใจอีกครั้งได้ยังไง?

เย่ว์หยางก็ตะลึงในทำนองเดียวกัน แม้ว่าจักรพรรดินีราตรีจะอ้างว่านางไม่ใช่นักสู้ประเภทสายลุย แต่นางสามารถผลักดันชางเหยียนด้วยสนามพลังของนาง ถ้าจักรพรรดินีราตรีใช้พลังทั้งหมดของนาง อย่างนั้น….

ช่างเถอะ ยังไงเสียจักรพรรดินีราตรีก็เป็นหนึ่งในพวกของเขา

นางแข็งแกร่งย่อมเป็นเรื่องที่ดีกว่า ผลดีที่สุดอาจจะเป็นว่านางสามารถร่วมมือกับจื้อจุนกำจัดชางเหยียนผู้หยิ่งยโสได้

ทางสนามรบด้านนี้เป็นการต่อสู้ระหว่างสนามพลัง

ในอีกด้านหนึ่ง การต่อสู้เพิ่งจะเริ่มเช่นกัน นักล่าเผ่าลิช, มนุษย์สมิง, เทพสิบสองปีกและจ้าวอสูรเพชรฆาตโบราณยังคงร่วมมือบุกโจมตีจื้อจุน

จ้าวอสูรเพชรฆาตโบราณพาแม่ทัพทั้งสี่ จ่าฝูงทั้งแปดและเพชรฆาตโบราณมากกว่าสิบตน ทั้งหมดอ้าปากกว้างขณะที่ฉีดเพลิงออกมาเป็นสายคล้ายน้ำตก ส่งผลให้เปลวเพลิงลุกโชนสู่อากาศพุ่งหาจื้อจุนที่ลอยตัวอยู่กลางอากาศ นักล่าเผ่าลิชโบกไม้เท้ากระดูกสร้างหัวกะโหลกขนาดยักษ์ ขณะที่มันเข้างับใส่จื้อจุน ทางด้านมนุษย์สมิงยิงคลื่นรูปเสือออกมา ขณะที่เทพสิบสองปีกใช้ดาบทองฟันส่งคลื่นที่ผ่าฟ้าได้รุกขนาบจื้อจุน

ไม่มีทางที่การโจมตีแบบนี้มนุษย์จะป้องกันไว้ได้

หวงฉวนและพวกพ้องมองดูอย่างกระวนกระวาย

พวกเขาคงไม่อาจป้องการการโจมตีเหล่านี้ได้แน่นอน และพวกเขาคงไม่สามารถหลบหนีจากการต่อสู้นี้ มีโอกาสน้อยมากที่พวกเขาจะหนีได้

ที่สำคัญที่สุด จื้อจุนยังคงอยู่ภายในสนามพลังแปลกประหลาดของชางเหยียน ดังนั้นนางจึงไม่สามารถใช้สนามพลังของนางเพื่อปกป้องนางเอง กล่าวอีกนัยหนึ่ง ชางเหยียนสามารถควบคุมสนามพลังของเขาได้ทุกเมื่อและใช้มันโจมตีใส่นาง…

แม้ว่าหวงฉวนและพวกอีกมากจะรู้สึกว่าสถานการณ์ไม่สามารถทำอะไรได้ ก็ไม่ได้หมายความว่าจื้อจุนจะไม่มีการเคลื่อนไหวมาก

แม้แต่เย่ว์หยางก็ยังรู้สึกจื้อจุนไม่ตายแน่

เย่ว์หยางรู้ว่าจื้อจุนจะต้องตอบโต้แน่นอน

เขาคาดการณ์ไว้ว่าจื้อจุนจะโต้ตอบอย่างประทับใจที่สุด และสงสัยว่านางสนองตอบต่อพลังโจมตีพวกเขาได้อย่างไร?

“กลยุทธไม่ได้เรื่อง” จื้อจุนลอยตัวขึ้นไปสูงร้อยเมตร เมื่อการโจมตีใกล้เข้ามามาก นางเหยียดแขนทั้งสองข้างด้วยท่าทางที่งดงามเป็นชุดๆ

สนามพลังชางเหยียนที่ใช้เพื่อจำกัดนางแตกสลายเหมือนกับมิติที่แตกฉับพลัน

แสงร้อนแรงที่สว่างกว่าดวงอาทิตย์เป็นหมื่นเท่าถูกนางปลดปล่อยออกมา

วงแหวนแสงทองขนาดยักษ์ปรากฏล้อมนางไว้ในใจกลาง

แสงรังสีเป็นล้านๆที่มีอำนาจทำลายล้างโลกแผ่ออกมาหนาแน่นเหมือนกับธนูและหอกแสง สามารถกวาดล้างทุกชีวิตที่มันสัมผัส ทุกคนตาพร่าบอดแสงทันที เนื่องจากไม่สามารถมองเห็นอะไรต่อหน้าพวกเขาได้ อย่าว่าแต่เพชรฆาตโบราณที่อยู่ในกลางสนามรบเลย แม้ทัศนวิสัยการมองเห็นของหวงฉวน, เฝินเทียนและพวกอีกมากที่ซ่อนตัวอยู่หลังสนามพลังดารานภากาศก็ยังตาพร่าเพราะรัศมีแสงไปด้วย พวกเขาตกอยู่สภาวะสับสน

จิตใจพวกเขามึนงง

พวกเขายืนอยู่ในสนามพลังดารานภากาศตาบอดแสงเหมือนร่างที่สูญเสียวิญญาณไป

ถ้าไม่ใช่เพราะการปกป้องจากสนามพลังดารานภากาศแล้ว พวกเขาคงถูกทำลายสลายหายไปในอากาศเพราะแสงทำลายล้างโลกนี้

“โอ้ว..ว้าว..แสงเทพหรือนั่น?” เย่ว์หยางตะลึงเหมือนกับระบบคอมพิวเตอร์แฮงค์ โอวพระเจ้า จื้อจุนตอบโต้ได้ถึงใจแท้ๆ เขาไม่เคยคาดว่าจะน่าประทับใจขนาดนี้

 

******************

Long Live Summons เดชคัมภีร์เทพฤทธิ์

Long Live Summons เดชคัมภีร์เทพฤทธิ์

LLS, Triệu Hoán Vạn Tuế, Zhaohuan Wansui, 召唤万岁
Score 7.6
Status: Ongoing Type: Author: , Released: 2010 Native Language: Chinese
อ่านนิยายเรื่อง Long Live Summons เดชคัมภีร์เทพฤทธิ์ ทวีปมังกรทะยานคือโลกแห่งการอัญเชิญ คุณจะกลายเป็นคนแข็งแกร่งได้ ถ้าเพียงแต่คุณเป็นผู้อัญเชิญ! ยิ่วหยางเด็กนักเรียนมัธยมปลายธรรมดาถูกส่งเข้ามาในโลกนี้อย่างฉับพลันทัน ด่วน เมื่อเขาฟื้นขึ้นกลับได้พบใบหน้าของหลายคนที่เต็มไปด้วยความห่วงใย และพบว่าเขาเป็นตัวตนของอีกคนหนึ่ง กลับกลายเป็นว่าเขาเป็นบุตรที่ไม่เอาไหนของตระกูลยิ่ว จนถึงกับโดดน้ำตายเพราะถูกปฏิเสธการหมั้น อีกทั้งไม่สามารถจะทำพันธสัญญากับคัมภีร์อัญเชิญได้ แต่ยิ่วหยางกลับประสบความสำเร็จทำสัญญากับคัมภีร์ ส่วนเรื่องราวจะเป็นเช่นไรต่อไป ขอเชิญติดตามดูครับ ความจริงในการแปลครั้งนี้มาจากแรงบันดาลใจที่ไม่ได้จะเป็นนักเขียนนักแปล หรอกครับ เกิดจากการอ่านมันฮัวการ์ตูนของจีนแล้วชอบ พยายามหาดูที่แปลเป็นอังกฤษ ก็แปลกันไปได้น้อยนิด แต่พอดูฉบับนิยายรู้สึกว่าเขาแปลไปได้เยอะ จึงลองเข้าอ่าน แต่เพราะความที่ภาษาไม่แข็งแรง จึงต้องดูไป เปิดดิคฯ ไปใช้โปรแกรมแปลช่วยบ้าง มีความรู้สึกว่าอ่านไม่ต่อเนื่อง จึงคิดว่าน่าจะแปลข้อมูลเก็บไว้ในเว็บๆ หนึ่งแล้วค่อยอ่านเป็นตอนๆ ให้ต่อเนื่องไปเลยดีกว่า แล้วก็นึกถึงที่นี่

Comment

Options

not work with dark mode
Reset