===============
“มนุษย์พฤกษามีความสามารถเพียงไม่กี่อย่าง นอกจากทักษะโต้ตอบ ฝังราก, งอกกิ่ง, หัวใจไม้และแพร่พันธุ์ ยังมีทักษะในการใช้งานอื่นอยู่อีก คือ หนามไม้และพุ่มหนาม, ขดรากและไม้เหล็กโบราณ อาจมีมากกว่านี้ก็ได้ แต่ทักษะอำพรางของข้ายังอยู่เพียงระดับ 2 ดังนั้นข้าจึงไม่เห็นทุกอย่าง” เมื่อเย่ว์หยางพูดอย่างนี้ดรุณีน้อยเย่ว์ปิงถึงกับปากอ้าค้าง
นางเรียนในสถาบันมา 4 ปี แต่นางรู้แค่เพียงทักษะหยั่งรากและงอกกิ่งเท่านั้น
นางเคยได้ยินทักษะขดรากมาก่อน แต่นางได้ยินมาว่ามันเป็นทักษะรบที่มนุษย์พฤกษาระดับสูงๆ ถึงจะทำได้ แม้แต่ครูในสถาบันของนางยังไม่สามารถเข้าใจทักษะนี้ได้ดีนัก
เนื่องจากครูคงไม่ยอมสอน ใครที่ต้องการเรียนก็ต้องจ่าย 100 เหรียญทองเพื่อเรียนทักษะนั้น
ก่อนนี้ มารดานางต้องประหยัดเงินไว้ซื้อยาปลุกพลังอสูร ซึ่งเพิ่มโอกาสให้พี่สามของนางสามารถทำสัญญากับคัมภีร์ได้ จะเป็นไปได้อย่างไรที่นางจะมีเงินจ่ายเพื่อเรียนทักษะนั้น แม้แต่เงินรางวัลที่นางได้รับจากตระกูลของนาง นางยังต้องให้บิดาของนางไปซื้อยาปลุกพลังสัตว์อสูรด้วยซ้ำ
โชคดี พี่ชายของนางแข็งแกร่งขึ้นได้ในที่สุด ไม่ใช่แค่เพียงทำสัญญากับคัมภีร์ได้เท่านั้น เขายังเป็นเสาหลักของครอบครัวได้อีกด้วย
ตอนนี้พี่ชายของนางสามารถสอนทักษะให้นางแทนได้ นั่นเป็นเรื่องที่ดียิ่งกว่า
เย่ว์ปิงมีความสุขอย่างบอกไม่ถูก นางกลายเป็นนักเรียนที่ดีขณะตั้งใจฟังพี่ชายของนางสอนอย่างเงียบๆ
“เจ้าสามารถใช้ทักษะหยั่งรากได้ค่อนข้างดีแล้ว อย่างไรก็ตามเกี่ยวกับทักษะงอกกิ่ง นอกจากการใช้แขนของนักรบพฤกษาโจมตีศัตรูของเจ้าแล้ว เจ้าสามารถทำให้นักรบพฤกษางอกกิ่งใหม่และสลัดมันออกจากต้นก็ได้ จากนั้น นักรบพฤกษาสามารถใช้กิ่งโจมตีศัตรูได้ ที่สำคัญที่สุดก็คือ การงอกกิ่งใหม่สามารถทำให้นักรบพฤกษาได้แขนขาใหม่ ตัวอย่างเช่น ถ้าแขนของนักรบพฤกษาถูกศัตรูตัดออกไป มันสามารถใช้ทักษะงอกกิ่งงอกแขนของมันออกมาใหม่ นั่นคือการใช้ทักษะงอกกิ่งที่แท้จริง” เมื่อเย่ว์หยางพูดมาถึงตอนนี้ เป็นความรู้ที่ทำให้อี้หนานประหลาดใจ อี้หนานอดไม่ได้ จึงร้องถามว่า “ถ้าเป็นอย่างนั้นจริง อสูรสายพฤกษาก็ไม่ได้อ่อนแอจริงๆน่ะสิ แต่แข็งแกร่งมากใช่ไหม? ถ้าอสูรสัตว์ร้ายหรือประเภทนก เสียแขนขาในการต่อสู้ พวกมันจะไม่สามารถทำให้งอกได้แน่นอนใช่ไหม? ทันทีที่แขนขาถูกทำลาย ก็หมายความว่าจะถูกทำลายตลอดกาล ถ้าอสูรสายพฤกษาสามารถงอกส่วนของร่างกายได้ผ่านการใช้ทักษะงอกกิ่ง อย่างนั้นพวกมันก็จะไม่พ่ายแพ้ง่ายๆหรือ?”
“เดิมทีอสูรสายพฤกษาแข็งแกร่งมาก “เย่ว์หยางยิ้มเล็กน้อย “พวกมันถูกเข้าใจว่าอ่อนแอเพราะคนที่ใช้พวกมันเข้าใจผิดไปเอง ถ้าคนอื่นๆ ไม่สามารถใช้ประโยชน์จากพวกมันได้ ก็ไม่ได้หมายความว่าอสูรสายพฤกษาจะเป็นพวกอ่อนแอนี่”
“พี่สาม, ได้โปรดสอนทักษะหัวใจไม้และเมล็ดพันธุ์ให้ข้าด้วยเถอะ” เย่ว์ปิงกังวลและไม่อาจอดใจรอที่จะเรียนรู้เคล็ดลับของมนุษย์พฤกษาได้
เมล็ดพันธุ์และหัวใจไม้เป็นทักษะระดับสูง เมื่อมนุษย์พฤกษาวิวัฒนาการไปเป็นขุนพลพฤกษาพันปี มันถึงจะมีหัวใจไม้ ตราบใดที่หัวใจไม้ไม่ถูกทำลาย มนุษย์พฤกษาจะไม่ตาย เมื่อมันวิวัฒนาการไปเป็นจ้าวพฤกษาหมื่นปี มันถึงสามารถใช้ทักษะแพร่เมล็ด ตราบใดที่เจ้าสามารถปลูกเมล็ดพืชเหล่านี้ในสถานที่ๆ เหมาะสม เจ้าจะสามารถเรียกมนุษย์พฤกษาจากเมล็ดเหล่านี้ได้ ข้าจะสอนเจ้าเมื่อเราไปถึงที่นั่นแล้ว เย่ว์หยางลูบหัวเย่ว์ปิงเบาๆ และยิ้มให้ สำหรับทักษะไม้เหล็กต้นไม้โบราณ เป็นทักษะที่ผู้พิทักษ์มนุษย์พฤกษาร้อยปีจะมีอยู่โดยธรรมชาติ มันจะเพิ่มพลังป้องกันได้มาก ยังไม่จำเป็นต้องอธิบายรายละเอียด ข้าจะสอนหลักๆ ให้เจ้า ตราบใดที่เจ้าเรียนทักษะไม้หนานและพุ่มหนามและทักษะขดราก ข้ารับรองได้ว่า ใครที่หาญสู้เจ้าในอนาคตจะต้องซึมกระทือจนตายแน่”
“จริงเหรอ?” เย่ว์ปิงตื่นเต้นมากจนเกือบกระโดดโลดเต้นแล้ว
“…” อี้หนานเห็นวิธีที่เย่ว์หยางหยอกล้อน้องสาวอย่างชาญฉลาดทำให้มองเห็นว่าเขาเป็นพี่ชายที่ดีคนหนึ่งจริงๆ ฮึ.. เขาทำหน้าที่พี่ชายที่แสนดีได้ดีจริงๆ
“ทักษะหนามไม้และพุ่มหนาม นักรบพฤกษาสามารถใช้จู่โจมได้ทั้งระยะไกลและระยะใกล้ หนามไม้ใช้โจมตีระยะใกล้ พุ่มหนามใช้โจมตีระยะไกล ทันทีที่มันใช้หนามทำร้ายคู่ต่อสู้ให้บาดเจ็บได้ เจ้าสามารถใช้พิษสังหารซึ่งเป็นทักษะแฝงฆ่าศัตรูได้ เมื่อนักรบพฤกษาของเจ้าพัฒนาไปเป็นขุนพลนักรบพฤกษาพันปี มันจะสามารถดูดเลือดของคู่ต่อสู้ได้ เจ้าจะสามารถควบคุมนักรบพฤกษาให้ใช้พุ่มหนามของมันให้รายล้อมศัตรูจากทุกตำแหน่ง จากนั้นปล่อยพิษและดูดเลือดของพวกเขาก็ได้ ไม่ว่าศัตรูจะมีสัตว์อสูรแข็งแกร่งขนาดไหน ก็คงไม่อาจทนต่อการโจมตีเช่นนั้นได้” เมื่อเย่ว์หยางเล่าเรื่องนี้ให้ฟัง ดรุณีน้อยเย่ว์ปิงพยักหน้าเป็นระยะๆ
นักรบพฤกษามีจุดอ่อนอย่างหนึ่งคือมันช้ามาก มันไม่สามารถไล่ตามศัตรูได้ง่ายๆ
แต่ตอนนี้ ด้วยทักษะหนามไม้และพุ่มหนาม ซึ่งสามารถสู้ได้ทั้งในระยะใกล้และไกล จุดอ่อนที่ใหญ่ที่สุดนับว่าได้รับการปกปิดแล้ว ถ้านักรบพฤกษาต้องเผชิญกับสัตว์อสูรของศัตรู ถ้าศัตรูไม่คลั่งใจตายก็คงแปลกล่ะ
อี้หนานเริ่มจะขมวดคิ้ว “อสูรรูปแบบสัตว์ป่าย่อมกลัวพิษแน่นอน แต่อสูรจำพวกปีศาจ, อสูรใต้พิภพ หรืออสูรผีร้ายจะไม่กลัวอสูรที่มีพิษ โดยเฉพาะอสูรในจำพวกผีร้าย อสูรที่น่าเกลียดน่ากลัวเหล่านั้นมีพิษในตัวเองร่างซากศพของมันและเนื้อเน่าๆ ของมันมีพิษ..
เย่ว์หยางโบกมือและชี้ให้นางเห็นว่าไม่ต้องกังวลมากเกินไป “เท่าที่ข้ารู้อสูรสายพฤกษาเป็นดาวข่มของพวกปีศาจ แม้ว่าจะไม่ใช่อสูรทุกจำพวก แต่พวกปีศาจ, อสูรจากนรก, อสูรประเภทผีร้าย จะน่าสงสารมากเมื่อเผชิญกับอสูรสายพฤกษา ทั้งนี้เป็นเพราะอสูรสายพฤกษาจะปล่อยพลังปราณได้ดีที่สุด การปล่อยพลังปราณจะไม่มีผลต่ออสูรประเภทสัตว์ร้ายหรืออสูรประเภทนก ความจริงพวกมันยังได้ประโยชน์จากการเยียวยาขณะที่ได้ผลจากพลังปราณด้วยซ้ำ อย่างไรก็ตาม ปีศาจและอสูรประเภทผีร้ายจะต้องพบกับเวลาที่ย่ำแย่จริงๆ เพราะปราณปีศาจของพวกมันจะถูกชำระ ยกตัวอย่างเช่น จุดอ่อนของขุนพลปีศาจ ก็คือหัวใจของมัน ตราบใดที่เจ้าสามารถทำลายหัวใจหัวใจของมันด้วย หนามและแผ่นพลังปราณไม่หยุด ปราณชำระล้างจะทำลายหัวใจของขุนพลปีศาจได้ และขุนพลปีศาจจะตายอย่างแน่นอน
“แต่ขุนพลปีศาจว่องไวมาก เราจะเล็งเป้าได้อย่างไร?” เย่ว์ปิงถามเหมือนกับนักเรียนช่างสงสัย
“ใช้ทักษะขดราก” เย่ว์หยางคลี่ยิ้มช้าๆ “ขดรากคือทักษะที่ทำให้ศัตรูของเจ้าเกิดอาการหดหู่ ตราบใดที่รากๆ หนึ่งรวบศัตรูได้แล้ว เว้นแต่มนุษย์พฤกษาตาย มันจะเป็นเรื่องยากมากๆ ที่จะดิ้นรนให้หลุดออกมาได้ ปกติจะไม่นำมาใช้เหมือนกับเป็นอุบายที่น่ารังเกียจ แต่เอาไว้ใช้เป็นเครื่องมือลอบโจมตีแทน หรือถ้าใช้หนามไม้ได้สำเร็จ เจ้าจะสามารถสั่งให้นักรบพฤกษาปล่อยทักษะของตนได้ ก่อนอื่นให้ใช้ทักษะหยั่งรากต่อหน้าศัตรู จากนั้นใช้ทักษะขดรากเพื่อมัดพวกเขา หลังจากนั้นเจ้าก็แค่โจมตีศัตรูอย่างต่อเนื่องโดยไม่ต้องใจอ่อน ถ้าศัตรูเป็นอสูรประเภทผีร้าย ก็สั่งให้นักรบพฤกษาของเจ้าปล่อยปราณของมัน และกวาดล้างศัตรูของมัน ไม่ว่าจะเป็นศัตรูชนิดไหนที่เจ้าเผชิญหน้า ต่อให้เป็นมังกรบินก็ตาม ถ้าเจ้าพันธการพวกมันไว้ด้วยขดราก อย่างนั้นมันจะตายอย่างน่าอนาถแน่นอน” เย่ว์หยางสอนเย่ว์ปิงทุกๆ ทักษะที่นักรบพฤกษามี
เมื่อครั้งก่อนนั้น เย่ว์หยางยังสงวนท่าทีกับนาง เพราะเขาเพิ่งข้ามมิติมายังโลกนี้ อย่างไรก็ตาม ในตอนนี้ เขาได้รับแรงบันดาลใจจากแม่สี่และมุ่งมั่นที่จะกลมกลืนกับครอบครัวที่อบอุ่นนี้ ดังนั้น เขาจึงไม่ได้ปิดบังอะไรกับน้องสาวเลย
แน่นอนว่า เขาแค่สอนนางเกี่ยวกับทักษะของนักรบพฤกษาเท่านั้น
สำหรับความลับวิธีบำรุงต้นดอกหนามโดยใช้มนุษย์เป็นอาหาร เขาไม่มีทางบอกวิธีที่น่ากลัวแบบนั้นแก่นางเด็ดขาด
เย่ว์หยางไม่มีทางบอกใครๆ ถึงความลับที่เขาได้นางพญาดอกหนามมงกุฎทองมา เขาจะเก็บมันไว้เป็นอาวุธลับของเขาเอง
เมื่อเย่ว์ปิงและอี้หนานได้ฟังเรื่องนี้ พวกนางตะลึงอึ้งจนพูดไม่ออกไปชั่วครู่ ก่อนที่จะพึมพำออกมาเหมือนกันว่า “อย่างนั้นอสูรสายพฤกษาแข็งแกร่งขนาดนี้จริงๆ เหรอ?
เย่ว์หยางหัวเราะ “ความจริง อสูรสายพฤกษายังคงมีจุดอ่อนอย่างหนึ่ง ยกตัวอย่างเช่น นักรบพฤกษาตนนี้ จุดอ่อนของมันไม่ใช่ความเร็วของมัน แต่เป็นการต่อสู้เป็นกลุ่ม ในการดวลตัวต่อตัว นักรบพฤกษาจะมีข้อได้เปรียบแน่นอน แค่ใช้ทักษะขดรากก็ได้ชัยชนะแล้วไม่ว่าจะทำอย่างไรก็ตาม แต่ว่าในการต่อสู้เป็นกลุ่ม มันจำเป็นต้องหยั่งรากต่อหน้าเป้าหมายและทำได้เพียงเล็งเป้าหมายได้เพียงหนึ่ง ดังนั้นจึงเป็นเรื่องยากมากๆ ที่จะใช้ทักษะขดรากในการต่อสู้เป็นกลุ่ม ผลของมันมีอย่างจำกัด จุดอ่อนใหญ่ที่สุดของนักรบพฤกษาก็คือมันมีจำนวนน้อย น้องเจ็ด เจ้าเรียกมนุษย์พฤกษาได้มากที่สุด 2 ตนใช่ไหม? นั่นคือสาเหตุที่นักรบพฤกษามีข้อได้เปรียบในการสู้ตัวต่อตัว แต่เสียเปรียบในการสู้แบบเป็นกลุ่ม”
แต่นักท่องเที่ยวต่างมิติไม่ได้บอกว่าจุดอ่อนของนักรบพฤกษาจะไม่มีสำหรับต้นดอกหนาม
ทั้งนี้เป็นเพราะเมื่อต้นดอกหนามมีระดับสูงเพียงพอ มันสามารถใช้ทักษะการขยายพันธุ์ และเพิ่มจำนวนได้อย่างมากมาย นอกจากนี้ ร่างหลักยังมีร่างที่สองและเพิ่มกิ่งก้านได้ เมื่อมันเปลี่ยนเป็นนางปีศาจดอกหนาม มันจะมีร่างที่สองอีกมากมายและกิ่งก้านอ่อนอีกนับสิบ เมื่อมันเปลี่ยนเป็นนางพญาดอกหนามมงกุฎทอง มันจะยิ่งน่ากลัวมากขึ้น ในฐานะนางพญาจะมีต้นดอกหนามนับไม่ถ้วนอยู่ใต้บัญชาการของนาง แทบจะกล่าวได้ว่าเหมือนกับเป็นทะเลดอกหนาม
แน่นอนว่า 3 พันปีที่แล้ว นางเซียนดอกหนาม ใช้ทะเลดอกไม้กวาดล้างกองทัพปีศาจทั้งหมด
แม้ว่ามันจะมาเป็นกองทัพ พวกมันจะต้องพบกับความตายน่าอนาถ เมื่อเผชิญกับทะเลดอกหนาม
นักรบพฤกษายังมีจุดอ่อนใหญ่ มันไม่กล้วไฟหรือน้ำแข็ง แต่มันกลัวสายฟ้า
นักรบพฤกษาใดๆ ก็ตามจะต้องตายแน่ถ้าเจอสายฟ้าเพียงไม่กี่ครั้ง แน่นอนว่าจุดอ่อนนี้ไม่ได้แสดงไว้ในมนุษย์พฤกษาของเย่ว์ปิง เพราะผู้พิทักษ์มนุษย์พฤกษาร้อยปีของนางเป็นอสูรผู้พิทักษ์ที่ไม่มีทางตายจริงๆ
เกี่ยวกับเรื่องนี้ เย่ว์หยางได้เตือนเย่ว์ปิงเล็กน้อย ถ้านางต้องพบเจออสูรที่ใช้สายฟ้า นางต้องให้ความสำคัญจัดการฆ่ามันก่อน มิฉะนั้นนักรบพฤกษาของนางจะบาดเจ็บหนักได้ง่ายๆ
อี้หนานก็ต้องการคำชี้แนะของเย่ว์หยาง แต่นางรู้สึกว่าไม่สะดวกที่จะถามเขา
แต่เย่ว์ปิงใส่ใจอยู่ พอเห็นสีหน้าของอี้หนานเปลี่ยนแปลงเล็กน้อย เย่ว์ปิงช่วยอี้หนานถามทันที ความจริงเย่ว์หยางแม้จะชอบหยอกล้ออี้หนานมากกว่าเย่ว์ปิง นางยังเป็นคนหนึ่งที่เขาไม่คิดกดขี่ เขาไม่รู้ว่านางคิดยังไงกับเขา ดังนั้นเขาจึงบอกเรื่องที่นางต้องการรู้ เย่ว์หยางบอกนางเกี่ยวกับทักษะลูกเพกาซัสเงิน 2-3 อย่างและยังบอกจุดอ่อนของมันด้วย เขาบอกนางให้เน้นวิธีบ่มเพาะอสูรของนางให้มากขึ้น จากนั้นก็อ้างว่าระดับทักษะอำพรางของเขายังต่ำเกินไป ไม่สามารถจะเห็นได้ลึกมากกว่านี้แล้ว เขายังรักษาความลับส่วนใหญ่ไว้
ถึงอย่างนั้น อี้หนานก็มีความสุขมากขณะที่นางผงกศีรษะอย่างตื่นเต้น ตอนนี้นางเชื่อถือบุรุษเห็นแก่ตัวผู้นี้เต็มที่แล้ว
สองสาวยังคงคุยกันเรื่องบทฝึกทักษะอัญเชิญต่างๆ อย่างเบิกบานใจ
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เย่ว์ปิงหลังจากได้การชี้แนะจากพี่ชายของนาง ฝีมือการควบคุมผู้พิทักษ์มนุษย์พฤกษาของนางก้าวหน้าแบบก้าวกระโดดทันที ทุกคนเชื่อว่าในช่วงเวลาหนึ่ง นางจะเป็นคู่ต่อสู้ที่ทำให้คนอื่นต้องปวดหัวแน่นอน อย่างน้อยก็พวกปีศาจ, อสูรใต้พิภพและพวกผีร้าย, อสูรจากแดนนรกทั้งหมดจะต้องกลุ้มแน่เมื่อเจอนาง
ราตรีเริ่มคืบคลานมาแล้ว
เย่ว์หยางพาเย่ว์ปิงและอี้หนานไปอยู่ที่ใต้ต้นโอ๊คหมื่นปี และใช้เวลาเหมือนกับว่าโลกเป็นของทั้งสามคนอย่างมีความสุข
เย่ว์หยางคอยหยอกล้อทำให้สองสาวหัวเราะไม่หยุด พวกเขาต้องการเวลาสนุกเพลิดเพลินชั่วเวลาหนึ่ง เสียงหัวเราะดังเหมือนระฆังเงินดังก้องไปทั่ว ภายใต้ต้นโอ๊คโบราณหมื่นปี ขณะที่ความมืดยามราตรีผ่านไปและอาทิตย์ทอแสงรำไรทางทิศตะวันออก เย่ว์หยางก็เห็นเย่คง, เจ้าอ้วนไห่, และพี่น้องตระกูลหลี่มาถึงกันแล้ว
จากที่เห็น เจ้าอ้วนไห่เหมือนคนที่ตายไปแล้วครึ่งหนึ่ง เย่คงต้องเขย่าตัวเขาเป็นระยะๆ ก่อนที่เขาจะเดินไปได้ทีละนิด อย่างไรก็ตามเมื่อเขาเห็นนางพญากระหายเลือด เขาก็เปลี่ยนไปทันที
เขาวิ่งตรงมาหานางพยากระหายเลือดด้วยความเร็วที่มนุษย์ธรรมดาทำไม่ได้
ตลอดทาง เขาล้วงหวีออกมาและหวีผมที่กระเซอะกระเซิงจนแทบดูเรียบร้อย
นอกจากนี้เขายังจัดเสื้อผ้าที่ยุ่งเหยิง และทำให้มันดูดีเหมือนใหม่
เขาถือโอกาสตีขลุมว่า “ข้าคือสุภาพบุรุษ” และโค้งคำนับให้นางพญากระหายเลือดด้วยมารยาทที่ดูดี เขาฉีกยิ้มกว้างที่เขาคิดเอาเองว่า เป็นยิ้มที่จริงใจและน่ารักมากที่สุด พลางกล่าวว่า “แม่หญิงผู้งดงามผู้นี้ ข้าขอถามว่าเจ้ามีอะไรจะให้ข้าช่วยได้บ้างไหม? เพื่อโฉมงามอย่างเจ้า แม้ว่าเจ้าจะขอให้ข้ากระโดดลงทะเลน้ำมันที่มีเพลิงไหม้หรือดงดาบ ไม่ว่าจะเป็นไฟหรือน้ำ รับรองข้าจะไม่ขมวดคิ้วแน่นอน”
“…” นางพญากระหายเลือดมองเย่ว์หยางเหมือนจะถามเขาว่า เขามีสหายงี่เง่าขนาดนี้ได้อย่างไร
“ข้าชื่อไห่ต้าฟู่ คนสวย! ใครๆ ก็เรียกข้าว่าต้าไห่ ปีนี้ข้าอายุ 22 ขวบ ยังโสดอยู่ ข้ารอหาคนรักแท้มานานเป็นหมื่นปีแล้ว ไม่สิคนสวย! ข้ารอเจ้าคนเดียวมานาน 100 ปีแล้ว ข้าตกหลุมรักเจ้าทันทีที่ได้สบตากับเจ้า บางทีเจ้าอาจเห็นว่าภายนอกข้าจะดูห้าวๆ แต่ขอข้าพูดหน่อยเถอะนะ นอกจากจะตัวใหญ่แล้ว ข้ายังมีความเข้มแข็งอีกด้วย เป็นนักสู้ที่มีจิตใจไม่ยอมแพ้ อะไรนะ? เจ้าไม่เชื่อว่าข้าเป็นนักสู้เหรอ? ไม่ เจ้าเข้าใจผิดแล้ว คนที่ไม่โอ้อวดตัวอย่างข้ามักถูกคนอื่นเข้าใจผิด แต่ข้าไม่เคยไปแก้ไขความเข้าใจผิดพวกเขามาก่อน เจ้านึกหรือว่าข้าจะบอกคนอื่นง่ายๆ ว่าข้าเป็นผู้มีคัมภีร์อัญเชิญ ที่เป็นเจ้าของแรดเหล็กอสูรทองแดงระดับ 2? ไม่ ข้าไม่ใช่คนแบบนั้น” เจ้าอ้วนไห่ยังพูดไม่ทันจบ ก็ถูกนางพญากระหายเลือดผู้ไม่ต้องการฟังเรื่องไร้สาระของเขาต่อไป เตะจนปลิว ร่างของเขาลอยโค้งตกในที่ห่างออกไป 10 เมตร
“ต้าไห่! เจ้าโง่มากเลยนะ เจ้าไม่สามารถแยกแยะระหว่างคนกับอสูรอัญเชิญได้อย่างไร?” อี้หนานแอบหัวเราะในใจ ตัวนางเองก็เกือบเข้าใจผิด แต่โชคดีที่นางไม่แสดงอาการหึงในตอนนั้น มิฉะนั้นคงเป็นเรื่องน่าอึดอัดใจ เย่ว์หยางอาจคิดว่านางเป็นผู้หญิงที่งอนและหึงได้ง่าย ไม่ว่ายังไง เขาก็ยังคิดว่านางเป็นพี่(ชาย)อี้หนานไม่ใช่หรือ? เจ้าบ้าที่ตาบอดตาใสนี่ นางวางตัวต่อหน้าเขาไม่ถูกจริงๆ
เมื่ออี้หนานมองเย่ว์หยาง อารมณ์นางเป็นแบบผู้หญิงขณะที่นางใช้สายตาผู้หญิงที่ดุดันมองเขา
เย่ว์หยางเห็นแน่นอน แต่เขาก็ยังแกล้งทำเป็นไม่เห็น
เมื่อเย่ว์ปิงเห็นดังนี้ นางแอบปิดปากหัวเราะทันที
ดูเหมือนพี่ชายผู้โง่เขลาของนางนี้ถูกพี่อี้หนานทำให้พี่ชายนางสับสน เหมือนอย่างที่เจ้าอ้วนไห่สับสนเรื่องนางพญากระหายเลือด
มิฉะนั้น เขาคงไม่สามารถเห็นว่าพี่(ชาย)อี้หนานของเขาเป็นผู้หญิงจริงๆ
ส่วนเย่คงและพี่น้องตระกูลหลี่ทิ้งอาวุธลงกับพื้นขณะอ้าปากค้างจนแทบจับช้างยัดเข้าไปได้ทั้งตัว “อสูรทองร่างมนุษย์หรือนี่?”
*********************************