===============
ร่างนั้นกะใช้ดาบปีศาจฟันเย่ว์หยางให้ขาดเป็นสองท่อน ขณะเดียวกันมันแสยะยิ้มอย่างเยือกเย็น “เจ้าโง่!”
อย่างไรก็ตาม เขาชะงักตัวแข็งทันที
เขาตัวแข็งเพราะร่างของเย่ว์หยางหายไปราวกับใช้เวทมนตร์
สิ่งที่เขาฟันขาดเป็นสองท่อนไม่ใช่ร่างเย่ว์หยาง แต่เป็นสิ่งที่คล้ายเย่ว์หยาง แล้วเย่ว์หยางตัวจริงหายไปไหน?
“ข้าเห็นด้วย เจ้าน่ะโง่จริงๆ” ดาบจันทร์เสี้ยวมีเปลวไฟลุกโชนปรากฏขึ้น เย่ว์หยางใช้ดาบนั้นฟันลงไปที่ร่างที่ยังยืนถือดาบนั้น ขณะที่ดาบจันทร์เสี้ยวตัดเกราะปีศาจ เท้าข้างหนึ่งได้เตะกวาดเข้าที่สะโพกของปีศาจนั้นอย่างแรง ร่างนั้นปลิวไปข้างหน้าอย่างควบคุมไม่ได้จากแรงเตะและไถลไปกับพื้นเหมือนลูกธนูกระแทกซากศพปีศาจทุกซากที่ขวางทางก่อนจะกระแทกเข้ากับผนังภูเขาเสียงดังสนั่นปานฟ้าผ่า
ผนังภูเขาสั่นสะเทือนขณะที่ฝุ่นกระจายอยู่ทั่วบริเวณ
บนพื้นดินปรากฏเป็นรอยทางยาวที่ร่างนั้นไถลผ่านทิ้งไว้เบื้องหลัง
ใช้ประโยชน์จากการที่ศัตรูดูถูกเขาทำให้การลอบจู่โจมของเย่ว์หยางประสบผล ถ้าเขาใช้เงายักษ์ที่มีพลังเพิ่มขึ้นหลายร้อยเท่า น่ากลัวว่าหม่าเหลียงผู้นี้คงตายไปแล้ว
ตอนนี้ พลังของเย่ว์หยางยังสูงไม่พอทำให้หม่าเหลียงบาดเจ็บสาหัส
เสียงกระแทกผนังภูเขาดังบึ้ม ขณะที่เงาดำนั้นกวัดแกว่งมีดวิเศษทันที กลับเป็นอัศวินที่ขับขี่มังกรดำก่อนหน้านั้นเอง
เขาคือหนึ่งในสามแม่ทัพปีศาจ หม่าเหลียง
แม้ว่าเขาจะเจ็บตัวอย่างหนักจากการลอบโจมตีของเย่ว์หยาง แต่หน้าของเขาก็ยังเต็มไปด้วยความหยิ่งทรนง เขารีบปัดเศษหินออกจากไหล่และมองไปที่เย่ว์หยางอย่างดูถูก “เจ้าหนอนน้อย! เจ้าว่องไวดีนี่ แต่ความแข็งแกร่งของเจ้ายังอ่อนเกินไป เจ้าชื่ออะไร?”
“อย่าคุยกับเขา เขามีอสูรประหลาดตัวหนึ่งเรียกว่ามังกรบินคำรามซึ่งเป็นวิญญาณมังกรบินที่มองไม่เห็น เมื่อเจ้าเผลอคุยกับเขา อย่างนั้นเจ้าจะเงียบไปอย่างน้อย 5 นาที เขาต้องการหยุดเจ้าไม่ให้ใช้คัมภีร์อัญเชิญของเจ้า รีบฆ่าขุนพลปีศาจเร็วเข้า เจ้านี่ปล่อยให้ข้ารับมือเอง” ขณะที่เจ้าเมืองโล่วฮัวพูดจบ เย่ว์หยางสามารถเห็นผ่านทักษะญาณทิพย์ว่าเกราะของหม่าเหลียงเป็นสีดำ พลังของบอลสีดำกำลังออกมา ค่อยๆ ก่อรูปร่างเป็นมังกรบิน พุ่งเข้าใส่เจ้าเมืองโล่วฮัว ขณะที่เจ้าเมืองโล่วฮัว นางได้เตรียมตัวไว้แต่แรกแล้ว นางยกมือแล้วเรียกคัมภีร์อัญเชิญสีทองออกมา โล่แสงสีทองปรากฏขึ้นมาทันใด ป้องกันพลังสีดำที่มีรูปร่างเหมือนมังกรได้ทันเวลา และกันมันไว้นอกโล่แสง
“เจ้าเมืองโล่วฮัว ไม่เจอกันนานเลยนะ สู้กับเจ้าไปก็ไม่มีความหมาย เราสู้กันมาเป็นสิบครั้งแล้ว แต่ลงท้ายด้วยการเสมอกัน ข้าเชื่อว่าครั้งนี้คงไม่ต่างกัน ข้าสงสัยจริงๆ ว่าลูกน้องของเจ้าจะอยู่ได้นานกว่าหนึ่งนาทีหรือเปล่า คิดจะสู้กับขุนพลปีศาจที่ร่วมกันต่อสู้เขาน่ะหรือ?” หม่าเหลียงเรียกคัมภีร์สีทองออกมาบ้าง
ขณะที่เขาพูด ขุนพลปีศาจทั้งห้าก็เริ่มสั่นหัว สีหน้าของพวกมันเต็มไปด้วยความเจ็บปวดขณะที่เริ่มลุกขึ้นทีละคน
พวกมันไม่สามารถทนต่อเสียงกรีดของนางพญากระหายเลือดไม่ว่าพวกมันจะมีความสามารถที่แข็งแกร่งขนาดไหนก็ตาม
เจ้าเมืองโล่วฮัวมองดูเย่ว์หยางและเห็นว่าเจ้าเด็กตัวแสบไม่ได้รับผลกระทบใดๆ นางจึงเริ่มสงบใจได้ นางไม่รู้เหตุผล แต่แม้จะเกี่ยวข้องกับเจ้าเด็กนี่มาเพียงไม่กี่ครั้ง นางรู้สึกได้ด้วยสัมผัสที่หกซึ่งเป็นธรรมชาติของผู้หญิงว่า เจ้าเด็กนี่เชื่อใจได้แน่นอน ในใจนาง นางรู้สึกเชื่อมั่นเขาอย่างอธิบายไม่ถูก
ถ้าเป็นคนอื่นๆ นางคงไม่สุ่มสี่สุ่มห้าพาขโมยน้อยผู้ยังฝึกตัวอยู่ที่ชั้นแรกไปหอทงเทียนชั้นที่สาม ซึ่งเป็นระดับสูงปล่อยให้เขาฆ่านางพญากระหายเลือดตามลำพังแน่
ด้วยการคาดหวังทั้งหมด โดยที่นางไม่รู้เหตุผล นางแค่ชำเลืองมองเขาด้วยความมั่นใจ
มันเหมือนกับว่าเขาเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดเพื่อเป็นคู่หูร่วมมือด้วยกัน..
“ฆ่ามันให้ข้า” หม่าเหลียงสังเกตดูสีหน้าของเจ้าเมืองโล่วฮัวอย่างตั้งใจ แต่เขาพบว่านางไม่แสดงอาการกลัวแต่อย่างใด เขารู้สึกกังวลลึกๆ ขึ้นมาในใจทันที อาจเป็นได้ว่านางมั่นใจว่าเจ้าโจรน้อยว่องไวพอหรือ? เผชิญหน้ากับขุนพลปีศาจห้าตนที่เขาเลือกมาเป็นผู้ช่วยที่น่าเชื่อถือของเขาร่วมกับทหารชั้นยอดเกือบร้อยนายที่เขาเลือกเองโดยส่วนตัว เจ้าโจรน้อยสามารถต้านทานพวกเขาได้หรือ? หรือเป็นไปได้ว่าเจ้าเมืองโล่วฮัว แกล้งทำเป็นมั่นใจ? ด้วยความสงบที่ชาญฉลาดของนาง นางจะไม่แสดงความกลัว แม้ว่านางจะอยู่สถานะที่เสียเปรียบ ดังนั้นเป็นไปได้ว่านางอาจเกทับบลัฟแหลกก็ได้
“ขอรับ ใต้เท้า” ห้าขุนพลปีศาจรับคำเสียงดัง
ห้าขุนพลปีศาจยังไม่ร่วมกันจู่โจมทันที เพราะพวกมันไม่ได้รู้สึกว่าโจรน้อยคนเดียวจะคู่ควรต่อสู้กับขุนพลปีศาจทั้งห้าตนพร้อมกัน
ถ้าไม่ใช่เพราะคำสั่งของหม่าเหลียง พวกมันเกือบสั่งให้ปีศาจเขายาวจำนวนไม่กี่ตัวใช้กรงเล็บที่แหลมคมของพวกมันฉีกกระชากเจ้าโจรน้อยผู้นี้ให้เป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยแทนพวกมันไปแล้ว ขุนพลปีศาจตนหนึ่งก้าวออกมาจากกลุ่ม เตรียมเริ่มจู่โจม ขณะที่อีกตนหนึ่ง คอยคุมเชิงอยู่ด้านหลัง แค่ในกรณีที่เจ้าเมืองโล่วฮัวลอบโจมตี
ขุนพลปีศาจอีก 3 ตนยังคงจับตาสมรภูมิรบต่อไป เพื่อเตรียมกำจัดนางปีศาจดาบสังหาร
ภูตบินกรงเล็บรุ้งได้ดิ้นรนจนหลุดจากใยแมงมุมจนได้ แต่มันไม่ยอมสู้ต่อ กลับบินขึ้นไปในอากาศอย่างเสียขวัญแทน
บางทีคงเป็นเพราะนางพญากระหายเลือดได้รับบาดเจ็บสาหัสกำลังจะตายในไม่ช้า ยิ่งไปกว่านั้นสถานการณ์ต่อสู้ดูแล้วไม่ดีเลย ภูตบินกรงเล็บรุ้งตัวนี้จึงได้ทอดทิ้งนางพญากระหายเลือดและดินแดนที่มันปกป้องหนีไปด้วยตนเอง
ทางด้านนางปีศาจดาบสังหารเพิ่งจะฟื้นจากอาการมึนงง อสูรที่ดูเหมือนยักษ์หัววัวอัปลักษณ์ ตัดสินใจไม่หนี แม้ว่าต้องเผชิญกับความตาย มันลุยเข้าใส่ฝูงปีศาจอย่างเกรี้ยวกราด โจมตีทำลายล้างอย่างดุร้าย มันไม่ยอมทิ้งสมรภูมิไม่ว่าอย่างไรก็ตาม มีมากกว่าครั้งหนึ่งที่มันพยายามเดินลุยหน้าเพื่อช่วยนางพญากระหายเลือดที่ได้รับบาดเจ็บ แต่เนื่องจากมันมีปัญญาน้อย มันโดนพิษของมดแดงคลั่งทำร้าย จึงตกเป็นเป้าหมายให้ขุนพลปีศาจจู่โจมทำร้ายได้อย่างง่ายดาย มันผูกใจเจ็บแค้นหนักจนลืมภารกิจช่วยนางพญากระหายเลือดไปชั่วขณะ และมุ่งไล่ล่าขุนพลปีศาจแทน หรือไม่ก็โจมตีทำร้ายปีศาจที่อยู่ใกล้เคียงอย่างโหดเหี้ยม
พอเห็นว่าเหล่ากองพลปีศาจไม่สามารถยืนหยัดต้านทางนางปีศาจดาบสังหาร อสูรทองแดงระดับ 7 ได้ และได้รับความเสียหายอย่างหนัก หม่าเหลียงอัญเชิญมังกรบินเงินเข้าร่วมการต่อสู้ มันบินอยู่บนท้องฟ้าขณะที่โจมตี วัตถุประสงค์ของมันก็เพื่อยั่วให้นางปีศาจดาบสังหารอาละวาด
อย่างไรก็ตาม ความสนใจหลักของหม่าเหลียงยังคงพุ่งเป้าไปที่เจ้าเมืองโล่วฮัว
สู้กับเจ้าเมืองโล่วฮัวมานับสิบๆ ครั้ง เขารู้ว่าสัตว์อสูรของสตรีชาวมนุษย์ผู้นี้มีพลังสร้างความเสียหายได้น่ากลัว พวกมันสามารถฆ่าฝ่ายตรงข้ามได้ในชั่วพริบตา
ถ้าไม่ใช่เป็นเพราะนางจำเป็นต้องใช้เวลารวบรวมพลังในตอนแรก เขาคาดว่านอกจากตัวเขาเองแล้วจะไม่มีสิ่งมีชีวิตใดๆ สามารถรอดพ้นจากการโจมตีของนางได้
“มังกรบินกัดกร่อน” หม่าเหลียงเรียกมังกรบินออกมาอีกตัวหนึ่ง
เย่ว์หยางตระหนักได้ว่า เจ้าผู้นี้เป็นบ้าคลั่งไคล้สะสมแต่มังกรบิน เชี่ยวชาญในการทำสัญญากับมังกรบิน
เขาขับขี่มังกรบินดำ มีมังกรบินคำรามที่ลอบโจมตีศัตรูของเขาได้ มีมังกรบินเงินที่สามารถปล่อยกระแสไฟฟ้าทำร้ายนางปีศาจโคได้ และยังอัญเชิญมังกรกัดกร่อนออกมาโจมตีเจ้าเมืองโล่วฮัว เจ้าผู้นี้ได้ทำสัญญากับมังกรบินไว้กี่ตัวกันแน่? เย่ว์หยางพูดไม่ออกเลยจริงๆ แน่นอนว่ามังกรบินเป็นสัตว์อสูรชั้นดี แต่จำเป็นต้องทำสัญญากับอสูรอย่างมังกรบินทั้งหมดด้วยหรือ?
เจ้าเมืองโล่วฮัวปล่อยให้จิ้งจอกหิมะ 3 หางเข้ามาอยู่ภายในโล่แสงใกล้เท้าของนาง มังกรบินกัดกร่อนตัวนี้เป็นวิธีต่อสู้กับพลังจิ้งจอก 6 หางซึ่งเป็นร่างแปลงของของจิ้งจอกหิมะ 3 หางของนางนั่นเอง
พลังวิญญาณจิ้งจอกหิมะ 6 หางเป็นพลังที่บริสุทธิ์มาก ดังนั้นมันจึงกลัวการแปดเปื้อน ถ้าวิญญาณบริสุทธิ์ถูกทำให้แปดเปื้อน พลังในการรบของมันก็ลดลงอย่างมาก
นางบริกรรมอย่างใจเย็นขณะเรียกภูตแสงออกมา นางสั่งให้มันโฉบเข้ามาข้างใน ดูดกลืนและเก็บพลังแสงไว้อย่างรวดเร็ว
“ระวังให้ดี ถ้าตกอยู่ในอันตรายจริงๆ เจ้าจงเรียกคัมภีร์อัญเชิญออกมาและอยู่ภายในโล่แสงไว้” เจ้าเมืองโล่วฮัวเตือนเย่ว์หยางขณะที่นางหลับตาและรวบรวมสมาธิ เตรียมใช้วิธีเก็บรวบรวมพลังแสงให้เร็วที่สุดเพื่อใช้ฆ่ากองทัพปีศาจและขุนพลปีศาจทันที
“ฆ่า” เห็นได้ชัดว่าหม่าเหลียงรู้ถึงพลังที่น่ากลัวรังสีอำมหิตของนางดี เขาผายมือไปที่เย่ว์หยางและส่งสัญญาณให้ขุนพลปีศาจฆ่าเขา
“อะไรกันนักหนาล่ะนี่? เจ้านึกว่าข้าเป็นหมูที่จะยอมให้เจ้าเชือดตามใจชอบงั้นหรือ..?” เย่ว์หยางไม่พอใจอย่างมาก ถ้าเขาไม่ห่วงเรื่องใช้เงาปีศาจชิงร่างของนางพญากระหายเลือด เขาคงใช้ดาบวิเศษฮุยจินของเขาฆ่าขุนพลปีศาจไปแล้ว ใครจะปล่อยให้พวกมันใช้อำนาจของมันกร่างกับเขาได้เล่า? อย่างไรก็ตาม อำนาจจิตของนางพญากระหายเลือดกล้าแข็งมาก และเย่ว์หยางแอบใช้เงาปีศาจเพื่อไปชิงร่างของนาง แต่ว่านางรู้ว่านางจะกลายเป็นหุ่นเชิดหลังจากถูกชิงร่างไปได้ ดังนั้นนางจึงใช้พลังจิตของนางรักษาวิญญาณของนางเอาไว้
แม้ว่านางเกือบจะตายแล้ว แต่นางก็ยังเป็นนางพญาอสูรทองระดับ 5 ไม่ว่าเย่ว์หยางจะพยายามกี่ครั้ง เขาก็ทำไม่สำเร็จ
พอเห็นว่าพลังจิตของนางพญากระหายเลือดกล้าแข็งมาก และว่านางยอมตายดีกว่ายอมรับ เย่ว์หยางจึงต้องปล่อย ไม่มีทางเลือก ได้แต่ยอมยกเลิกความตั้งใจครอบครองวิญญาณของนาง เขาเตรียมใช้เงาปีศาจของเขาฆ่าขุนพลปีศาจที่กำลังควงมีดขณะเข้าจู่โจมเขา เขาคิดว่าค่อยครอบครองวิญญาณของนางภายหลัง
คงเป็นเรื่องน่าเสียดายหากนางพญากระหายเลือดตาย แต่เขาครอบครองวิญญาณนางไม่ได้ ไม่ว่าจะทำอย่างไรก็ตาม ดังนั้นเย่ว์หยางไม่ฝืนใจต่อไป
การครอบครองวิญญาณมีข้อจำกัดในเรื่องความสำเร็จ ยิ่งไปกว่านั้น เป้าหมายของเขายังเป็นนางพญาอสูรทองระดับ 5 ไม่ใช่เหมือนโคเงา อสูรทองแดงระดับ 5 ดังนั้นจึงเป็นเรื่องปกติที่เงาปีศาจจะล้มเหลวในการครองครองวิญญาณนาง
เย่ว์หยางหันไปป้องกันการบุกโจมตีจากขุนพลปีศาจ เขากวาดดาบจันทร์เสี้ยวอย่างรวดเร็ว จากนั้นใช้ดาบฮุยจินลงล่างหวังจะฆ่าขุนพลปีศาจทันที ทันใดนั้นมีแสงสีทองสว่างกระพริบจนทุกคนประหลาดใจ และให้ความสนใจมันพร้อมกัน
สิ่งที่ทำให้เย่ว์หยางดีใจแทบคลั่งขณะเดียวกันมันทำให้เขาตะลึงจนพูดไม่ออกนั่นก็คือ ทันทีที่เขาถอดใจที่จะชิงร่างนางพญากระหายเลือดอยู่แล้ว ทันใดนั้นเองนางพญาก็รวมร่างเข้ากับเงาปีศาจและทำสัญญาในฉับพลัน ดูเหมือนว่านางกลัวตาย แต่ศักดิ์ศรีของนางพญาทำให้นางยอมตายดีกว่าปล่อยให้ร่างนางเป็นหุ่นเชิด นั่นคือสาเหตุที่ทำให้นางต่อต้านการครอบงำต่อให้นางต้องตายก็ตาม อย่างไรก็ตาม เมื่อเย่ว์หยางยกเลิกที่จะชิงร่างของนางและเตรียมเรียกเงาปีศาจมาเก็บ ทันใดนั้นนางจับเงาปีศาจและโอบกอดไว้ ตลอดทั้งร่างของนางหลอมรวมเข้าด้วยกันกับเงาปีศาจอย่างราบรื่นและง่ายดาย และทำสัญญากับเย่ว์หยางในช่วงเวลาสั้นๆ
เดิมทีเงาปีศาจเป็นอสูรพิทักษ์ของเย่ว์หยาง แต่เมื่อรวมร่างด้วยกันกับนางพญากระหายเลือด นางยังต้องทำสัญญาอีกครั้ง นี่ทำให้เย่ว์หยางงงงันจริงๆ
ตอนนี้ จะนับนางว่าเป็นอสูรพิทักษ์หรือว่าเป็นอสูรอัญเชิญกันแน่?
สิ่งที่ทำให้เย่ว์หยางงงมากที่สุดก็คือสามารถควบคุมร่างของนางพญากระหายเลือดได้และเขารู้ว่านางมีจุดอ่อนอย่างไรบ้าง แต่เขาไม่รู้ถึงความคิดของนางเลย นี่คือคำถามที่เขายังหาคำตอบไม่ได้
“ฆ่ามัน เร็วเข้า!” หม่าเหลียงแผดเสียงลั่นทันที
ถ้านางพญากระหายเลือดไม่ตาย นางจะเป็นคู่ต่อสู้ที่ต่อกรได้ยากที่สุด ทันทีที่นางฟื้นคืนจากอาการบาดเจ็บ
ก่อนหน้านี้ ถ้าไม่ใช่เป็นเพราะมันลอบทำร้ายสำเร็จ โดยใช้ใช้มีดทองฆ่ามังกร อาวุธระดับทองปักเข้าที่อกของนาง หม่าเหลียงคิดว่าสถานการณ์สู้รบในตอนนี้อาจกลับกลายเป็นอย่างอื่น
ในตอนนี้พอเมื่อแววตาของขุนพลปีศาจทั้ง 5 เปลี่ยนไปแล้ว พวกมันบุกเข้าใส่เย่ว์หยางพร้อมกัน เย่ว์หยางเอื้อมมือดึงมีดทองฆ่ามังกรที่ปักอยู่ตรงหัวใจของนางพญากระหายเลือดออกมา ขณะเดียวกัน เขาบดหินบำบัดรักษาอาการบาดเจ็บให้นาง ความจริงแม้ไม่ต้องใช้หินบำบัด อสูรทองอย่างนางพญากระหายเลือดจะไม่ตายง่ายๆ สิ่งที่อันตรายต่อชีวิตนางมากที่สุดก็คือมีดทองฆ่ามังกรที่แม้แต่มังกรยักษ์ก็ยังกลัว ตอนนี้มีดฆ่ามังกรถูกดึงออกไปแล้ว อาการบาดเจ็บของนางพญากระหายเลือดได้สมานตัวอย่างรวดเร็ว ยิ่งไปกว่านั้น ภายใต้แสงพลังหินบำบัด นางยิ่งฟื้นตัวได้เร็วยิ่งขึ้น
แม้ว่าร่างของนางยังอ่อนแออยู่มาก แต่ชีวิตของนางไม่เป็นอันตรายแล้ว
ยิ่งไปกว่านั้น เย่ว์หยางคาดว่า นางนับได้ว่าเป็นอสูรพิทักษ์ของเขาไปแล้ว อาจเป็นไปได้ว่า จากนี้ไปนางจะไม่ตายจริงๆ แล้ว
ขณะที่ 5 ขุนพลปีศาจร่วมมือกันโจมตี เย่ว์หยางรู้สึกถึงพลังอัญเชิญที่อยู่ในตัวเขามีเป็นจำนวนมหาศาล เขาเรียกโคเงา อสูรทองแดงระดับ 5 ออกมาในขณะเดียวกัน อาจเป็นได้ว่าหลังจากเข้าถึงหัวใจธรรมชาติและ 5 ประสาทรวมเป็นหนึ่ง ทักษะอัญเชิญของเขาได้มีความก้าวหน้ากระมัง?
โคเงาปรากฏออกมาในเวลาที่เหมาะสม ไฟห้าแฉกแล่บออกจากปากและจมูกของนางขณะที่นัยตาแดงโร่เหมือนมีไฟเผาผลาญ
ขุนพลปีศาจที่ถูกนางจ้องมองร้องอย่างทุกข์ทรมาน ขณะที่ร่างล้มลงกับพื้นทั้งยืน มันนอนแข็งทื่อกับพื้นขณะที่ขาของมันเหมือนกับแมลงสาบที่ถูกย่ำจนแบน
แม้ว่ามันยังไม่ตายทันที แต่ไม่มีหวังที่จะรอดชีวิตอีกต่อไป
ฆ่าขุนพลปีศาจได้ทันทีหรือ?
หม่าเหลียงตะลึงค้างไปแล้ว เกิดเรื่องเช่นนี้ได้อย่างไร?
ขุนพลปีศาจสี่ตนที่เหลือ พากันฟาดฟันอาวุธใส่โล่แสงของคัมภีร์อัญเชิญทองแดง แต่มันสะท้อนจนกระแทกพวกมันถอยไป 2-3 เมตร พอมองดูร่างของสหายถูกเหยียบย่ำจนค่อยๆ แบนอย่างน่ากลัว พวกมันกลัวจนทำอะไรไม่ถูก ไม่ใช่เรื่องน่ากลัว ถ้าศัตรูของพวกมันแข็งแกร่ง แต่ต้องให้ศัตรู้นั้นได้สู้กับพวกมัน แต่พวกมันจะสู้กับฝ่ายตรงข้ามที่สามารถฆ่าพวกมันทันทีได้อย่างไร?
*************************