เดชคัมภีร์เทพฤทธิ์ – ตอนที่ 570 – ความตายและรอยยิ้ม

ตอนที่ 570 ความตายและรอยยิ้ม

ด้านนอกประตูลับ

“มอบกุญแจเงินมาให้ข้า” ร่างขนาดใหญ่กำลังคุกคามกลุ่มมนุษย์ปลาการ์ตูนทำให้พวกเขากลัวจัดจนไปรวมตัวกระจุกอยู่ที่มุมข้างหนึ่ง

“ข้าเสียใจจริงๆ” มีแต่คนที่ยืนอยู่ข้างหน้าทาสเผ่าพันธุ์ปลาการ์ตูนที่เนื้อตัวโชกเลือดยืนตรงอย่างสง่างาม เขามองดูศัตรูที่ตัวใหญ่กว่า แข็งแรงกว่าต่อหน้าเขาและส่ายหน้าอย่างแน่วแน่ “ต่อให้ท่านพิชิตเผ่าพันธุ์ทะเลทั้งหมดและกลายเป็นจักรพรรดิสมุทร ข้าจะไม่มีทางมอบกุญแจเงินให้ท่าน”

“เจ้าอยากตายนักหรือ?” ร่างขนาดใหญ่ยื่นมือคว้าตัวบุรุษที่ตัวโชกเลือดยกขึ้นได้อย่างง่ายดาย

เขาสวมชุดยาวสีแดงเลือดไม่ได้ต่อต้านอะไร อยู่ในสภาพอึดอัดหายใจไม่ออก แต่ดวงตายังคงมุ่งมั่น

ไม่มีความกลัวอยู่ในสายตาของเขา

คนร่างใหญ่ฟาดร่างบุรุษที่สวมชุดยาวเลือดท่วมตัวลงกับพื้น

พื้นสร้างขึ้นมาจากหินอุกกาบาตแข็งแกร่ง ดังนั้นแรงกระแทกจึงสร้างความเจ็บปวดรุนแรงให้กับเขา บุรุษร่างเปื้อนเลือดถูกฟาดลงกับพื้นอย่างรุนแรง ซี่โครงหักไปสองสามซี่ ศีรษะของเขามีเลือดหลั่งไหล อย่างไรก็ตาม เขาดิ้นรนลุกขึ้น เชิดอกยืนตรงเหมือนคันทวนเผชิญหน้ากับคนร่างใหญ่

เขาไม่พูด แต่จากสายตาที่แจ่มชัดของเขา บอกได้เลยว่าคนผู้นี้ จะไม่ยอมแพ้กับความเจ็บปวดที่คนธรรมดาไม่สามารถทนได้ แม้แต่จะคุกคามเขาด้วยความตายก็ตาม เป็นไปไม่ได้ที่จะเอาชนะคนที่ไม่กลัวตาย ร่างที่ใหญ่โตนั้นอดรู้สึกผิดหวังไม่ได้ เมื่อเขาเห็นบุรุษที่ร่างเปื้อนเลือดผู้นี้ ความละอายกลับกลายเป็นความโกรธเต็มที่

คนร่างใหญ่คำรามเต็มที่จนแผ่นดินสั่นสะเทือน

ในมือของคนร่างใหญ่มีโล่สลักลวดลายสิงโต เมื่อเขาชูโล่ขึ้น, มันเปล่งรังสีเย็นทันที สิงโตสีทองกระโดดออกมาจากลำแสงและกระโจนใส่บุรุษชุดเปื้อนเลือดทันที

เหมือนกับว่ามันเป็นสิ่งมีชีวิตอย่างหนึ่ง มันอ้าปากกว้างแล้วกัดทันที

บุรุษร่างเปื้อนเลือดหลับตาลงช้าๆ เขาไม่พยายหลบหนี เพราะเขารู้ว่าพลังในปัจจุบันของเขาดิ้นรนไปก็ไร้ประโยชน์

อย่างไรก็ตาม ไม่ว่าศัตรูของเขาจะแข็งแกร่งเพียงไหน อย่างมากพวกเขาก็ทำได้แค่ทำลายร่างกายเขา

พวกเขาไม่มีทางทำลายปณิธานของเขาได้

แควก…

เลือดสาดกระเซ็น แขนของเขาชุ่มเลือดไปหมดเพราะถูกสิงโตทองกัด เลือดกระเซ็นกระจายไปในอากาศ

บุรุษผู้มีร่างเปื้อนเลือดยังคงอดทนต่อไปด้วยปณิธานของเขา เขาไม่ยอมขยับเลยแม้แต่นิ้วเดียว

เหงื่อเม็ดโตผุดขึ้นจากหน้าผากของเขาเพราะความเจ็บปวด

“เตียวเตียว เจ้าโง่หรือเปล่า? เจ้าจะจงรักภักดีต่อราชตระกูลเผ่าพันธุ์ทะเลไปอีกนานเพียงไหน? เนื่องจากผู้อาวุโสตระกูลเจ้าอ้ายซื่อก็ตายไปแล้ว, เผ่าพันธุ์ปลาการ์ตูนของเจ้ากลายเป็นข้าราชบริพารของราชตระกูลและเป็นของเล่นให้เขาใช้งาน” บุรุษร่างใหญ่คำรามใส่บุรุษที่ร่างเปื้อนเลือด “ตอนนี้ เผ่าพันธุ์ปลาการ์ตูนของพวกเจ้ามีโอกาสได้รับอิสระ แต่เจ้าก็ยังดื้อรั้นยืนกรานจงรักภักดีต่อนางแม่มดราชินีแมงกะพรุน เจ้ามัวแต่เลียเท้านางจนสมองของเจ้าหายไปหมดหรือไง? เจ้าจะได้อะไรจากการจงรักภักดีนาง? นางให้เสรีภาพเจ้าหรือเปล่า? พวกเจ้าจะต้องเป็นทาสตลอดไป เอากุญแจจันทราเงินมาให้ข้า ความใจอ่อนของเจ้าทำให้ต้องเป็นทาสมาพันๆ ปี ตระกูลของเจ้าจะต้องพินาศแน่ แค่เอากุญแจจันทราเงินมาให้ข้า มอบมาให้ข้าเสียดีๆ”

“ท่านจ้าวมังกรสมุทร ท่านไม่เคยเข้าใจราชินี…” บุรุษร่างเปื้อนเลือดชื่อเตียวเตียวยังพูดไม่จบ เมื่อสิงโตทองพุ่งโจมตีเขาอีกครั้ง

ครั้งนี้มันงับแขนเตียวเตียวอีกข้างหนึ่ง

จ้าวมังกรสมุทรยกมือขวาของเขาและเรียกแมลงกินเนื้อออกมาฝูงหนึ่ง พวกมันคลานเข้าหาทาสเผ่าปลาการ์ตูนที่กำลังหวาดกลัวและร้องอย่างสิ้นหวัง จากนั้นชอนไชเข้าไปในร่างของพวกเขา พวกมันเริ่มกินร่างพวกเขาช้าๆ

จ้าวมังกรสมุทรก้มหน้ามองเตียวเตียวด้วยสายตาสยบขวัญ “นี่ คือสิ่งที่เจ้าต้องการใช่ไหม? การต่อต้านข้า ผลลงเอยจะทำให้เผ่าพันธุ์ปลาการ์ตูนของเจ้าถูกกำจัดทั้งหมด”

สายตาเตียวเตียวยังคงมุ่งมั่นกว่าเดิม “การเสียสละทั้งหมดคุ้มค่า ท่านไม่เข้าใจความหมายการเสียสละของพวกเรา…”

จ้าวมังกรสมุทรไม่รอให้เตียวเตียวพูดจบ เขาคว้าเตียวเตียวขึ้นมาอย่างโกรธเกรี้ยวจากนั้นกระแทกร่างของเขาลงกับพื้น

นอกจากนี้เขายังเตะร่างเตียวเตียวอย่างแรงจนซี่โครงหักและเขากระอักโลหิตออกมาสองกอง

“นี่คือความภาคภูมิใจของเผ่าเราทุกคน เส้นทางสำหรับจักรพรรดิสมุทรใหม่จำเป็นต้องเสียสละเลือดของคนสองสามคนอยู่แล้ว” เตียวเตียวพึมพำก่อนที่เขาจะตาย แม้ว่าเขาจะเจ็บปวดมากและดูเหมือนเขาแทบไม่เหลือสติอยู่แล้ว แต่เขาก็ยังมีรอยยิ้มที่เปี่ยมสุข

“ตาย!” จ้าวมังกรสมุทรย่ำกะโหลกของเตียวเตียวด้วยความโมโห จากนั้นจึงให้ฆ่ามนุษย์ปลาการ์ตูนทั้งหมด

ในที่สุดความโกรธของเขาก็ไม่อาจบรรเทาลงได้ เขาแหงนหน้าขึ้นฟ้าส่งเสียงคำรามก้อง

เสียงคำรามของเขากึกก้องไปทั้งตำหนักสมุทรอย่างต่อเนื่อง

ถึงเวลานี้ มีมนุษย์เผ่าปลาการ์ตูนซึ่งมีร่างกายสั่นเทิ้มคนหนึ่ง เขาเพิ่งก้าวเข้ามาในสมาคมนักรบของหอทงเทียน เนื่องจากเขาคุ้นเคยกับมารยาทของทาส เขาคำนับให้พนักงานต้อนรับของสมาคม และขอร้องอย่างสุภาพ “ท่านได้โปรดช่วยส่งจดหมายลับสุดยอดได้ไหม? ขอเป็นประเภทที่คนอื่นมิอาจเปิดออกได้นอกจากผู้รับ”

พนักงานต้อนรับของสมาคมพยักหน้าขึงขัง “ส่งจดหมายลับ ค่าธรรมเนียม หนึ่งพันเหรียญทอง ข้าขอถามเจ้าจะให้ข้าส่งให้ใคร?”

มนุษย์เผ่าปลาการ์ตูนสั่นศีรษะอย่างละอายใจ “ข้าไม่มีเงิน แต่ข้าขอให้ท่านรับค่าธรรมจากผู้รับปลายทางได้ไหม? ผู้รับจดหมายจะจ่ายให้ท่านแน่นอน!”

พนักงานต้อนรับส่ายศีรษะ “สมาคมนักรบไม่มีสัญญาการชำระเงินดังกล่าว เจ้าบอกมาก่อนว่าใครจะเป็นผู้รับจดหมายนั้น?”

มนุษย์เผ่าปลาการ์ตูนไม่ตอบ เขาล้วงจดหมายที่เขาเตรียมไว้ออกมาและมันถูกผนึกไว้ก่อนแล้ว เขาทูนจดหมายไว้เหนือศีรษะ เมื่อทาสส่งรายงานให้เจ้านายของเขาและส่งมอบให้พนักงานต้อนรับ เมื่อพนักงานต้อนรับเห็นชื่อของผู้รับจดหมาย สีหน้าของเขาเปลี่ยนไปทันที โดยไม่มีการเสียเวลา เขาคุกเข่าลงและน้อมรับจดหมายไว้ “สมาคมนักรบไม่เคยส่งจดหมายโดยมิได้รับเงินมาก่อน ถ้าผู้รับเป็นท่านผู้นี้ ข้า ข้าจะช่วยเจ้าชำระเงินไปก่อน ขอถาม เจ้ามีคำพูดใดจะส่งไปให้ท่านผู้รับจดหมายหรือไม่?”

“ผู้ต่ำต้อยเป็นเพียงส่งความปรารถนาแทนผู้เป็นนายเท่านั้น ตัวข้าเองไม่มีอะไรจะบอกไปให้ผู้รับ” มนุษย์ปลาการ์ตูนล้วงกุญแจจันทราเงินที่ส่องแสงสว่างออกมาอีกดอก และส่งให้พนักงานต้อนรับที่กลัวที่จะรับจดหมาย “ความปรารถนาประการที่สองของนายข้าก็คือให้ผู้รับจดหมายปกป้องกุญแจจันทราเงินนี้ชั่วคราว”

เมื่อพนักงานต้อนรับรับกุญแจเงินจันทรา มนุษย์เผ่าปลาการ์ตูนก็คำนับเขาอีก

มนุษย์เผ่าปลาการ์ตูนเดินออกมาจากสมาคมนักรบและค่อยๆ นั่งคุกเข่ากับพื้น หมอบคำนับไปทางท้องฟ้าทะเลไร้ขอบเขตสามครั้ง

จากนั้น เขาล้วงมีดสั้นที่เหน็บอยู่ข้างเอวออกมาและปักเข้าที่หัวใจ… ก่อนที่เขาจะตาย ริมฝีปากของมนุษย์เผ่าปลาการ์ตูนยิ้ม รอยยิ้มของเขาเหมือนกับรอยยิ้มของเตียวเตียวก่อนตาย

ภายในประตูลับในป้อมดาวตก สนามต่อสู้

ฟงจู้หัวเราะดังลั่น “น่าสนใจนัก เราไม่เคยเห็นคนที่น่าสนใจและอสูรที่น่าสนใจมาก่อน”

เย่ว์หยางทำเหมือนกับได้รับเกียรติอย่างจึงตอบกลับ “เช่นเดียวกัน”

เป่ยฟงเจียโส่วเริ่มสนใจด้วยเช่นกันจึงถามขึ้น “สถานการณ์ข้างนอกเป็นยังไงบ้าง? จักรพรรดิอวี้ตายจริงๆ หรือเปล่า?”

“จักรพรรดิอวี้น่ะหรือ? บางที บางที ข้าก็ไม่แน่ใจนัก เขาอาจตายไปแล้วก็ได้” คำตอบของเย่ว์หยางทำให้เป่ยฟงเจียโส่วและฟงจู้หัวหมุน

“อย่างนั้นประตูแดนสวรรค์ปิดอย่างแท้จริงหรือไม่ เจ้าได้ยินข่าวจากตำหนักกลางในแดนสวรรค์มาบ้างไหม? เจ้ารู้ไหมว่าใครคือสามผู้ยิ่งใหญ่แดนสวรรค์ที่ต่อสู้กับจักรพรรดิอวี้? ใช่เจ้าตำหนักทั้งสี่ที่สังกัดตำหนักกลางหรือไม่?” เป่ยฟงเจียโส่วถาม

“ข้าไม่เคยได้ยินเรื่องประตูแดนสวรรค์มาก่อน ดังนั้นจึงไม่รู้ แต่ข้าได้ยินว่ามีเจ้าหน้าที่ของเมืองเฝ้ารักษาอยู่ ดังนั้นข้าไม่กล้ามา ข้าไม่รู้อะไรมากนักเกี่ยวกับเจ้าตำหนัก แต่เมื่อพูดถึงเรื่องตำหนักกลาง ข้าพอรู้จักคนอยู่ไม่กี่คน ก็มีเฮยหู, ชางเหยียน, เยี่ยนจุนและเยี่ยนจง ข้าเคยร่วมกินอาหารค่ำกับพวกเขามาก่อน ทุกคนในพวกนั้นสมควรถูกทุบตี พวกเขาหยิ่งยโสกันทุกคน ใช่แล้ว ข้าได้ยินมาว่าเฮยหูถูกจับเมื่อเขาแอบไปเที่ยวอาบอบนวดที่บ้านสระสวรรค์ พวกท่านก็รู้เช่นกันว่าปัจจุบันนี้พวกเขาเคร่งครัดเรื่องแบบนี้กัน ก็คงแปลกละถ้าเขาไม่ถูกจับ ข้าเคยเห็นรูปเขาในข่าวครั้งหนึ่ง” เย่ว์หยางพูดเรื่อยเปื่อย

“เฮยหู? ใครกันหว่า เฮยหู?” เป่ยฟงเจียโส่วจำไม่ได้เลยว่ามีคนชื่อนี้ในตำหนักกลางด้วย

“ข้าได้ยินมาว่าเขาเป็นผู้อาวุโสจากตำหนักส่วนนอกตำหนักกลาง ในฐานะเจ้าหน้าที่ของประเทศ เขาใช้เงินส่วนรวมไปเที่ยวอาบอบนวด ประชาชนคนธรรมดาอย่างเราจะทนได้ยังไงกัน” เย่ว์หยางปรับเปลี่ยนสำเนียงแล้วปรบมือฉลอง “โชคดี เฮยหูกลายเป็นโรคซึมเศร้าจนฆ่าตัวตาย”

“ซึมเศร้า? ฆ่าตัวตายเหรอ?” เป่ยฟงเจียโส่วพบว่าหลังจากเขาอยู่ที่นี่นานหกพันปี พวกเขากลายเป็นพวกตกข่าวไม่ทันเหตุการณ์โดยสิ้นเชิง

“นี่คือสิ่งที่ทางการแถลงไว้…” เย่ว์หยางชี้ให้เห็นว่า เขาเตรียมจะเปิดเผยความจริงที่สาธารณชนทั่วไปไม่มีโอกาสได้รับรู้

“อย่างนั้นสามผู้ยิ่งใหญ่แดนสวรรค์ที่ต่อสู้กับจักรพรรดิอวี้คือใครกัน?” ฟงจู้ยังคงคลางแคลงใจเรื่องของเย่ว์หยาง

“ข้าคิดว่าพวกเขาชื่อหมิงเย่ว์กวง, จิ่วเซียวและซิวคง, ทำไมหรือ? พวกท่านเป็นสหายกันหรือ?” เรื่องราวครึ่งจริงครึ่งเท็จของเย่ว์หยางทำให้เป่ยฟงเจียโส่วและฟงจู้เวียนหัวหนักกว่าเดิม แต่นางเซียนหงส์ฟ้ากลับรับฟังอย่างเพลิดเพลินทุกเรื่อง

“เป็นไปได้ยังไง! สามผู้ยิ่งใหญ่แดนสวรรค์ตะวันตกจะก่อสงครามกับจักรพรรดิอวี้? พวกเขาเคยเป็นทูตนักรบผู้ยิ่งใหญ่ที่รับเชิญจากหอทงเทียนขึ้นสู่แดนสวรรค์ตะวันตก” ฟงจู้แสดงสีหน้าไม่เชื่อถือ ไม่เพียงแต่เขาเท่านั้น แม้แต่เป่ยฟงเจียโส่วที่เกิดในตำหนักกลางแดนสวรรค์ก็พลอยตกใจไปด้วย ไม่อยากเชื่อว่าเรื่องนี้จะเป็นจริง เมื่อเย่ว์หยางเห็นสีหน้าของคนทั้งสองแล้ว เขาพออนุมานได้ว่ายังมีอีกเรื่องหนึ่งในประวัติศาสตร์ อย่างไรก็ตาม ตราบเท่าที่เขากังวล ความจริงเบื้องหลังประวัติศาสตร์หกพันปีที่แล้ว ก็ไม่ใช่เรื่องสำคัญอีกต่อไป

“คุยกันพอแล้ว เราควรจะเข้าไปในคุกอัคนีกันเดี๋ยวนี้!” นางเซียนหงส์ฟ้าฉุดเย่ว์หยางออกไป ถ้าพวกเขายังจะจ้อกันต่อไป ท่านหญิงเจี๋ยเหว่ยอาจจะเสียชีวิตก็ได้

“ใช่แล้ว ถ้าพวกท่านไม่ทำงานของท่านให้ดี ข้าจะต้องตัดเงินเดือนพวกท่าน พวกท่านควรจะป้องกันที่นี้อย่างระมัดระวัง ในอนาคตข้าจะแนะนำสาวงามที่เป็นองครักษ์เหมือนกันให้สักคนหนึ่งก็ได้ นางชื่อหม่าเหวย นางสวยมากทีเดียว แต่ค่อนข้างเจ้าอารมณ์เล็กน้อย นางเจ้าคิดเจ้าแค้นเหมือนท่านทั้งสอง ดังนั้นพวกท่านจะมีบางอย่างที่คล้ายกันไว้คุยกันได้แน่นอน” เย่ว์หยางโบกมือและเดินออกไปพร้อมกับนางเซียนหงส์ฟ้าด้วยท่าทีผ่อนคลาย

พวกเขาเข้าไปในคุกหินอัคนี ปล่อยให้ฟงจู้และเป่ยฟงเจียโส่วพูดอะไรไม่ออก ได้แต่มองหน้ากันเอง

อย่าว่าแต่เฮยหู ผู้อาวุโสคนหนึ่งของตำหนักกลางชั้นนอกเลย สาวงามหม่าเหวยคือใครกันแน่?

ยิ่งทั้งสองคนนี้คิดมากขึ้น ก็ยิ่งงงมากขึ้น ขณะที่พวกเขามองดูดวงดาวระยิบระยับเหนือโดมด้านบน ทั้งสองคนหลับตา

ในคุกหินอัคนีมีสองระดับชั้น ระดับที่สูงกว่าจะเต็มไปด้วยรูปปั้นปีศาจที่มองดูน่ากลัวมากมายมองคลับคล้ายวงเวทอักษรรูนเลือนราง ดูเหมือนจะมีคำสั่งแฝงอยู่ แม้ดูเผินๆ จะสับสนวุ่นวาย รูปปั้นปีศาจที่น่ากลัวนั้นมีข้อความกำกับอยู่ เย่ว์หยางที่ได้ความรู้จากมารดาสหายผู้น่าสงสารไปสามารถจำข้อความได้ส่วนหนึ่ง รูปปั้นปีศาจที่ดูน่ากลัวทั้งหมดก็คือข้อมูลของปีศาจโดยเฉพาะ ตามคำบางส่วนที่ระบุไว้ เย่ว์หยางตัดสินได้เลยว่าครั้งหนึ่งพวกเขาเป็นนักรบจากแดนอเวจี

เมื่อเย่ว์หยางลงไปถึงชั้นล่าง เขาก็ตระหนักได้ว่าราชินีแมงกะพรุนกำลังนอนอยู่กับพื้น

ดูเหมือนว่านางไม่ได้รับบาดเจ็บ

อย่างไรก็ตาม ดูเหมือนว่านางได้รับผลกระทบจากอสูรตัวหนึ่ง นักรบเผ่าทะเลจำนวนหนึ่งกำลังหลับสนิท

เจี๋ยเหว่ยและคนอื่นๆ ต่างหวาดกลัว พวกเขารวมตัวกันอยู่ในมุมๆ หนึ่ง ขณะที่นาคราชสมุทรเก้าหัวกำลังคุกเข่าอยู่ต่อหน้าปีศาจโบราณสูงห้าสิบเมตร เขาดูเคร่งและภักดีขณะประกาศความจงรักภักดีของเขา “เยาฟงยินดีสาบานด้วยชีวิต ถ้านายท่านประทานพลังให้กับข้าและยอมรับข้าในฐานะเป็นจักรพรรดิสมุทรคนใหม่ เยาฟงขอสาบานว่าจะภักดีนายท่านตลอดไป”

 

******************

Long Live Summons เดชคัมภีร์เทพฤทธิ์

Long Live Summons เดชคัมภีร์เทพฤทธิ์

LLS, Triệu Hoán Vạn Tuế, Zhaohuan Wansui, 召唤万岁
Score 7.6
Status: Ongoing Type: Author: , Released: 2010 Native Language: Chinese
อ่านนิยายเรื่อง Long Live Summons เดชคัมภีร์เทพฤทธิ์ ทวีปมังกรทะยานคือโลกแห่งการอัญเชิญ คุณจะกลายเป็นคนแข็งแกร่งได้ ถ้าเพียงแต่คุณเป็นผู้อัญเชิญ! ยิ่วหยางเด็กนักเรียนมัธยมปลายธรรมดาถูกส่งเข้ามาในโลกนี้อย่างฉับพลันทัน ด่วน เมื่อเขาฟื้นขึ้นกลับได้พบใบหน้าของหลายคนที่เต็มไปด้วยความห่วงใย และพบว่าเขาเป็นตัวตนของอีกคนหนึ่ง กลับกลายเป็นว่าเขาเป็นบุตรที่ไม่เอาไหนของตระกูลยิ่ว จนถึงกับโดดน้ำตายเพราะถูกปฏิเสธการหมั้น อีกทั้งไม่สามารถจะทำพันธสัญญากับคัมภีร์อัญเชิญได้ แต่ยิ่วหยางกลับประสบความสำเร็จทำสัญญากับคัมภีร์ ส่วนเรื่องราวจะเป็นเช่นไรต่อไป ขอเชิญติดตามดูครับ ความจริงในการแปลครั้งนี้มาจากแรงบันดาลใจที่ไม่ได้จะเป็นนักเขียนนักแปล หรอกครับ เกิดจากการอ่านมันฮัวการ์ตูนของจีนแล้วชอบ พยายามหาดูที่แปลเป็นอังกฤษ ก็แปลกันไปได้น้อยนิด แต่พอดูฉบับนิยายรู้สึกว่าเขาแปลไปได้เยอะ จึงลองเข้าอ่าน แต่เพราะความที่ภาษาไม่แข็งแรง จึงต้องดูไป เปิดดิคฯ ไปใช้โปรแกรมแปลช่วยบ้าง มีความรู้สึกว่าอ่านไม่ต่อเนื่อง จึงคิดว่าน่าจะแปลข้อมูลเก็บไว้ในเว็บๆ หนึ่งแล้วค่อยอ่านเป็นตอนๆ ให้ต่อเนื่องไปเลยดีกว่า แล้วก็นึกถึงที่นี่

Comment

Options

not work with dark mode
Reset