ตอนที่ 555 วิธีลับโบราณ ปลุกสายเลือด
การหาวิธียกระดับเจ้าอ้วนไห่และคนอื่นๆ ให้เข้าสู่ขอบเขตปราณก่อกำเนิด เย่ว์หยางมักนึกหาวิธีอยู่เสมอ
ไม่เพียงแค่เพื่อปกป้องทวีปมังกรทะยานหรือค้นหาความลับแดนล่มสลายแห่งทวยเทพเท่านั้น แต่เย่ว์หยางต้องการคนที่เชื่อใจได้ในกลุ่มของเขา ตอนนี้เจ้าอ้วนไห่และคนอื่นๆ ฝีมือยังห่างไกลเย่ว์หยางสุดกู่ ถ้าพวกเขาไม่สามารถก้าวหน้าได้ไว สำหรับเย่ว์หยาง ไม่เพียงแต่ไม่ช่วยอะไรเขาเท่านั้น พวกเขายังจะกลายเป็นภาระถ่วงเขาอีกด้วย
แม้ว่าความรู้ที่เขาได้รับตกทอดมาจากมารดาสหายผู้น่าสงสาร เย่ว์หยางพบว่าเป็นวิธีที่อันตรายก็ตาม
นั่นก็คือการปลุกสายเลือด
ด้วยเลือดของสิ่งมีชีวิตที่ทรงพลังมากเป็นตัวนำ ผู้ใช้จะสามารถเรียกศักยภาพของร่างกายเขาออกมาจากสายเลือดได้ กระบวนการนี้เป็นวิธีที่อันตรายมาก เพราะเลือดของสิ่งมีชีวิตที่ทรงพลังอื่นอาจชิงร่างของคนผู้นั้นได้ แล้วเปลี่ยนเป็นสัตว์ประหลาดหรือทำให้ร่างของเขาระเบิดตายก็ได้ ในอดีตกาลนานมาแล้ว เมื่อนักสู้บางส่วนพยายามยกระดับให้กับบริวารของเขา พวกเขาจะใช้เลือดของมังกรยักษ์ หรือยักษ์ไตตัน เมื่อเลือดของทหารผู้นั้นผสมกับเลือดของมังกรยักษ์ พลังของพวกเขาเพิ่มสูงขึ้นทันที วิธีนี้ได้ผลมาก แต่โอกาสสำเร็จยังเป็นที่น่าคลางแคลงใจอยู่
ต่อให้ไม่มีการช่วยเหลือของนักสู้ เมื่อนักฆ่ามังกรสองสามคนอาบเลือดมังกร อาจเป็นไปได้ว่าเลือดของพวกเขาจะผสมผสานกับเลือดของมังกร
ดังนั้น พวกเขาจึงได้รับพลังที่ยิ่งใหญ่
แน่นอนว่า โอกาสสำเร็จก็ต่ำ
มีโอกาสล้มเหลวมาก
ยิ่งกว่านั้น หลังจากได้รับพลังยิ่งใหญ่ นักฆ่ามังกรอาจได้รับผลกระทบจากเลือดมังกรจนนิสัยบุคลิกภาพเปลี่ยนแปลง
พอมีนักสู้คอยจับตาดูการตื่นขึ้น อัตราการตายของทหารที่ทดลองการผสมผสานเลือดจึงต่ำ อย่างไรก็ตาม ก็ยังไม่ยืนยันผลสำเร็จเต็มร้อย มีหลายคนที่บุคลิกนิสัยเปลี่ยนแปลงไป ตัวอย่างเช่นเฟิงจินผู้บัญชาการฐานทัพในอาณาจักรสือจินทำงานภายใต้ร่มธงของราชาเฮยอวี้ค้นพบวิธีที่จะกลายเป็นนักสู้ปราณก่อกำเนิดได้รวดเร็ว วิธีของเขาเป็นการทดลองที่บ้าระห่ำ มีอัตราการตายสูง ยิ่งกว่านั้นคนที่ประสบผลสำเร็จจะมีการเปลี่ยนแปลงบุคลิกภาพและนิสัย แน่นอนว่าวิธีการของเฟิงจินยังด้อยกว่าวิธีปลุกสายเลือดโบราณที่เย่ว์หยางได้รับตกทอดมาจากมารดาสหายผู้น่าสงสาร ที่สำคัญ การปลุกสายเลือดเป็นวิธีการสุดท้ายที่ผ่านการปรับปรุงครั้งแล้วครั้งเล่าโดยนักสู้โบราณมาเป็นพันปี หรืออาจเป็นหมื่นปีก็ได้
แม้ว่าอัตราความสำเร็จจะไม่เต็มร้อย แต่ก็มีโอกาสสำเร็จที่สูง
และที่สำคัญที่สุด เป้าหมายของวิธีลับโบราณปลุกพลังสายเลือดก็เพื่อเพิ่มพลังในร่างกายของคนผู้นั้น เสริมพลังใจ และเพิ่มศักยภาพให้พวกเขา จากนั้นอัตราประสบผลสำเร็จจึงค่อยเป็นเป้าหมายที่สูงกว่านั้น นี่ไม่ใช่วิธีที่ขึ้นอยู่กับโชค แต่ความจริงวิธีนี้จะทำให้แข็งแกร่งขึ้น
ก่อนหน้าที่เจ้าอ้วนไห่จะมา เขาได้คิดเรื่องนี้ไว้แล้ว สำหรับเหตุผลที่เขารับอาสาเป็นคนแรกเป็นเพราะเขามั่นใจในระดับความอดทนของเขา
นอกจากเขาแล้ว ไม่มีใครอื่นสามารถแปลงกายเป็นปีศาจน่าเกลียดได้
แม้ว่าเย่ว์หยางจะไม่เคยพูดถึงเรื่องนี้ก็ตาม แต่เจ้าอ้วนไห่รู้ว่าเลือดของเขาแตกต่างจากคนอื่นๆ เจ้าอ้วนไห่มองดูเย่คง, เสวี่ยทันหลาง, เหยียนพั่วจวินและคนอื่น “ใครอิจฉาก็ไปอยู่ห่างๆ ข้า หรือว่าพวกเจ้าต้องการสู้กับข้าแย่งตำแหน่งอาสาสมัครคนแรก? ทำไมพวกเจ้าไม่ดูข้าให้ดีๆ เล่า ข้าคือลูกพี่ของเย่ว์หยางเชียวนะ..”
เย่คงไม่พูดอะไร ปกติเขาจะต้องเถียงกับเจ้าอ้วนไห่อยู่เสมอ เหมือนกับจะกลายเป็นเรื่องผิดปกติไปแล้วถ้าวันไหนพวกเขาไม่ทะเลาะกัน
วันนี้ เขาไม่ได้หยอกล้อเจ้าอ้วนไห่
เจ้าอ้วนไห่รู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย
“พวกเจ้าไม่มีอะไรจะพูดกับข้าหรือไง?” เขายื่นมือที่สั่นเทิ้มรับขวดแก้วมาถือเอาไว้ เจ้าอ้วนไห่เตรียมตัวจะดื่ม ขณะที่เขาลดขวดลงแล้วถามเย่คงด้วยความกังวล
“ถ้าเจ้าอยากตายนัก ก็รีบๆ ตายได้แล้ว ถ้าเจ้าเป็นลูกผู้ชายตัวจริงก็จงทำอย่างมีความสุข” ฟ่านหลุนเถี่ยที่กระวนกระวายปล่อยหมัดหยอก แต่ก็ทำให้เจ้าอ้วนไห่ร่วงลงไปกองกับพื้น
“ข้าจะดื่มจริงๆ แล้ว” เจ้าอ้วนไห่พับแขนเสื้อ ทำท่าขึงขังทิ้งความหวาดระแวงออกไปหมด
“เฮ้..เจ้าอ้วน ข้าคิดว่าเจ้าล้มเลิกความคิดนั้นก็ได้ ดูสิ, ขาเจ้าสั่นไปหมดแล้ว สงสัยว่าคงคว้าน้ำเหลวแน่นอน” เสวี่ยทันหลางรู้สึกว่าถ้าเจ้าอ้วนไห่ดื่มจริงๆ เขาอาจตายได้ จะเป็นไปได้อย่างไรที่เจ้าอ้วนไห่ผู้ขลาดเขลากลัวตายที่สุดจะปลุกพลังสายเลือดได้? ไม่เพียงแต่เสวี่ยทันหลางเท่านั้นที่คิด แม้แต่หลิวเย่ที่มักเชื่อมั่นคนอื่นอยู่เสมอก็ยังรู้สึกคลางแคลงใจเจ้าอ้วนไห่
“เจ้า, เจ้าหน้าโลงศพ, อย่าดูถูกคนอื่นให้มากนักนะ! ที่สำคัญคือ ข้าก็เป็นลูกพี่ของเจ้าด้วย!” ในช่วงที่สับสนนี้เอง เจ้าอ้วนไห่ยกขวดขึ้นดื่มลงไปเกือบครึ่งขวด
“……”
ทุกคนแทบลมจับเมื่อเห็นเช่นนี้
แม้ว่าเจ้าอ้วนไห่จะดื่มลงไปแค่สองสามหยด ทุกคนคิดว่าร่างของเขาอาจระเบิดได้
แต่นี่เขาดื่มลงไปครึ่งขวด คงยากที่เขาจะมีชีวิตอยู่ได้จริงๆ เสียแล้ว เจ้าหัวหมูผู้นี้คิดว่าจ้าวอสูรเพชฌฆาตโบราณเป็นตัวอะไร? นั่นคืออสูรฟ้าระดับห้าเชียวนะ
ทุกคนมองดูเจ้าอ้วนไห่อย่างหวาดหวั่น กลัวว่าเขาจะระเบิดในขณะที่เขาเรอ
เจ้าอ้วนไห่อธิบายว่า “ถ้าดื่มเพียงหยดเดียวก็ฆ่าข้าได้และดื่มเต็มคำก็ยังสามารถฆ่าข้าได้ อย่างนั้นข้าขอเลือกดื่มให้เต็มอึกดีกว่า ยิ่งกว่านั้นยิ่งข้าดื่มมาก พลังของข้าก็อาจเพิ่มขึ้นมากด้วย”
เย่คงหลั่งเหงื่อเยียบเย็น “ขอข้าพูดบ้างเถอะเจ้าอ้วน ถ้าเจ้าต้องการตาย เจ้าไม่น่าเลือกวิธีนี้เลยจริงไหม? ได้โปรด เจ้าไม่ใช่นางพญาดอกหนามมงกุฎทองตั่วตั่ว, เจ้าไม่ใช่ฮุยไท่หลาง เจ้าไม่มีความสามารถเช่นนั้น แล้วเจ้ายังจะโอ้อวดไปเพื่ออะไร? เอาละ ถ้าเจ้ามีคำอะไรจะสั่งเสีย ก็รีบๆ พูดออกมา ข้าเคยยืมเงินเจ้ามาร้อยเหรียญทองก่อนนั้น ข้าจะช่วยเติมเต็มความปรารถนาสุดท้ายของเจ้าก็ได้ แม้ว่าข้าจะไม่ค่อยเต็มใจก็ตามเถอะ”
องค์ชายเทียนหลัวพูดไม่ออกเมื่อได้ยินเช่นนั้น
หลิวเย่เป็นคนที่เห็นอกเห็นใจคนมากกว่า นางถามเจ้าอ้วนไห่ “เจ้ารู้สึกยังไงบ้าง? ถ้าเจ้าทนไม่ไหว ก็ล้างระบบย่อยอาหารของเจ้าได้นะ! คุณชายสามย่อมคิดค้นวิธีล้างท้องให้เจ้าแน่ถ้าเจ้าถูกพิษ ดูเหมือนว่าจะใช้ได้ผลเลยทีเดียว”
เจ้าอ้วนไห่ตีหน้าพิกล “ข้าไม่ได้ถูกพิษ ยิ่งกว่านั้น ถ้าข้าต้องการล้างท้องด้วยวิธีสอดท่อลงไปในคอของข้า ข้าคงตายเสียมากกว่า!”
ไม่มีทางอื่น หลิวเย่ได้แต่หันไปทางเย่ว์หยางหวังว่าเขาจะสามารถคลี่คลายสถานการณ์ปัจจุบันได้
“ดูเหมือนว่าข้าต้องทำอะไรสักอย่าง” เมื่อเย่ว์หยางพูดเช่นนี้ ทุกคนสบายใจทันที ถ้าเย่ว์หยางยินดีจะยื่นมือช่วย เจ้าอ้วนไห่คงปลอดภัยแน่นอน!
“ข้าไม่คิดว่าจะมีผลอะไรนะ… ให้ข้าลองทนดูด้วยตัวเองก่อน!” เจ้าอ้วนไห่แกล้งทำเป็นกล้าหาญเสียเต็มประดา เหมือนว่าเขาไม่ต้องการความช่วยเหลือแต่อย่างใด ยิ่งกว่านั้น ถ้าบางอย่างจะเกิดขึ้นจริงๆ เย่ว์หยางคงไม่เดินมาหาช้าๆ เป็นแน่ เขาจะต้องพยายามช่วยเขาโดยเร็ว เจ้าอ้วนไห่คิดว่าเขาสามารถทนด้วยตัวเองได้ ดังนั้นเขาจึงต้องการทำเป็นเข้มแข็ง เขาเป็นคนประเภทที่พยายามทำเท่ต่อให้เขาอยู่ในห้วงความเป็นความตายก็ตาม
“เจ้าจะรู้สึกได้ในไม่ช้านี้!” ทันใดนั้นเย่ว์หยางถีบส่งผลให้เจ้าอ้วนไห่ลอยละลิ่วห่างออกไปราวๆ สองสามร้อยเมตร
ทุกคนตกตะลึง
เย่ว์หยางปัดฝุ่นที่มือทั้งสอง “อันที่จริงต่อให้พวกเจ้าดื่มเป็นถัง ก็ไม่มีผลอะไร ข้าต้องการดึงพลังของจ้าวอสูรออกมา มิฉะนั้นมันจะไม่มีผลอะไร พวกเจ้าอยากจะกลับไปทำอะไรก็เชิญได้ ถ้าเจ้าอ้วนนี้ไม่ตายหลังจากผ่านไปหนึ่งชั่วโมง เขาจะกลายเป็นนักสู้ปราณก่อกำเนิดระดับหนึ่งแน่นอน”
เจ้าอ้วนไห่ถูกยันออกมาหลายร้อยเมตรก็กลายร่างเป็นสัตว์ประหลาดในทันใด
มันแตกต่างจากรูปร่างสีเทาในครั้งก่อน หลังจากดื่มเลือดของจ้าวอสูรไปแล้ว สัตว์ประหลาดร่างแปลงของเจ้าอ้วนไห่เปลี่ยนเป็นสีแดงดังเลือด เขาเปล่งประกายสีแดงเล็กน้อย
ดูเหมือนว่าเขาจะเจ็บปวดมากขณะตัวงออยู่กับพื้น
เขาโก่งคอร้องโหยหวนในอากาศ
หลังจากสองสามวินาทีผ่านไป ทุ่งหญ้าเขียวกลายเป็นถูกพลิกขึ้นมาเขาขุดลึกลงไปในพื้นจนเป็นหลุมขนาดใหญ่
“ข้าคำนวณพลาดซะแล้ว..” เย่ว์หยางไตร่ตรองอย่างลึกซึ้ง ดูเหมือนเขาไม่พอใจเล็กน้อย
“อา, เกิดอะไรขึ้น?” หลิวเย่คิดว่ามีบางอย่างผิดปกติเกี่ยวกับวิธีปลุกพลังสายเลือดที่เย่ว์หยางค้นคว้า นางดูตื่นตระหนกมาก
“ข้าถีบเจ้าอ้วนนั่นแรงไม่พอ เขาพังสวนข้าเสียยับ ฮุยไท่หลาง! ลากเจ้าอ้วนออกไปห่างๆ หน่อย ถ้าเจ้าอ้วนตาย เจ้าจัดการฝังได้เลย” เย่ว์หยางหาวสองสามครั้งและยืดหลัง เขากลับไปงีบกลางวัน ดูเหมือนเขาไม่แยแสเสียงหอนของเจ้าอ้วนไห่
“เขาเป็นคนเลือดเย็นจริงๆ!” หลิวเย่ขยี้เท้า นางโกรธเย่ว์หยางที่หนีไปงีบกลางวันทั้งที่สถานการณ์เป็นเช่นนี้
“ก็แค่ไปฝึกวิทยายุทธของเจ้าเถอะ” เสวี่ยทันหลังเดินออกไปฝึกวิทยายุทธกับองค์ชายเทียนหลัวทันที เมื่อเขาเห็นเย่ว์หยางเดินห่างออกไป
เย่คงและพี่น้องตระกูลหลี่ยังคงเล่นเกม “ไพ่สามก๊ก” อยู่แถวๆ นั้น
เกมกระดานนี้คิดค้นโดยเย่ว์หยาง ตอนแรกสอนกันแค่เจ้าเมืองโล่วฮัว อี้หนานและเย่ว์ปิงให้เล่นฆ่าเวลา แต่หลังจากที่หลิวเย่และเป่าเอ๋อเรียนรู้ พวกนางก็เอาไปเผยแพร่จนทั่วปราสาทตระกูลเย่ว์ จากนั้นก็กระจายไปทั่วอาณาจักรต้าเซี่ย ดูเหมือนว่าก่อนนั้นนานมาแล้วพวกนักรบระดับหกในหอทงเทียนจะรู้วิธีเล่นเกมนี้ด้วยเหมือนกัน
แม้แต่หญิงงามอู๋เหินที่ไม่เคยเล่นเกมนี้มาก่อนก็ยังยกย่องว่าเกมนั้นถูกสร้างขึ้นมาจากไพ่สัญลักษณ์ตัวละครมนุษย์และอสูร สามารถส่งผลเป็นอย่างดีต่อการฝึกฝนของนักรบ
อย่างน้อย จะช่วยให้จดจำทักษะพิเศษของอสูรได้ง่าย
สำหรับนักรบผู้สนใจตัวละครในประวัติศาสตร์ เรื่องราวของผู้คนในประวัติศาสตร์เหล่านี้ยังสามารถเรียนรู้ผ่านเกมไพ่สามก๊กนี้ได้ (เกมซันเก๋าซาเป็นเกมการ์ดได้รับความนิยมในจีนมาก)
ห่างออกไป เจ้าอ้วนไห่ถูกฮุยไท่หลางลากออกไปขณะที่เขาตะโกนอย่างหงุดหงิด “โธ่เว้ย..พวกเจ้าทั้งหมดทำให้ข้าผิดหวังจริงๆ ข้าอุตส่าห์อาสามาเป็นหนูลองยาให้แล้ว ทันทีที่ข้าปลุกสายเลือด ข้าจะต้องเล่นงานพวกเจ้าคืน”
ทอเรนฟ่านหลุนเถี่ยเดี๋ยวผุดลุกผุดนั่ง
นางกระวนกระวายใจมาก
นางมองดูหลังเย่ว์หยาง ในใจนาง นางคิดว่าถ้าพวกเขาตกอยู่ในอันตรายแห่งชีวิตจริงๆ เย่ว์หยางคงไม่ทำท่าอย่างนี้แน่ บางทีเขาอาจจะโกหกก็ได้ ฟ่านหลุนเถี่ยค่อนข้างจะหัวไว นางคว้าขวดแก้วขึ้นมาจากพื้นจากนั้นดื่มสองอึก ทำให้ทุกคนในที่นั้นตกตะลึง ทอเรนฟ่านหลุนเถี่ยไม่ได้รู้สึกถึงท่าทางตกใจของทุกคน นางวิ่งตรงเข้าไปในบ้านหาเย่ว์หยางแล้วตะโกน “รอเดี๋ยว เตะข้าด้วย! เอ๊ย, ข้าหมายความว่า ช่วยข้าปลุกพลังด้วย…”
ร่างของฟ่านหลุนเถี่ยกระเด็นลอยออกมากว่าร้อยเมตรกระแทกใส่ร่างของเจ้าอ้วนไห่
ตอนแรกนางสูงสี่เมตร แต่ทันใดนั้นนางโตแบบพรวดพราดสูงถึงสิบสี่เมตร
ร่างมหึมาของนางใหญ่กว่าจ้าวปีศาจในแดนอเวจีเสียอีก
ตลอดร่างของนางเรืองแสงสีแดง ขณะที่ความโกรธความเจ็บปวดรุนแรงผุดขึ้นในใจนาง ฟ่านหลุนเถี่ยถูกความรู้สึกนี้ควบคุม จึงลุกขึ้นและทุบใส่เจ้าอ้วนไห่ที่ถูกนางทับอยู่ไม่มียั้ง นางใช้เท้าวัวของนางย่ำใส่เจ้าอ้วนไห่อีกด้วย
เจ้าอ้วนไห่ยิ่งโมโหจัด
ด้วยกรงเล็บที่แหลมคมของเขา ร่างที่น่าเกลียดของเขาในตอนนี้สูงถึงยี่สิบเมตร และมีพลังแข็งแรงมากกว่าฟ่านหลุนเถี่ยหลายเท่า เขายกร่างของฟ่านหลุนเถี่ยโยนขึ้นไปในอากาศได้อย่างง่ายดาย จากนั้นพุ่งเข้าโจมตีนางทั้งมือและเท้าเป็นพัลวัล ทั้งสองเหมือนจะไม่รู้สึกเจ็บ หรือบางทีความเจ็บปวดจากการปลุกพลังสายเลือดอาจเจ็บปวดมากกว่าแรงเตะแรงต่อย เจ้าอ้วนไห่และฟ่านหลุนเถี่ยยังคงแลกหมัดแลกเท้ากันอย่างเมามัน
บึ้ม บึ้ม บึ้ม ครืนนน…
เมื่อทอเรนเลโอเห็นว่าฟ่านหลุนเถี่ยกำลังจะแพ้ เขากัดฟันและคว้าขวดแก้วออกมาดื่มอึกหนึ่งเช่นกัน
จากนั้นทุกคนก็มองดูทอเรนยักษ์สองตนสู้กับสัตว์ประหลาดที่น่าเกลียดต่อไป หลังจากการต่อสู้รุนแรงผ่านไปหนึ่งชั่วโมง ทั้งสามเต็มไปด้วยบาดแผล พวกเขาทรุดลงกับพื้นแทบจะไม่เหลือพลังเฮือกสุดท้าย
หนึ่งชั่วโมงผ่านไป สองชั่วโมงผ่านไป
เย่ว์หยางจึงค่อยตื่นขึ้นมา แต่เขาไม่ได้พยายามช่วยพวกเขา เขายังคงรอ
อาการบาดเจ็บบนตัวเจ้าอ้วนไห่และบนร่างของทอเรนทั้งสองค่อยๆ หนักขึ้น พวกเขาตัวขยายออกด้านข้างเหมือนกับว่ามีทีท่าว่าจะระเบิด
เย่คงและคนอื่นๆ หยุดเล่นไพ่นานแล้ว ทุกคนมองดูเย่ว์หยางด้วยความกังวล พวกเขารู้ว่าเย่ว์หยางยังคงรอ เพราะเขาบอกไว้ก่อนแล้วว่าความเจ็บปวดที่พวกเขาได้รับเมื่อผ่านไปในแต่ละชั่วโมง การปลุกสายเลือดก็มีโอกาสสำเร็จมากขึ้น และพวกเขาสามารถถึงระดับศักยภาพสูงสุดได้มากขึ้น แม้ศักยภาพของทุกคนจะจำกัด เย่ว์หยางเป็นข้อยกเว้น ศักยภาพของเขาไม่สามารถวัดคำนวณได้ เขาเป็นหนึ่งเดียวในโลกนี้ เป็นเรื่องยากที่จะหาคนที่สองอย่างเย่ว์หยางได้ ถ้าศักยภาพที่จำกัดของเจ้าอ้วนไห่ไม่สามารถเพิ่มขึ้นในระดับสุดยอด พลังของเขาจะตกลงอย่างมาก
“เจ้าอ้วน, ยังปลอดภัยดีหรือเปล่า?” เย่คงตะโกนด้วยความห่วงใย เพราะเขาตระหนักว่าลมหายใจของเจ้าอ้วนไห่แผ่วลงและอ่อนล้าลง เหมือนกับว่ากำลังจะตาย
“หุบปากไปเลย ลูกพี่ผู้นี้กำลังจะหลับ” เจ้าอ้วนไห่ตอบอย่างอ่อนล้า เสียงแหบแห้ง
เนื่องจากเจ้าอ้วนไห่นี้ยังสามารถพูดได้ บางทีเขาคงไม่ตายในเวลาเร็วๆ นี้
ทุกคนถอนหายใจโล่งอก
อย่างไรก็ตามเจ้าอ้วนไห่เพิ่งจะเริ่มเส้นทางปลุกพลังสายเลือด ที่เหลือก็ขึ้นกับคนอี่นๆ
ใครจะมาถอดใจตอนจบเล่า ใครจะยอมจบลงด้วยการยอมแพ้เล่า? ทั้งหมดนี้ขึ้นอยู่กับพลังใจของทุกคน… จะเข้มแข็ง อ่อนแอ สำเร็จหรือล้มเหลว ท่านไม่รู้จนกว่าจะได้ลองดู!
*****************