===============
เมื่อเย่ว์หยางวิ่งไปถึต้นโอ๊คหมื่นปี เขาพบว่าอี้หนานกับเย่ว์ปิงกำลังคุยกันอย่างสนุกสนาน ไม่แน่ใจว่าพวกนางคุยกันเรื่องอะไร แต่เสียงหัวเราะเจื้อยแจ้วไพเราะเหมือนระฆังเงิน
ฮุยไท่หลางตอบสนองได้ไวที่สุด ทันทีที่มันเห็นเย่ว์หยางปรากฏตัว มันกระดิกหางแสดงความภักดีทันทีจากนั้นก็วิ่งเข้ามาต้อนรับเขา มันกระดิกหางอย่างมีชีวิตชีวาขณะที่ตามพันแข้งพันขาเขาไม่หยุด พอเย่ว์หยางเตะมัน 1 ที ฮุยไท่หลางรู้สึกมีความสุขมาก มันหงายท้องแสดงความพอใจและยินดี คงเป็นเพราะปราณปีศาจในตัวมันกำเริบจนทำให้มันอึดอัดนิดหน่อย เย่ว์หยางเตะมันได้ถูกเวลา มันจึงรู้สึกสบายอารมณ์
พอเห็นว่าเย่ว์หยางกลับมา อี้หนานและเย่ว์ปิงยิ่งดีใจกันใหญ่
เย่ว์ปิงวิ่งเข้ามาหาเย่ว์หยางอย่างปรีดา เหมือนกับว่านางอยากโผเข้าไปกอดเย่ว์หยางด้วยตนเอง อย่างไรก็ตามนางตระหนักว่า ทำอย่างนั้นอาจดูไม่งาม ดังนั้นดรุณีน้อยจึงชะลอฝีเท้าลง
เมื่อเย่ว์หยางยื่นมือออกมาลูบศีรษะนางและมอบกล่องปักที่เก็บกิ่งพฤกษาแห่งชีวิตให้กับนาง เย่ว์ปิงมิอาจหักห้ามใจอีกต่อไปถึงกับกอดพี่ชายของนางไว้แน่น หลั่งน้ำตาเป็นสายยาว
นางหวังอย่างยิ่งที่จะได้พี่ชายที่แข็งแกร่งและจิตใจอบอุ่นสามารถปกป้องนางได้ แต่ความปรารถนาของนางก็ไม่เคยเป็นจริง
จนกระทั่งนางได้เห็นพี่ชายอีกครั้งที่หอทงเทียน เมื่อนั้นนางถึงตระหนักได้ว่าเขากลายเป็นเสาหลักของครอบครัวโดยที่นางไม่รู้ตัว
ความรู้สึกที่มีพี่ชายที่แสนดีตามดูแลช่างดีจริงๆ
อี้หนานเดินเข้ามาปลอบนางอยู่ 2-3 คำ เย่ว์ปิงมีนิสัยเข้มแข็ง นางเช็ดน้ำตาทันทีแล้วมองเย่ว์หยางทั้งน้ำตาคลอเบ้า
ตอนนี้เย่ว์ปิงไม่ได้ใส่ผ้าคลุมหน้าต่อหน้าเย่ว์หยางต่อไป นางรู้ว่าพี่ชายนางไม่เคยเสแสร้งกับนาง แม้ว่าชะตานางจะอาภัพ ต้องกลายเป็นม่ายก่อนแต่ง แต่นางก็ยังเป็นน้องสาวที่เขาจะรักและปกป้อง
เทียบกับเย่ว์ปิงแล้ว อี้หนานให้ความสนใจนางพญากระหายเลือดที่สวมชุดเกราะเงินติดตามอยู่ข้างหลังเย่ว์หยางมากกว่า
ตอนแรก นางอึดอัดเล็กน้อยจนถึงกับไม่ต้องการต้อนรับเขา แม้ว่านางจะไม่เกี่ยวข้องกับเขาแต่อย่างใด นางก็ยังคันหัวใจยากจะอธิบาย ถ้าไม่ใช่เพราะเย่ว์ปิงอยู่ที่นี่ นางคงได้ระบายอารมณ์กับเขาและเดินจากไปด้วยความขุ่นเคือง จากนั้นหาที่ๆ ไม่มีใครเห็นแอบร้องไห้ระบายความอัดอั้นใจ นางอุตส่าห์รอเขาอยู่ที่นี่ แต่เขากลับพาผู้หญิงอื่นกลับมาแทน … แต่เมื่อนางมองดูอย่างถนัดตา นางตระหนักว่ามีบางอย่างไม่ถูกต้อง นางจึงมองใกล้ๆ สังเกตนางพญากระหายเลือดตั้งแต่ศีรษะจรดเท้า ขณะที่นางปลอบโยนเย่ว์ปิงไปด้วย ตอนนั้นเองนางถึงได้เห็นเครื่องหมายพันธสัญญาบนหน้าผากของนาง..
“เจ้า..เจ้า..เจ้า..เอ่? เจ้าเป็นอสูรร่างมนุษย์หรือ?” อี้หนานไม่เคยเห็นอสูรร่างมนุษย์มาก่อน แต่นางไม่เคยเห็นอสูรที่หุ่นดีเจ้าเสน่ห์อย่างนางพญากระหายเลือดมาก่อน
“อสูรทองร่างมนุษย์” เมื่อเย่ว์ปิงเห็นนาง นางรู้สึกเหมือนกับจะเป็นลม
“เจ้าไปเก็บนางมาจากไหน?” อี้หนานรู้ว่าไม่มีร้านขายอสูรทองในชั้นนี้ เขาไปเก็บอสูรทองร่างมนุษย์หุ่นดีและเจ้าเสน่ห์มาจากไหน?
“ความจริง เรื่องเกิดขึ้นวันนี้ เจ้าเมืองโล่วฮัวต้องการโจรมาช่วยสอดแนม นางพบข้ากลางทางพอดี นางก็เลยจ้างข้าและพาข้าไปชั้นที่สามของหอทงเทียน เพราะนางต้องการไปที่ตำหนักบนเกาะลอยฟ้าเพื่อหาบุปผาปีศาจ โชคไม่ดีที่เราพบกับแม่ทัพปีศาจหม่าเหลียงกำลังนำขุนพลปีศาจมาฆ่านางพญากระหายเลือด ตอนนั้นนางพญากระหายเลือดเกือบจะตายอยู่แล้ว ดังนั้นพอนางเห็นข้าเข้ามาใกล้ๆ นางจึงเสนอขอทำสัญญากับข้าทันที จากนั้นข้าก็กลับมาที่นี่” เย่ว์หยางเล่าเรื่องย่อที่เกิดขึ้นจริงๆ ให้พวกนางฟัง
“นางพญากระหายเลือดเหรอ?” เย่ว์ปิงตื่นเต้นมากจนแทบกระโดดตัวลอย อย่างนั้นนี่ก็ไม่ใช่อสูรทองธรรมดา แต่เป็นจ้าวอสูรทองสินะ?
“ชั้นสามเหรอ? แม่ทัพปีศาจพาขุนพลปีศาจมาไม่กี่คนหรือ?” อี้หนานชักจะหวาดหวั่นเมื่อได้ยินแบบนี้
“นอกจากนี้ ดูเหมือนจะมีปีศาจมากกว่าร้อยตน แต่พวกมันถูกเจ้าเมืองโล่วฮัวฆ่าทันที” เย่ว์หยางพยายามอย่างหนักที่จะยกความดีความชอบให้เจ้าเมืองโล่วฮัว
“ตอนนี้เจ้าเมืองโล่วฮัวอยู่ไหนแล้ว?” อี้หนานทำอะไรไม่ได้ จึงได้แต่ถาม
“หลังจากได้บุปผาปีศาจที่ต้องการแล้ว นางกลับบ้านไปปลูกดอกไม้” เย่ว์หยางพูดเป็นนัยๆ ว่าเจ้าเมืองโล่วฮัวกับเขาเป็นแค่คนแปลกหน้าผ่านมาพบกันเท่านั้น ไม่ได้สนิทอะไรกันนัก
“งั้น แม่ทัพปีศาจที่ชื่อหม่าอะไรนี่แหละ อยู่ที่ไหน?” อี้หนานสงสัย เขากลับมาอย่างปลอดภัยโดยไม่ได้รับบาดเจ็บแต่อย่างใดหลังจากเจอแม่ทัพปีศาจและขุนพลปีศาจอีกไม่กี่นาย
“หม่าเหลียงบาดเจ็บหนัก เขาหนีไปทันทีที่เห็นข้า” เย่ว์หยางยังคงไม่ได้บอกว่าหม่าเหลียงบาดเจ็บเพราะดาบวิเศษฮุยจินของเขา และเล่าให้ฟังเฉพาะส่วนที่สำคัญ คำพูดเหล่านี้ทำให้สองสาวเข้าใจผิดว่าหม่าเหลียงได้ต่อสู้กับนางพญากระหายเลือดจนบาดเจ็บหนักทั้งสองฝ่าย เขาเตลิดหนีไปทันทีที่พบเจ้าเมืองโล่วฮัว โดยที่พวกเขาไม่ทันได้สู้กัน
“โชคดีจริงๆ มิฉะนั้นแล้วมันอาจจะอันตรายมาก เจ้าน่ะโชคดีจริงๆ ที่จ้าวอสูรทองใกล้ตายเสนอทำสัญญากับเจ้า” อี้หนานคิดว่าเจ้าเด็กนี่เกิดมาภายใต้ดาวนำโชคอันดับหนึ่งของโลกแน่
ถ้าข่าวแพร่สะพัดไปว่าเขามีฮุยไท่หลาง อสูรทองแดงระดับ 5 ที่ยอมติดตามเขา ทั้งที่ไม่ได้ทำสัญญา คนจำนวนมากอาจจะอิจฉาเขาแทบตาย
แต่ตอนนี้ กลับมีจ้าวอสูรทอง เสนอทำสัญญากับเขาอีก..
นี่มันจะโชคดีเกินไปแล้ว ไม่ใช่เหรอ?
อะไรคือเหตุผลที่ทำให้คนมุ่งมั่นที่จะมีชีวิตอยู่?
อี้หนานวาดภาพความซึมเศร้าของหม่าเหลียง เขาพยายามโค่นนางพญากระหายเลือดทำให้นางบาดเจ็บได้ แต่เขาไม่สามารถเก็บเกี่ยวผลประโยชน์ได้ และปล่อยให้เจ้าเด็กแสบนี่ได้ทำสัญญากับนางพญากระหายเลือดแทน ดูเหมือนว่าเขาคงจะกระอักเลือดถึง 3 วัน 3 คืนเมื่อกลับไปแล้วแน่ มิฉะนั้นก็คงถูกความซึมเศร้าเล่นงานจนตาย
เย่ว์ปิงสุขใจจนแทบจะเป็นลม
นางคิดว่าน่าประทับใจแค่ไหนแล้วที่พี่ชายของนางเป็นเจ้าของฮุยไท่หลาง อสูรทองแดงระดับ 5 นางคาดว่าสมาชิกตระกูลของนางได้เห็นฮุยไท่หลางแล้ว บางทีพวกเขาคงได้อิจฉาอย่างหนัก ตอนนี้เขายังพาจ้าวอสูรทองกลับมาด้วย พวกเขามีหวังตกใจจนสลบแน่ ยิ่งไปกว่านั้น นางพญากระหายเลือดยังเป็นจ้าวอสูรทองร่างมนุษย์ที่มีความฉลาด บางทีนางอาจวิวัฒนาการกลายรูปเปลี่ยนเป็นระดับทองขาวหรือระดับเพชรก็ได้
เป็นไปไม่ได้เลยจริงๆ ผู้อาวุโสและสมาชิกในตระกูลจะทำหน้ายังไงเมื่อนางพญากระหายเลือดปรากฏตัวอยู่ต่อหน้าพวกเขา?
“โฮ่ง” ฮุยไท่หลางไม่รบกวนนางพญากระหายเลือด เพราะนางไม่ใช่ศัตรูของมัน
นางไม่ใช่ผู้ที่มันจะต่อกรได้
ยิ่งไปกว่านั้น มันไม่ใช่ว่าจะไม่เคยเห็นอสูรร่างมนุษย์ที่แข็งแกร่งเสียเมื่อไหร่ ยกตัวอย่างเช่น ปีศาจอสรพิษน้อยที่เป็นอสูรชั้นเพชร อสูรทองตนนี้ไม่ได้มีอะไรพิเศษ ฮุยไท่หลางกระดิกหางของมัน สิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับมันก็คือประจบเย่ว์หยาง เจ้านายของมัน
เย่ว์ปิงและอี้หนานส่งเสียงฉลองความสำเร็จที่ทำสัญญากับนางพญากระหายเลือดได้ โดยไม่อาจจะหักห้ามความยินดีได้
นอกจากเย่ว์ปิงที่ยังมีน้ำตาไหลออกมาไม่ขาดสาย แม้แต่อี้หนาน ก็ยังทำอะไรไม่ถูก ได้แต่ลอบปาดน้ำตาที่มุมตานาง การที่มีอสูรชั้นทองแดง ก็เพียงพอเติมเต็มคุณสมบัติทำให้น่าประทับใจและโดดเด่นแล้ว ถ้าเขายัวมีจ้าวอสูรทองในฐานะเป็นอสูรอัญเชิญ ถ้าอย่างนั้นคงเป็นเรื่องยากที่จะมองข้ามผลงานในอนาคตของเขา อย่าว่าแต่นักรบธรรมดาเลย ต่อให้เป็นเจ้าชาย กษัตริย์ประเทศเล็กๆ จะมีอสูรทองอยู่สักเท่าไหร่? โดยเฉพาะจ้าวอสูรทองร่างมนุษย์
ในฐานะที่นางพญากระหายเลือด เป็นจ้าวอสูรทองร่างมนุษย์ มีสติปัญญาและระดับชั้นทอง ดูเหมือนประเมินนางดูแล้วต้องได้อย่างน้อย 7 ดาว
อาจประเมินได้ถึง 8 ดาวก็ได้
เห็นได้ชัดว่า คุณชายสามแห่งตระกูลเย่ว์ผู้นี้ที่คนอื่นคิดว่าเขาเป็นสวะ ต่อให้ในอนาคตเขาต้องการรักษาความเป็นสวะต่อไป ก็เป็นเรื่องยากที่จะทำได้เช่นนั้น
“น้องเจ็ด! เรียกมนุษย์พฤกษาของเจ้าออกมาก่อน แม้ว่าเรายังไม่มีผลภูมิปัญญา แต่ก็ยังมีกิ่งแห่งพฤกษาชีวิต มันพอที่จะยกระดับได้แล้ว” ความจริงเย่ว์หยางไม่ได้ตั้งเป้าจะยกระดับนักรบพฤกษาเลย เขาเตรียมใช้ทักษะญาณทิพย์ตรวจดูบุคลิกพิเศษของนักรบพฤกษา เขาตั้งใจสอนเย่ว์ปิงอย่างเหมาะสมและช่วยให้นางยกระดับพลังต่อสู้ของนาง
“ตอนนี้ข้าสอบผ่านบททดสอบได้สำเร็จแล้ว นักรบพฤกษาของข้าเพิ่งได้เพิ่มระดับ ตอนนี้มันเป็นอสูรชั้นทองแดงระดับ 4 แล้ว แต่ข้ายังเทียบกับพี่สามไม่ได้เลย” น้ำเสียงของเย่ว์ปิงมีความภูมิใจเล็กๆ ในความสำเร็จของนาง ที่สำคัญที่สุด ไม่ว่าอย่างไร นักรบพฤกษาก็เพิ่มระดับความสามารถด้วยความขยันในการบ่มเพาะของนาง นางรายงานผลงานที่ดีของนางกับพี่ชายอย่างภูมิใจในตัวเอง
“ไม่เลวเลย น้องเจ็ดสอบผ่านประสบความสำเร็จจริงๆ” เย่ว์หยางกล่าวชื่นชมทำให้เย่ว์ปิงยิ้มหน้าบาน
เย่ว์หยางถือโอกาสนี้กล่าวยกย่องอี้หนานเช่นกัน ชื่นชมนางที่ประสบความสำเร็จในการบำรุงเพกาซัสเงินตัวน้อย จนมันมีพัฒนาการที่ดีมาก นางก็มีความสุขมากที่ได้ยินเขาชื่นชมเช่นกัน เพียงแต่มีอยู่เรื่องเดียวที่เย่ว์หยางทำให้นางหงุดหงิด คือเขายังเรียกนางว่า พี่(ชาย)อี้หนาน มันทำให้นางไม่พอใจ ขณะที่นางคิดว่าเจ้าเด็กงี่เง่าตาบอดขนาดนี้ได้อย่างไร เมื่อเย่ว์หยางมองเห็นสีหน้าท่าทางนาง เขาลอบหัวเราะในใจ แต่แกล้งทำเป็นไม่สังเกตเห็น
เขารวบรวมปราณก่อกำเนิดและเพ่งสมาธิใช้ทักษะญาณทิพย์ เตรียมตรวจดูนักรบพฤกษาที่เย่ว์ปิงเรียกออกมา
ในขณะเดียวกัน เขาถือกิ่งพฤกษาชีวิตไว้ในมือ และถ่ายปราณก่อกำเนิดเข้าสู่นักรบพฤกษาด้วยมืออีกข้างหนึ่ง ทดสอบอาการตอบสนองต่อความสามารถของมัน…
เย่ว์หยางชูกิ่งพฤกษาชีวิตที่กำลังส่องแสงเรืองรองรอบนักรบพฤกษา มันรีบรับเอากิ่งพฤกษาชีวิตมาแล้วรีบกินลงไปทันที เมื่อเย่ว์หยางใช้โอกาสนี้ใช้ปราณก่อกำเนิดและทักษะญาณทิพย์สัมผัสความรู้สึกของมัน ก็ได้มองเห็นผ่านต้นโอ๊คโบราณหมื่นปีจนไปถึงนักรบพฤกษา ที่กำลังย่อยกิ่งแห่งพฤกษาชีวิต เขารู้สึกได้ถึงความสามารถในการรวมตัวของมันได้ทันที รัศมีสีเขียวฉายลงมาที่นักรบพฤกษา อาบร่างเย่ว์หยาง, เย่ว์ปิงและอี้หนานพร้อมกัน ส่วนหนึ่งของนักรบพฤกษาดูดกลืนแสงไว้ทั้งหมด เมื่อมันกินกิ่งแห่งพฤกษาชีวิตไปแล้ว หัวและแขนขาทั้ง 4 ของนักรบพฤกษาปรากฏใบไม้นับไม่ถ้วนงอกขึ้นมาทันที ใบหนาและอ่อนแตกยอดออกมา สามารถเห็นได้ด้วยตาเปล่าว่า มีตาของใบอ่อนแตกออกมา มันเริ่มหยาบกร้านและเปลี่ยนเป็นกิ่งและใบที่เขียวชอุ่มไปในที่สุด
ลำแสงสีเขียวเริ่มสว่างสดใส
ร่างของมนุษย์พฤกษาเริ่มขดตัวเป็นลูกบอลก่อน ใบหนาและกิ่งก้านเถาวัลย์บิดขดล้อมรอบตัวของมัน และภายใต้แสงสีเขียวอาบร่างมันมีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว
มันกลับยืนขึ้นมาอีกครั้ง มันทำลายเปลือกใบไม้ที่ห่อหุ้มและได้วิวัฒนาการจากนักรบมนุษย์พฤกษาสูง 3 เมตร ขึ้นเป็นผู้พิทักษ์มนุษย์พฤกษา 100 ปี สูง 5 เมตร ยกระดับจากอสูรทองแดงระดับ 4 เป็นอสูรทองแดงระดับ 5
มนุษย์พฤกษาในตอนนี้มีลำต้นสีดำสนิท เนื้อไม้ของมันดูเหมือนเหล็ก ใบเขียวอ่อนงอกขึ้นจากศีรษะและไหล่ของมัน ตลอดลำตัวและหัวของมันดูเหมือนรูปร่างคนบ้าง
แน่นอน มันยังห่างไกลจากลักษณะอสูรร่างมนุษย์
อย่างไรก็ตาม มันได้วิวัฒนาการเข้าสู่เส้นทางเป็นอสูรร่างมนุษย์ไปแล้ว
ผู้พิทักษ์มนุษย์พฤกษาร้อยปี อาจกลายเป็นขุนพลมนุษย์พฤกษาพันปีในการยกระดับครั้งต่อไป มันอาจจะยกระดับขึ้นเป็นจ้าวพฤกษาหมื่นปีในตำนานก็ได้…
“อสูรทองแดงระดับ 5! พี่สาม นักรบพฤกษาของข้า ยกระดับเป็นอสูรทองแดงระดับ 5!” เย่ว์ปิงคิดว่าวันนี้คือที่นางมีความสุขที่สุดในชีวิตแล้ว
“แม้ว่ามันจะวิวัฒนาการเป็นผู้พิทักษ์มนุษย์พฤกษาร้อยปีก็ตาม แต่ถ้ามีกิ่งแห่งพฤกษาชีวิตและผลแห่งภูมิปัญญา มันอาจยกระดับขึ้นไปเป็นอสูรเงิน ขุนพลมนุษย์พฤกษาพันปี หรือไม่ก็เป็นอสูรทอง จ้าวพฤกษาหมื่นปี” อี้หนานสุขใจแทนเย่ว์ปิง อนาคตของดรุณีนางนี้ ไม่มีขีดจำกัดแล้ว ที่สำคัญที่สุด นางมีพี่ชายที่รักหวงแหนนางมาก นางไม่รู้ว่าเย่ว์หยางต้องเสียสละมากแค่ไหนถึงจะเอากิ่งแห่งพฤกษาชีวิตมาให้เย่ว์ปิง มีพี่ชายอย่างนี้ เย่ว์ปิงยังต้องกังวลว่าอสูรของนางไม่พัฒนาระดับอีกหรือ?
อี้หนางยังคงอิจฉานิดๆ ที่นางไม่สามารถเทียบได้กับเย่ว์ปิง เย่ว์ปิงมีพี่ชายที่รักนางมาก แต่อี้หนานไม่มี
ถ้านางมีพี่ชายสักคนที่รักและหวงแหนนาง นั่นจะเป็นเรื่องดีขนาดไหน?
นางมองดูเย่ว์ปิง นัยน์ตากลมโตสุกใสเผลออิจฉาอย่างไม่ได้ตั้งใจ นางมองดูเย่ว์หยาง และรู้สึกถึงความอบอุ่น ความรู้สึกที่พิเศษในใจนางที่ไม่ได้แสดงตอนที่นางพบกับเขาในตอนแรก… แม้ว่านัยน์ตาของเจ้าเด็กแสบนี่จะมืดบอดเหมือนค้างคาว เขาก็ยังรักและใส่ใจน้องสาวและครอบครัวเป็นอย่างมาก
อย่างน้อย เขาก็ยังเป็นพี่ชายที่แสนดี
“น้องเจ็ด, จำทักษะอำพราง ที่เป็นทักษะธรรมชาติของข้าได้ไหม?” เย่ว์หยางตัดสินใจเล่าเรื่องความรู้เกี่ยวกับผู้พิทักษ์มนุษย์พฤกษาร้อยปีที่เขามองเห็นด้วยทักษะญาณทิพย์
ใช้คนเป็นๆ เพื่อบำรุงต้นดอกหนาม เย่ว์หยางไม่มีทางบอกเรื่องนั้นแก่เย่ว์ปิง
อย่างไรก็ตาม เกี่ยวกับเรื่องอสูรผู้พิทักษ์ของเย่ว์ปิง เขาจะใช้ความพยายามช่วยให้นางได้บำรุงเลี้ยงอย่างสุดความสามารถ เขาหวังว่าน้องสาวของเขาจะก้าวหน้าได้มากยิ่งขึ้น เย่ว์ปิงเป็นอัจฉริยะอยู่แล้ว นางแค่ขาดแคลนทรัพย์สินที่มีค่า ที่จะทำให้ครูของนางยินยอมสอนให้อย่างถูกต้อง ถ้าเขาสามารถให้คำแนะนำบางอย่างแก่นาง และแอบยื่นมือช่วยนาง อนาคตของนางก็จะไม่มีขีดจำกัด นางจะก้าวหน้าได้อีกมาก
“พี่สามเห็นความลับของผู้พิทักษ์มนุษย์พฤกษาร้อยปีหรือ? เย่ว์ปิงมีความสุขมากจนแทบจะร้องเพลงออกมา วันนี้เป็นวันที่โชคดีแน่นอน สิ่งดีๆ หลายอย่างเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง
“เอ๋?” อี้หนานฟังเย่ว์ปิงพูดบางอย่างเกี่ยวกับเย่ว์หยางและนางทำอะไรไม่ได้ จึงได้แต่สงสัย คุณชายสามผู้ไร้ประโยชน์นี้ มีความสามารถพิเศษอะไร?
***************************