ตอนที่ 549 จื้อจุนเก่งด้านไหนกันแน่?
สิ่งที่ทำให้เหยียนจงอยากกระอักโลหิตมากที่สุดก็คือเย่ว์หยางมอบเพลิงฟ้าเมฆดำที่เขาสร้างขึ้นมาให้กับอสูรที่เขาเรียกออกมา
ภูตเพลิงดิน
เหยียนจงพยายามระงับยับยั้งตนเองไว้ เนื่องจากเขามองดูภูตเพลิงดินกำลังกลืนกินเพลิงฟ้าเมฆดำ ที่เขาเองก็ไม่มี แม้ว่าเขาพยายามแสวงหามาเป็นพันปี ถ้าเขารู้ทำไมเขาจะยอมใช้เพลิงฟ้าโจมตีเย่ว์หยางด้วยเล่า? เขาก็แค่ขอก็ได้ เหยียนจงรู้สึกเสียดายจนแทบดิ้น ถ้าไม่ใช่เพราะเพลิงฟ้าของเขา เย่ว์หยางคงต้องใช้เวลาทั้งชีวิตกว่าจะค้นพบเพลิงฟ้าเมฆดำ ดังนั้นถ้าว่ากันโดยทั่วไปแล้วเขาเพิ่งช่วยให้เย่ว์หยางยกระดับได้โดยตัวเองไม่ได้ผลตอบแทนอะไรเลยมิใช่หรือ?
เหยียนจุนสั่นหลังจากเห็นการพลาดท่าเสียทีของเหยียนจง
ถ้าเขาไม่ระมัดระวังให้ดี เขาอาจตกอยู่ในความยุ่งยากก็เป็นได้
เหยียนจุนตัดสินอย่างชาญฉลาดไม่ขอตอแยศิษย์ของนางพญาเฟ่ยเหวินหลีดีกว่า บางทีเย่ว์หยางคงมีสมบัติชั้นเทพคอยปกป้องตัวเองและเหยียนจุนคงอับอายเป็นที่สุดหากเขาพยายามอย่างดีที่สุดแต่ก็ยังพลาดท่าในการทำร้ายเย่ว์หยาง
สตรีผู้มีสนามพลังดารานภากาศยังคงเป็นศัตรูที่สู้ด้วยยาก เนื่องจากบางทีนางเป็นยอดฝีมือที่มีชื่อในด้านสู้ระยะประชิดเหมือนกับตัวของเขา
สำหรับสตรีที่ชางเหยียนพูดว่ามีทักษะแสงทำลายล้างและทำลายช่องว่างมิติกลั่นกระสุน นางถนัดการต่อสู้โจมตีระยะห่างมากกว่า ซึ่งทำให้ทักษะสู้ระยะประชิดของเขาได้เปรียบอยู่เล็กน้อย ยิ่งกว่านั้นนางยังเป็นผู้มีพลังมากที่สุดในกลุ่ม และถ้าเขาเอาชนะนางได้ เขาจะได้รับเกียรติมากมาย ที่สำคัญที่สุด เนื่องจากสตรีนางนี้เอาชนะเฮยหูและชางเหยียนได้สำเร็จ คุณค่าและสถานะของเขาในตำหนักกลาง ก็จะเพิ่มขึ้นหากว่าเขาเอาชนะนางได้
เมื่อกำหนดแผนในใจได้แล้ว เหยียนจงเริ่มเพิ่มพลังของเขา
เหยียนจุนมีพลังเพลิงสีฟ้าบริสุทธิ์ เขาไม่กล้าประมาทต่อไปหลังจากได้เห็นผลที่น่าอนาถของเหยียนจง
เขายกระดับพลังอยู่ในขั้นปราณฟ้าระดับห้า แต่ก็ยังทรงพลังมากกว่าพลังของชางเหยียน ก่อนที่จะหยุดยั้งไว้
เพลิงน้ำเงินบริสุทธิ์ที่เหยียนจุนปลดปล่อยมีอุณหภูมิน่ากลัวมาก พื้นและหินใต้ตัวเขาหลอมละลายและลาวาร้อนแผ่ลามไปอย่างรวดเร็วก่อนที่จะกลายเป็นทะเลสาบลาวาตื้นเขิน
แม้อย่างนั้นเหยียนจุนก็ยังไม่รีบร้อนเข้าโจมตีทันที
เขาเรียกแมลงเพลิงกระจกออกมาสองสามตัว พวกมันสะท้อนแสงได้เหมือนกระจกเงา และคอยบินอยู่รอบๆ เพลิงน้ำเงินบริสุทธิ์และพลิกตัวไปมา
แม้ว่าพวกมันจะไม่สามารถกำจัดพลังแสงทำลายล้างได้อย่างสิ้นเชิง แต่พวกมันจะสามารถต่อต้านพลังลวงตาได้ทั้งหมดในเมื่อตัวพวกมันเองเป็นเหมือนกระจก เพื่อรับมือกระสุนดำทำลายล้าง เหยียนจุนต้องรู้จักประเภทการโจมตีของพวกมัน ถ้าพวกมันมีพลังโจมตีทะลุทะลวง อย่างนั้นเขาไม่อาจสนใจได้ เนื่องจากเพลิงน้ำเงินบริสุทธิ์ไม่ได้มีรูปแบบที่จับต้องได้ มันเป็นเพลิงเฉพาะชนิดหนึ่งสามารถกลับคืนสู่สภาพเดิมได้ต่อให้ถูกตัดเป็นพันๆ ชิ้นก็ตาม
วิธีโจมตีโดยทั่วไปไม่มีผลต่อร่างเพลิงน้ำเงินบริสุทธิ์
มีเพียงพลังโจมตีที่สามารถชำระและขจัดสิ่งมีชีวิตได้ทั้งหมดอย่างเพลิงอมฤตและวงจักรทำลายล้างจึงจะสามารถทำให้เพลิงน้ำเงินบริสุทธิ์ได้รับความเสียหายเป็นทวีคูณ เพราะกลัวเรื่องเช่นนี้ เหยียนจุนจึงไม่ยินดีจะเผชิญหน้ากับเย่ว์หยาง เขากลัวจะต้องเผชิญหน้ากับศัตรูอย่างนั้นผู้มีสมบัติระดับเทพ
“ปีกโลหิตพิลาป”
อีกด้านหนึ่งจื้อจุนขยับนิ้วชี้ของนางอย่างสง่างาม
นางวาดอักษรรูนโบราณบนปีกนางฟ้าบางสีแดงโลหิตด้วยโลหิตจากปลายนิ้วของนาง ความลึกลับเบื้องหลังการกระทำของนางก็ยังหลีกเลี่ยงไม่ให้เย่ว์หยางรู้
จากนั้นจื้อจุนเริ่มยกระดับพลังเป็นครั้งแรกตั้งแต่เริ่มต่อสู้
นางยกระดับรวดเร็วจากปราณฟ้าระดับหนึ่ง เป็นระดับสอง และมาหยุดอยู่ที่ระดับสามในที่สุด ตอนนี้นางมีพลังแข็งแกร่งมากยิ่งกว่าปราณฟ้าระดับสามของหวงฉวนเสียอีก เย่ว์หยางรู้สึกว่าพื้นฐานของเขายังคงอ่อนเมื่อเทียบกับจื้อจุน จื้อจุนฝึกฝนจนถึงระดับที่สมบูรณ์แบบซึ่งพลังของนางบริสุทธิ์เป็นกลุ่มก้อน และมีพลังคุกคามผู้คนที่ไม่เหมือนใคร
เทพธิดาในตำนานก็คงเป็นเช่นนั้น
ชางเหยียนหน้าซีดทันที แม้ว่าจื้อจุนจะถึงเพียงปราณฟ้าระดับสาม แต่ความรู้สึกยากที่จะเอาชนะได้เกิดขึ้นในใจของเขา
จื้อจุนสงวนพลังส่วนหนึ่งไว้ปิดบังพลังที่แท้จริงของนาง
เว้นแต่นางเชื่อจริงๆว่านางสามารถต้านรับเหยียนจุนด้วยพลังปราณฟ้าระดับสามของนาง ในเมื่อเขาเพิ่มระดับพลังจนอยู่ที่ปราณฟ้าระดับห้าหรือ? นอกจากชนะกันในแง่ของระดับนักสู้และพลังแล้ว เหยียนจุนยังมีเพลิงน้ำเงินบริสุทธิ์ แล้วรังสีทำลายล้างและกระสุนดำสังหารจะกลายเป็นสิ่งที่ใช้ไม่ได้ผล แม้ว่าจื้อจุนยังมีพลังโจมตีอื่น เหยียนจุนก็ยังมีไม้ตายลับ แน่นอนเหยียนจุนไม่มีทางพ่ายแพ้แน่!
ถ้านี่เป็นการพนัน ชางเหยียนจะทุ่มเดิมพันทั้งหมดแทงข้างเหยียนจุน
เย่ว์หยางเรียกภูตเพลิงดินให้บินกลับมาอยู่สนามพลังดารานภากาศของจักรพรรดินีราตรี สีหน้าของเขาไร้อารมณ์และดูน่ากลัว
นางฟ้าปีกโลหิตซึ่งรับเลือดจากจื้อจุนขยายขนาดช้าๆ ภายในนาทีเดียว นางเติบโตขนาดเท่ามนุษย์จริง ปีกโลหิตทั้งหกข้างสยายออกอย่างนุ่มนวล ขณะที่นางเพิ่มระดับพลังจนถึงปราณก่อกำเนิดระดับสิบ ความจริงนางเป็นอสูรตนหนึ่ง อสูรเพชรระดับเก้า มีช่องว่างสำหรับวิวัฒนาการอีกมากในอนาคต พลังของนางแทบจะไล่ๆ กับพลังของจื้อจุน กับพลังที่เหมือนกับจักรพรรดิคงและจักรพรรดิหมิง… นางฟ้าปีกโลหิตชักกระบี่ศักดิ์สิทธิ์ที่แขวนอยู่ข้างเอว นางถือกระบี่เสมออกและหลับตาของนางช้าๆ ขณะที่มือซ้ายของนางค่อยๆ ลูบมันเบาๆ
ปราณกระบี่คมกริบกรีดผิวบางๆ ของนาง
รอยเลือดปรากฏบนกระบี่ศักดิ์สิทธิ์เหมือนรัศมีรุ้งงาม
แสงสีรุ้งฉายออกมาจากกระบี่ศักดิ์สิทธิ์และรวมอยู่กับนางฟ้าปีกโลหิต ขณะที่ขยายขนาดจนสูงถึงสามเมตร
แม้เย่ว์หยางจะไม่เข้าใจเหตุผลที่จื้อจุนเอานางฟ้าปีกโลหิตออกมา ไม่ว่านางฟ้าจะทรงพลังขนาดไหนก็ตาม แต่ลักษณะของนางคงมีแต่จะเป็นตัวถ่วงจื้อจุน นางไม่สามารถช่วยจื้อจุนได้ ทำไมจื้อจุนถึงได้ยืนยันจะนำนางออกมาใช้? เย่ว์หยางต้องการถามจักรพรรดินีราตรีแต่เขากลัวว่าจะเป็นการเผยความลับของจื้อจุน
เย่ว์หยางยินดีเชื่อว่าทุกอย่างที่จื้อจุนทำ นางคงไม่มีทางทำเรื่องโง่ๆ แน่นอน
แม้จะมีความข้องใจ แต่เย่ว์หยางก็ยังตัดสินใจเชื่อนาง
“เรามาสู้ตัดสินหาผู้ชนะกันเถอะ” เหยียนจุนก็งงงวยเช่นกัน แต่เขาไม่เห็นความลับของศัตรู เขาทำได้แต่ใช้พลังของเขาทั้งหมดสู้จนสุดกำลัง
คลื่นความร้อนสูงพอจะทำให้โลกลุกเป็นไฟได้ เหยียนจุนอยู่ภายใต้การปกป้องของแมงเพลิงกระจกและด้วยความช่วยเหลือจากอสูรพิเศษบางชนิด เขาเงื้อหมัดพุ่งเข้าหาจื้อจุนราวกับสายฟ้า
เป็นหมัดที่มิอาจต่อต้านได้
เดินหน้าสุดกำลัง
เหยียนจุนมิได้ตั้งท่าตั้งรับเลย
เขาเชื่อมั่นเต็มเปี่ยมในพลังเพลิงน้ำเงินบริสุทธิ์ เขาเชื่อว่ามันสามารถทนการโจมตีของศัตรูของเขาได้ สำหรับบางคนที่ถนัดสู้ระยะห่างอย่างจื้อจุน เรื่องที่นางกลัวที่สุดก็คือปะทะหมัดต่อหมัด เนื่องจากโล่ของนาง เหยียนจุนเชื่อว่าเขาสามารถทำลายมันได้ด้วยพลังหมัดเดียว ไม่มีโล่ใดในโลกที่สามารถทนได้ ไม่มีศัตรูใดที่ไม่สามารถฆ่าได้ ตราบใดที่มีพลังมากเพียงพอ ทั้งเมืองหรืออาจทั้งประเทศสามารถถูกทำลายได้ในเวลาอันสั้น
ร่างมนุษย์เป็นร่างที่เปราะบางที่สุดในบรรดาชาติพันธุ์อื่นๆ
สู้ระยะประชิดมักเป็นเรื่องโหดร้ายต่อร่างกายที่อ่อนแอเสมอ
ด้วยสนามพลังดารานภากาศ จักรพรรดินีราตรีอัญเชิญกลุ่มดาวแกะและกลุ่มดาววัว
แม้ว่าเย่ว์หยางและนางจะได้รับการปกป้อง เหยียนจุนก็ยังใช้พลังอย่างเต็มที่บังคับให้สนามพลังดารานภากาศทั้งหมดถอยห่างออกไปเป็นกิโลเมตร
เทียบกับกับดักสนามพลังของชางเหยียนแล้ว หมัดของเหยียนจุนแข็งแกร่งกว่าเป็นร้อยเท่า นี่ยังคงเป็นพลังไฟที่โจมตีผ่านอากาศ
ถ้าเป็นการโจมตีโดยตรง จะสร้างแรงกดดันให้กับจื้อจุนได้มากมายเพียงไหน?
เย่ว์หยางไม่สามารถนึกภาพได้เลย!
“โง่จริงๆ” จื้อจุนเอียงตัวเพียงเล็กน้อยก็หลบไม้ตายของเหยียนจุนด้วยความชำนาญ
นางโต้ตอบกลับทันที นางใช้มือขวาปัดพลังโจมตีครั้งที่สองของเหยียนจุนออกไปอย่างรีบเร่งขณะที่มือซ้ายของนางกดลงที่หน้าผากของเขา พลังกดดันทับทวีคูณเพิ่มขึ้นบนใบหน้าของเหยียนจุนในวินาทีนั้น ความตกใจของเขาตามมาด้วยความประหลาดใจเมื่อหมัดที่สองของเขาถูกจื้อจุนปัดคลี่คลายได้ง่ายโดยเขามิอาจป้องกันได้ เขาจะไม่ตกตะลึงได้ยังไง หลังจากที่เห็นประจักษ์ว่าฝีมือต่อสู้ระยะประชิดที่ลี้ลับอย่างนั้นจะมีอยู่ในตัวของสตรีที่ถนัดในการโจมตีระยะไกลได้ยังไง?
สีหน้าของเขาเปลี่ยนอีกครั้งเมื่อฝ่ามือซ้ายของจื้อจุนฟาดเข้าที่หน้าผากของเขา
จะไม่มีผลอะไรทั้งนั้น
ด้วยเพลิงน้ำเงินบริสุทธิ์ เขาแทบจะรู้สึกสบายใจกับการสู้ระยะประชิด เว้นแต่เขาตกอยู่ภายใต้การโจมตีจากสมบัติชั้นเทพ, เพลิงอมฤตหรือวงจักรล้างโลก การโจมตีธรรมดาไม่มีทางทำอะไรเขาได้
“บึ้มมมม!”
เหยียนจุนถูกกระแทกเข้ากับพื้น ทั้งตัวของเขาจมลึกเข้าไปในหิน
ก่อนที่เขาจะได้สลัดศีรษะสลายความมึนงงของตน จื้อจุนยกเขาขึ้นแล้วทุ่มเหวี่ยงร่างของเขากระเด็นไปไกลถึงสองกิโลเมตรก่อนที่เขาจะกระแทกกับพื้นเสียงดังตุ้บ เหยียนจุนไม่สามารถลุกขึ้นยืนได้อยู่นาน
เมื่อได้เห็นภาพเช่นนี้ ชางเหยียน, เหยียนจงและแม้กระทั่งเย่ว์หยางยืนตะลึง
นี่มันเพิ่งเกิดเรื่องบ้าอะไรขึ้น?
จักรพรรดินีราตรีแทบจะได้ยินคำถามของเย่ว์หยางดังอยู่ในใจ นางอธิบายให้เขาฟังอย่างนุ่มนวล “ความจริงจื้อจุนเป็นนักสู้ระยะประชิด นางมีความรู้มากที่สุดแล้วในทักษะการต่อสู้
เย่ว์หยางรู้สึกจะเป็นลม
จุดแข็งของจื้อจุนไม่ใช่ลำแสงทำลายล้าง, ไม่ใช่กระสุนดำ แต่เป็นทักษะสู้ระยะประชิดหรือนี่?
ถ้าเขาไม่เห็นเหยียนจุนถูกเล่นงานกับตาตัวเอง เย่ว์หยางคงยากจะยอมเชื่อได้จริงๆ
ชางเหยียนยิ่งประหลาดใจมากกว่า โชคดีที่เขาไม่ได้สู้กับนางด้วยตัวเอง มิฉะนั้นคนที่ถูกทุ่มใส่พื้นอาจเป็นตัวเขาก็ได้ เขาไม่มีเพลิงน้ำเงินบริสุทธิ์ ถ้าเขาต้องสู้กับนาง จื้อจุนอาจฉีกร่างของเขาเป็นชิ้นก็ได้ ชางเหยียนสาบานว่าเขาจะไม่มีทางแตะต้องจื้อจุนแน่นอน สตรีคนนี้น่ากลัวเหลือเกิน ในอนาคต เขาจะหนีให้เร็วที่สุดเมื่อใดก็ตามที่เห็นนาง มันน่ากลัวเกินไปกับการต่อสู้กับสตรีคนนั้น นั่นเป็นการรนหาที่ตายชัดๆ
“นั่นเป็นไปไม่ได้!” หน้าของเหยียนจุนบวมปูดและฟันหักร่วง และหลั่งเลือดพร้อมกับเลือดสีน้ำเงินเหมือนเลือดเพลิง คำพูดของเขาอู้อี้เล็กน้อยเนื่องจากฟันหัก และเสียงของเขาน่ากลัว “เจ้าไม่มีทางทำร้ายข้าด้วยมือเปล่าๆ แน่ ร่างของข้าสร้างขึ้นจากเพลิงน้ำเงินบริสุทธิ์ ข้ามีภูมิต่อต้านการโจมตีทางกายภาพ นอกจากอาวุธระดับเทพแล้ว ไม่มีอะไรที่ทำร้ายข้าได้”
“เจ้ามีร่างของเพลิงน้ำเงินบริสุทธิ์?” จื้อจุนหงายฝ่ามือนางและแสดงให้เห็นถึงบาดแผลที่เกิดจากการเผาไหม้
นางบาดเจ็บ
เย่ว์หยางรู้สึกเจ็บแปลบในใจเขาโดดออกมาด้วยความห่วงใย จับมือของนางและถ่ายพลังปราณก่อกำนิดของเขาเพื่อรักษานาง
จื้อจุนตะลึงและแก้มของนางเริ่มแดงด้วยความอาย แต่ก็หายไปอย่างรวดเร็ว ขณะที่นางชักมือกลับ และบอกให้เขากลับเข้าไป “อาการบาดเจ็บเล็กน้อยไม่ใช่เรื่องใหญ่”
เย่ว์หยางเองก็ประหลาดใจกับความกล้าของเขา ความจริงเขากล้าแตะต้องมือนางหรือ? ถ้าเป็นครั้งก่อนเขาคงไม่มีทางได้แตะต้องนางแน่ ดูเหมือนว่าหลังจากเขามีสัมพันธ์กับนางเซียนหงส์ฟ้าและสาวงามอื่นๆ ทำให้เขากลายเป็นลูกผู้ชายที่แท้จริง ความกล้าของเขาที่มีต่อสตรีเพิ่มขึ้นสู่ระดับใหม่
“อา, ข้าเผลอคิดว่าท่านเป็นมารกฎฟ้าไปเสียได้” เย่ว์หยางแกล้งทำเป็นแก้เก้อ ขณะที่เขาระลึกถึงความรู้สึกที่ยอดเยี่ยมเมื่อสัมผัสมือของจื้อจุน และเขากลับเข้าไปในสนามพลังดารานภากาศ
“ยกโทษให้ไม่ได้!” เหยียนจุนโกรธจัด เหยียนจุนที่เพิ่งถูกเล่นงานยับเยินเพิ่มพลังอยู่ในระดับสูงทันที
การต่อสู้เริ่มขึ้นอีกครั้ง ครั้งนี้ ไม่เพียงแต่เหยียนจุนเท่านั้น แม้แต่ยักษ์เพลิงเหยียนจงก็เตรียมลงมือลอบทำร้ายทันที
เหยียนจุนกระโจนเข้ามาเหมือนราชสีห์ ขณะที่เขาปลดปล่อยพลังความแข็งแกร่งทั้งหมด เขาพุ่งเข้าจู่โจมด้วยความโกรธ
ถึงตอนนี้ เหยียนจงรออยู่ด้านข้าง หน้าที่มืดทึบของเขาแสดงสีหน้าเหมือนอสรพิษร้าย
*********************