ตอนที่ 566 ราชินีแมงกะพรุน
ภายใต้ความรู้สึกทรมานกับการต้องทนฟังความช่างพูดไม่รู้จบของขุนพลปลาดาวลี่ว่าน ทำให้เย่ว์หยางรู้สึกแทบบ้า
เมื่อเอาความช่างพูดของเขาไปเทียบกับเจ้าอ้วนไห่ เจ้าอ้วนไห่ก็เหมือนกับคนใบ้
กลับกลายเป็นว่า ไม่ว่าเราอยู่ในโลกไหนก็ต้องทนฟังเหมือนพระถังซัมจั๋ง เย่ว์หยางร่ำๆ จะใช้ด้ายกับเข็มเย็บปากเจ้าผู้นี้อยู่หลายครา แต่ก็หักห้ามตัวเองไว้ในที่สุด ถ้าเขาทำอะไรลงไป เขาจะไม่ได้รับสมบัติในประตูลับเลย ยังไงเขาก็อดทนมานานแล้ว ถ้าเขาไม่ทนจนถึงที่สุดและกลับไปทวีปมังกรทะยานมือเปล่า ก็เท่ากับไม่ให้ความเป็นธรรมกับตนเอง
เกี่ยวกับเรื่องความช่างพูดของขุนพลปลาดาว เย่ว์หยางใช้หนึ่งในทักษะตัดเสียงรบกวน เขาทำเหมือนกับว่าขุนพลปลาดาวเป็นเหมือนจั๊กจั่นบนต้นไม้กำลังส่งเสียง
“แค่รอ, รอต่อไปจนกว่าข้าจะออกมาจากประตูลับ ข้าจะต้องเย็บปากเจ้าแน่นอน” เย่ว์หยางตั้งใจไว้แล้ว แม้ว่าเขาไม่สนใจขุนพลปลาดาว แต่ว่านลี่ผู้นี้ดูเหมือนไม่มีความตั้งใจจะจากไป ความจริงเขาให้ความสนใจฮุยไท่หลางจึงสนทนาอย่างมีความสุข
“คิกคิก” นางเซียนหงส์ฟ้าหัวเราะคิกคักอย่างมีความสุข ขณะที่นางปลอบใจเย่ว์หยางสองสามคำ เนื่องจากสถานะปลอมแปลงของพวกเขา นางจึงไม่สามารถช่วยเขาจากความยุ่งยากได้ นางได้แต่รอท่านหญิงเจี๋ยเหว่ยออกมาอย่างเงียบๆ
“เจ้าช่างเป็นปลิงทะเลที่ฉลาด, โอว ใช่เลย ข้าไม่เคยเห็นปลิงทะเลตัวไหนฉลาดมากกว่าเจ้า เจ้ารู้ไหมเดิมทีข้าผิดหวังอย่างมากกับพวกเผ่าพันธุ์ปลิงทะเล เพราะพวกมันแสนจะโง่จริงๆ พวกมันไม่รักความก้าวหน้าและขี้เกียจมาก พวกมันไม่เคยเข้าร่วมงานเลี้ยงใดๆ เว้นแต่จะกลายเป็นอาหารจานขึ้นโต๊ะงานเลี้ยง ถ้าเจ้าเพียงแต่อยู่ในตระกูลเผ่าปลิงทะเล ก็คงจะมีแค่หนึ่งในหมื่นที่ฉลาดอย่างเจ้า เราทุกคนก็คงภูมิใจเผ่าพันธุ์ปลิงทะเลเป็นแน่ ในฐานะที่เป็นเผ่าผิวหนาม ข้าไม่สามารถเงยหน้าได้ตามปกติ เพราะพวกเผ่าเม่นทะเลและปลิงทะเลน่าผิดหวังเกินไป ในบรรดาเผ่าพันธุ์ผิวหนาม มีแต่พวกเราเผ่าปลาดาวที่มีความภูมิใจในเผ่าพันธุ์เรา…” ขุนพลปลาดาวระบายความวิตกใจ ความขมขื่นใจกับฮุยไท่หลาง ฮุยไท่หลางพยายามตอบเขาด้วยภาษาที่หลากหลายอาทิ เมี้ยว เมี้ยว โฮ่ง โฮ่ง อะฮู้ว, จี๊ด จี๊ด, เจี๊ยบ..เจี๊ยบ ฯลฯ
ภายใต้การจ้อไม่หยุดของขุนพลปลาดาวทำให้ทุกวินาทีผ่านไปช้าๆ
ในที่สุดประตูวังฝนดาวตกก็เปิดออก
การประชุมสภาผู้อาวุโสเผ่าทะเลจบลงแล้ว
กลุ่มผู้นำเผ่าพันธุ์ทะเลเดินเป็นแถวเรียงเดี่ยวออกมา ท่านหญิงเจี๋ยเหว่ยกำลังกังวลบางอย่าง เนื่องจากนางเดินออกมาเป็นคนสุดท้าย
“มีอะไรหรือเปล่า?” นางเซียนหงส์ฟ้าปลอมเป็นน้องสาวท่านหญิง ดังนั้นจึงดูเป็นธรรมชาติเมื่อนางเข้ามาถาม ขณะที่เย่ว์หยางที่ปลอมตัวเป็นขุนพลนี่จี่ ฉวยโอกาสปลีกตัวออกมาจากขุนพลลี่ว่านช่างพูด
“ราชินีแมงกะพรุนเสนอให้ผู้นำเผ่าพันธุ์ทุกคนเข้าประตูลับพร้อมกัน…. หลังจากอภิปรายกันไปหนึ่งรอบ บรรดาสภาผู้อาวุโสมากกว่าครึ่งเห็นด้วย” ท่านหญิงมองดูเย่ว์หยางและกระซิบ “ข้ารู้สึกไม่ดีกับเรื่องนี้ หวังว่าข้าคงจะระแวงผิดไปเอง”
“ไม่เป็นไร เราจะรับประกันความปลอดภัยให้ท่าน” เย่ว์หยางไม่ได้พูดเช่นนั้นเพราะเขาปลอมตัวเป็นขุนพลนี่จี่, แต่นั่นเป็นคำพูดในฐานะของคุณชายสามตระกูลเย่ว์
“การเข้าประตูลับ นอกจากกุญแจผนึกทั้งสามแล้ว เรายังต้องได้เลือดของนักสู้พันคน” ท่านหญิงเจี๋ยเหว่ยพูดเบาๆ น้ำเสียงของนางโกรธอย่างมิอาจระงับได้ “ตอนแรกข้าไม่รู้ว่าจะต้องเป็นอย่างนั้น ข้าคิดว่าข้าเพียงแต่ต้องให้กุญแจจันทราของข้า ใครจะคิดกันว่าราชินีแมงกะพรุนต้องการเลือดของนักสู้พันคน แม้ว่าจะมีผู้ต้องขังหกร้อยคนก็ตาม แต่เพื่อให้ได้จำนวนตามเป้าหมาย ตระกูลอีกนับสิบจะต้องถูกราชินีฆ่าจนแทบจะสูญสิ้นเผ่าพันธุ์ ข้าคิดว่าคงเป็นเรื่องยากสำหรับชาวเผ่าทะเลจะฟื้นฟูความรุ่งเรืองได้อีก หลังจากผ่านไปสามร้อยปี”
“เลือดสดของนักสู้พันคน?” เย่ว์หยางวิตก ประตูลับคือประตูเทเลพอร์ตไม่ใช่หรือ? ทำไมพวกเขาถึงต้องใช้เลือดบูชายัญ?
“เราต้องการเลือดของนักสู้ระดับหกขึ้นไป เพื่อให้เป็นไปตามข้อกำหนดบูชายัญ ทุกตระกูลจะต้องรับส่วนไปแต่ละส่วน รวมทั้งเราเผ่าปลาผีเสื้อ ราชินีแมงกะพรุนรวบรวมอัศวินสมุทรผู้ไม่มีหวังเลื่อนไปอยู่ระดับเดียวกับขุนพลสมุทร ตอนนี้ทุกคนกลายเป็นเครื่องบูชายัญไปแล้ว สิ่งที่น่ารังเกียจที่สุดก็คือไม่มีองครักษ์ของราชินีแมงกะพรุนเลยสักคนที่เสียสละเป็นเครื่องบูชายัญ” ท่านหญิงเจี๋ยเหว่ยไม่สบายกับจุดนี้
“อาคันตุกะผู้มีเกียรติทุกท่าน.. จวนได้เวลาประชุมแล้ว ผู้นำเผ่าพันธุ์ทุกท่าน ขอเชิญไปที่วังสมุทรอีกครั้ง”
เสียงของผู้เฒ่าซิงผานดังขึ้นจากระยะไกล
กลุ่มผู้นำเผ่าพันธุ์ยังคงถกเถียงกันอย่างดุเดือดกับสถานการณ์นี้อย่างเหนียวแน่น พวกเขาไม่สมารถทำอะไรได้นอกจากเลือกผู้ช่วยที่น่าเชื่อถือที่สุดขณะที่พวกเขาเข้าไปในวังสมุทร
ทุกคนรู้ว่าการเปิดประตูลับพร้อมกันเป็นแผนการของราชินีแมงกะพรุนแน่นอน แต่ไม่มีใครกล้าคัดค้านนางอย่างเปิดเผย ที่สำคัญคือ ราชินีแมงกะพรุนคือคนที่แม้แต่จักรพรรดิสมุทรก้วนหลานก็ยังปราบนางไม่ได้ นางมิเพียงแต่มีพลังที่แข็งแกร่งมากเท่านั้น แต่นางยังเจ้าเล่ห์และมีตระกูลที่แข็งแกร่งหนุนหลัง เบื้องหลังของนางมีผู้อาวุโสสมุทรอย่างน้อยสิบคนที่มีพลังยิ่งใหญ่ นอกจากนี้นางยังมีราชตระกูลเผ่าพันธุ์ทะเลคอยสนับสนุน นอกจากนี้นางยังมีดาบเทพสมุทรที่เทพสมุทรทิ้งไว้ให้ สิ่งนี้กลายเป็นคทาที่ทำให้นางสามารถสั่งการเผ่าทะเลอื่นได้
เย่ว์หยางตามท่านหญิงเจี๋ยเหว่ยไปโดยเร็วทำตัวเหมือนเป็นขุนพลผู้ภักดี
เขาก้มหน้าและคอยลอบสังเกตสถานการณ์
ด้านหน้าวังเทพสมุทร สถานที่ซึ่งถูกสร้างเป็นอนุสรณ์สถานถึงพะยูนนรก ในที่สุดเย่ว์หยางก็เห็นราชินีแมงกะพรุน สตรีผู้ทรงอำนาจในตำนาน
หน้าผากนางสูง และสายตานางลึก คุณสมบัติของนางเด่นชัดและลักษณะของนางยิ่งใหญ่เป็นพิเศษ แม้ว่านางจะมิได้สวมมงกุฎหรือชุดยาวของราชินีที่ใหญ่และงดงาม ต่อให้นางสวมชุดบ่าวไพร่ธรรมดา ก็ไม่สามารถปิดบังความทรงอำนาจของนางได้ ความสามารถที่แข็งแกร่งมากจนแทบปะทุออกมา สตรีนางนี้เกิดมาเป็นคนแข็งแกร่ง ไม่ว่าใครก็ตามแทนที่จะถอนหายใจกับความงามของนาง ทุกคนที่เห็นนางจะต้องตกตะลึงกับความสง่างามของนางก่อน ความสง่างามเช่นนั้นมักจะเห็นได้เฉพาะจากบุรุษ แต่ความสง่างามที่แผ่ออกมาจากราชินีแมงกะพรุนนี้มิได้ด้อยไปกว่าบุรุษในโลกนี้เลย
เย่ว์หยางนึกถึงชื่อสตรีนางหนึ่งขึ้นมาทันที บูเช็คเทียน
บางทีราชินีแมงกะพรุนนี้อาจเป็นสตรีประเภทเดียวกันเหมือนกับสตรีนางนั้นจักรพรรดินีคนเดียวในประวัติศาสตร์จีน ไม่มีใครทำได้ก่อนนาง และไม่มีใครจะทำได้อย่างนาง
ทั้งสองมีกลิ่นอายครอบงำบุคคลที่บุรุษอาจจะไม่มี พวกนางจึงสามารถปราบปรามและควบคุมเจ้าหน้าที่ไว้ภายใต้อำนาจพวกนาง นอกจากเป็นคนที่ฉลาดมากแล้ว พวกนางยังคงทะเยอทะยานและมีความพิเศษ การเป็นศัตรูกับสตรีแบบนั้นเป็นเรื่องที่อันตรายมาก เว้นแต่จะสามารถปราบนางได้รวดเดียว
“ฝ่าบาทจักรพรรดิสมุทรได้ล่วงลับไปเร็ว และศัตรูแข็งแกร่งมีอยู่ทั่วทุกที่ เพื่อการฟื้นฟูเผ่าพันธุ์ทะเลเรา ข้าไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากทุ่มเทความสามารถทั้งหมด ดังนั้นข้าจึงได้เสนอแผนนี้ ข้าหวังว่าใต้เท้าทั้งหลายจะให้ความสนใจกับเผ่าพันธุ์ทะเลเป็นอันดับแรก และช่วยเหลือสตรีผู้อ่อนแอนี้ฟื้นฟูความรุ่งเรืองเก่าของเผ่าพันธุ์ทะเล” ราชินีแมงกะพรุนไม่ถือตัวกับบริวารของนาง ตรงกันข้าม นางกับถ่อมตัวมาก ทำเหมือนกับว่าผู้นำเผ่าพันธุ์ที่ไม่เห็นด้วยกับการช่วยนาง ก็เท่ากับรังแกนาง
“สตรีนางนี้ร้ายกาจมาก….” นางเซียนหงส์ฟ้าลอบคุยกับเย่ว์หยาง และยกย่องนางไม่หยุด
สิ่งที่น่าประทับใจเกี่ยวกับราชินีแมงกะพรุนก็คือความจริงนางยังเก็บซ่อนพลังไว้
มองผิวเผิน ราชินีแมงกะพรุนเป็นนักสู้ปราณก่อกำเนิดระดับแปด
อย่างไรก็ตาม เย่ว์หยางใช้จักษุญาณทิพย์ตรวจดู ก็สามารถเห็นพลังที่นางปิดบังไว้ได้ชัดเจน ราชินีแมงกะพรุนนี้ความจริงเป็นนักสู้ปราณก่อกำเนิดระดับสิบ นอกจากนี้นางยังมีสมบัติวิเศษอยู่ในตัวนาง มิน่าเล่าแม้แต่จักรพรรดิสมุทรก้วนหลานที่แข็งแกร่งมากยังไม่สามารถทำอะไรนางได้
เมื่อเผชิญหน้ากับศัตรูเช่นนี้ แม้ว่านางจะเป็นสตรี แต่ระดับการคุกคามของนางก็มากพอๆ กับราชาเฮยอวี้
ถ้าเขาไม่ฆ่านาง นางคงเป็นต้นเหตุให้เกิดอันตรายในอนาคตแน่
รังสีฆ่าฟันของเย่ว์หยางถูกกระตุ้นเล็กน้อย เพื่อไม่ใช่ให้รังสีฆ่าฟันของเขารั่วไหลจนราชินีแมงกะพรุนตื่นตัว เขารีบก้มหน้าและมองไปทางอื่น
“น้องเจี๋ยเหว่ย, มาตรงนี้เถอะ! แม้ว่าขุนพลนี่จี่จะมีพลังแข็งแกร่งมาก แต่เจ้ามีองครักษ์คุ้มครองไม่มาก มีอันตรายมากมายที่ไม่รู้จักเมื่อเข้าประตูลับไปแล้ว น้องเจี๋ยเหว่ย เจ้าละเอียดอ่อนเหมือนกับกิ่งไม้ทอง ถ้าเจ้าได้รับอันตรายแม้แต่ปลายเส้นผม ก็เป็นความผิดของข้าคนเดียว” ราชินีแมงกะพรุนยื่นมือฉุดนางให้เดินข้างหน้าพร้อมกับองครักษ์ของนาง นางยังคงสำรวจมองเย่ว์หยาง
“ขอบคุณองค์ราชินี” เจี๋ยเหว่ยเข้าใจชัดว่านางกลายเป็นตัวประกันแล้ว แต่นางไม่มีทางโต้ตอบได้
ถ้าไม่ใช่เพราะความจริงที่ว่านางยังมีไม้ตายลับของเย่ว์หยางและมารกฎฟ้าอยู่ บางทีนางคงพบจุดจบอย่างน่าสมเพชในวันนี้ก็ได้ เมื่อเจี๋ยเหว่ยนึกถึงเรื่องนี้ นางถึงกับหลั่งเหงื่อเยียบเย็นอย่างช่วยไม่ได้
เย่ว์หยางรีบก้มหน้าโดยเร็ว โชคดีที่หลังจากการผ่านการต่อสู้ในสังเวียนมรณะและสู้ศึกในแดนสวรรค์ เย่ว์หยางค่อยเริ่มเข้าใจ ‘หัวใจสุดยอดนักรบปราณก่อกำเนิด’ เขายังคงเพิ่มความมั่นใจ เพราะเขาได้ฆ่านักรบปราณฟ้ามาก่อนแล้ว ตอนนี้ต่อให้เขาเผชิญหน้ากับศัตรูน่ากลัวมากอย่างราชินีแมงกะพรุนเขาก็สามารถปิดบังตัวเองได้อย่างราบรื่น
แน่นอนว่าในที่สุด เขายังจำเป็นต้องพึ่งพาทักษะอำพรางเพื่อใช้หลอกราชินีแมงกะพรุน
มิฉะนั้น ด้วยพลังไข่มุกมายาช่วยเปลี่ยนลักษณะของเขา สตรีที่ฉลาดหลักแหลมอย่างราชินีแมงกะพรุนก็คงมีความสงสัยตั้งแต่ต้นแล้ว
ตำหนักเทพสมุทร
นี่คือตำหนักเทพสมุทรที่สร้างขึ้นเป็นอนุสรณ์สถานระลึกถึงพะยูนนรกเทพอารักษ์เผ่าพันธุ์ทะเล มีรูปปั้นพะยูนนรกขนาดมหึมาอยู่ภายในตำหนัก มองดูเหมือนเป็นพะยูนนรกที่มีระดับสูงกว่าพะยูนนรกสองตัวที่เย่ว์หยางจับมา มีมงกุฎสวมอยู่บนศีรษะของมัน และมันถือดาบขนาดใหญ่ไว้ในมือ รูปปั้นมองดูเหมือนจริงมากคล้ายกับว่ายังมีชีวิต มันดูสง่างามมาก ที่ด้านข้างหอใหญ่ มีรูปปั้นของนักสู้ปราณก่อกำเนิดเผ่าพันธุ์ทะเลที่ล่วงลับไปแล้ว แต่ละรูปอยู่ในท่าที่ต่างกัน
รูปปั้นของเจ้าสมุทรก้วนหลานก็รวมอยู่ในบรรดารูปปั้นเหล่านั้น แต่เขาถูกตั้งไว้ในลำดับที่แปดจากทางเข้าประตูด้านซ้ายมือ ถ้าไม่ใช่เพราะเย่ว์หยางจำเขาได้ เขาคงไม่ทันสังเกตเห็นจ้าวสมุทรนี้แน่
ภายในโถงใหญ่ของตำหนักเทพสมุทร มีผนังใหญ่สีขาว
เมื่อบริวารของราชินีแมงกะพรุนทำลายผนังออก ทางผ่านที่มืดมิดก็ปรากฏ
ทางเดินทั้งหมดถูกสร้างด้วยหินอุกกาบาตพิเศษจากแดนสวรรค์ ต่อให้องครักษ์เผ่าพันธุ์ทะเลแข็งแกร่งสามารถทลายกระแทกผนังออกไปได้ง่ายก็ไม่สามารถยกหินเหล่านี้ได้ เมื่อราชินีแมงกะพรุนพยายามใช้ดาบเทพสมุทรตัด ก็มีแต่เพียงรอยขีดเล็กๆ เท่านั้นเกิดขึ้น
เมื่อเห็นเช่นนี้คนที่มองดูอยู่ตกตะลึงอย่างช่วยไม่ได้
ประตูลับจะเปิดออกได้ต่อเมื่อกุญแจสุริยันต์, จันทราและดาวตกใช้พร้อมกัน ปัจจุบันนี้ข้ามีเพียงกุญแจสุริยันต์ น้องเจี๋ยเหว่ยและน้องเยี่ยนโปรดช่วยข้าเปิดประตูลับพร้อมกัน” ราชินีแมงกะพรุนไม่มีกุญแจสุริยันต์ในตอนแรก เนื่องจากกุญแจสุริยันต์เป็นของผู้อาวุโสอ้ายซื่อเผ่าปลาการ์ตูน อย่างไรก็ตาม หลังจากมรณกรรมของอ้ายซื่อ ทายาทของนางทุกคนกลายเป็นข้าราชบริพารของราชตระกูลเผ่าพันธุ์ทะเล ดังนั้นเห็นได้ชัดว่าพวกเขาไม่สามารถรักษากุญแจสุริยันต์ของสำคัญขนาดนั้นได้อีกต่อไป
“เราจะทำตามเสาวนีย์ของราชินี” ท่านหญิงเจี๋ยเหว่ยล้วงกุญแจจันทราที่สว่างไสวออกมา พร้อมๆ กับท่านหญิงเยี่ยนล้วงกุญแจดาวตกออกมาเช่นกัน ทั้งสามคนเดินไปที่ประตูลับ
เสียงครืนๆ สะท้อนอยู่ต่อหน้าพวกเขา และพื้นเริ่มสั่นสะเทือน
ทางเดินที่มืดมิดก่อนหน้านั้นพลันสว่างด้วยแสงไฟ
แสงสว่างเจิดจ้าส่องยาวตลอดทางเดิน
ผ่านไปราวๆ หนึ่งนาที แสงสว่างก็หายไป และภาพที่ปรากฏต่อหน้าทุกคนก็คือพื้นที่รกร้างปกคลุมไปด้วยหิมะ
พื้นที่รกร้างปกคลุมด้วยหิมะและทางเดินที่ทุกคนอยู่ถูกประตูบานเดียวแยกจากกัน มีประตูเหล็กบานมหึมาลงอักขระอักษรรูนแน่นหนาซึ่งเปิดกว้างแล้ว ภายในมีแท่นบูชายัญวงเวทอักษรรูนสามแท่น มีรูกุญแจเล็กหนึ่งรูในแต่ละแท่นสำหรับกุญแจสุริยันต์, จันทราและดาวตก มีวงเวทอักษรรูนสามวงกำลังเปล่งแสงสีแดงซึ่งทำให้มีความรู้สึกอึดอัดเหมือนกับเป็นลางมรณะและเลือดบางอย่าง
เมื่อผู้เฒ่าปลาหมึกซิงผานโบกมือ อัศวินสมุทรสองคนโยนมนุษย์ปลาการ์ตูนเข้าไปในประตูลับ
บึ้ม!
มนุษย์ปลาการ์ตูนที่ถูกจับโยนเข้าไป ไม่มีโอกาสได้ร่วงถึงพื้น ร่างของเขาระเบิดกลางอากาศเสียก่อน
เห็นได้ชัดว่ามีข้อจำกัดบางอย่างห้ามมิให้รูปแบบชีวิตบางอย่างเข้าไป
******************