ตอนที่ 541 อ่านไม่ออก กลับบ้านนอกไปเถอะ
ซากหักพังสมรภูมิโบราณ แดนสวรรค์
นี่คือที่รกร้างแห่งหนึ่ง ไม่มีคนอยู่อาศัยและเป็นสถานที่ไร้ชีวิตชีวา ภายในรัศมีห้าร้อยลี้ ไม่มีสิ่งมีชีวิตอยู่เลย
แม้ว่าจะเป็นเวลาหมื่นปีมาแล้วก็ตาม ความเสียหายที่เกิดจากเทพในตำนานในยุคดึกดำบรรพ์ก็ยังไม่อาจฟื้นคืนดังเดิม ยังสร้างความตกตะลึงให้กับผู้พบเห็น ท้องฟ้าแตกครึ่งด้วยพลังที่มิอาจจินตนาการได้ มีพลังสองประเภทจากรหัสโบราณซึ่งแตกต่างไปจากเดิมอย่างสิ้นเชิง ในท่ามกลางความอึกทึก พลังทั้งสองยังต่อต้านกันอย่างต่อเนื่อง บางครั้งสายฟ้าก็ถูกปล่อยทะลุท้องฟ้าและระเบิดใส่ภาคพื้น
พื้นผิวโลกนี้ถูกปกคลุมไปด้วยลาวาที่แข็งตัวเกิดเป็นรูปร่างที่ดูน่ากลัว ตั้งแต่ครั้งโบราณกาลจวบจนถึงทุกวันนี้ไม่มีต้นไม้ที่รอดอยู่ที่นี่ได้เลย
พื้นที่ส่วนใหญ่ในที่นี้เป็นพื้นที่ราบ ไม่มีหลุมภูเขาไฟแต่อย่างใด เหตุผลเพราะพื้นผิวโลกหลอมละลายซึ่งเกิดจากการลุกไหม้รุนแรง
นอกจากเหล่าเทพในตำนานแล้ว ไม่มีใครอื่นที่สามารถทำให้แผ่นดินเป็นห้าร้อยลี้ลุกไหม้จากลาวาเหลวได้
มองดูระยะไกล อาจมองเห็นหลุมลึกที่ดูเหมือนเกิดจากร่องรอยพุ่งชนของอุกกาบาต
หลุมใหญ่มหึมาเหล่านี้เป็นผลมาจากการปะทะพลังของเหล่าเทพพวกนั้น
มีเพียงปาฏิหาริย์เดียวภายในซากสมรภูมิโบราณก็คือเทวรูปเทพเจ้าโบราณซึ่งตั้งอยู่ในศูนย์กลางซากหักพัง
เทวรูปไร้ศีรษะขนาดมหึมาตั้งตระหง่านอยู่ตรงนั้นสูงราวๆ สองร้อยเมตร มีขนาดมหึมาตั้งอยู่ในท่ามกลางรูปปั้นอื่น ปัจจุบันนี้ยังไม่มีผู้ใดบอกได้ว่าเทวรูปนี้คือตัวแทนของเทพเจ้าองค์ไหน อย่างไรก็ตาม เกี่ยวกับความจริงที่ว่ามันตั้งอยู่ตรงกลาง ย่อมเห็นได้ชัดว่าสถานะของเทพเจ้านี้สูงส่ง บางทีอาจเป็นเทพราชาในตำนานก็ได้ นอกจากเทวรูปไร้เศียรนี้แล้ว ยังคงมีรูปสลักขนาดที่เล็กกว่าสิบกว่ารูปซึ่งไม่มีแขนขา ทั้งหมดนั้นคล้ายกับเทวรูปไร้เศียร แม้ทั้งหมดจะตั้งตระหง่าน แต่เทวรูปทั้งหมดก็เสียหาย ดูเหมือนจะไม่มีทางบูรณะให้ดีได้
เทวรูปสิบกว่ารูปนั้นแบ่งออกเป็นสองกลุ่มใหญ่
เห็นได้อย่างเลือนรางว่า จะแสดงความเกลียดชังต่ออีกฝ่าย
แม้แต่คนที่มีความรู้มากที่สุดก็ไม่สามารถระบุสถานะของเทพเจ้าเหล่านี้ได้ อย่างไรก็ตามทั่วทั้งแดนสวรรค์ดูเหมือนจะรู้จักแต่เพียงหนึ่งในเทพเจ้าเหล่านั้นเท่านั้น นั่นคือเทพตุลาการ
ไม่มีใครมั่นใจว่าเทพตุลาการเป็นตัวจริง รวมกระทั่งศิษย์จากตำหนักกลางผู้บูชาเทิดทูนเทพตุลาการ พวกเขาเพียงแต่ได้ยินมาอย่างคลุมเครือว่าเทพตุลาการเป็นเทพที่น่าเกรงขามสามารถชี้เป็นชี้ตายชีวิตในแดนสวรรค์ได้ ช่วงเวลานี้เขาได้เสนอความคิดให้โลกระดับต่ำทั้งสี่เข้าแข่งขันสงครามโบราณในสังเวียนมรณะจนกระทั่งทุกวันนี้
สำหรับกลุ่มซ้ายมือ ที่ยืนอยู่ในตำแหน่งแถวที่สามก็คือเทวรูปตาบอด มือซ้ายของรูปนั้นเสียหาย ขณะที่มือขวาถือตาชั่งทองขนาดใหญ่
นั่นคือเทพตุลาการ
ภายใต้เท้าของเขาคือหลักจารึกเทพสี่ด้านซึ่งใช้เริ่มต้นสงครามโบราณ
“ควั่บ!
แสงสว่างวาบขึ้นจากแท่นบูชาสงครามด้านหน้าหลักจารึกศักดิ์สิทธิ์สี่ด้านพุ่งขึ้นไปในท้องฟ้า หลังจากขึ้นไปถึงจุดสูงสุดก็ร่วงลงมาเหมือนกับดอกไม้ไฟ
เมื่อร่วงลงมาบนพื้น ชางเหยียน จ้าวอสูรเพชฌฆาตโบราณและแม่ทัพทั้งสี่ก็ปรากฏตัว เนื่องจากความจริงที่ว่าจ้าวอสูรเพชฌฆาตโบราณและแม่ทัพทั้งสี่มีขนาดที่ใหญ่เกินไป พวกมันจึงไม่ทันตั้งตัวได้เร็วพอ จึงทำให้พวกมันหล่นกระแทกใส่เพชฌฆาตโบราณจำนวนเกินกว่า 2-3 ร้อยตัวที่ยืนรอเข้าสังเวียนมรณะอยู่หน้าแท่นบูชาสงครามและทำให้พวกมันกระเด็นออกไป และก่อให้เกิดความวุ่นวาย
เมื่อเห็นว่าจ้าวอสูรเพชฌฆาตโบราณกลับมา อสูรเพชฌฆาตโบราณล้วนคำรามด้วยความตื่นเต้น
เมื่อคิดอยู่ว่าพวกมันชนะ พวกมันทุกตัวโห่ร้องให้กับการกลับมาของจ้าวอสูรเพชฆาตโบราณ
“ในทวีปมังกรทะยานไม่มีอัจฉริยะอยู่เหรอ? ชางเหยียน นี่ต้องเป็นการเดินทางที่ผิดหวังเสียแล้ว” บุรุษวัยกลางคนที่มีระลอกประกายไฟสีฟ้าปรากฏตัวอยู่ข้างหน้าแท่นบูชาสงคราม เขาก็มีชุดยาวคลุมทั้งตัวเช่นกัน ผิวของเขาสีเขียวอ่อนที่ดูผิดปกติ แต่รูปลักษณ์สง่างามของเขาก็ยังคงเหมือนมนุษย์ เขามีดวงตาที่พิเศษ ม่านตาสีทองของเขาสามารถขยายได้เหมือนกับแมว และมีร่องรอยของความอำมหิต ด้วยความมั่นใจมาก บุรุษวัยกลางคนนี้มีแววตาที่เยาะเย้ยชางเหยียน “ทวีปมังกรทะยานล่มสลายไปแล้ว หกพันปีที่แล้วจักรพรรดิอวี้ติดกับดักสู้กับสามผู้ยิ่งใหญ่แดนสวรรค์ บริวารของเขาตายไปเป็นจำนวนมาก มรดกโบราณหายไปอย่างสิ้นเชิง ไม่มีทางที่จะมีอัจฉริยะอื่นเกิดขึ้นมาได้ แค่มองดูในระยะหกพันปี ไม่มีใครเลยสักคนเดียวที่สามารถก้าวย่างเข้ามาในแดนสวรรค์ได้ ไม่มีความจำเป็นต้องเริ่มสงครามโบราณก็ได้…”
“เฮยหู, ดูจำนวนคนที่กลับมาซิ” บุรุษคนหนึ่งเป็นเหมือนมนุษย์ล่องหน ผู้ยังคงอยู่ในชุดคลุมสีม่วงแค่นเสียง “ความหยิ่งยโส บางทีก็พ้องกับคำว่าโง่เขลา”
“เกิดอะไรขึ้น?” บุรุษผิวเขียวนัยน์ตาทองขมวดคิ้ว
“มีสุดยอดนักสู้ปราณก่อกำเนิดจากทวีปมังกรทะยานคนหนึ่ง นางอาจใช้สมบัติระดับทพยกระดับพลังของนางก็เป็นได้ นางสังหารเพชฌฆาตโบราณไปมากกว่าสิบตัว อย่างไรก็ตาม นอกจากนางแล้วที่เหลือจะต้องตายแน่นอน รวมทั้งเด็กหนุ่มที่อ้างตัวว่าเป็นจักรพรรดิอวี้รุ่นใหม่ด้วย!” ชางเหยียนหงุดหงิด ความจริงเขาไม่ต้องการให้สหายของเขามองเห็นสภาพน่าอับอายของเขาหลังจากความล้มเหลว
“แม้แต่เจ้าก็ฆ่านางไม่ได้หรือ?” เฮยหูประหลาดใจอย่างแท้จริง
“….” ชางเหยียนปฏิเสธที่จะตอบคำถามนี้
“ตำหนักส่วนนอกได้เริ่มสงครามโบราณโดยไม่ได้รับอนุญาตและ แม้ว่าจะมีการปะทะอย่างเต็มที่ในการรบระหว่างโลกระดับต่ำทั้งสี่ฝ่าย แต่ผลออกมาก็ทำให้อสูรเพชฌฆาตโบราณตายไปเป็นร้อย ข้าจะต้องรายงานเรื่องทั้งหลายแหล่เหล่านี้ไปที่องค์ราชาที่ตำหนักศักดิ์สิทธิ์” บุรุษล่องหนไม่รอให้ชางเหยียนอธิบาย เขาใช้มือปัดชุดคลุมของเขาเบาๆ มีลำแสงแพรวพราวสายหนึ่ง และในเสี้ยววินาที คนก็หายไป ความเร็วของเขาและวิชาลึกลับเป็นเรื่องที่ชางเหยียนที่อยู่ในระดับเดียวกัน และเฮยหูก็ยังไม่สามารถเห็นได้
“….” ชางเหยียนยังคงนิ่งเงียบ
“ตำหนักชั้นในปฏิเสธมาแล้ว!” บุรุษนัยน์ตาทอง, เฮยหูคำรามด้วยความโกรธ “ตำหนักกลางถูกแบ่งเป็นสี่ตำหนักใหญ่ ได้แก่ ลม, ไฟ, น้ำ, ดิน สมาชิกตำหนักนอกของพวกเราได้ครอบครองสามตำหนักใหญ่ยกเว้นตำหนักลม เราแปดผู้อาวุโสเป็นนักสู้ระดับหกในบรรดานักสู้ตำหนักชั้นนอก เรามีอำนาจอย่างเด็ดขาด ถ้าไม่ใช่เพราะราชาเสิ้งเตี้ยนมักโปรดปรานคอยช่วยเหลือพวกตำหนักชั้นในแล้ว อย่างนั้นเจ้าพวกที่ไร้ประโยชน์เหล่านั้นคงถูกไล่ออกจากตำหนักชั้นในไปแล้ว”
“ซื่อฟงมีอำนาจมาก ถ้าไม่อย่างนั้นเขาคงไม่หยิ่งยโสขนาดนั้นแน่” ชางเหยียนจงใจพูดส่อเสียดแตกแยก “เฮยหู, บางทีเราน่าจะหาโอกาสร่วมมือกันได้นะ”
“ร่วมมือกับเจ้า? ชางเหยียนผู้ฉลาด ข้าจำเป็นต้องพิจารณาเรื่องนั้น” เฮยหูยังคงระมัดระวัง
“สักวันหนึ่งเจ้าจะต้องตามหาข้า…” ดูเหมือนชางเหยียนจะมั่นใจ ทันใดนั้นเขาเหินลงมาอยู่หน้าหลักจารึกเทพสี่ด้าน เขาต้องการเก็บดาราตุลาการซึ่งเป็นตัวแทนของตำหนักกลาง
ดาราตุลาการที่มีแสงทองสว่างและแพรวพราวถูกหยิบออกมาจากตาชั่งทองจากเทวรูปเทพตุลาการ
มีทั้งหมดสองดวง
ปกติตำหนักกลางจะเก็บไปดวงหนึ่ง และปล่อยให้คันชั่งเอียงไปทางขวา
เมื่อสงครามโบราณเริ่ม ตำหนักกลางจะวางดาราตุลาการกลับคืนไปที่หลักจารึกเทพสี่ด้าน เมื่อเครื่องมือเทพนี้ถูกวางไว้ที่หลักจารึกสี่ด้าน มันจะช่วยเปิดแท่นบูชาสงครามข้างหน้า และด้วยเหตุนี้จะทำให้นักสู้แดนสวรรค์เข้าสู่สังเวียนมรณะในฐานะฝ่ายที่หก ก็คือผู้ตัดสิน ทันทีที่ดาราตุลาการถูกเก็บก็หมายความว่าทางผ่านเข้าสังเวียนมรณะถูกปิด นักสู้แดนสวรรค์จะไม่สามารถเปิดได้ในช่วงหนึ่งพันปี
“เอ๊ะ?”
ชางเหยียนบริกรรมเบาๆ จากนั้นค่อยๆ ดึงสัญลักษณ์ผู้ตัดสินที่เป็นอักษรรูนออกมาช้าๆ
อย่างไรก็ตาม ดาราตุลาการไม่ขยับ มันไม่ลอยออกมาเหมือนอย่างที่เคยเชื่อผู้ตัดสินครั้งก่อนๆ
เฮยหูกำลังเตรียมจะจากไป เขาหันหน้ามา เมื่อเห็นสิ่งที่เกิดขึ้นเขาขมวดคิ้ว “ชางเหยียน เจ้าไม่สามารถดึงดาราตุลาการออกมาได้หรือ? แสร้งทำท่าอย่างนั้น เป็นไปได้ว่าเจ้าตั้งใจจะยักยอกดาราตุลาการหลังจากหลอกให้ข้าจากไปใช่ไหม? ข้าไม่อยากจะเตือนเจ้าอีกแล้ว ชางเหยียน, สมบัติระดับเทพดาราตุลาการไม่อาจถูกรบกวนได้ ถ้าเจ้าตำหนักอีกสามคนรู้ พวกเขาจะไม่สนใจผู้อาวุโสคนใหม่… ถ้าฝ่าบาทเสิ้งเตี้ยนพบเข้า แม้แต่ร่างกายเจ้าจะถูกฉีก กระดูกของเจ้าจะถูกบด เจ้าจะไม่อาจหลีกเลี่ยงโทษหนักได้!”
ชางเหยียนไม่ตอบ เขาบริกรรมอีกครั้งและถอนอักษรรูนอีกครั้ง
ดาราตุลาการไม่ขยับแม้แต่นิ้วเดียว มันถูกฝังเข้ากับหลักจารึกเทพสี่ด้าน เหมือนกับว่าเป็นส่วนประกอบสำคัญของหลักจารึกเทพสี่ด้าน
เฮยหูเห็นว่าชางเหยียนดูเหมือนจะไม่ได้แกล้งล้อเล่นกับเขา เขารีบก้าวเข้ามาข้างหน้าและเหยียดมือทั้งสองข้างออก นี่เป็นเรื่องร้ายแรง เขาบริกรรมพร้อมกับชางเหยียนจากนั้นถอนอักษรรูนสวรรค์พร้อมกัน เขาเตรียมรับดาราตุลาการ
อย่างไรก็ตาม ดาราตุลาการไม่สนองเลยแม้แต่น้อย
ตอนนี้ ชางเหยียนและเฮยหูจึงตระหนักว่ามีบางอย่างผิดปกติ เหงื่อผุดขึ้นที่หน้าผากของพวกเขา ทั้งคู่ไม่มั่นใจว่าปัญหาคืออะไร
“เกิดอะไรขึ้น? การตัดสินจบไปแล้วนี่, ดาราตุลาการก็น่าจะกลับคืนมาได้ นี่เป็นไปไม่ได้!” เฮยหูจ้องชางเหยียน “เกิดอะไรขึ้นในสังเวียนมรณะกันแน่? เจ้าก่อเรื่องอะไรไว้กันแน่?”
“เราไม่ได้ทำอะไร…” ชางเหยียนกำลังรู้สึกถอดใจ เขาไม่ได้ทำอะไรจริงๆ ทำไมดาราตุลาการจึงไม่ตอบสนองการเรียกกลับคืน?
“ทำไมพวกเจ้าถึงไม่ถามข้าเล่า? ไม่รู้หนังสือก็ควรยอมรับตามตรง ไม่ควรแกล้งทำเป็นรู้ในเมื่อเจ้ายังไม่รู้” ทันใดนั้น เย่ว์หยางปรากฏตัวหน้าหลักจารึกเทพสี่ด้าน ไม่ทราบว่าเขาออกมาจากตรงไหน เย่ว์หยางทำเหมือนกับว่าเขากำลังเอาจริง เขาชี้ไปที่หลักจารึกเทพสี่ด้านเหมือนกับว่าเป็นครูกำลังสอนหนังสือ เขากล่าว “พวกเจ้าควรจะได้เห็นอักษรรูนโบราณตรงนี้ รู้ไหมว่าเขียนไว้ว่ายังไง? เขาเขียนไว้ว่าถ้าสงครามโบราณยังไม่จบอย่างเป็นทางการ ผู้ตัดสินไม่สามารถหลบหนีได้ พอเห็นสีหน้าของพวกเจ้า นี่ข้าอธิบายลึกซึ้งเกินไปหรือเปล่า? อย่างนั้นพวกเจ้าที่ไม่รู้ประสาคอยฟังให้ดี แม้ว่าพวกเจ้าจะหลบหนีออกมาจากสังเวียนมรณะได้ แต่สงครามจริงยังคงอยู่ เรากำลังติดตามและโจมตี เรายังไม่ได้ยอมแพ้ รหัสโบราณตัดสินว่าสงครามโบราณครั้งนี้ยังคงดำเนินต่อไป พวกเจ้าอยากเป็นนกกระจอกเทศหรือไง มันไม่มีปัญหาอะไรอย่างน้อยเจ้าก็ควรถามเราว่าเราเห็นด้วยไหม ตอนนี้เจ้าเข้าใจหรือยัง?”
“เป็นเจ้าเองหรือ?” ชางเหยียนถลึงตามองเย่ว์หยางตาแทบทะลัก ท่าทางของเขาเหมือนกับคนถูกผีหลอก
“เจ้ามดแมลงนี่เป็นใคร? ผู้ร่วมแข่งขันจากทวีปมังกรทะยานใช่ไหม?” เฮยหูมองดูเย่ว์หยาง เขาตะลึงเช่นกัน
“ข้า..คุณชายผู้นี้ก็คือจักรพรรดิอวี้รุ่นใหม่ ที่ชางเหยียนเพิ่งจะกล่าวถึงก่อนนั้นไงเล่า แน่นอนว่าข้ายังไม่ใช่ระดับเดียวกับจักรพรรดิอวี้ ถ้าไม่อย่างนั้นข้าคงตบแมลงวันทั้งสองอย่างพวกเจ้าด้วยฝ่ามือของข้าไปแล้ว ข้านึกว่าพวกเจ้าจะมีความสามารถเสียอีก แต่ในความเป็นจริงพวกเจ้าไม่เข้าใจภาษารูนโบราณด้วยซ้ำ ไม่ต้องอยู่แดนสวรรค์ต่อไปแล้ว กลับบ้านนอกไปเก็บมูลสัตว์เถอะไป! คนเก็บมูลสัตว์แถวๆ บ้านข้ายังมีการศึกษาดีกว่าพวกเจ้าด้วยซ้ำ!” เย่ว์หยางทำหูทำตาล้อเลียนสองนักสู้แดนสวรรค์ผู้อ่านอักษรรูนโบราณไม่ออก เขารู้สึกว่าตัวเขาเองก็ถือตัวไม่เบา
ความจริง อักษรรูนโบราณไม่ใช่ความรู้โดยทั่วไป
ชางเหยียนและเฮยหูไม่สามารถอ่านได้ นี่หมายความว่ามีคนในแดนสวรรค์ไม่กี่คนที่สามารถเข้าใจ นี่ไม่ใช่เรื่องที่คนทั่วไปจะสามารถอ่านและทำความเข้าใจได้
เย่ว์หยางก็ยังไม่มีอิสระนัก ถ้าไม่อย่างนั้นเขาคงใช้อักษรรูนโบราณเขียนจดหมายไปขอใช้สิทธิและเสรีภาพกับหมิงเย่ว์กวงและดูว่านางจะเข้าใจภาษารูนโบราณหรือไม่ ตอนนี้ เมื่อเห็นชางเหยียนและเฮยหูหน้าซีด เย่ว์หยางรู้สึกเหมือนกับว่าเป็นท่าทางที่น่าสมเพชที่คนอ่านหนังสือไม่ออกทำเมื่อพวกเขาได้รับหนังสือพิมพ์
เป็นความรู้สึกที่ดีจริงๆ
“เจ้าตามข้ามาถึงแดนสวรรค์ได้อย่างไร?” ชางเหยียนสงบจิตใจได้อย่างรวดเร็ว ถ้าคุณชายสามตระกูลเย่ว์นี้ไล่ตามเขามาลำพัง อย่างนั้นเขาก็แค่ลงมือฆ่า แน่นอนว่าต่อให้เขากินยาปัญญาอ่อนมา เขาก็คงไม่คิดแบบนี้ ถ้าฝ่ายตรงข้ามไม่มั่นใจ เขาคงไม่ไล่ตามมาแน่ สำหรับเย่ว์หยาง ชางเหยียนไม่ได้รู้สึกว่ามีปัญหาอะไร ข้อกังวลประการเดียวของเขาก็คือจื้อจุนมนุษย์ที่สามารถฆ่าได้ทันทีที่นางลงมือ
“งั้นแดนสวรรค์ก็ไม่มีอะไร นอกจากแค่นี้ นี่ช่างน่าผิดหวังเสียจริง” เสียงหยิ่งและเย็นชาของจื้อจุนดังขึ้นเหมือนกับมุกน้ำแข็งแตก
ชางเหยียนหัวใจตกวูบ เขาร้องลั่นเตือนสหายของเขา “ระวัง…..”
แต่ช้าเกินไป
จื้อจุนปรากฏตัวในท้องฟ้า เหนือแท่นบูชาสงคราม มือทั้งสองของนางกางออกแล้ว นางกำลังเตรียมปล่อยแสงทำลายล้าง ด้วยความช่วยเหลือพิเศษจากสนามพลังดารานภากาศและการสนับสนุนพิเศษจากแท่นบูชาสงคราม พลังที่จื้อจุนปลดปล่อยครั้งนี้แข็งแกร่งกว่าที่นางปล่อยครั้งก่อนถึงสิบเท่า
ทันใดนั้น ทั่วทั้งซากปรักหักพังของสมรภูมิโบราณท่วมทะลักไปด้วยคลื่นมหาสมุทรแสง
****************