ตอนที่ 561 เราต้องทำลายสิ่งมีชีวิตข้างหน้าเราหรือไม่?
นางฟ้านักรบลอยตัวอยู่ในอากาศค่อยๆ เลื่อนลงมา
ขณะที่ขาเรียวยาวสัมผัสพื้น ดวงตาที่กลมโต ขนตายาวงอนค่อยๆ ลืมขึ้น
ทันทีที่นางลืมตา พลังของนางน่ากลัวเทียบได้กับนักสู้ปราณฟ้าระดับสามเลยทีเดียว พลังที่ไม่อาจคาดคำนวณได้ระเบิดออกราวกับภูเขาไฟระเบิด แรงอัดคลื่นส่งผลให้เย่คง, เจ้าอ้วนไห่และคนอื่นๆ ปลิวออกไป ห้องค้นคว้าทั้งหมดเหมือนถูกพายุหมุนรุนแรงกวาดใส่ทำลายล้าง ทุกอย่างถูกกวาดหายไปหมด หากไม่ได้เย่ว์หยางปกป้อง กลุ่มที่อ่อนแออย่างเป่าเอ๋อและหลิวเย่อาจจะหายใจไม่ออกเพราะแรงกดดันมหาศาลนี้ก็ได้
“อะไรกันนี่?” ที่ประตู มีเพียงเสวี่ยทันหลางที่ยังอยู่ไม่ขยับเขยื้อน อย่างไรก็ตาม เท้าของเขากลับปักตรึงลึกลงไปในพื้น
แม้ว่าเท้าของเขาจะตรึงลึกลงไปในพื้น แต่เขาก็ทำได้แต่เพียงยืนอยู่นิ่งๆ
สีหน้าของเสวี่ยทันหลางเปลี่ยนไป
เหงื่อปรากฏบนหน้าผากของเขา ขณะที่เขาหันไปทางเย่ว์หยางและถามอย่างตกใจ “นาง… นางอยู่ระดับใดกันแน่?”
“ระดับปราณฟ้า, ปราณฟ้าระดับหนึ่ง” เย่ว์หยางกลืนน้ำลายเอื๊อก พลังของนางฟ้านักรบนี้เกินกว่าเขาจินตนาการไปมาก นางเป็นนักสู้ปราณฟ้าระดับหนึ่งแล้ว ทันทีที่นางถือกำเนิด ถ้านางฝึกฝนต่อไปในอนาคต ก็จะเติบโตต่อเนื่อง แล้วนางจะแข็งแกร่งมากมายขนาดไหน? เมื่อเย่ว์หยางคิดเรื่องนี้ เขาดีใจจนทำอะไรไม่ถูก
“ปะ ปะ ปราณฟ้า?” เจ้าอ้วนไห่ปากอ้าค้างจนแทบพูดออกมาไม่ได้
“…..” ตาโตงดงามของนางฟ้านักรบกวาดมองรอบๆ เหมือนกับว่านางกำลังมองหาอะไรบางอย่าง
เมื่อนางเห็นเย่ว์หยาง นางปลดปล่อยคลื่นพลังกล้าแข็งทันที
ทั้งห้องค้นคว้าสั่นสะเทือนอีกครั้ง
จนแทบจะพังทลาย
ดูเหมือนนางฟ้านักรบไม่รู้จักสิ่งที่อยู่รอบๆ ตัวนาง เหมือนกับว่านางไม่สนใจว่าฟ้าจะถล่มหรือแผ่นดินจะทลาย นางเพียงแต่สนใจมองเย่ว์หยางและเดินเข้าหาเขาทีละก้าวๆ นางฟ้านักรบนี้ภายนอกดูเหมือนกับเย่ว์หวี่ แต่นางมีสีหน้าที่แตกต่างกัน เย่ว์หวี่มักจะดูอ่อนโยนเสมอไม่ว่าจะเป็นทั้งคำพูดและการกระทำของนาง แต่นางฟ้านักรบนี้กลับตรงกันข้าม สีหน้าของนางไม่มีความรู้สึก ตาของนางว่างเปล่าไม่มีสัญญาณบ่งบอกถึงความเป็นมนุษย์ มีแต่สีหน้าที่ปราศจากความรู้สึกและเย็นชา เจ้าอ้วนไห่และพวกพ้องกลัวจะตัวแข็งทื่อเมื่อได้เห็นสีหน้าของนางฟ้านักรบ
ถ้าเย่ว์หยางไม่อยู่ที่นั่น พวกเขาคงเตลิดหนีไปแล้ว
นี่ไม่ใช่มนุษย์แน่นอน มันคือเครื่องจักรฆ่าที่เย็นชา ไร้ความรู้สึก
นางฟ้านักรบเดินเข้าหาเย่ว์หยางทีละก้าวๆ เป่าเอ๋อและหลิวเย่กลัวมาก พวกนางเกาะแขนเย่ว์หยางคนละข้างและซ่อนตัวอยู่ด้านหลังเขาตัวสั่นไม่หยุด อย่างไรก็ตามพวกนางอดสงสัยไม่ได้ ได้แต่แอบมองอยู่หลังเย่ว์หยางต่อ ตรงกันข้ามกับสาวลูกครึ่งเอลฟ์ที่กล้าหาญมากกว่า ดูเหมือนนางต้องการก้าวออกมาปกป้องเจ้านายของนาง แต่เย่ว์หวี่ฉุดรั้งนางมาอยู่ด้านหลังและป้องกันนางไว้ นางฟ้านักรบยังคงเดินเข้าหา พื้นที่นางย่ำใส่แตกร้าวทุกย่างก้าว
หินอัคนีใต้เท้านางแตกทำลายราวกับสร้างด้วยเต้าหู้
นางควบคุมสมดุลร่างกายตนเองได้ดีทีเดียว นางไม่สูญเสียจังหวะก้าวเท้าผ่านหลุมที่นางสร้างขึ้นเลย
สองสามก้าวแรกนางยังขาดความยืดหยุ่นอยู่บ้าง ทำให้นางเดินเหมือนกับหุ่นกล อย่างไรก็ตามนางเรียนรู้ได้เร็วมากและต่อมานางก็เดินได้จังหวะพอดีทุกครั้งที่เคลื่อนไหว นางปรับปรุงตัวเองอย่างต่อเนื่องและในที่สุดก้าวย่างของนางดูคล้ายขององค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนอยู่บ้างเข้มแข็งและห้าวหาญ
นางฟ้านักรบนี้จะเลียนแบบความเจ้าอารมณ์มาจากองค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนหรือไม่?
ไม่มีผู้ใดรู้คำตอบ
รวมทั้งเย่ว์หยาง
จนถึงตอนนี้ เย่ว์หยางไม่รู้ว่านางฟ้านักรบนี้จะยอมฟังคำสั่งเขาหรือไม่ เขารู้สึกว่าเขาเชื่อมโยงความสัมพันธ์เป็นพิเศษในระดับจิตวิญญาณของพวกเขา แต่ไม่ใช่ระดับของอสูรพิทักษ์ตนหนึ่ง ถ้าไม่มีคนรอบตัวมากมาย บางทีเย่ว์หยางอาจเข้าไปหานางและพยายามสื่อสารกับนาง แต่เขาไม่สามารถทำได้ในตอนนี้ เนื่องจากเป่าเอ๋อและหลิวเย่แอบอยู่ข้างหลังเขาทั้งคู่ ถ้าพวกนางไม่สามารถรับแรงกดดันของพลังได้ ชีวิตของพวกนางจะตกอยู่ในอันตราย และนั่นจะเป็นเรื่องที่แย่ นางฟ้านักรบไม่มีความตั้งใจที่เลวร้าย แต่บางทีนางคงยังไม่รู้วิธีควบคุมพลังที่ยิ่งใหญ่ของนาง นั่นคือสาเหตุให้กลายเป็นเช่นนี้…
นางฟ้านักรบยืนอยู่ต่อหน้าเย่ว์หยาง
สายตาของนางกำลังมองตรงมาที่เขา
“ท่าน?” นางฟ้านักรบเอียงศีรษะ ท่าทางของนางน่ารักเหมือนอี้หนาน ขณะที่นางพูดด้วยภาษาที่ไม่รู้จัก
ตอนแรกนางพูดไม่ออก แต่คำพูดของนางค่อยๆ เป็นคำพูดมากขึ้นในแต่ละครั้ง ประโยคที่สองที่นางพูดชัดเจนและถูกต้องมากกว่าประโยคแรก และประโยคที่สามกลับทำได้คล่องแคล่วและสง่างาม เสียงของนางชัดใสไพเราะเหมือนนกร้องขับขาน
ทุกคนนอกจากเย่ว์หยางและสาวงามอู๋เหินที่เพิ่งมาถึงไม่เข้าใจว่านางฟ้านักรบกำลังพูดอะไร อย่างไรก็ตาม แม้แต่เย่ว์หยางและหญิงงามอู๋เหินก็ไม่เข้าใจเต็มที่กับสิ่งที่นางพูดนัก เย่ว์หยางสามารถเข้าใจได้อย่างเลือนรางว่าประโยคแรกที่นางฟ้านักรบพูดเป็นภาษาโบราณ ประโยคที่สองที่นางพูดเป็นภาษาเอลฟ์ ตามด้วยภาษาของมังกร จากนั้นก็เป็นภาษาของเผ่าปีศาจแดนอเวจีและในที่สุดนางก็พูดภาษามนุษย์ แม้ว่าทุกคนจะไม่เข้าใจส่วนแรกเริ่มที่นางพูด แต่พวกเขาสามารถได้ยินและเข้าใจประโยคสุดท้ายชัดเจน ทั้งนี้เพราะนางฟ้านักรบมองหน้าเย่ว์หยางและตะโกนว่า “ท่านพ่อ!”
เย่ว์หยางแทบจะทรุดลงนอนกับพื้น
เขาไม่เคยคิดเลยว่านางฟ้านักรบจะเรียกเขาว่าพ่อจริงๆ …. นี่มัน…
“ท่านพ่อ..ฟังดูดีเหมือนกันนะ!” มีแต่เป่าเอ๋อคิดว่าฟังดูเพราะดี นางเอียงคอไตร่ตรองและทำเหมือนกับทาเกลือลงไปบนบาดแผลของเย่ว์หยาง “ข้าจะเรียกเจ้าว่าพ่อด้วยได้ไหม?”
“ตึง” เจ้าอ้วนไห่และพวกล้มครืนกับพื้น
“อย่าทำตัวเหลวไหล!” ลีนเอลฟ์ทองปกติจะตามใจน้องสาวเขาอยู่เสมอ แต่ครั้งนี้เขารู้สึกว่านางทำเกินไปแล้ว
“โอวแม่สาวน้อย, โปรดอย่าพูดต่อไปเลย ข้าจะพลอยหัวใจวายไปด้วย” เย่คงยิ้มขมขื่นขณะขยับตัวออกมาห่างเป่าเอ๋อกลัวว่าเชื้อบ้าๆ บอๆ ของนางจะระบาดใส่เขา เย่ว์หวี่ทำท่าบอกเป่าเอ๋อให้หยุดพูดและปล่อยให้เย่ว์หยางพยายามพูดกับนางฟ้านักรบ
“ท่านแม่” เมื่อนางฟ้านักรบเห็นเย่ว์หวี่ นางกระซิบกล่าวด้วยเสียงอ่อนหวาน
ครั้งนี้ เย่ว์หวี่แทบลมจับ
นางฟ้านักรบมองดูนางจนแน่ใจแล้วจึงเรียกนางว่าแม่ นี่นี่..มากเกินไปจริงๆ
เย่ว์หยางและคนอื่นๆ พูดไม่ออกอีกครั้ง เป็นไปได้ยังไง นางฟ้านักรบเรียกเย่ว์หวี่ว่าแม่? อาจเป็นไปได้ว่าเพราะเย่ว์หยางและเย่ว์หวี่ร่วมกันสร้างนางขึ้นมาอย่างนั้นหรือ?
หญิงงามอู๋เหินฉลาด นางเข้ามาถึงนางฟ้านักรบและพยายามถาม “แล้วข้าล่ะ? เจ้าจะเรียกข้าว่าอะไร?” ทุกคนตกใจเมื่อนางฟ้านักรบหันไปทางหญิงงามอู๋เหินและเรียก “ท่านแม่” จากนั้นหันไปมองเย่ว์หยาง นางเรียกทั้งเย่ว์หวี่และอู๋เหินว่าแม่ เย่ว์หยางจึงเริ่มจะเข้าใจ
กลับกลายเป็นว่าเลือดที่ใช้สร้างนางนั้นใช้เลือดจากสาวๆ นั่นเอง
นั่นคือสาเหตุที่นางเรียกสาวๆ ทุกคนผู้บริจาคโลหิตว่าแม่โดยไม่รู้ตัว
เมื่ออี้หนาน, เย่ว์ปิงและคนอื่นๆ ลองบ้าง นางฟ้านักรบก็ยังเรียกพวกนางว่าแม่ นี่ทำให้อี้หนานและเย่ว์ปิงร่าเริงมีความสุข แต่เย่ว์ปิงและเย่ว์หวี่ก็อายมากเช่นกัน
“ดูเหมือนว่านางยังเด็กอยู่, นางอาจเรียกทุกคนว่าพ่อและแม่ได้ ก็เหมือนกับลูกไก่ที่เพิ่งเกิด เฮ้ บางทีนางอาจเรียกข้าว่าแม่ก็ได้นะ” เจ้าอ้วนไห่เถียงว่าลูกสัตว์มากมายไม่สามารถจำพ่อแม่ตัวเองได้ พวกมันจะเรียกสิ่งแรกที่พวกมันเห็นว่าพ่อแม่ เขาเดินตรงเข้ามาทำท่าขึงขัง และโบกมือเรียกร้องความสนใจของนางฟ้านักรบ “แม่หนูเด็กดี, เรียกข้าว่าแม่ด้วยนะ”
ทันใดนั้นเย่คงรู้สึกว่าการได้รู้จักคนอย่างเจ้าอ้วนไห่นับเป็นความซวยทั้งชีวิต
“เจ้าบ้านี่หาเรื่องเจ็บตัวจริงๆ!” เสวี่ยทันหลางรู้สึกว่าเจ้าอ้วนไห่ในชีวิตนี้วอนถูกทุบตีจริงๆ
ครืน….
จู่ๆ จักรกลที่ไหล่ของนางมีความเปลี่ยนแปลง ปืนใหญ่พลังงานโบราณยืดออกมาจากไหล่ของนางในพริบตาก็จับเป้าที่หน้าของเจ้าอ้วนไห่ที่ตอนนี้หน้าถอดสีแล้ว ถ้านางยิงเมื่อไหร่เจ้าอ้วนจะหายไปจากโลกนี้ทันที เขาจะพินาศเป็นจุล
เจ้าอ้วนไห่ไม่กล้ายกมือยอมแพ้ เพราะกลัวว่านางฟ้านักรบจะเข้าใจเขาผิดและยิงเขาและฆ่าเขาทันที
เย่ว์หยางรีบห้ามนาง “หยุดนะ”
นางฟ้านักรบมองดูเย่ว์หยางและถาม “ท่านพ่อ ท่านไม่ต้องการทำลายสิ่งมีชีวิตที่ดูเหมือนมนุษย์ต่อหน้าเรานี้หรือ?”
เย่ว์หยางกลั้นหัวเราะเต็มที่และแกล้งทำสีหน้าจริงจัง พยักหน้า “ปล่อยเขาไปเถอะ สิ่งมีชีวิตที่คล้ายมนุษย์นี้เป็นสหายของพ่อ”
“ได้เลย” นางฟ้านักรบเก็บปืนใหญ่พลังงานของนางและกลับคืนสู่สภาพเดิม
“….” เจ้าอ้วนไห่ที่มีชีวิตแขวนอยู่บนเส้นด้ายกลัวจัดจนเข่าอ่อน ขณะที่เขาทรุดตัวลงกับพื้น
เมื่อเห็นนางฟ้านักสู้เชื่อฟังคำสั่งเขา เย่ว์หยางปิติดีใจอย่างมาก
เขาสั่งให้นางเปลี่ยนร่างอยู่ในสภาพสิ่งมีชีวิตร่างที่หนึ่ง
เกราะ อาวุธและดาบนางฟ้าบนร่างของนางฟ้านักรบกลับเข้าไปในโลกคัมภีร์ ร่างของนางกลายเป็นแสงเลือนรางและขนาดร่างค่อยๆ เล็กลง ตอนแรกนางกลายเป็นเย่ว์ปิง จากนั้นก็กลายร่างเป็นเย่ว์ซวง แม้แต่กระโปรงลายดอกของนางก็สร้างจากพลังงานที่ใช้เลียนแบบเย่ว์ซวง
นางฟ้านักรบในรูปแบบชีวิตนี้ไม่ใช่นักสู้ปราณฟ้าระดับหนึ่งอีกต่อไป นางเป็นนักสู้ปราณก่อกำเนิดระดับหนึ่ง
นอกจากนี้ นางยังไม่รู้วิธีซ่อนพลังทั้งหมดของนาง
อู๋เหินนำเก้าอี้ออกมาตัวหนึ่งต้องการของให้นางฟ้านักรบนั่งคุยกัน
คาดไม่ถึงเลยว่า นางฟ้านักรบกลับพังเก้าอี้ทันทีที่นางนั่งลง การกระทำของนางรวดเร็วมาก นางพยายามรักษาสมดุลโดยการจับโต๊ะข้างๆ นาง แต่ในที่สุดโต๊ะกลับพังเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย ในที่สุด ไม่มีทางเลือกอื่น เย่ว์หยางต้องประคองนางขณะนั่งลง มิฉะนั้นทั้งโต๊ะและเก้าอี้รวมทั้งบ้านก็อาจพังไปด้วย พอหันหน้าไปทางประตู เย่ว์หยางมองเห็นกระเช้าสมปรารถนาที่ปลูกในกระถางใกล้หน้าต่าง นี่คือสมบัติที่ล้ำค่าที่สุดของเขา ถ้าไม่ใช่เพราะต้องสร้างนางฟ้านักรบ เขาคงไม่เอาออกมาตามปกติ เนื่องจากมีแก้วครอบคอยป้องกันไว้ เขาจึงไม่กังวลว่ากระเช้าสมปรารถนาจะได้รับความเสียหาย แต่เขาจะตรวจสอบกระเช้าสมปรารถนาอยู่เสมอจนติดเป็นนิสัยทุกครั้ง
อย่างไรก็ตาม เมื่อมองเห็น เขาโพล่งออกมาด้วยความประหลาดใจ “ดอกไม้ของข้า…”
กระเช้าสมปรารถนาที่ไม่เคยเหี่ยวเฉา ดอกที่เคยบานตอนนี้เหี่ยวเฉาไปแล้ว
เหลือแต่เพียงตาเล็กๆ ถ้านั่นคือกระเช้าสมปรารถนาอีกต้นหนึ่ง บางทีมันอาจเหี่ยวเฉาและตายไปก็ได้ โชคดีที่มันคือกระเช้าสมปรารถนาที่เติบโตจากน้ำค้างทิพย์ เหล้าทิพย์และน้ำทิพย์ ปีศาจพฤกษาหมื่นปีพูดถูก กระเช้าสมปรารถนานี้จะไม่เหี่ยวเฉาตายไปจริงๆ เมื่อเห็นตาของดอกใหม่ ดูเหมือนว่าเขาสามารถตั้งความปรารถนาได้ในอีกสามปีข้างหน้า
เมื่อเป็นแบบนั้น ย่อมต้องมีใครตั้งความปรารถนาแน่?
นอกจากนี้ อะไรคือเนื้อหาของความปรารถนา?
และสำเร็จหรือล้มเหลว?
เย่ว์หยางมองดูทุกคน เย่คง, เจ้าอ้วนไห่และคนอื่นมองดูเฉยเมย ปกติพวกเขาไม่เข้ามาใกล้ห้องค้นคว้าของเย่ว์หยาง ความจริง พวกเขารู้ว่ากระเช้าสมปรารถนามีค่ามากเพียงไหน ดังนั้นพวกเขาไม่ต้องการสร้างความเสียหายใดๆ แน่ นั่นเท่ากับไม่ยอมให้เย่ว์หยางได้ใช้สิ่งที่สำคัญที่สุด
ทุกคนมองหน้ากันเอง มีเพียงเป่าเอ๋อกับหลิวเย่และสาวลูกครึ่งเอลฟ์ก้มหน้า
โดยเฉพาะเป่าเอ๋อ
นางบิดนิ้วไปมาขณะที่นางขอโทษเย่ว์หยางอย่างน่าสงสาร “อ่า.. ข้าไม่รู้ ความจริง.. ข้าไม่ได้พูดอะไรเลย ข้าแค่พูดประโยคเดียว แล้วจู่ๆ ดอกไม้ก็เหี่ยวทันที..”
“เจ้าพูดอะไรกันแน่?” เย่ว์หยางเริ่มเข้าใจสถานการณ์
กลับกลายเป็นว่านางฟ้านักรบที่แข็งแกร่งในอ้อมแขนของเขาถือกำเนิดได้สำเร็จเพราะพลังของกระเช้าสมปรารถนา
เย่ว์หยางสงสัยมาก เป่าเอ๋อพูดอะไรกับกระเช้าสมปรารถนากันแน่?
มันสามารถปลุกนางฟ้านักรบได้อย่างไร?
***********