===============
แม่หนูน้อยโผล่ศีรษะออกมามองดูรอบๆ คิดหาเรื่องก่อกวนตามประสา แต่โชคไม่ดีเมื่อเธอถูกหญิงงามจับได้จนโดนหวดก้นไปหลายที
เย่ว์ปิงยกมือขึ้นเรียกคัมภีร์อัญเชิญออกมา
คัมภีร์อัญเชิญของนางคล้ายกับคัมภีร์อัญเชิญของเย่ว์หยาง ต่างกันที่เป็นสีทองแดง อย่างไรก็ตาม หลังจากฝึกและสู้มาหลายปีนางสอบผ่านระดับกลางและยกฝีมือขึ้นสู่ระดับสูง, คัมภีร์อัญเชิญระดับสูงของนางจะสว่างกว่าคัมภีร์อัญเชิญของเย่ว์หยางที่ยังอยู่ในระดับเริ่มต้น อีกทั้งยังหนาและสีเรียบเนียน ภาพประกอบบนคัมภีร์อัญเชิญระดับสูงของเย่ว์ปิงดูมีสีสดใสมากกว่าของเย่ว์หยาง แค่เห็นจากลักษณะภายนอกของมันเอง ก็ทราบได้ชัดว่าระดับของพวกเขาแตกต่างกันมาก
แน่นอนว่า ไม่ว่าจะเป็นระดับเริ่มต้น ระดับกลาง หรือระดับสูง คัมภีร์อัญเชิญสีทองแดงก็ยังจัดว่าเป็นคัมภีร์ระดับต่ำที่สุด
เหนือสีทองแดง มีสีเงิน สีทอง สีทองคำขาวและคัมภีร์เพชร
“ตอนนี้ข้าจะมอบดอกหนามพ่นพิษให้ท่านนะ พี่สาม! ท่านจงรับเอาไว้ในใจ” นางแตะคัมภีร์อัญเชิญระดับสูง ส่งไปของให้คัมภีร์ระดับเริ่มต้นและมีแสงสลัวของเย่ว์หยาง
ขณะที่เย่ว์หยางนึกรับในใจ คัมภีร์อัญเชิญของเขา ก็เปลี่ยนหน้าได้เองทันทีทันใด
หน้าที่สามซึ่งเคยว่างก่อนนั้น ตอนนี้มีรูปประกอบเป็นรูปดอกไม้ประหลาด ที่ด้านบนมีคำเขียนบรรยายไว้
ดอกหนามพ่นพิษ – ประเภทต่อสู้
ระดับที่ 1
ยังไม่ได้ทำสัญญา
เมื่อเย่ว์หยางเห็นภาพนี้ เขารู้สึกว่ามีการเชื่อมต่อทางวิญญาณแปลกๆ เลือนราง เหมือนกับได้ยินเสียงเรียก เขายื่นมือออกไปแตะที่ภาพดอกหนามพ่นพิษ ทันใดนั้น มือเขาก็เปล่งแสงออกมาลอดผ่านช่องระหว่างนิ้วของเขา จากนั้นแสงก็ค่อยคลุมหลังมือไล่ขึ้นมาจนคลุมทั้งแขน ขณะเดียวกัน ความรู้เกี่ยวกับดอกหนามพ่นพิษก็ปรากฏขึ้นในใจเขา
“…” เย่ว์ปิงถึงกับตาเบิกค้างกับภาพที่เห็นนี้ นางยังไม่ได้บอกวิธีทำสัญญากับสัตว์อสูรประเภทพฤกษาเลย เขาทำสัญญาสำเร็จได้อย่างไร?
และที่แปลกที่สุดก็คือเขาไม่ได้ร่ายเวทมนต์ท่องบ่นใดๆ เลย
เป็นไปได้ว่าพี่สาม ที่ถูกคนอื่นๆ ตราหน้าว่าเป็นคนขี้แพ้ ได้บรรลุขอบเขตทำสัญญาโดยไม่ต้องสวดภาวนาหรือไม่
เย่ว์ปิงตัดสินใจสังเกตดูอย่างเงียบๆ
นางรู้สึกว่าพี่สามของนางไม่ใช่คนขี้แพ้เหมือนที่คนอื่นเยาะเย้ย เป็นไปได้ว่าเขาเป็นอัจฉริยะพิเศษ และทำได้จริง
“ท่านเรียกดอกหนามพ่นพิษออกมาได้ไหม?” เย่ว์ปิงจงใจไม่บอกวิธีเรียกดอกหนามพ่นพิษกับเขา แม้ว่าการอัญเชิญดอกหนามจะเป็นทักษะที่เข้าใจได้ง่าย แต่ก็ยังยากสำหรับคนผู้ไม่รู้วิธีอัญเชิญ ทั้งนี้เป็นเพราะวิธีอัญเชิญสัตว์อสูรจำพวกต้นไม้, จำพวกแมลง, จำพวกสัตว์ จำพวกสัตว์ร้ายและอื่นๆ อีกมากโดยรวมแล้วจะแตกต่างกัน นักเรียนคนหนึ่งอาจเชี่ยวชาญในการอัญเชิญสัตว์ประหลาดจากประเภทเดียวกันได้ แต่ถ้าเขาไม่เรียนรู้วิธีอัญเชิญสัตว์อสูรประเภทพฤกษา ก็อาจจะยากที่จะอัญเชิญได้ ต่อให้เป็นสัตว์อสูรที่อัญเชิญง่ายที่สุดอย่าง ดอกหนามพ่นพิษก็ตาม
“ก็ได้” เย่ว์หยางจะไปรู้สิ่งที่น้องสาวเขากำลังคิดได้ยังไงเล่า? เขาคิดว่าทุกคนในทวีปมังกรทะยานคงสามารถทำได้อย่างเขา
เขาวางมือลงบนภาพดอกหนามพ่นพิษและหลับตา จากนั้นพยายามเชื่อมโยงจิตวิญญาณเขากับดอกหนามพ่นพิษเข้าด้วยกัน
แสงสีทองวาบออกมาขณะที่ดอกสีม่วงที่ติดอยู่บนลำต้นสีเขียวและใบขนาดใหญ่ค่อยๆ ปรากฏอยู่หน้าเย่ว์หยางเป็นต้นไม้ขนาดหนึ่งเมตร มันงอกออกมาคนกระทั่งสูงประมาณหนึ่งเมตรก่อนที่จะหยุดนิ่ง
พอเห็นดอกหนามพ่นพิษแล้ว เย่ว์หยางคิดว่ามันดูอัปลักษณ์สุดๆ ลักษณะของมันดูแล้วเกือบคล้ายดอกไม้กินคนที่มักปรากฏอยู่ในเกมบ่อยๆ ดอกไม้มีกลีบอยู่สองกลีบมองดูเหมือนปากสัตว์ร้าย ข้างในมีฟันแหลมคมนับร้อยๆ ซี่ มันดูน่ากลัวมาก เขามองเห็นของเหลวสีเขียวหล่อลื่นอยู่ภายในดอก กลิ่นมันเหม็นมาก ดูเหมือนจะเป็นพิษชนิดหนึ่ง
นอกจากที่กลีบดอกไม้จะดูคล้ายปากสัตว์ร้ายแล้ว ดอกหนามพ่นพิษนี้ทั้งลำต้นยังเต็มไปด้วยหนาม เดิมทีเย่ว์หยางอยากจะลองแตะดูสักหน่อย แต่เห็นว่าดอกหนามไม่น่ารักเลย เขาจึงชักมือกลับ
อีกด้านหนึ่ง เย่ว์ปิงเบิกตาค้างลุกโพลงจนแทบจะถลนจากเบ้า
นางคิดว่า พี่สามต้องเป็นอัจฉริยะแน่ๆ เขาไม่เคยไปโรงเรียน ไม่เคยเรียนรู้วิธีอัญเชิญสัตว์อสูรประเภทพฤกษา แต่กลับใช้กระแสจิตเรียกดอกหนามพ่นพิษออกมาได้
เมื่อเย่ว์หยางเงยหน้ามองนาง สาวน้อยรีบเปลี่ยนอารมณ์อย่างรวดเร็ว ทำเป็นเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น นางไม่ได้ชื่นชมหรือร้องออกมาด้วยความประหลาดใจ อารมณ์ของนางราบเรียบทำเหมือนกับไม่มีอะไรเกิดขึ้นมาแต่แรก
แต่ก็ยังปากแข็งกล่าวว่า “ความเร็วในการอัญเชิญของท่านช้าไปหน่อย นั่นคงเป็นเพราะนี่เป็นครั้งแรกของท่าน ข้าว่าคงไม่เป็นไรหรอก”
เย่ว์หยางถึงกับละอายใจเมื่อได้ยินแบบนั้น คิดว่าเขาช่างไม่มีพรสวรรค์เอาเสียเลย ดูเหมือนความสามารถในการอัญเชิญของเขายังมีข้อจำกัด เขาจำเป็นต้องฝึกปราณก่อกำเนิดกระบี่ไร้ลักษณ์ให้ดียิ่งขึ้นแทน
เขาเกาหลังหัวพลางตอบสาวน้อยว่า “ความจริง ข้านึกว่าทำได้ดีแล้วเชียวนะ ที่สามารถอัญเชิญออกมาได้ เราจะทำยังไงต่อไปดี?”
เห็นการกระทำของเขาแล้ว เย่ว์ปิงถึงกับแอบขำ
แต่ภายนอก นางแสร้งทำเหมือนว่า “ข้าคือครูนะ” และเรียกดอกหนามพ่นพิษของนางออกมาทันที เมื่อเย่ว์หยางเห็นดอกไม้ที่นางเรียกออกมา ขนาดของมันใหญ่กว่าของเขาถึงสิบเท่า เขารู้สึกนับถือนางทันที แน่นอนอยู่แล้วนางได้ชื่อว่าเป็นอัจฉริยะหญิงของตระกูลเย่ว์ เย่ว์ปิงใช้มือตั้งท่าและชี้ไปที่ผนังที่อยู่ใกล้ๆ “ลองให้ดอกหนามพ่นพิษโจมตีเป้าหมายสิ ดอกหนามพ่นพิษมีความสามารถพ่นพิษไปยังเป้าหมายที่เลือกไว้ก็ได้” สาวน้อยนางนี้ ตั้งใจจะทดสอบเย่ว์หยาง จึงทำเป็นละเลยไม่แนะนำวิธีสั่งดอกหนามพ่นพิษให้โจมตีถูกเป้าหมาย
ถ้าเป็นคนอื่นผู้ไม่รู้วิธีสั่งให้ดอกไม้โจมตี เมื่อพวกเขาพยายามจะสั่งมันในใจ บางทีดอกไม้อาจเดินตรงไปที่เป้าหมายแล้วใช้ฟันคมๆ กัดแทนที่จะพ่นพิษก็เป็นได้
การสั่งดอกไม้ให้พ่นพิษเป็นทักษะการควบคุมอย่างหนึ่ง นี่เป็นหัวข้อการทดสอบในโรงเรียน
ถ้านักเรียนจากแผนกพฤกษาไม่สามารถสั่งดอกหนามพ่นพิษให้พ่นพิษออกมาได้ ทำให้มันปีนขึ้นไปสูงกว่า 3 เมตรได้ จะถือว่าสอบตก ดังนั้นการทำให้ดอกหนามพ่นพิษปล่อยพิษโจมตีเป็นหนึ่งในการฝึกการควบคุมระดับพื้นฐานที่นักเรียนจากแผนกพฤกษาจำเป็นต้องฝึก เย่ว์ปิงไม่ปฏิบัติต่อเย่ว์หยางเหมือนเป็นคนที่เพิ่งทำสัญญากับคัมภีร์อีกต่อไป นางปฏิบัติต่อเขาเหมือนเป็นนักเรียนผู้เข้าสอบแทน
“โจมตีผนัง, พ่นพิษ”
พอสิ้นเสียงคำสั่งของเย่ว์หยาง ดอกหนามพ่นพิษไม่ได้ทำอะไรเลย
เพราะอย่างนี้จึงทำให้เข้าใจรู้จักเด็กหนุ่มมากขึ้น เขาไม่สามารถออกคำสั่งง่ายๆ อย่างเช่นการสั่งให้พ่นพิษได้ ดูเหมือนว่าเขาแม้มีพรสวรรค์ก็จริง แต่ยังคงมีข้อจำกัดอยู่มาก
เห็นเย่ว์ปิงแสดงสีหน้าเคร่งขรึมจริงจังแล้ว เย่ว์หยางรู้สึกเหมือนกับย้อนกลับไปอยู่ในโรงเรียนเก่า ตอนที่ถูกครูลงโทษ เขารีบปลุกปลอบตัวเองเพื่อทำให้ดียิ่งขึ้น
ทำไมเราถึงสั่งไม่ได้นะ? เย่ว์หยางคิดอยู่ชั่วขณะ ทันใดนั้นคำตอบก็แว่บเข้ามาในใจ
เขาตบหน้าผากตนเอง, อา, เขาช่างโง่จริงๆ
แม้แต่ตอนฝึกสุนัขจู่โจม พวกเขาจำเป็นต้องใช้เป้าอย่างหนึ่ง
นอกจากนี้ ดอกหนามพ่นพิษมันเป็นแค่ต้นไม้ต้นหนึ่ง คงเป็นเรื่องแปลกถ้ามันเข้าใจคำพูดของเขา
เย่ว์หยางวิ่งตรงไปที่ผนังและกำโคลนขึ้นมาวาดรูปวงกลมลงบนผนังแล้วขีดเส้นขวางตัดกันจนเป็นรูปเป้าตรงกลาง
จากนั้นก็รีบกลับมาโดยไม่ต้องแตะต้องดอกไม้ เขาชูมือเหนือดอกไม้ พยายามเชื่อมโยงดอกไม้กับจิตวิญญาณเขา จากนั้นค่อยๆ ลืมตามองไปที่เป้าหมายบนผนัง เขานึกภาพและพยายามประสานเข้ากับความคิดของดอกหนามพ่นพิษ แล้วสั่งให้มันพ่นพิษไปที่เป้าหมาย
จากนั้นเขาได้ยินเสียง “ฟุด”
ดอกหนามพ่นพิษอ้าปากของมันพ่นน้ำลายสีเขียวเป็นเม็ดกลมปลิวฝ่าอากาศไปกระทบผนังได้ในที่สุด
เย่ว์หยางผิดหวังเมื่อเขาเห็นว่าพิษพลาดเป้าไปอย่างน้อย 2 เมตร เป้าวงกลมยังคงปกติไม่มีแม้แต่รอยจุด
“โธ่! ฝีมือยิงให้โดนเป้าห่วยขนาดนั้นได้ยังไง?” เย่ว์หยางขายหน้าจนรู้สึกอยากขุดรูมุดหนีไปซ่อนตัวเสียให้ได้
“…” เย่ว์ปิงทำเป็นใจเย็น ทั้งที่จริงแล้ว นางช็อคจนแทบไม่อยากเชื่อ
**********************