ตอนที่ 568 โซ่จันทราบั่นเศียรกับเสากักมังกร
“ในช่วงเวลาสั้นๆ เมื่อประตูลับปิดลง ข้าเห็นร่างที่ไม่เหมือนใครของเขา ใบหน้าที่น่าเกลียดและเงาร่างมหึมา ร่างที่มีปีกเนื้อและโล่ชั้นศักดิ์สิทธิ์ ไม่ควรจะมีนักสู้คนอื่นที่ดูมีลักษณะเหมือนกับเขา ต้องเป็นเขาที่ยุยงมนุษย์ปลาการ์ตูนให้ทรยศ! นอกจากนี้ข้าเห็นหัวหน้าเผ่าปลาการ์ตูน เชียวเตียวฆ่าองครักษ์อัศวินสมุทร… ถ้าไม่มีจ้าวมังกรสมุทรหนุนหลัง เผ่าปลาการ์ตูนที่โง่เง่าจะทรยศได้อย่างไร?” มนุษย์เผ่าปลาการ์ตูนที่ตามพวกเขาคุกเข่าลงทั้งหมดด้วยความกลัวเมื่อพวกเขาได้ยินคำพูดของนาคราชสมุทรเก้าหัว พวกเขาโขกศีรษะคำนับอย่างแรงเหมือนกับใบไม้สั่น
หัวหน้าเชียวเตียวอยู่ข้างนอกประตูลับแน่นอน แต่เขาคือผู้ช่วยที่น่าเชื่อถือของราชินีแมงกะพรุน เขาจะกลายเป็นคนทรยศได้อย่างไร?
ต่อให้เขาหักหลังนาง เป็นไปไม่ได้เลยที่เขาจะเป็นพันธมิตรกับจ้าวมังกรสมุทร
จ้าวมังกรสมุทรคือนักล่าโดยธรรมชาติของมนุษย์เผ่าปลาการ์ตูน เขากินทั้งบุรุษและสตรีในเผ่าของเขา การภักดีกับเขาก็เหมือนมอบอำนาจให้เขาจัดการเผ่าพันธุ์เขาได้ตามอำเภอใจไม่ต่างอะไรกับการสร้างความอัปยศให้เผ่าพันธุ์
อย่างไรก็ตาม เพราะนาคราชสมุทรเก้าหัวกล่าวหาเจาะจง บ่าวทาสเผ่ามนุษย์ปลาการ์ตูนที่น่าสงสารไม่อาจแม้แต่โต้แย้ง พวกเขาทำได้เพียงคุกเข่าร้องขอคำอภัยหวังว่าคนในราชตระกูลที่เป็นนักสู้ปราณก่อกำเนิดและกำลังโกรธจะไว้ชีวิตพวกเขา
“…..” เย่ว์หยางและนางเซียนหงส์ฟ้าได้แต่มองหน้ากันเอง
นาคราชสมุทรเก้าหัวก่อนนั้นก็มีโอกาสพุ่งออกไปจากประตู แต่เขากลัวจ้าวมังกรสมุทรจะลอบทำร้าย ดังนั้นเขาจึงแกล้งมาสายเกินไป
จากจุดนี้ เป็นเรื่องง่ายที่จะประเมินว่านาคราชสมุทรเก้าหัวความจริงเป็นคนขลาดเขลากลัวการผจญภัย เขาไม่ใช่คนที่จะทำการใหญ่ได้สำเร็จ เทียบกับจักรพรรดิสมุทรก้วนหลาน เขาไม่ใช่คนในระดับเดียวกัน
เรื่องที่น่าสงสัยเกี่ยวกับเรื่องนี้ก็คือทำไมราชินีแมงกะพรุนถึงได้หลงรักนาคราชสมุทรเก้าหัวได้
เมื่อพิจารณาดูราชินีแมงกะพรุนเป็นสตรีแบบไหน นางคงไม่เป็นที่ดึงดูดใจของเด็กหนุ่มรูปงามแน่
อาจเป็นไปได้ไหมว่าพะยูนนรกยังไม่ตายและถูกผนึกไว้ภายในประตูลับจริงๆ เป้าหมายใหญ่ของราชินีแมงกะพรุนก็คือเข้าไปหาพะยูนนรกนั้น?
สถานการณ์ที่คาดไม่ได้เช่นนี้ทำให้เย่ว์หยางเต็มไปด้วยความระแวงสงสัย แม้แต่นางเซียนหงส์ฟ้าก็ให้ความสนใจเรื่องทั้งหมดนี้มากเช่นกัน นางรู้สึกว่านางสามารถขุดเรื่องซุบซิบนินทาภายในเผ่าพันธุ์ทะเลขณะที่ค้นหาสมบัติได้ การซุบซิบนินทาเป็นธรรมชาติของสตรีอยู่แล้ว
“มีการเปลี่ยนแปลงในเผ่าพันธุ์ทะเลและประตูลับปิด” เย่ว์หยางใช้แผนที่สามสีและส่งข้อมูลนี้ไปให้ราชาฉลามขณะที่ทุกคนอยู่ในความสับสน
“แม้ว่าประตูลับจะปิด แต่เจ้าไม่ต้องเร่งเขียนคำสั่งเสียก็ได้จริงไหม?” ขุนพลปลาดาวเห็นว่าเย่ว์หยางกำลังเขียนอะไรอยู่ ดังนั้นเขารีบปลอบโยน “ขุนพลนี่จี่ แม้ว่าเราจะยังติดอยู่ที่นี่ แต่เราก็ควรรักษาความเชื่อมั่นเอาไว้ ในฐานะขุนพล เราควรปฏิบัติหน้าที่ให้เป็นตัวอย่างให้คนอื่นปฏิบัติตามและเป็นการเพิ่มพูนขวัญกำลังใจของกองทัพด้วย ตอนนี้เราจำเป็นต้องเพิ่มขวัญกำลังใจให้พวกเขา ซึ่งดูเหมือนว่ากำลังตกอย่างรวดเร็ว ที่นี่มีนักสู้ปราณก่อกำเนิดอยู่หลายคน ไม่ควรจะมีปัญหาอะไร เราควรจะเดินหน้าต่อและค้นหาสมบัติต่อไป และในที่สุดของการเดินทาง เราจะต้องนำพาผู้ใต้บังคับบัญชาของพวกเรากลับประเทศที่สวยงามของเรา ฮัดเช้ย, ฮัดเช้ย, ขอโทษที ดูเหมือนตอนนี้ข้าจะเป็นหวัดเสียแล้ว ข้าว่าถึงไหนแล้ว?”
“โฮ่ง” ฮุยไท่หลางตอบ
“ดูเหมือนเจ้ายังใจเย็นอยู่มากจริงๆ! เด็กดี, ในฐานะเผ่าพันธุ์มีหนามปกคลุม ข้าภูมิใจเจ้าจริงๆ! โชคไม่ดีเลยที่เจ้าเป็นเพียงปลิงทะเลและเป็นแค่สัตว์เลี้ยง มิฉะนั้น ข้าเชื่อว่าเราจะสหายที่ดีต่อกันได้” ขุนพลปลาดาวเริ่มคุยกับฮุยไท่หลาง
“………..” เย่ว์หยางยิ่งพูดไม่ออก
หนึ่งในบริวารของนาคราชสมุทรเก้าหัวรีบไล่ตามหลังราชินีแมงกะพรุนไปทันและรายงานเรื่องที่ประตูลับปิด
หลังจากนั้นสิบนาที ราชินีแมงกะพรุนกลับคืนสู่ความสงบโดยไม่มีความเปลี่ยนแปลงใดๆ บนสีหน้าของนาง แม้แต่เย่ว์หยางก็ยังสามารถรับรู้ความคิดที่ว่า ‘แบบนี้ก็ดีเหมือนกัน’ จากนัยน์ตาลึกๆ ของนางได้
นางตรวจสอบประตูลับและปลอบโยนทุกคนด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน ด้วยท่าทางราวกับว่ายังมีทางออกอีกทาง ไม่จำเป็นต้องกังวลเกินไป
ขณะเดียวกัน นางได้ให้อภัยการหักหลังของมนุษย์เผ่าปลาการ์ตูน
มนุษย์เผ่าปลาการ์ตูนเช็ดน้ำตาซาบซึ้งขณะที่พวกเขาร้องไห้
เย่ว์หยางได้ข้อสรุปว่าราชินีแมงกะพรุนนี้มีปัญหาแน่ เพราะนางยังสามารถสงบได้แม้ว่าประตูลับจะปิดตัวลง ยิ่งกว่านั้นนางยังคงเดินหน้าปลดผนึกนักสู้ปราณฟ้าต่อไป เป็นไปได้ไหมว่านางมั่นใจว่าสามารถเปิดประตูที่ต้องใช้เลือดคนบูชายัญถึงพันคนได้? หรือเป็นไปได้ไหมว่าจ้าวมังกรสมุทรคือพันธมิตรที่แท้จริงของนางและนาคราชสมุทรเก้าหัวนี้แค่เพียงแกล้งแสดงให้ดู?
ขณะที่เย่ว์หยางกำลังไตร่ตรอง ก็ได้ยินเสียงกรีดร้องโหยหวนแต่ไกล
นักสู้ปราณก่อกำเนิดเผ่าพันธุ์ทะเลข้างหน้าเกินกว่ายี่สิบคนบาดเจ็บกันหมด เป็นไปได้ไหมว่านักสู้ปราณฟ้าถูกปล่อยตัวแล้ว?
ราชินีแมงกะพรุน, นาคราชสมุทรเก้าหัว, จ้าวเต่าทะเล, ราชาอสรพิษทะเลและผู้เฒ่าซิงผานขยับมาอยู่ข้างหน้า อัศวินสมุทรจำนวนมากยังคงตามหลัง ขณะที่เย่ว์หยางและนางเซียนหงส์ฟ้าลอบเข้าไปอยู่ในกลุ่มเพื่อชมดูความสนุก
บนพื้นหิมะ มีกองเลือดที่สร้างความตกตะลึงให้กับผู้พบเห็น
บริวารที่เป็นนักสู้ปราณก่อกำเนิดที่นาคราชสมุทรเก้าหัวส่งไปรายงานตายอย่างน่าอนาถ ไม่มีซากศพสมบูรณ์เหลือเนื่องจากร่างของเขาระเบิดเป็นเสี่ยง บริวารของเขากลายเป็นเนื้อสับ และเหลือเพียงส่วนเดียวให้จดจำได้ก็คือมือขวาของเขา นาคราชสมุทรเก้าหัวถึงกับผิวเปลี่ยนสี เขาโยนมือที่เหลือนั้นลงอย่างโมโหและตะโกนพลางปลดปล่อยพลังจนถึงปราณก่อกำเนิดระดับแปด เขาเตรียมเผชิญหน้ากับศัตรู จ้าวเต่าทะเลและราชาอสรพิษทะเลมีปฏิกิริยา พวกเขาทำตามโดยเพิ่มพลังอยู่ในระดับปราณก่อกำเนิดระดับสาม แม้ว่าจะยังไม่ใช่ระดับพลังที่สูงนัก แต่ก็สามารถฆ่าศัตรูได้ทันที ผู้โจมตีอย่างน้อยต้องเป็นนักสู้ปราณก่อกำเนิดระดับแปด นอกจากนี้ยังเป็นไปได้ว่าที่พวกเขาอาจเป็นนักสู้ปราณฟ้าที่ถูกปล่อยออกมาจากผนึกและโจมตีใส่ทุกคน
“มันไม่ง่ายแบบนั้น” เย่ว์หยางลอบบอกนางเซียนหงส์ฟ้า “นี่เป็นรูปแบบอสูรทำลายตัวเอง เป็นผลมาจากการระเบิดจากภายในของเจ้าผู้นี้”
“ปรสิตระเบิดปีศาจ ข้าเคยได้ยินชื่อของอสูรชนิดนี้มาก่อน” นางเซียนหงส์ฟ้างงเล็กน้อย “แม้ว่าพลังของมันจะแข็งแกร่ง แต่จำเป็นต้องให้เจ้าของเพาะเลี้ยงมันจากภายในร่างของศัตรู มันยากจะทำได้สำเร็จและมีแต่คนโง่ที่จ้องจะเพาะเลี้ยงมันไว้ภายในร่างศัตรู”
“แล้วจะเป็นยังไงถ้าคนเพาะเลี้ยงคือคนที่เขาไม่เคยระวังป้องกันเลย? หรือว่าจะเป็นยังไงถ้าคนที่เพาะเลี้ยงแข็งแกร่งกว่าและสามารถข่มเขาได้?” เย่ว์หยางหัวเราะเหมือนกับว่าเขาคาดความจริงได้แล้ว
ปกติ เขายังค่อนข้างอยู่ห่างไกลจากความจริงที่เกิดขึ้น
สิ่งที่เขาจำเป็นต้องทำตอนนี้ก็คือสังเกตกระบวนการทั้งหมดและเคลื่อนไหวให้ทันเวลา
ขณะที่เสียงลมดังหวีดหวิว ความตื่นกลัวกระจายไปทั่วในหมู่ทหารทำให้เกิดอารมณ์หดหู่ ไม่มีใครกล้าพูด ทั่วทั้งสถานที่ตกอยู่ในความเงียบ ขณะที่ทุกคนระมัดระวังรอบตัว ตรงกันข้ามพวกเขาต้องอาศัยพันธมิตรขณะที่พวกเขาเดินหน้าต่อ พวกเขาเดินหน้าต่อตามติดพวกนักสู้ปราณก่อกำเนิดไปและพบว่าพวกเขายืนอยู่ต่อหน้าป้อมขนาดยักษ์ ป้อมนี้สร้างจากหินดาวตกจากแดนสวรรค์และมีขนาดสูงเหลือเชื่อ
ประตูป้อมสีดำสนิทดูเหมือนกับสัตว์ประหลาดยักษ์ที่สามารถกลืนกินสรรพสิ่งได้
เพราะพวกเขากังวลเรื่องจะได้รับสมบัติที่อาจจะเหลืออยู่ภายใน หัวหน้าหน่วยกล้าตายและประมุขตระกูลกุ้งมังกรจึงเข้าไปภายในทันที
มีเพียงพวกเดียวที่เหลืออยู่ก็คือท่านหญิงเจี๋ยเหว่ย, ท่านหญิงเยี่ยน, ราชาวอรัสและผู้เฒ่าพะยูนยืนรออยู่ด้านนอก นักสู้ปราณก่อกำเนิดที่เหลือยังคงร่ำร้องให้เข้าไป นาคราชสมุทรเก้าหัวกังวลเล็กน้อย แต่หลังจากเห็นราชินีแมงกะพรุนยังไม่เคลื่อนไหว เขาได้แต่อดกลั้นอารมณ์เสียที่อาจระเบิดออกมา
เย่ว์หยางใช้จักษุญาณทิพย์ตรวจดูอารมณ์ของราชินีแมงกะพรุนและพบว่านางมิได้โกรธแม้แต่น้อย แต่แค่นเสียงเย้ยหยัน
เหมือนกับจะพูดว่าไม่มีอะไรหนีพ้นมือข้าไปได้
ราชินีแมงกะพรุนนี้น่าทึ่งขนาดนั้นจริงๆ หรือ? นางสามารถควบคุมได้ทุกสิ่งทุกอย่างหรือนี่?
เย่ว์หยางยังคงงงหลังจากไตร่ตรงอยู่นาน
“จ้าวสมุทรทั้งสามจะไปกับข้าเพื่อปลดผนึกนักสู้ปราณฟ้าหรือว่าจะไปสำรวจป้อม?” ราชินีแมงกะพรุนฉุดดึงท่านหญิงเจี๋ยเหว่ยและท่านหญิงเยี่ยนทั้งสองไว้อย่างสนิทสนม “น้องหญิงทั้งสองจะต้องตามผู้พี่ไปด้วยตกลงไหม? มิฉะนั้นถ้ามีสัตว์ประหลาดโผล่ขึ้นมา ข้าคงไม่อาจปกป้องพวกเจ้าได้ เราไปกันเถอะ ว่าแต่น้องหญิงทั้งสองจะพาคนสนิทไปพร้อมกับเราด้วยไหม?”
หลังจากพูดเช่นนี้ นางลอบจับตาดูเย่ว์หยางกับนางเซียนหงส์ฟ้าจากนั้นมองดูขุนพลปลาดาว
ท่านหญิงเจี๋ยเหว่ยและท่านหญิงเยี่ยนแสดงสีหน้าว่าไม่จำเป็น
โดยเฉพาะท่านหญิงเจี๋ยเหว่ยลอบเป็นกังวลในใจ เนื่องจากนางเกรงว่าราชินีแมงกะพรุนจะพบสถานะที่แท้จริงของเย่ว์หยาง… การพาตัวเย่ว์หยางไปด้วยจะทำให้ราชินีแมงกะพรุนสงสัยได้ง่ายๆ ในทางตรงกันข้ามไม่นำเขาไปด้วยก็เสี่ยงต่อความปลอดภัยของนางเอง
ถ้าบังเอิญผนึกของนักสู้ปราณฟ้าถูกปลด ใครจะปกป้องนาง ถ้าพวกเขาเริ่มการสังหารหมู่ขนาดใหญ่โดยไม่มีเย่ว์หยางและนางเซียนหงส์ฟ้าอยู่ข้างนาง?
“ข้าคิดว่าเราควรนำพวกเขาไปด้วย มิฉะนั้นคนอื่นจะพูดถึงข้าผิดๆ ได้” ราชินีแมงกะพรุนโบกมือและสั่งให้เย่ว์หยาง, นางเซียนหงส์ฟ้า, ขุนพลปลาดาว, ขุนพลปลาดาบและคนอื่นๆ อีกสองสามคน “ทุกคน แบกถังเลือดสองถังตามข้ามา ต้องคอยระวังสถานที่ซึ่งเราจะผ่านเข้าไปและเคลื่อนไหวด้วยความระมัดระวัง มิฉะนั้นพวกเจ้าจะพบจุดจบอย่างน่าอนาถ ถ้าพวกเจ้าไปเหยียบกระตุ้นกลไกให้ทำงาน ผู้เฒ่าซิงผาน พาอัศวินสมุทรไปเฝ้าอยู่ที่ประตู ระมัดระวังความเคลื่อนไหวของพวกสัตว์ประหลาดด้วย ถ้ามีศัตรูปรากฏให้เตือนเราทันที สำหรับค่ายของเผ่าปลาการ์ตูน ให้ทำตามแผนเดิมและ เตรียมอาหารด้วย”
“พระเจ้าค่ะ” ผู้เฒ่าซิงผานคือคนที่ราชินีแมงกะพรุนเชื่อใจมากที่สุด
พวกเขาพบว่าพื้นที่ภายในป้อมมีขนาดใหญ่โตมโหฬารหลังที่ก้าวเข้าไปข้างใน
นอกจากเป็นทางเวียนและมีบันไดเวียนขึ้นลงแล้ว ยังมีตำหนักหลักหลายแห่ง ตำหนักรองด้านข้างที่มีระเบียงทางเดินคดเคี้ยวอื่นๆ อีกมาก มีแม้กระทั่งประตูเทเลพอร์ตพิเศษอยู่ข้างใน เพียงแต่ไม่รู้ว่าจะนำไปยังที่ใด เหมือนกับว่านางมาที่นี่หลายครั้งแล้ว ราชินีแมงกะพรุนเคลื่อนไหวได้ง่ายเหมือนกับว่านางเป็นคนนำทางข้างหน้า หลังจากผ่านไปตามทางโถงยาวและด้านข้างหลายตำหนักแล้ว พวกเขาก็มาถึงสถานที่แห่งหนึ่งที่ดูเหมือนกับหอฝึกวิทยายุทธ จากนั้นราชินีแมงกะพรุนได้ขยับรูปปั้นและผลักดันออกไปด้านหลัง เผยให้เห็นทางเดินสายหนึ่ง
ไม่มีแสงในทางเดิน แต่ท่านหญิงเยี่ยนเรียกทากทะเลเรืองแสงส่องทางสว่างไปทั้งสาย
หลังจากไปตามทางเดิน มีสนามต่อสู้พื้นที่เท่ากับสนามฟุตบอล
สิ่งที่ทำให้เย่ว์หยางและนางเซียนหงส์ฟ้าตาเป็นประกายก็คือมีข่าวลือว่านักสู้ปราณฟ้าที่ถูกผนึกไว้ยังมีชีวิตและอาจมีมากกว่าหนึ่ง
ทางด้านซ้าย นักสู้ปราณฟ้าคนหนึ่งมีมือทั้งสองถูกใส่กุญแจมือ ร่างของเขาถูกโซ่เงินยาวล่ามเชื่อมกับดวงจันทร์ประหลาดบนท้องฟ้า ปกติดวงจันทร์นี้ไม่ใช่ดวงจันทร์ของจริง แต่เป็นสมบัติชั้นศักดิ์สิทธิ์ระดับสูงมีรูปลักษณ์เหมือนดวงจันทร์ นี่เป็นครั้งแรกที่เย่ว์หยางได้เห็นสมบัติพิเศษชนิดนี้ แม้ว่าจะไม่ถึงกับเป็นสมบัติระดับเทพ แต่ก็ใกล้เคียงมาก เหมือนกับเป็นระดับเตรียมสมบัติชั้นเทพ เป็นสมบัติชั้นศักดิ์สิทธิ์ที่สามารถป้องกันการโจมตีและผนึกได้ นับว่าช่วยให้เย่ว์หยางได้เปิดหูเปิดตาจริงๆ เทียบกับสมบัติที่เน้นในการโจมตีอย่างมีดสังหารเทพ สมบัติชั้นศักดิ์สิทธิ์รูปเหมือนดวงจันทร์นี้โดดเด่นมากกว่าอย่างเห็นได้ชัด
สมบัติระดับศักดิ์สิทธิ์ที่แม้แต่นักรบปราณฟ้าก็ไม่สามารถทำลายและหนีไปได้?
ถ้าเขาไม่เห็นกับตาตนเอง เย่ว์หยางคงไม่กล้าเชื่อ
นี่คือความจริงมิใช่ภาพลวง ยิ่งกว่านั้น ยังมีถึงสอง.. ที่ด้านขวามือยังคงเป็นนักสู้ปราณฟ้าที่ถูกตรึงติดกับเสา บนเสาสลักมังกรไว้ตัวหนึ่งมีรัศมีทองสามชั้นอยู่ที่ด้านบน กลับกลายเป็นว่ารัศมีทั้งสามนี้ได้จองจำนักสู้แดนสวรรค์ซึ่งมีพลังปราณฟ้าระดับสอง
เทียบกับเสาเจ็ดดาวของจักรพรรดิอวี้แล้ว เสามังกรสลักดูเหมือนอสูรมากกว่าที่จะเป็นสมบัติ
มันดูเหมือนมีชีวิตและเชื่อมโยงกับนักสู้แดนสวรรค์ที่อยู่ด้านซ้ายมือ รัศมีทองสามชั้นอาจขยายหรือหดตัวได้ขึ้นอยู่กับความพยายามของศัตรู นอกจากนี้มันยังทำให้ศัตรูหมดกำลังได้ ทั้งยังเพิ่มพลังรัดร่างกายของฝ่ายตรงข้ามสร้างความทรมานให้ฝ่ายตรงข้าม
ขณะเดียวกัน โซ่ศักดิ์สิทธิ์รูปพระจันทร์ยังใช้จองจำนักสู้แดนสวรรค์เชื่อมกับเสา มันยังทำตามประสงค์ของเจ้าของ ทั้งรั้งขึ้นและผ่อนปรนศัตรูเป็นครั้งคราว เมื่อศัตรูกำลังพัก มันอาจปล่อยกระแสไฟออกมากระตุ้นทรมานศัตรูที่ถูกจับมัดได้ ทั้งสองคนถูกจองจำโดยสมบัติของศัตรู ทั้งไม่ยินดีจะปล่อยอีกฝ่ายขณะที่พวกเขาต่างฝ่ายต่างทรมานกัน
“โซ่จันทราบั่นเศียรและเสาจองจำมังกร? สมบัติอำมหิตขนาดนั้น แต่เจ้ากลับอำมหิตมากกว่า” เย่ว์หยางไม่สามารถนึกภาพออกว่าทั้งสองคนอยู่ในลักษณะนี้มาตั้งแต่หกพันปีที่แล้ว
พวกเขาอดทนผ่านวันคืนเช่นนั้นมาได้อย่างไร?
****************