เดชคัมภีร์เทพฤทธิ์ – ตอนที่ 556 – ทนเพื่ออนาคต

ตอนที่ 556 ทนเพื่ออนาคต

ทอเรนเลโออดทนอาการเจ็บปวดสุดขีดได้นานสามชั่วโมง

ในที่สุด เขาก็ยอมแพ้

ระหว่างกระบวนการปลุกพลังสายเลือด เลือดของจ้าวอสูรจะโจมตีและครอบงำร่างกายอย่างต่อเนื่อง ในทางตรงกันข้าม ร่างกายจะต่อต้านการรุกรานของเลือดตามธรรมชาติ และเกิดการต่อสู้ระหว่างธาตุทั้งสองบังคับให้ร่างกายมีการเปลี่ยนแปลงจากภายในสู่ผิว จากกล้ามเนื้อเข้าไปถึงกระดูก ทุกส่วนของร่างกายจะกลายเป็นสมรภูมิเลือด แม้ว่าการปลุกสายเลือดนี้จะไว แต่ก็เป็นวิธีที่เจ็บปวดสุดขีด ถ้าคนผู้นั้นไม่มีพลังจิตพอต้านทานการรุกรานนี้ได้ พวกเขามีแนวโน้มว่าจะไม่สามารถทนได้และร่างกายอาจระเบิด…. กล่าวอีกนัยหนึ่งก็คือ สวรรค์หรือนรกอยู่ที่ความคิดชั่ววูบ

สามารถทนสิ่งที่คนธรรมดาไม่สามารถทนได้จะเป็นวิธีเข้าถึงขอบเขตที่คนธรรมดาไม่มีทางเข้าถึง

เย่ว์หยางช่วยเลโอที่ร่างกำลังจะระเบิดได้ทัน จากนั้นทุกคนเข้ามาร่วมแสดงความยินดีกับผู้เฒ่าเผ่ามนุษย์วัวที่ร่างกายอ่อนล้าผู้นี้

“เลโอ, ข้าไม่เคยคิดเลยว่าท่านจะเอาชนะข้าได้เข้าถึงระดับปราณก่อกำเนิด” ลีนเอลฟ์ทองดีใจกับสหายของเขา นี่เป็นเพราะปฏิภาณของโคเฒ่ามีจำกัด แม้ว่าเขาจะกัดฟันฝึกฝนมานาน แต่ความก้าวหน้าของเขาก็ยังช้ามาก ทุกคนคิดว่าโคเฒ่าจะบรรลุขอบเขตปราณก่อกำเนิดได้ในที่สุด

“อย่าเพิ่งดีใจเกินไป ยังก่อน…” เย่ว์หยางอดราดน้ำเย็นเตือนสติทุกคนไม่ได้

“มีอะไรผิดปกติหรือ?” เย่คงมีสีหน้ามึนงง

“เจ้าบอกว่าขอเพียงทนได้หนึ่งชั่วโมงก็จะเข้าถึงปราณก่อกำเนิดระดับหนึ่งไม่ใช่เหรอ?” องค์ชายเทียนหลัวถามอย่างสับสน

ตามการคำนวณนี้ก็จะหมายความว่าผู้เฒ่าเผ่าโคที่อดทนมานานสามชั่วโมง ก็กลายเป็นนักสู้ปราณก่อกำเนิดระดับสามแล้ว แม้ว่ากระบวนการจะเจ็บปวด แต่เพื่อให้ได้เข้าถึงชั้นนักสู้ปราณก่อกำเนิดระดับสามได้ทันที นั่นก็นับว่าคุ้มแล้ว

ตอนนี้ แม้แต่หัวใจของเป่าเอ๋อก็เต้นถี่แรง

นางวาดภาพว่า ก็คงไม่ใช่เรื่องเลวร้ายถ้าจะลองปลุกพลังสายเลือดและแข็งแกร่งขึ้นบ้างเล็กน้อย

เมื่อเย่ว์หยางพูด นางถึงกับหวาดหวั่นขวัญผวา “ใครบอกกันว่าทนหนึ่งชั่วโมงจะเท่ากับได้เป็นนักสู้ปราณก่อกำเนิดระดับหนึ่ง? ถ้าไอ้ของอย่างนั้นมีอยู่จริง อย่างนั้นข้าจะไม่รอพวกเจ้าเลย ข้าคงอดทนเองสักสองวันสามคืน? จากนั้นค่อยไปฆ่าสามผู้ยิ่งใหญ่แดนสวรรค์ไปแล้วไม่ใช่หรือ? แน่นอนว่าไม่มีเรื่องอย่างนั้นแน่ อย่าเพิ่งคิดว่าทันทีที่เลโอลุกขึ้นมาเขาจะกลายเป็นนักสู้ปราณก่อกำเนิดระดับสาม นั่นเข้าใจผิดแล้ว! ในที่สุด เลโอก็ยังจำเป็นต้องฝึก แต่ความเร็วในการฝึกครั้งนี้จะก้าวหน้าได้เร็วกว่าปกติหลายเท่า ที่สำคัญคือการปลุกพลังสายเลือดจะเปิดเผยศักยภาพของเจ้าทั้งหมด และทำให้เจ้าบรรลุขอบเขตใหม่ได้ง่ายๆ”

เมื่อทุกคนได้ยินเช่นนี้ พวกเขายังไม่สามารถเข้าใจอะไรได้

แน่นอน เย่ว์หยางจำเป็นต้องยกตัวอย่าง “ยกตัวอย่าง ถ้าการฝึกฝนเป็นเหมือนการสร้างบ้าน ทุกคนต้องการสร้างปราสาท ก็เปรียบเหมือนทุกคนต้องการกลายเป็นนักสู้ปราณก่อกำเนิด ตอนนี้ปัญหาของที่นี่ก็คือ จะไปเอาวัสดุก่อสร้างปราสาทมาจากไหน? จะสร้างได้อย่างไร? จะสร้างตรงไหน? จะสร้างเป็นรูปแบบไหน? พวกเจ้าจำเป็นต้องใช้เวลาสร้างนานแค่ไหน?”

“…….” ทุกคนมองหน้ากันเองทันที เพราะทุกคนไม่สามารถตอบข้อสงสัยนี้ เพราะพวกเขาไม่ใช่นักสู้ปราณก่อกำเนิด

เย่ว์หยางคงอธิบายต่อไป “การปลุกสายเลือดจะช่วยคลี่คลายปัญหาเหล่านี้ หรือในอีกความหมายหนึ่ง มันช่วยพวกเจ้าเตรียมวัสดุก่อสร้าง, หาทำเลที่ดีสำหรับสร้างและออกแบบการสร้างไว้ด้วย สิ่งที่พวกเจ้าจำเป็นต้องทำก็คือ ยืนยัน”

“เราจะยืนยันยังไง?” เป่าเอ๋อยังคงสับสน

“โธ่เอ๊ย, แน่นอนว่าก็ยืนยันว่าเจ้าต้องการวัสดุก่อสร้างมากแค่ไหน ยืนยันตำแหน่งที่จะสร้าง ยืนยันแบบแปลนที่จะใช้” เย่ว์หยางลูบศีรษะนางเบาๆ เป่าเอ๋อแลบลิ้นอย่างน่ารัก นางมักรู้สึกว่านางเป็นผู้หญิงที่ฉลาด แต่บางครั้งก็มึนงงเล็กน้อย เมื่อเห็นท่าทางที่ซุกซนของนางทุกคนอดหัวเราะไม่ได้

“สิ่งที่คุณชายสามหมายถึงก็คือ นักสู้ปราณก่อกำเนิดระดับหนึ่ง สอง สามก็คือวัสดุก่อสร้าง, ทำเลสร้างและแบบแปลนใช่ไหม?” เฟิงชิซาค่อยรู้ตัวได้ทันที

“การยืนยันของหัวหน้าเลโอก็คือช่วงเวลาทั้งหมดที่เขาตั้งใจและทนต่อกระบวนการปลุกสายเลือดได้นั่นเอง” หลิวเย่ก็เข้าใจเช่นกัน

“ถูกแล้ว” เย่ว์หยางพึมพำเบาๆ “ข้าไม่รู้ว่าขีดจำกัดของทุกคนจะอยู่กันที่ระดับใดกันแน่ อาจจะสูงกว่าที่ข้าคิดหรืออาจต่ำกว่า เพื่อยืนยันให้ถูกต้อง บรรพบุรุษของพวกเราจึงได้ค้นคว้าเคล็ดวิชาลับปลุกพลังสายเลือด กระบวนการนี้จะต้องใช้กำลังใจของคนเพื่อกำหนดขีดจำกัดการเติบโตของพวกเขา แม้ว่าอาจไม่ถูกต้องเต็มร้อย แต่ก็ใกล้เคียงสถานการณ์จริง”

“อย่างนั้นขีดจำกัดของผู้เฒ่าเผ่าโคก็คือปราณก่อกำเนิดระดับสามใช่ไหม?” เย่คงใจสั่น

“ถูกต้อง ถ้าไม่มีอุบัติเหตุอะไร ขีดจำกัดของเลโอจะอยู่ที่ปราณก่อกำเนิดระดับสาม นี่เป็นเรื่องเกี่ยวข้องอานุภาพแห่งใจและความอดทนของเขา ต้องการเลื่อนไปในระดับสูงกว่านั้นเป็นเรื่องที่จะทำได้ยากมาก” เย่ว์หยางพยักหน้าและพูดชัดเจน “ขีดจำกัดของพวกเจ้าขึ้นอยู่กับความอดทนและระยะเวลารวมที่พวกเจ้าสามารถทนต่อกระบวนการปลุกสายเลือด ตามทฤษฎี ยิ่งพวกเจ้าทนได้นาน ขีดจำกัดของพวกเจ้าก็จะสูงตาม การปลดปล่อยศักยภาพของพวกเจ้าก็จะง่ายขึ้น ยิ่งเวลาสั้น ก็หมายความว่าความสำเร็จของพวกเจ้าจะน้อยลง

“ลูกพี่ผู้นี้จะไม่มีทางยอมแพ้ ต่อให้ตายก็ตาม…” เจ้าอ้วนไห่เตรียมจะยอมแพ้ แต่หลังจากได้ยินเช่นนี้ เขากลัวจนไม่คิดอะไรอีก”

เขาไม่พอใจอยู่แค่เพียงปราณก่อกำเนิดระดับสาม ไม่ใช่ว่าเขาไม่เคยลำบากมาก่อน เนื่องจากความลำบากทำให้เขาเติบใหญ่ ทำไมเขาต้องหยุดด้วย?

ก่อนหน้านั้นอาจารย์จิ้งจอกเฒ่าฝึกให้เขาจนกระทั่งฟ้ามืด

ในวังเบญจธาตุและในหอลงทัณฑ์ทะเลสาบเลือด เขาถูกกดดันและได้รับบาดแผลน่ากลัวและบาดเจ็บทั่วร่าง ตอนนี้เขายังสามารถกัดฟันทนได้ตลอด ทุกๆ วินาทีที่เขาสามารถทนได้ ก็ยิ่งเพิ่มศักยภาพในการบรรลุขั้นสูงขึ้นไป ดังนั้นเขาจึงต้องอดทนให้ได้

สิ่งที่น่าอนาถที่สุดก็คือทุกคนกำลังมองเขาอยู่ในตอนนี้

ถ้าเขาเพียงแต่ทนได้แค่สามชั่วโมง แต่เย่คงสามารถทนได้ห้าชั่วโมง หรือสูงกว่านั้น อย่างนั้นเขาคงไม่สามารถเชิดหน้าโอ้อวดต่อเย่คงได้

สาวทอเรนฟ่านหลุนเถี่ยก็ยังคิดจะยอมแพ้ แต่เมื่อนางได้ยินเช่นนี้ นางจึงกัดฟันอดทนต่อไป

ผู้เฒ่าเผ่ามนุษย์วัวเลโอไม่เสียใจที่ตัดสินใจยอมแพ้

เขารู้ขีดจำกัดของตัวเขาเองและเข้าใจว่าร่างกายของเขาไม่สามารถทนได้อีกต่อไป

ขีดจำกัดของเขาคือปราณก่อกำเนิดระดับสาม ในอนาคต ถ้าเขาเข้าถึงปราณก่อกำเนิดระดับสามกลายเป็นนักสู้คนหนึ่ง นั่นก็นับว่าเพียงพอแล้ว เขาวาดภาพว่าญาติพี่น้องจะมองเขายังไงเมื่อเขากลับไปยังเผ่าตนเอง นักสู้ระดับเจ็ดธรรมดาอย่างเขากลายเป็นนักสู้ปราณก่อกำเนิดได้ นั่นไม่เคยปรากฏมาในเผ่าเลยนานหลายร้อยปีแล้ว

“พี่ฟ่านหลุนเถี่ย ท่านต้องอดทนให้ได้นะ อย่ายอมแพ้เจ้าอ้วนนะ” เป่าเอ๋อรีบเชียร์ฟ่านหลุนเถี่ย

“เจ้าอ้วนดูเหมือนไม่มีประโยชน์อะไรเลย เขาเทียบเจ้าไม่ได้แน่!” สี่สาวเผ่ามนุษย์หมูป่าผงกศีรษะเห็นด้วย

“เฮ้ เฮ้, พวกเจ้าพูดอย่างนั้นได้ไง?” เจ้าอ้วนไห่เริ่มโมโห เขาเชื่อว่านอกจากฮุยไท่หลางแล้ว เขาโดดเด่นที่สุด เขาดีที่สุดสามารถต่อสู้ได้เสมอกับเสวี่ยทันหลางและร่างอสูรของเขาก็แข็งแกร่งทรงพลังมาก ปกติ เขาไม่เอาตัวเองไปเทียบกับเย่ว์หยาง ไม่มีใครเอาเขาไปเทียบกับเย่ว์หยาง เพราะเย่ว์หยางอยู่ในระดับที่ห่างไกลไปแล้ว

“อธิบายเรื่องปลุกสายเลือดเพิ่มอีกหน่อยเถอะ” เสวี่ยทันหลางสงสัยอยู่เล็กน้อย แม้ว่าเขาตัดสินใจไม่ร่วมในการปลุกพลังสายเลือด เนื่องจากเขาอาศัยการฝึกฝนอย่างหนักเพื่อยกระดับ

“ข้าจะยกอีกตัวอย่างคล้ายๆ กัน การปลุกพลังสายเลือดก็เพื่อยืนยันว่าเจ้าต้องการสร้างบ้านแบบไหน ถ้าเจ้าต้องการบ้านที่เป็นแบบปราณก่อกำเนิดระดับสาม อย่างนั้นเจ้าก็ควรอดทนให้ได้ระดับนี้ และข้า (เปรียบเหมือนการปลุกสายเลือด) จะช่วยเจ้าสร้างรากฐาน เจ้าไม่จำเป็นต้องรู้กระบวนการก่อสร้างบ้าน ตราบใดที่พวกเจ้าทำตามคำแนะนำของข้าและฝึกไปตามนั้น เหมือนกับคนงานทำไปตามแผนผังการก่อสร้าง ปราสาทของเจ้าก็จะค่อยๆ เป็นรูปเป็นร่าง เพราะปราสาทได้ถูกข้าวางผังเอาไว้แล้ว เจ้าไม่จำเป็นต้องเสียเวลาคิดเรื่องนั้น ถ้าเจ้าต้องการความก้าวหน้า ข้าก็จะนำเจ้าไปยังจุดนั้น กระบวนจะง่ายและเร็วกว่าที่พวกเจ้าคลำหาทางไปช้าๆ” จากนั้นเย่ว์หยางชูสามนิ้ว “อย่างไรก็ตาม ยังมีข้อเสียเปรียบอยู่สามข้อก็คือ ประการที่หนึ่ง เมื่อเจ้าถึงขีดจำกัดแล้ว ก็ยากจะก้าวหน้าได้ต่อไป เหมือนเมื่อเจ้าสร้างปราสาทเสร็จแล้ว ก็ยากจะขยับขยายต่อไปได้”

“ประการที่สอง เพราะเจ้าใช้การปลุกสายเลือด อาจมีบางอย่างที่เสียไป เหมือนกับมีวัสดุก่อสร้างบางอย่างที่ต้องเสียไป เจ้าจะไม่สามารถดึงความสามารถของพวกเจ้าออกมาได้ทั้งหมด เมื่อเทียบกับการทำหลายอย่างตามลำพังช้าๆ ความเข้าใจหลายๆ อย่างจะช้า คนที่ใช้การปลุกพลังจะอ่อนแอกว่ายอดฝีมือในระดับเดียวกันบ้าง ตามปกติ ข้อได้เปรียบของพวกเจ้าก็คือพวกเจ้าสามารถยืมประสบการณ์ของข้ามาใช้เพื่อความก้าวหน้าได้ เพื่อเป้าหมายนั้น เจ้าสามารถเข้าใจและเพิ่มพูนประสบการณ์มากขึ้น” จากนั้นเย่ว์หยางพูดต่อ “ประการที่สาม ถ้าขีดจำกัดของเจ้าคือสุดยอดนักสู้ปราณก่อกำเนิดหรือสูงขึ้นไปกว่านั้น เจ้าจะไม่สามารถอยู่เหนือจ้าวอสูรเพชฌฆาตโบราณที่พวกเราใช้เลือดของมันดำเนินการ เพราะเราใช้มันเป็นต้นแบบ กล่าวอีกนัยหนึ่งก็คือ เจ้าสามารถสร้างปราสาทได้สูงสุดก็แค่ตามแบบเท่านั้น ถ้าเจ้าต้องการสร้างปราสาทหินขาว ก็จะไม่มีทางสร้างได้เหนือปราสาทในเมืองฉางจินได้เลย…”

“ข้าสามารถตายอย่างมีความสุขได้แล้วถ้าถึงระดับสุดยอดนักสู้ปราณก่อกำเนิด ข้าคงไม่หวังไปให้ถึงชั้นปราณฟ้าระดับห้าแน่” เจ้าอ้วนไห่พูดแทรกขึ้นมาขณะที่เขาทนเจ็บต่อไป

“ฮึ, เจ้าไม่มีศักยภาพมากขนาดนั้น” เย่คงอดชูนิ้วกลางให้เจ้าอ้วนไห่ไม่ได้

เขายังคงฝันจะไปให้ถึงสุดยอดปราณก่อกำเนิดระดับห้าอีกหรือ?

เขาช่างประเมินตัวเองสูงเกินไปจริงๆ

เย่คงประเมินว่าเจ้าหมูอ้วนนี้คงมีขีดจำกัดที่ปราณก่อกำเนิดระดับหก ไม่ใช่ว่าเจ้าอ้วนไห่ไม่มีความสามารถอดทนได้ แต่เขาไม่สามารถไปถึงระดับปราณฟ้าได้แน่นอน สามารถถึงระดับปราณก่อกำเนิดระดับหกได้บางทีคงทำให้พ่อแม่เจ้าอ้วนตื่นเต้นจนเส้นเลือดในสมองแตกได้แล้ว

สิ่งที่คาดไม่ถึงก็คือ เจ้าอ้วนไห่ที่ยังคนทนอยู่ได้และร้องเหมือนหมูถูกเชือดก็ยังมีทีท่าว่าทนได้ต่อไป

ตรงกันข้าม แม้ว่าสาวทอเรนฟ่านหลุนเถี่ยจะได้รับกำลังใจจากเป่าเอ๋อ แต่นางก็ไม่สามารถอดทนได้ต่อไปและยอมแพ้หลังจากผ่านไปได้หกชั่วโมง

คนที่สองที่ยอมแพ้

เย่คงและคนอื่นๆ งง เป็นไปได้ยังไงที่เจ้าอ้วนไห่ยังทนอยู่ได้จนถึงขนาดนี้? เจ้าอ้วนไห่ตอบขณะที่ยังหอบอยู่เหมือนหมูใกล้ตาย ลูกพี่คนนี้ยังทนอยู่ได้ ทันทีที่ข้าถึงระดับปราณฟ้า ข้าจะเหยียบเจ้าลิงเย่คงให้แบนและขโมยผู้หญิงของเขามาให้หมดปล่อยให้เขาเป็นโสดตลอดไป

เย่คงได้ยินถึงกับโมโห ขณะเดียวกันเขาลอบตื่นตัว ถ้าเขาทนไม่ได้นานเท่าเจ้าอ้วนไห่อย่างนั้นก็จะเป็นรอยมลทินในชีวิตของเขา

เพราะการปลุกพลังสายเลือดใช้เวลานานมาก จึงยังไม่มีข้อมูลส่งกลับไป

อาจารย์จิ้งจอกเฒ่า, จุนอู๋โหย่วและคนอื่นๆ จึงไม่ทนอีกต่อไปถึงกับมาดูด้วยตาตัวเอง สิ่งที่เหลือให้พวกเขาเห็นทำให้พวกเขาตะลึง เจ้าอ้วนไห่ที่ปกติจะหน้าด้านไร้ยางอายกัดฟันทนมาถึงสิบชั่วโมงแล้ว อีกแค่เพียงหนึ่งชั่วโมงศักยภาพของเขาจะถึงระดับปราณฟ้า เมื่อถึงจุดนั้น เย่คงไม่ทะเลาะกับเจ้าอ้วนไห่อีกต่อไปแล้ว เขาทั้งตะโกน, ด่าทอ, แนะนำและปลอบโยนเจ้าอ้วน และใช้ทุกวิธีหวังว่าเจ้าอ้วนจะสามารถทนได้ต่อไป

เสียงของเขาเริ่มแหบแห้งแล้ว “เจ้าอ้วน, อย่าหลับเชียวนะ.. หัวหมูโว้ย, ตอนนี้เป็นช่วงเวลาสำคัญที่สุด เจ้าจะหลับไม่ได้เด็ดขาด เจ้าเกือบมีศักยภาพเท่ากับปราณฟ้าแล้ว เจ้ารู้ไหมว่ามีกี่คนเองที่จะมาถึงระดับนี้ได้? แม้แต่จักรพรรดิฟ้าและจักรพรรดิสมุทรในห้าจักรพรรดิหอทงเทียนก็ยังมาถึงระดับนี้ไม่ได้ แม้แต่จักรพรรดิใต้พิภพก็ยังไม่ถึงระดับนี้เช่นกัน เจ้าเกือบจะเหนือพวกเขาแล้ว เจ้าเกือบจะอยู่เหนือนักสู้นับพันนับหมื่นแล้ว.. ทนให้ได้อีกนิดเจ้าอ้วน เจ้าจำได้ไหมว่าเราพบกันได้ยังไง? เจ้ายังเป็นแค่สวะนั่งอยู่บนหลังแรดหลังเหล็กของเจ้า แต่พลังของเจ้าก็เหมือนผายลม ตอนนี้เจ้ามีโอกาสเกิดใหม่แล้ว โอกาสเปลี่ยนแปลงชีวิตของเจ้า เจ้าจะอดทนต่ออีกนิดไม่ได้หรือไง? แค่อีกชั่วโมงเดียวขีดจำกัดของเจ้าก็จะอยู่ในระดับปราณฟ้าแล้ว นึกถึงคำแนะนำของข้าให้ดี ช่วยให้ข้ามีไฟสักนิดก็ยังดี ข้าจะได้มีโอกาสโม้ได้ว่าข้ามีสหายที่ถึงระดับปราณฟ้า ตื่นสิเว้ย..ตื่น..อย่าหลับ ทนอีกเพียงชั่วโมงเดียวไม่ได้หรือไง?”

“พอเถอะ, เขาถึงขีดจำกัดไปแล้ว” เย่ว์หยางเดินเข้ามาช้าๆ

 

*******************

Long Live Summons เดชคัมภีร์เทพฤทธิ์

Long Live Summons เดชคัมภีร์เทพฤทธิ์

LLS, Triệu Hoán Vạn Tuế, Zhaohuan Wansui, 召唤万岁
Score 7.6
Status: Ongoing Type: Author: , Released: 2010 Native Language: Chinese
อ่านนิยายเรื่อง Long Live Summons เดชคัมภีร์เทพฤทธิ์ ทวีปมังกรทะยานคือโลกแห่งการอัญเชิญ คุณจะกลายเป็นคนแข็งแกร่งได้ ถ้าเพียงแต่คุณเป็นผู้อัญเชิญ! ยิ่วหยางเด็กนักเรียนมัธยมปลายธรรมดาถูกส่งเข้ามาในโลกนี้อย่างฉับพลันทัน ด่วน เมื่อเขาฟื้นขึ้นกลับได้พบใบหน้าของหลายคนที่เต็มไปด้วยความห่วงใย และพบว่าเขาเป็นตัวตนของอีกคนหนึ่ง กลับกลายเป็นว่าเขาเป็นบุตรที่ไม่เอาไหนของตระกูลยิ่ว จนถึงกับโดดน้ำตายเพราะถูกปฏิเสธการหมั้น อีกทั้งไม่สามารถจะทำพันธสัญญากับคัมภีร์อัญเชิญได้ แต่ยิ่วหยางกลับประสบความสำเร็จทำสัญญากับคัมภีร์ ส่วนเรื่องราวจะเป็นเช่นไรต่อไป ขอเชิญติดตามดูครับ ความจริงในการแปลครั้งนี้มาจากแรงบันดาลใจที่ไม่ได้จะเป็นนักเขียนนักแปล หรอกครับ เกิดจากการอ่านมันฮัวการ์ตูนของจีนแล้วชอบ พยายามหาดูที่แปลเป็นอังกฤษ ก็แปลกันไปได้น้อยนิด แต่พอดูฉบับนิยายรู้สึกว่าเขาแปลไปได้เยอะ จึงลองเข้าอ่าน แต่เพราะความที่ภาษาไม่แข็งแรง จึงต้องดูไป เปิดดิคฯ ไปใช้โปรแกรมแปลช่วยบ้าง มีความรู้สึกว่าอ่านไม่ต่อเนื่อง จึงคิดว่าน่าจะแปลข้อมูลเก็บไว้ในเว็บๆ หนึ่งแล้วค่อยอ่านเป็นตอนๆ ให้ต่อเนื่องไปเลยดีกว่า แล้วก็นึกถึงที่นี่

Comment

Options

not work with dark mode
Reset