===============
เจ้าเมืองโล่วฮัวกวักมือเรียกเย่ว์หยางให้เข้ามาหา
เป็นครั้งแรก นางเต็มไปด้วยความสงสัยใคร่รู้เรื่องของเย่ว์หยาง จากนั้นนางมองเห็นดาบจันทร์เสี้ยวที่เขายึดมาจากขุนพลปีศาจและฮุยไท่หลางที่กลายเป็นหมาป่าปีศาจ 2 หัว นางหัวเราะเบาๆ “ทำไมทุกคนได้รับบาดเจ็บจากการต่อสู้ แต่พอดูเจ้า เหมือนกับไปเดินเล่นพักผ่อนมาอย่างงั้น?”
“ข้าเป็นคนรักสงบอยู่แล้ว” เย่ว์หยางเน้นย้ำจุดนี้
“ปัญหาก็คือ แดนปีศาจไม่รู้ว่าเจ้ารักสงบ.. อย่าบอกนะว่าดาบนั่นเจ้าเก็บได้” เจ้าเมืองโล่วฮัวหัวเราะลั่น
การหัวเราะเป็นเอกลักษณ์เฉพาะของเจ้าเมืองโล่วฮัว ผู้หญิงธรรมดาจะหัวเราะในลักษณะสงวนเนื้อตัว โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าเป็นสุภาพสตรีชั้นสูงนางหนึ่งด้วยแล้ว พวกนางจะไม่หัวเราะจนเห็นฟันและเสียมารยาท ความตั้งใจ การอบรม ธรรมเนียมรวมทั้งปัจจัยอื่นๆ อย่างไรก็ตาม นางคือคนเดียวที่ได้รับการยกเว้น นางหัวเราะได้ทุกเมื่อที่ต้องการ ไม่ต้องสนใจมารยาทใดๆ และหัวเราะแบบไม่มียั้ง ยิ้มของนางก็สดใสดั่งบุปผา เสียงก็ไพเราะดุจระฆังเงินก้องกังวาลในหัวใจ เป็นความจริงใจอย่างหนึ่งที่อธิบายไม่ถูก จนคนรู้สึกว่านางใจกว้างและจริงใจมาก
เดิมทีเย่ว์หยางไม่ได้มีความคิดบิดเบือนใดๆ กับนาง แต่พอเห็นวิธีหัวเราะของสุภาพสตรีนางนี้แล้วเขาเริ่มรู้สึกคะนองและพูดติดตลกว่า “ไม่เลย เป็นไปได้อย่างไรที่ข้าจะเก็บของแบบนี้ขึ้นมา? นี่คือของวิเศษ แล้วยังจะเก็บมันขึ้นมาจากพื้นได้ด้วยหรือ? นี่เป็นของขวัญที่แม่มดให้ข้า ข้าว่านางคงหลงรักข้าแน่ๆ”
เย่คง เจ้าอ้วนไห่และคนอื่นไม่กล้าพูดมาก ทั้งไม่กล้าหัวเราะ
พวกเขากลั้นไว้จนสุดชีวิต และมันยากจริงๆ ที่จะกลั้นไว้ได้
“แม่มดให้ของนี้กับเจ้าหรือ?” เมื่อเจ้าเมืองโล่วฮัวได้ยินเช่นนั้น นางยิ่งหัวเราะหนักกว่าเดิม แม่มดบ้าเลือดยกให้เจ้าเหรอ? ทำไมนางถึงให้แค่ดาบจันทร์เสี้ยวกับเจ้าล่ะ ไม่มีอย่างอื่นแล้วหรือ?”
“ไม่ใช่, แม่มดเลือดระดับจะต่ำเกินไปหน่อย นางจะรู้ได้อย่างไรว่าข้าเป็นอัจฉริยะที่น่าตื่นตะลึง? ต้องเป็นราชินีปีศาจผู้เร่าร้อนผู้มีนัยน์ตาทิพย์ใช้ดาบจันทร์เสี้ยวเหล่านี้กดคอข้า ต้องการจะฆ่าข้า ในเสี้ยววินาทีนั้นข้าตัดสินใจอวดความสามารถข้า ทำให้นางเข้าใจว่าการฆ่าข้าตายคือความสูญเสียที่ยิ่งใหญ่ที่สุดใน 3 โลก ท่านไม่รู้เรื่องอย่างนี้ แต่โดยวิธีเอื้อนเอ่ยบทกวีที่นุ่มนวลเท่านั้น นางทำดาบตกลงพื้นเสียงดัง “แคร้ง” ราชินีปีศาจแสนสวยถึงกับหลั่งน้ำตา ร้องไห้จนนางแทบตาย เป็นเรื่องยากอยู่นะที่ข้าจะปลอบโยนนางได้ให้สงบได้ ในที่สุดนางก็เลยให้ของวิเศษคู่นี้แก่ของในฐานะเป็นของที่ระลึก ขณะที่น้ำตายังคลอเต็มเบ้าตานาง นางบอกเรื่องนี้จริงจังแก่ข้าด้วยความรักที่ยิ่งใหญ่ ข้าส่งความรักออกไปทั้งน้ำตาที่นองหน้าของข้า เสียใจจริงที่ว่าได้พบแต่แต่งไม่ได้… นางสะอึกสะอื้นอย่างน่าสงสารจนสวรรค์แทบตรอมตรม.. โอ๊ย.. ใครตีข้า?” ขณะที่เย่ว์หยางแสดงความรู้สึกเต็มเปี่ยม มีคนๆ หนึ่งวิ่งออกมาจากฝูงคนสาวหมัดเข้าใส่เขา
“เจ้า..เจ้าคนหน้าด้าน ยังจะพยายามหลอกทุกคนที่นี่อีก อย่าไปฟังเขา เรื่องแต่งของเจ้าตัวตลกนี่ ลอกคนอื่นมาทั้งนั้น” คนที่วิ่งออกมาจากฝูงชนก็คือนางโจรตางามที่เย่ว์หยางเคยตามจีบมาแล้วครั้งหนึ่ง
“ไม่ว่าจะเป็นเรื่องที่ลอกมาหรือไม่ก็ตาม แต่ฟังแล้วสนุกดี” เจ้าเมืองโล่วฮัวหัวเราะไม่ยั้ง และยกย่องเย่ว์หยางเล็กๆ น้อยๆ
จากนั้น นางจึงเห็นนางโจรตางามอีก และถามขึ้นด้วยความสงสัยเล็กน้อยว่า “เอ๋? อี้หนาน! ทำไมเจ้าแต่งตัวแบบนี้เล่า? รู้จักเขาด้วยหรือ?”
ไม่ต้องรอให้นางโจรตางามพูด เย่ว์หยางเกาะไหล่นางโจรตางาม หัวเราะลั่น “แน่นอน พี่อี้หนานคือคู่หูของข้า เราสัญญากันว่าจะช่วยกันเขียนสารานุกรมว่าด้วยผู้หญิงด้วยกัน นำความสุขสมมาให้ผู้คนในแผ่นดินช่วยให้เด็กผู้ชายไม่ต้องสูญหายไปมิตรภาพของพวกเราไม่ใช่แค่ใช้เวลาท่องราตรีด้วยกันในป่าบันเทิงเท่านั้น เราเข้ากันได้ดีและมักช่วยเหลือกันและกันเสมอ พวกเจ้าไม่รู้แน่นอนว่าพี่อี้หนานและข้าคิดเหมือนกัน และนั่นก็คือในโลกนี้มีแต่สาวๆ สวยๆ…”
พี่อี้หนานหรือ?
เจ้าอ้วนไห่อยากจะฆ่าตัวตายตรงนั้นเสียให้ได้ อี้หนานผู้นี้เป็นชายได้อย่างไร?
เย่คงก็ยังคงตระหนักว่าคุณชายสามแห่งตระกูลเย่ว์ไม่ใช่แค่ไร้ประโยชน์จนไม่สามารถทำสัญญากับสัตว์อสูรได้เท่านั้น เขายังไร้ประโยชน์ในการสังเกตดูคนอื่นอีกด้วย
เขาเคยได้ยินจากคนอื่นว่า เย่ว์หยางปฏิเสธการหมั้นกับคุณหนูตระกูลเสวี่ย แต่เย่คงไม่ปักใจเชื่อเรื่องนั้น คุณหนูตระกูลเสวี่ยนับเป็นหญิงงามคนหนึ่ง ทำไมถึงมีคนปฏิเสธนาง? ตอนนี้เย่คงเข้าใจขึ้นมาบ้างแล้ว คุณชายสามแห่งตระกูลเย่ว์ไม่มีสายตาในการดูผู้หญิงเลย เขาต้องตาบอดแน่ๆ
มีอย่างที่ไหนที่จะมีพี่ชายสวยขนาดนั้น รูปร่างก็ดีและกลิ่นกายหอมเหมือนอย่างอี้หนานตรงนี้?
“เอามือสกปรกของเจ้าไปห่างๆ ข้า” นางโจรตางามที่เจ้าเมืองโล่วฮัวเรียกว่าอี้หนานหักศอกใส่ซี่โครงเย่ว์หยาง และขณะที่คว้าปกคอเสื้อเย่ว์หยางเตรียมจะตีเขาอีก นางถึงค่อยเห็นเย่ว์ปิงอยู่บนหลังของเขา นางจึงหยุดและถามทันทีว่า “นางเป็นใคร?”
“แค่ก, แค่ก, พี่.. พี่อี้หนาน นี่คือเย่ว์ปิงน้องสาวของคุณชายสาม” เย่คงรู้สึกว่าเขาถูกบังคับให้ช่วยผ่อนคลายสถานการณ์ให้เย่ว์หยาง
มิฉะนั้น ต่อมา ความหึงหวงคงได้ปะทุแน่
มันเป็นเรื่องเข้าใจผิดที่อาจตกลงกันได้ด้วยคำพูด เขาหวังว่าคงไม่เป็นเหตุให้เรื่องบานปลาย
แน่นอน เมื่อนางโจรตางามได้ยินแล้ว อารมณ์นางก็หันกลับเป็นตรงกันข้าม นางรีบจัดเย่ว์ปิงและบ่นเย่ว์หยางว่า “ทำไมเจ้าเอานางขี่หลังล่ะ? เกิดอะไรขึ้นกับนาง? นางหมดสติเพราะใช้พลังจิตมากเกินไปหรือ? ข้ามีความคิดดีๆ แล้ว รอข้าอยู่ตรงนี้นะ องค์หญิงโล่วฮัว อี้หนานจำเป็นต้องช่วยคนก่อน ข้าจะตามไปพบท่านภายหลัง”
พอได้ยินเช่นนี้ เย่ว์หยางถามอย่างสงสัยว่า “ท่านไม่ได้เป็นเจ้าเมืองหรอกหรือ? ท่านยกระดับขึ้นเป็นองค์หญิงของประเทศตั้งแต่เมื่อไหร่?”
เจ้าเมืองโล่วฮัวหัวเราะลั่นและโบกมือพลางอธิบายว่า “ดูเหมือนเจ้าไม่รู้อะไรเลยจริงๆ องค์หญิงของประเทศคือสถานะของข้า นั่นเป็นเครื่องบ่งชี้สถานะของข้าในฐานะลูกสาวของใครบางคน ไม่ใช่ว่าใครก็ใช้กันได้ เจ้ารู้ไหมว่าในแผ่นดินมังกรทะยานมีเจ้าหญิงเจ้าชายอยู่เท่าไหร่? เจ้าหญิงเจ้าชายแต่ละประเทศมีเท่าไหร่? ถ้าเจ้านับดู จำนวนอาจมากกว่า 200 คน นอกจาก 3 ราชวงศ์แล้ว เจ้าชาย, เจ้าหญิงอื่นและเจ้าชายเจ้าหญิงจากประเทศเล็กๆอีก…. แต่เจ้าเมืองนั้นจะแตกต่าง มันเป็นการพิสูจน์คุณค่าของเจ้าในฐานะนักสู้ เพราะอย่างน้อยเจ้าต้องเป็นนักสู้ระดับ 6 ก่อนที่เจ้าจะได้รับแต่งตั้งให้เป็นข้าหลวงของพื้นที่นั้น ข้าอยากให้เจ้าเรียกว่า เจ้าเมืองโล่วฮัวต่อไปมากกว่า ข้าชอบชื่อนั้น
“แต่เจ้าหญิงของประเทศฟังดูก็น่ารักดีนะ” เย่ว์หยางชะงัก ก่อนเปลี่ยนไปอีกคำถามหนึ่ง “นักสู้ระดับ 6 คนใดก็ได้ที่จะเป็นผู้ปกครองเมืองหรือ?”
“ในทางทฤษฎี ก็ใช่ แต่คนบางคนมีความสามารถทางทหารแต่ไม่มีทักษะทางจัดการ ดังนั้นพวกเขาจะปกครองได้ไม่ดี บ่อยครั้งที่พวกเขาเอาแต่ขึ้นตำแหน่งโดยไม่มีหน้าที่จริง ตราบใดที่นักสู้พัฒนาไปถึงระดับ 5 พวกเขาสามารถก้าวหน้าไปเป็นถึงรองหัวหน้า ในตำแหน่งที่ไม่มีหน้าที่ทำ นอกจากไปรบหรือบุกโต้ตอบแดนปีศาจ พวกเขาก็ว่างทำอะไรที่ต้องการก็ได้ โอว..จริงสิ เมืองของข้ายังขาดหัวหน้าองครักษ์ ต้องการเป็นไหม?” เจ้าเมืองโล่วฮัวหัวเราะ
“อย่างที่เขาพูดกันว่า ทหารที่ไม่ต้องการเป็นขุนพลไม่ใช่ทหารที่ดี ข้าขอผ่านไม่เป็นหัวหน้าองครักษ์แน่ เอาไว้ข้าค่อยเป็นขุนพลทีหลังดีกว่า” เย่ว์หยางปฏิเสธข้อเสนอ
“ข้ารู้สึกชอบคำพูดเจ้า จึงล้อเล่นด้วย ถ้าเป็นคนอื่นข้าคงไม่สนใจแม้แต่น้อย” เจ้าเมืองโล่วฮัวไม่ได้ใส่ใจมากที่เย่ว์หยางปฏิเสธข้อเสนอของนาง ความจริงดูเหมือนนางคาดการณ์ไว้ก่อนแล้ว
นางโยนบัตรเงินให้เย่ว์หยางและยิ้ม “นี่คือรางวัลที่ข้ามอบให้กลุ่มของเจ้า , สำหรับรางวัลที่รับใช้งานทหารและเกียรติยศจากสมาคมนักรบ พวกเจ้าจำเป็นต้องไปรับรางวัลนั้นด้วยตนเอง ข้ามีหลายเรื่องที่ต้องไปทำ ขอตัวก่อน”
เจ้าเมืองโล่วฮัวยิ้มพลางโบกมือและนางลอยออกไปขณะพาจิ้งจอกหิมะ 3 หางไปด้วย โดยทิ้งกลิ่นหอมจางๆ ไว้เบื้องหลัง
เย่ว์หยางสังเกตว่ากระโปรงของเจ้าเมืองโล่วฮัวค่อนข้างจะเสียหาย ชัดเจนว่าการต่อสู้ของนางไม่ได้ราบรื่น ดูเหมือนว่าคู่ต่อสู้ของนางค่อนข้างซับซ้อนและโชคดีที่นางไม่ได้รับบาดเจ็บ ขณะที่นางกล้าต่อต้านแดนปีศาจ แม้ในขณะที่นำผู้ใต้บังคับบัญชาไปกับนางไม่กี่คนก็ตาม ถ้าเป็นคนอื่น แม้ว่าพวกเขาจะแข็งแกร่งกว่านางถึง 10 เท่า บางทีพวกเขาคงไม่กล้าทำเหมือนอย่างที่นางทำก็ได้
“เรียกความรู้สึกของเจ้าคืนมาได้แล้ว ลูกตาเจ้าตกอยู่บนพื้นแล้ว รีบเก็บซะ” อี้หนานตางามกลับมาตรงจุดที่เย่ว์หยางอยู่และต่อยเข้าที่กลางอกของเขา อย่างไรก็ตามหมัดน้อยๆ นุ่มนิ่มดุจนุ่น ของนางที่ต่อยโดนเย่ว์หยางทำให้เขารู้สึกสบายขึ้นมากกว่า
“ข้ายังคงมีฝันอันสูงส่ง ขอให้พวกเจ้ามีโลกที่เต็มไปด้วยสาวงาม…” ขณะที่เจ้าอ้วนไห่หัวเราะเต็มที่จนไขมันเต้นไปด้วย เย่ว์หยางสะดุ้งจนเผลอต่อยเขาเบาๆ หนึ่งหมัด
“พวกเจ้ามีงานอดิเรกชอบถูกซ้อมหรือไง? เย่คงไม่สามารถทนเจ้านั่นได้ จึงทุบท้ายทอยเจ้าอ้วนบ้าง เจ้าอ้วนไห่ล้มลงไปแล้ว เย่คงร่วมกับพี่น้องสกุลหลี่ซ้อมเจ้าอ้วนไห่เสียงดังตุ้บตั้บ พวกเขาพบว่าหลังจากผ่านไปเป็นเวลานาน เจ้าอ้วนไห่จะหยุดอะไรได้? การกระทำของเขาหมายความว่าเขาไม่ได้หาเรื่องถูกซ้อมหรือ?
“พวกเขาเป็น…” อี้หนานตางามสับสนว่าเย่ว์หยางเป็นเพื่อนประสาอะไรกัน
“ปล่อยพวกเขาเถอะ พวกเขาใจร้อนเพราะยังหนุ่ม พวกเขาสะสมพลังไว้เยอะ พอพลังลดลงก็เลยรับไม่ได้ พี่อี้หนาน ท่านไม่รู้ว่าข้ากังวลเพียงไหน 2-3 วันมานี้ข้าไม่เห็นท่านเลย” เย่ว์หยางยื่นมือออกมาจับไหล่อี้หนาน
“โกหก ข้าสบายดีทุกอย่าง ฉะนั้นเจ้ากังวลเรื่องอะไรมิทราบ?” อี้หนานหน้าแดงซ่าน แต่รีบกลับคืนสภาพเดิม นางลดไหล่หลบมือเย่ว์หยางคนหน้าด้าน
“ข้ารู้ว่าเจ้ายังคงเพิ่งเริ่มต้น ยิ่งกว่านั้น เจ้ายังมีนิสัยขี้อายและเก็บตัว แม้ว่าเจ้าจะอยากรู้อยากเห็นเรื่องผู้หญิง แต่เจ้าก็ไม่กล้าเคลื่อนไหว ปกติเจ้ายับยั้งตัวเองได้ จนกลายเป็นเรื่องเหลือทน ถ้าเจ้ายังเป็นแบบนี้ต่อไป ลงท้ายเจ้าจะต้องเป็นเด็กมีปัญหาแน่ นั่นคือเหตุผล ในฐานะพี่ชาย.. ข้าทนเห็นเจ้าเป็นแบบนี้ไม่ได้แน่ ข้าจะช่วยเจ้า.. อี้หนาน ตราบใดที่เจ้ามีครั้งแรกได้ เจ้าจะเข้าใจสิ่งที่ลูกผู้ชายคนหนึ่งควรเป็น ด้วยหน้าตามีเสน่ห์อย่างเจ้า บางทีเจ้าอาจกลายเป็นคู่แข่งความสัมพันธ์กับข้าก็ได้ อย่าห่วง, ข้าจะช่วยสอนเจ้า” เย่ว์หยางดูจริงใจมาก และเตรียมจะดึงอี้หนานไปหาห้องและให้เขาได้มีครั้งแรกของเขา
เย่คงและคนอื่นๆ เหงื่อตกเป็นทาง ทำเป็นเหมือนว่าไม่ได้ยินอะไรทั้งนั้น
เจ้าอ้วนไห่ผู้นอนเหยียดยาวกับพื้น เริ่มร้องไห้ เจ้าโง่นี่ต้องการทำอะไรกันแน่? เขาสามารถพาผู้หญิงเข้ามาได้แล้วยังต้องพาอี้หนาน..
อี้หนานสาวตางามโกรธจัดจนหน้าแดง นางซัดเย่ว์หยางจนปลิวด้วยหมัดเดียว พร้อมกับตะโกนไล่หลังว่า “ไปตายซะ ข้าเกลียดคนอย่างเจ้าที่สุด เจ้าลามก!”
เย่ว์หยางแกล้งทำเป็นสับสน ขณะชี้ไปที่อี้หนานที่กำลังยืนหอบและถามว่า “เกิดอะไรขึ้นกับอี้หนานเหรอ? ทำไมเขาโกรธด้วยล่ะ? เมื่อเจ้าอ้วนไห่ได้ยินเช่นนี้ ก็ยิ่งทนไม่ได้อีกต่อไป ส่งเสียงสะอื้นดังลั่น “อย่าถามข้า ปล่อยให้ข้าตายแทนเถอะ ข้าก็เกลียดเจ้า เจ้ามันโง่ เจ้าเสียโอกาสดีๆ อย่างนั้นได้ยังไง?”
**********************