เดชคัมภีร์เทพฤทธิ์ – ตอนที่ 552 – การกลับมาที่สั่นสะเทือนโลก

ตอนที่ 552 การกลับมาที่สั่นสะเทือนโลก

ก่อนจะกลับสู่หอทงเทียน เย่ว์หยางลอบออกมาเงียบๆ แล้วแอบฝังตุ๊กตารบไว้ข้างหน้าจารึกเทพ เป็นตุ๊กตารบที่ไม่มีความสามารถในการโจมตี

เมื่อทิ้งตุ๊กตารบนี้ไว้ เย่ว์หยางสามารถใช้เข็มทิศสามดินแดนพากลับมายังแดนสวรรค์ได้ทุกเมื่อ

แม้ว่าแดนสวรรค์จะเป็นสถานที่อันตรายมากกว่าหอทงเทียนก็ตาม แต่การมาถึงแดนสวรรค์ก็คือความฝันของนักรบของหอทงเทียนทุกคน ตอนนี้ประตูสวรรค์ถูกปิดแล้ว เมื่อไม่มีเข็มทิศสามดินแดน ก็ต้องรอไปอีกร้อยปีกว่าประตูสวรรค์จะเปิดออกอีกครั้ง สิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือว่า ภายในประตูที่ปิดของแดนสวรรค์ แม้จะไม่มีนักสู้ปราณฟ้าคอยคุ้มครองแดนสวรรค์ แต่เกี่ยวกับทัศนคติที่น่ากลัวของพวกเขาที่มีต่อทวีปมังกรทะยาน พวกเขาอาจลอบทำร้ายและฆ่านักสู้เหล่านั้นก็ได้ คงเป็นเรื่องเลวร้ายอย่างเหลือเชื่อก่อนที่ใครๆ จะสามารถผ่านเข้าประตูแดนสวรรค์ไปได้ ผู้คนอาจพินาศอยู่ภายใต้รอยแตกและมิติของกาลเวลาได้อย่างง่ายดาย

หลังจากฝังตุ๊กตารบตัวนี้แล้วและใช้เข็มทิศสามดินแดน เย่ว์หยางสามารถพาทุกคนขึ้นมายังแดนสวรรค์ได้ทุกเมื่อ

บางที เขาอาจไม่ต้องพึ่งพาทางลัดในตำนานในบันไดสวรรค์อีกต่อไปก็ได้

จะมีทางลัดสู่แดนสวรรค์ในบันไดสวรรค์จริงหรือ?

ไม่มีใครรู้ความจริง

บางทีปริศนานี้อาจจะไขออกได้หลังจากที่พวกเขาพบกับมารดาสหายผู้น่าสงสาร

จักรพรรดิใต้พิภพปรารถนาจะขึ้นมายังแดนสวรรค์เช่นกัน ขณะที่ผู้เฒ่าหนานกงยินดีจะอยู่ดูแลหอทงเทียนตลอดไป แต่ก็เห็นด้วยกับการตัดสินใจของเย่ว์หยางทิ้งตุ๊กตาหุ่นรบไว้เบื้องหลัง ทั้งจักรพรรดินีราตรีและจื้อจุนก็เห็นด้วยเช่นกัน

นักสู้หลายคนจากหอทงเทียนปรารถนาต้องการเข้าแดนสวรรค์ก็ยังมี เช่นจักรพรรดิมังกร, มารสัมฤทธิ์ฟ้า, จอมปีศาจบารุธ เป็นต้น ด้วยระดับพลังความแข็งแกร่งของพวกเขา พวกเขาหาคู่ต่อสู้ที่มีฝีมือได้อย่างยากลำบาก จึงทำให้ยกระดับได้ช้า ถ้ายังมีความหวังใดๆ ให้พวกเขาเข้าแดนสวรรค์ได้ เชื่อได้ว่าพวกเขาคงยอมปล่อยวางบุญคุณความแค้นที่อยู่ในหอทงเทียน ในฐานะปัจเจกบุคคล นี่จะเป็นความก้าวหน้าในอีกรูปแบบหนึ่ง ขณะที่นักรบทั้งหมดในหอทงเทียนจะได้รู้สึกเป็นอิสระจากพวกสุดยอดนักสู้ปราณก่อกำเนิด ผู้เยาว์รุ่นหลังที่โดดเด่นจะได้เกิดขึ้นในหอทงเทียน

“พวกท่านจะไม่อยู่ต่อจริงๆ หรือ?” เย่ว์หยางคิดว่าจื้อจุนและจักรพรรดินีราตรีจะอยู่ในแดนสวรรค์ต่อเพื่อสำรวจและขยายขอบเขตของพวกนาง

แม้ว่าพวกนางจะไม่สามารถต่อต้านตำหนักกลางได้ แต่ด้วยพลังของจื้อจุนและจักรพรรดินีราตรี พวกนางสามารถเจาะและฝึกฝนอยู่ในแดนสวรรค์ได้ง่าย นักสู้ปราณฟ้าระดับสามอย่างหวงฉวนก็ยังสามารถสร้างชื่อให้ตนเองได้ แม้ว่าเขาจะมีชื่อเสียงน้อยในแดนสวรรค์ แต่พลังของจื้อจุนก็ยังนับว่ายิ่งใหญ่มากกว่าหวงฉวน สำหรับนางการอยู่ฝึกฝนในแดนสวรรค์ย่อมไม่มีปัญหาแต่อย่างใด

อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ทำให้เย่ว์หยางงงก็คือว่า จื้อจุนและจักรพรรดินีราตรีตัดสินใจไม่อยู่ในแดนสวรรค์ต่อทั้งคู่ พวกนางตัดสินใจกลับหอทงเทียนพร้อมกับเขา

ความตั้งใจของจื้อจุนคือกลับไปฝึกฝน ความจริงนางคิดว่าการฝึกฝนในแดนสวรรค์ อาจไม่ดีเท่ากับฝึกฝนในหอทงเทียน ขณะเดียวกัน จุดประสงค์หลักของนางก็คือหาวิธีผ่านเข้าไปในแดนล่มสลายแห่งทวยเทพ ในใจนางแดนล่มสลายแห่งทวยเทพมีคุณค่าสูง การฝึกในแดนสวรรค์น่ะหรือ? เมื่อนางมีพลังเพียงพอ นางจะโจมตีและเข้าไปเมื่อใดก็ได้

แน่นอน, จื้อจุนไม่ต้องการอยู่ในแดนสวรรค์แน่

จักรพรรดินีราตรีก็ตัดสินใจกลับเช่นกัน นางตั้งใจจะฝึกอบรมให้เสวี่ยอู๋เสีย, องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนและเจ้าเมืองโล่วฮัว เพื่อที่ว่าผู้เยาว์รุ่นหลังจะได้มีความก้าวหน้ารวดเร็ว

ด้วยคำแนะนำจากจักรพรรดินีราตรี เสวี่ยอู๋เสียและพวกที่เหลือจะมีความก้าวหน้าแบบก้าวกระโดดแน่นอน

เย่ว์หยางสนับสนุนเรื่องนี้เต็มที่

สำหรับผู้เฒ่าหนานกงย่อมกลับอย่างแน่นอน เหตุผลง่ายๆ ก็คือ เมื่อไม่มีเขาคอยอยู่ควบคุมสถานการณ์ในปัจจุบัน กลุ่มสมาพันธ์นักสู้ปราณก่อกำเนิดก็จะตกอยู่ในความสับสนวุ่นวาย จักรพรรดิใต้พิภพก็ไม่อยู่ด้วยเช่นกัน ความจริงเขาเป็นคนที่ต้องการจะอยู่ในแดนสวรรค์ แต่ด้วยพลังของเขาในปัจจุบัน เขาคิดว่าเขาไม่มีพลังพอจะปกป้องตนเอง ดังนั้นเขาตัดสินใจกลับหอทงเทียนเพื่อฝึกฝนยกระดับพลังต่อ

อย่างไรก็ตาม เย่ว์หยางมีเข็มทิศสามดินแดน เขาสามารถเข้าออกแดนสวรรค์ได้อย่างสะดวกพร้อมกับเย่ว์หยางได้ แต่จะกลายเป็นเรื่องแตกต่างอย่างสิ้นเชิง เมื่อเทียบกับการอยู่ในแดนสวรรค์ตามลำพังโดยไม่มีใครช่วยเขา

“เราไม่มีบ้านจะกลับไป ช่วยรับเราไปดูแลด้วยนะ” เด็กสาวเผ่าสุนัขกระดิกหางของนางทำท่าน่าสงสาร นางตัวเล็กที่สุด น่ารักที่สุดในกลุ่มนักรบหญิงโบราณ นางน่ารักมากราวกับจะทำให้เฒ่าหัวงูหัวใจวายได้

“งั่ม งั่ม…”

เด็กสาวยักษ์ไม่ได้พูดอะไร นางกำลังเคี้ยวเนื้อเต็มคำ ปากนางไม่ว่างจะคุยอะไรกับใครทั้งนั้น

ตอนนี้ ต่อให้เย่ว์หยางตะเพิดนางไป นางก็คงไม่ไป

สถานที่ของเย่ว์หยางมีอาหารให้นางกินได้ไม่รู้จักหมด ขณะที่ผู้คนก็ชื่นชอบนาง เด็กสาวยักษ์ไม่มีอะไรต้องกลัวอีกต่อไป นางกลัวอดและกลัวไม่มีคนรักนาง

แน่นอนว่า ต่อให้เย่ว์หยางบ้า เขาก็คงไม่กล้าพูดไล่เด็กสาวยักษ์แน่ หากเขาบอกว่าเขาไม่ต้องการนาง เด็กสาวยักษ์คงร้องไห้น้ำตาท่วมโลกคัมภีร์เป็นแน่ อย่างไรก็ตาม การเลี้ยงดูแลเด็กสาวยักษ์ก็ควรจะทำไว้ แม้ว่าเด็กสาวยักษ์จะมีขนาดใหญ่โตเกินไปหน่อย ตราบใดที่ใช้ทักษะพิเศษของสาวกิเลนได้ก้าวหน้าขึ้น เด็กสาวยักษ์ก็มีหวังที่จะกลายร่างเท่าขนาดเด็กสาวธรรมดา ไม่ว่ายังไงก็ตามมีเด็กสาวอยู่ในบ้านมาก คงไม่เพิ่มความเจ็บช้ำให้คนอื่นเป็นแน่

นางก็แค่หิวบ่อย เป็นไปได้ยังไงที่ทวีปมังกรทะยานที่รุ่งเรืองจะหาอาหารให้สาวไตตันผู้นี้ไม่ได้?

เมื่อใช้เข็มทิศสามดินแดน เย่ว์หยางกลับมายังทางเดินแก้วผลึกสังเวียนมรณะอีกครั้งหนึ่ง

ในขณะนี้เองเกิดการเปลี่ยนแปลงในลานแก้วผลึกทั้งหมด

กลับกลายเป็นว่าทางเดินแก้วหายไป ผนังแก้วผลึกที่ผุดออกมาจากพื้นได้หดกลับเข้าไปในพื้น นอกจากบันไดเวียนแก้วที่ยังเปิดอยู่ ทุกสิ่งทุกอย่างกลับคืนสู่สภาพเหมือนที่เคยเป็น ทุกสิ่งทุกอย่างเหมือนเดิม เหมือนเมื่อตอนที่เย่ว์หยางและราชันย์ปีศาจใต้เข้ามาล่าสมบัติ

“คุณชายสาม! หวังว่าเราคงจะได้พบกันอีก” จักรพรรดิใต้พิภพกล่าวขอบคุณจื้อจุนและจักรพรรดินีราตรี ก่อนจะกล่าวอำลาเย่ว์หยาง

สำหรับจักรพรรดิใต้พิภพ สังเวียนมรณะนี้และการเดินทางเข้าแดนสวรรค์ถือว่าเป็นเกียรติครั้งหนึ่งในชีวิต แม้ว่าบุคคลที่พลิกผันสถานการณ์อันตรายจะไม่ใช่เขาก็ตาม แต่เขาก็ยังมีส่วนร่วมด้วย เทียบกับจักรพรรดิฟ้าที่พบกับความตายที่โหดร้ายทารุณแล้ว จักรพรรดิใต้พิภพรู้สึกว่าเทพีแห่งโชคอยู่ข้างเขา นับว่าเขาโชคดีจริงๆ ข้อพิสูจน์นี้แสดงให้เห็นว่าการเลือกข้างให้ถูกสำคัญมากขนาดไหน ถ้าเขาไม่เลือกข้างเย่ว์หยางแล้วยังต่อต้านเขา จักรพรรดิใต้พิภพรู้สึกว่าเขาอาจพบจุดจบด้วยการลงไปอยู่ในท้องของเพชฌฆาตโบราณก็ได้

ทักษะพลังฝีมือของจักรพรรดิฟ้าก็พอๆ กับจักรพรรดิใต้พิภพ

พวกเขามีพลังเป็นของตน

เพราะเขาเลือกยืนผิดข้าง สังเวียนมรณะจึงกลายเป็นสุสานของเขา แหวนเก็บของของเขา เย่ว์หยางก็ได้ไป แม้แต่ศพของเขาก็กลายเป็นปุ๋ยของนางพญาดอกหนามมงกุฏทอง

“ข้าจะกลับไปตรวจสอบที่สมาพันธ์นักสู้ปราณก่อกำเนิดก่อน..” ผู้เฒ่าหนานกงกลัวว่าคนในหอทงเทียนจะฉวยโอกาสจากสถานการณ์ก่อความวุ่นวาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งซุ่นเทียน, องค์ชายเงาดำและประมุขนิกายพันปีศาจ ถ้าผู้เฒ่าหนานกงอยู่ที่นั่นดูแลหอทงเทียน อย่างนั้นพวกเขาอาจวางแผนเล่ห์ร้ายก็เป็นได้ แน่นอนว่าผู้เฒ่าหนานกงต้องรีบกลับไปดูแล สำหรับเย่ว์หยางเขายังไม่ออกจากลานแก้วผลึกทันที เขายังคงต้องการเข้าทางเวียนแก้วเพื่อล่าสมบัติ ถ้าเป็นสมบัติอื่น เย่ว์หยางคงไม่สนใจ แต่สิ่งที่เขาได้ยินจากเด็กสาวเผ่าสุนัขและนักรบหญิงโบราณว่ามีของบางอย่างที่ข้างล่างทางเดินเกลียว มีวงแหวนเทเลพอร์ตที่จะนำพวกเขาเข้าไปยังสุสานโบราณ วังแห่งนี้เก็บรักษาหนังสือยุคโบราณหลายเล่ม

“ตำราเหรอ? เยี่ยมเลย, ข้าชอบอ่านหนังสืออยู่แล้ว” เย่ว์หยางสนใจความรู้ทั้งหมด โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ประวัติศาสตร์ของอักษรรูนทั้งเก่าและใหม่

สุสานโบราณแบ่งออกเป็นสามชั้น สูงสุด กลางและต่ำที่สุด

ชั้นที่เด็กสาวเผ่าสุนัขพูดถึงเป็นชั้นแรก

นั่นก็หมายความว่าเป็นชั้นที่ต่ำที่สุด

ภายในชั้นล่างสุด มีหนังสือโบราณเป็นพันๆ เล่ม หนังสือเหล่านี้บันทึกข้อมูลเอาไว้ด้วยภาษาทุกชนิด ดูเหมือนจะเป็นประวัติศาสตร์จากยุคต่างๆ ที่ได้บันทึกไว้ นี่ทำให้เย่ว์หยางและเสวี่ยอู๋เสียผู้รักการอ่านอยู่แล้วรู้สึกพอใจจริงๆ กับการเดินทางครั้งนี้

สำหรับชั้นสองในหอกลางและชั้นสามในหอที่สูงที่สุด ดูเหมือนว่าพวกเขาต้องปฏิบัติตามเงื่อนไขเฉพาะจึงจะเปิดหอเหล่านั้นได้ เย่ว์หยางไม่มีเวลาตรวจสอบอย่างถี่ถ้วน ในที่สุดเขาตัดสินใจกลับไปยังทวีปมังกรทะยานเพื่อพักก่อน อย่างไรก็ตามไม่มีข้อจำกัดในการเข้าสุสานโบราณ มีเพียงนักรบโบราณและเขาที่สามารถเลือกคนที่ปลดผนึกและเข้าไปข้างในได้

จื้อจุนและจักรพรรดินีราตรีทั้งคู่ยืมหนังสือไปร้อยเล่มเพื่อแยกกันค้นคว้า พวกนางอยากทราบคำอธิบายเรื่องราวความจริงในประวัติศาสตร์

ราชันย์ปีศาจใต้รู้สึกละอายหากจะรั้งอยู่ในโลกคัมภีร์ต่อไป นางลังเลที่จะจากไป

อย่างไรก็ตาม เนื่องจากทิฏฐิของนาง นางทำเป็นเหมือนว่าไม่รู้สึกอะไร

นางฝืนใจลาเย่ว์หยาง

“ข้าไม่เข้าใจหนังสือเหล่านี้ ยิ่งกว่านั้น ข้ายังได้ดาบอัญมณีของเทวทูตเล่มหนึ่งด้วย ตั้งแต่ข้าได้รับสมบัติสินสงครามมาแล้ว เรื่องตำราโบราณข้าคงไม่สนใจ ข้ามักปวดหัวทุกทีที่ได้อ่านหนังสือ” ราชันย์ปีศาจใต้รู้ว่าไม่ว่านางจะอ่านหนังสือได้ยังไง นางก็ไม่มีทางเทียบได้กับเสวี่ยอู๋เสียแน่ ยิ่งกว่านั้น หนังสือเหล่านี้ไม่มีประโยชน์ต่อนาง นางเหลือบมองเห็นสาวมังกรไร้เขายิ้มลี้ลับให้นาง “ความจริงข้าชอบสาวมังกรไร้เขาเจี้ยงอิง เจ้าคงไม่รังเกียจใช่ไหม หากข้าจะมาเยี่ยมนาง?”

“แน่นอน เรายินดีต้อนรับเจ้า, คุณชายสามของครอบครัวเรายินดีต้อนรับอาคันตุกะอย่างเต็มที่อยู่แล้ว โดยเฉพาะอย่างยิ่งสาวงาม” นางเซียนหงส์ฟ้าเหมือนกับประกาศว่าเย่ว์หยางเป็นของนาง

“เจ้าตอบมา” ราชันย์ปีศาจใต้ส่งสัญญาณว่า ไม่ว่านางจะพูดหรือไม่ก็ตาม คำตอบสุดท้ายที่นางต้องการคือคำยืนยันของเย่ว์หยาง

“อย่าว่าแต่มาเยี่ยมมังกรไร้เขาเจี้ยงอิงเลย ถ้าเจ้าต้องการจะอยู่ที่นี่ระยะยาวก็ไม่เป็นไร อย่าพูดเหมือนกับเป็นอื่นไปเลย เราจะเตรียมอาหารและที่พักให้เจ้าอยู่อีกด้วย” เย่ว์หยางมีท่าทางเหมือนกับหมาป่าที่เห็นลูกแกะพลัดหลงมาที่หน้าประตู การได้รับสนองตอบเช่นนั้นทำให้ราชันย์ปีศาจใต้รู้สึกยินดี แต่พอนางรู้สึกว่าอายก็รีบแกล้งทำเป็นเหมือนว่าไม่ได้ยินอะไร จากนั้นนางฝืนใจลาเสวี่ยอู๋เสียและองค์หญิงเชี่ยนเชี่ยน

“แม่สาวนั่นมีเบื้องหลังเช่นไรกันแน่?” องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนสงสัยว่าราชันย์ปีศาจใต้คงมีเจตนาอย่างอื่นอีก

“นางมีเบื้องหลังใหญ่โตไม่เบา ไม่ช้าก็เร็วนางอาจแต่งงานกับคนที่ช่วยนางประหยัด และเป็นกระเป๋าเงินเดินได้ให้นาง… ข้าจะไม่พูดอะไรอีกแล้ว พระสวามีจะได้ไม่โกรธ ในฐานะภรรยาผู้เจียมเนื้อเจียมตัว ข้าคงต้องรับหน้าปรนนิบัติหน้าที่ในคืนนี้อีก” นางเซียนหงส์ฟ้าหาวอย่างเกียจคร้าน นางตัดสินใจพักเอาแรงไว้ก่อน นางคาดว่าคงต้องมีศึกหนักตอนกลางคืน, เจ้าเมืองโล่วฮัวกับสาวงามอู๋เหินไม่ได้พบเย่ว์หยางมานานแล้ว บางทีพวกนางอาจไม่พอรับมือ

สำหรับสาวมังกรไร้เขาเจี้ยงอิงและองค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนผู้ปากแข็งแต่ใจอ่อน เย่ว์หยางเพียงแต่รอเวลาที่เหมาะสม

เมื่อเทียบกันแล้ว สาวมังกรไร้เขาเจี้ยงอิงมีโอกาสสูงกว่า เนื่องจากนางไม่ได้ตั้งป้อมใส่เขา

นางเป็นคนประเภทค่อนข้างประมาท

ขณะที่องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนแม่เสือสาว บางทีเย่ว์หยางอาจต้องออกแรงอยู่บ้าง ถ้าเสวี่ยอู๋เสียไม่เข้ามาขวางโอกาสสำเร็จมีครึ่งต่อครึ่ง

เย่ว์หยางกลับมายังทวีปมังกรทะยาน ทันทีที่เย่ว์หยางย่างเท้าออกมา เขาพบว่ามีคนเป็นจำนวนมากกำลังรออยู่ด้านนอกหอทงเทียน

เพราะผู้เฒ่าหนานกงกลับมายังหอทงเทียนก่อนเพื่อดูแลสมาพันธ์นักสู้ปราณก่อกำเนิด เขาจึงได้กระจายข่าวไปทั่วหอทงเทียน พวกเขาได้เข้าร่วมในสงครามโบราณกับสี่ดินแดน นักสู้ปราณฟ้าผู้ทรงเหนือกว่าที่สังเวียนมรณะ ขณะที่พวกเขาคว้าชัยชนะได้ ตัดศีรษะของเพชฌฆาตโบราณราวกับว่าพวกมันไม่มีพิษสงอะไร ทั้งยังได้บุกเข้าแดนสวรรค์ โจมตีเฮยหูผู้อาวุโวตำหนักน้ำจากตำหนักกลางแดนสวรรค์และจับทาสพะยูนนรกของเฮยหูได้

ความสำเร็จครั้งนี้ไม่มีใครสามารถจินตนาการได้

ตอนนี้ คุณชายสามตระกูลเย่ว์ ประสบผลสำเร็จอย่างสิ้นเชิง

ชาวหอทงเทียนจะไม่ทึ่งกับฝีมือปานเทพยดาของเขาได้ยังไง

แล้วทำไมชาวทวีปมังกรทะยานจะไม่ภูมิใจผู้เยาว์ที่ยอดเยี่ยมนั้นเล่า

ไม่เพียงแต่นักรบของทวีปมังกรทะยานเท่านั้น แม้แต่นักสู้อย่างจักรพรรดิมังกรที่เป็นหนึ่งในห้าจักรพรรดิของหอทงเทียน มารสัมฤทธิ์ฟ้าแห่งวังมาร จอมปีศาจบารุธแห่งแดนอเวจีที่มีอิทธิพลแตกต่างกัน แม้แต่นักสู้ที่เป็นศัตรู ก็ยังส่งนักทูตพิเศษมายังทวีปมังกรทะยานเพื่อต้อนรับการกลับมาของเย่ว์หยาง

เมื่อมายืนอยู่ต่อหน้ากลุ่มคนสำคัญข้างหน้าก็คือ จุนอู๋โหย่วจักรพรรดิแห่งต้าเซี่ย และผู้เฒ่าเย่ว์ไห่ ขณะเดียวกันอาจารย์จิ้งจอกเฒ่ายืนยิ้มไม่อาจหุบปากได้…

 

******************

Long Live Summons เดชคัมภีร์เทพฤทธิ์

Long Live Summons เดชคัมภีร์เทพฤทธิ์

LLS, Triệu Hoán Vạn Tuế, Zhaohuan Wansui, 召唤万岁
Score 7.6
Status: Ongoing Type: Author: , Released: 2010 Native Language: Chinese
อ่านนิยายเรื่อง Long Live Summons เดชคัมภีร์เทพฤทธิ์ ทวีปมังกรทะยานคือโลกแห่งการอัญเชิญ คุณจะกลายเป็นคนแข็งแกร่งได้ ถ้าเพียงแต่คุณเป็นผู้อัญเชิญ! ยิ่วหยางเด็กนักเรียนมัธยมปลายธรรมดาถูกส่งเข้ามาในโลกนี้อย่างฉับพลันทัน ด่วน เมื่อเขาฟื้นขึ้นกลับได้พบใบหน้าของหลายคนที่เต็มไปด้วยความห่วงใย และพบว่าเขาเป็นตัวตนของอีกคนหนึ่ง กลับกลายเป็นว่าเขาเป็นบุตรที่ไม่เอาไหนของตระกูลยิ่ว จนถึงกับโดดน้ำตายเพราะถูกปฏิเสธการหมั้น อีกทั้งไม่สามารถจะทำพันธสัญญากับคัมภีร์อัญเชิญได้ แต่ยิ่วหยางกลับประสบความสำเร็จทำสัญญากับคัมภีร์ ส่วนเรื่องราวจะเป็นเช่นไรต่อไป ขอเชิญติดตามดูครับ ความจริงในการแปลครั้งนี้มาจากแรงบันดาลใจที่ไม่ได้จะเป็นนักเขียนนักแปล หรอกครับ เกิดจากการอ่านมันฮัวการ์ตูนของจีนแล้วชอบ พยายามหาดูที่แปลเป็นอังกฤษ ก็แปลกันไปได้น้อยนิด แต่พอดูฉบับนิยายรู้สึกว่าเขาแปลไปได้เยอะ จึงลองเข้าอ่าน แต่เพราะความที่ภาษาไม่แข็งแรง จึงต้องดูไป เปิดดิคฯ ไปใช้โปรแกรมแปลช่วยบ้าง มีความรู้สึกว่าอ่านไม่ต่อเนื่อง จึงคิดว่าน่าจะแปลข้อมูลเก็บไว้ในเว็บๆ หนึ่งแล้วค่อยอ่านเป็นตอนๆ ให้ต่อเนื่องไปเลยดีกว่า แล้วก็นึกถึงที่นี่

Comment

Options

not work with dark mode
Reset