===============
หลังจากรู้ว่านางพญากระหายเลือดเป็นอสูรทองร่างมนุษย์ เจ้าอ้วนไห่ถึงกับร้องไห้ไม่ยอมหยุด
ตามที่เขาว่า นี่เป็นครั้งแรกที่เขาเผยความรักที่มีต่อสตรี เจ้าอ้วนไห่ไม่คิดเลยว่าเขาจะถูกทำร้ายจิตใจหนักอย่างนี้ เย่ว์หยางปลอบโยนเขา “ต้าไห่ เจ้ามีสาวงามในโรงเรียนที่หลงรักเจ้าตั้งหลายคนนี่ แต่ละคนก็พร้อมจะตายเพื่อเจ้าได้ เจ้านึกหาวิธีไปรับมือพวกนางจะดีกว่า อย่าโลภมากต้องการทรัพย์สินของคนอื่นๆ อยู่เลย” เจ้าอ้วนไห่ยิ่งร้องไห้หนักกว่าเดิม
ความจริง ทุกคนรู้ว่าไม่มีใครชอบเจ้าอ้วนไห่ ไม่ว่าเรื่องอะไรที่เขาพูดเกี่ยวกับสาวงามที่โรงเรียนหลงรักเขา เป็นแค่เพียงเรื่องเพ้อฝันในใจเขาเท่านั้น
หลังจากแหกปากร้องไห้อยู่พักหนึ่ง จู่ๆ เจ้าอ้วนไห่เกิดอยากจะปกป้องรักครั้งแรกของเขาขึ้นมาทันที
เขากำหมัดแน่นและสาบานว่าเผ่าพันธุ์ไม่เป็นปัญหา ถึงมนุษย์กับอสูรจะแตกต่างกัน แต่ก็ไม่สามารถห้ามความรักที่บริสุทธิ์ที่มีต่อกันได้ในที่สุด แต่ก่อนที่เขาจะพูดจบ เย่คงและคนอื่นๆ อุ้มเขาไปด้านหลังต้นโอ๊คหมื่นปีและทุบตีกันสนุกมือ เหตุผลของเรื่องนี้ก็เพราะว่าเย่คงและคนอื่นๆ รู้สึกว่าความคิดจากสมองหมูๆ ของเจ้าอ้วนไห่ทำลายศักดิ์ศรีของเผ่าพันธุ์มนุษย์นั่นเอง
ความรักระหว่างเจ้าอ้วนไห่กับอสูรถูกลิขิตมาว่าเป็นความสัมพันธ์รักที่อาภัพไปแล้ว จำต้องปล่อยวางเดี๋ยวนี้ แม้ว่าเขาจะแข็งแกร่งกว่า 100 หรือ 1000 เท่า นางพญากระหายเลือดอาจเหลียวมองเขาอย่างไม่มีเงื่อนไขก็ได้
อย่างรวดเร็ว เจ้าอ้วนไห่พอโดนประเคนมือและเท้า ก็ไม่พูดถึงรักครั้งแรกของตนเองอีกต่อไป
“อย่างนั้น ข้าตัดสินใจแล้วในฐานะลูกพี่ของเจ้า ข้าต้องการทำให้เป็นตัวอย่างสำหรับเจ้าที่เป็นคนติดตาม ในอนาคต ถ้าข้าต้องทำสัญญากับอสูร ข้าจะจะทำสัญญากับอสูรสาวสวยที่แข็งแกร่ง ข้าไม่ต้องการอสูรทองแดงและอสูรเงิน อย่างน้อยต้องเป็นอสูรทอง เจ้าวานรเย่คง พวกเจ้าต้องทำตามตัวอย่างของลูกพี่ซะดีๆ” คำพูดของเจ้าอ้วนไห่ทำให้ทุกคนถึงกับกรอกตาไปมา เย่คงและพี่น้องตระกูลหลี่ตรงไปตรงมายิ่งกว่า ถึงกับยกนิ้วกลางให้ การด่าด้วยนิ้วกลางเช่นนี้พวกเขาเรียนรู้มาจากเย่ว์หยาง พวกเขารู้สึกว่าการยกนิ้วกลางให้เป็นสุดยอดของการด่าดีกว่าล้านวลีเสียอีก
แต่เจ้าอ้วนไห่หนังหนาราวกับเกราะเสียอย่าง แค่นิ้วกลางใช้ไม่ได้ผลกับเขา
เขาไม่กล้าพัวพันนางพญากระหายเลือดอีก เนื่องจากแรงเตะครั้งเดียวของนางส่งผลให้ร่างยักษ์ของเขาปลิวกระเด็นไปได้หลายสิบเมตร
แต่เพราะเย่ว์หยางเป็นคนที่โชคดีที่สุดในโลก เจ้าอ้วนไห่ยังต้องการติดสินบนเขา จึงพูดว่า “ในฐานะลูกพี่ ข้าได้ปกป้องเจ้ามาหลายวันแล้ว แต่ข้าก็ยังไม่ได้เลี้ยงพวกเจ้าพวกเจ้าสักมื้อเลย วันนี้ข้าจะเลี้ยงทุกคน, ตามสบายเลยทุกคน เอาเมนูที่ดีที่สุด เราจะยังไม่ไปโรงเตี๊ยมนักรบที่มีแต่ทหารรับจ้างกระจอกๆ เข้ามากัน เราจะไปที่ร้านอาหารเจินเว่ย หลังจากกินดื่มเต็มที่แล้ว เราจะไปหาร้านสัตว์อสูร เจ้าช่วยข้าหาไข่อสูรทองให้ข้า ข้าสนใจต้องการอสูรสาวสวย ก็อย่างที่เจ้าพูด ข้าเป็นลูกพี่ ไม่มีอสูรสาวสวย มันจะดีได้อย่างไร?”
“นี่เจ้าทำตัวเป็นลูกพี่ได้อย่างไร?” อี้หนานหนื่อยใจจนอยากตายเพราะเรื่องนี้
“ในฝันของเจ้าใงล่ะ” เย่ว์ปิงทนเรื่องนี้ต่อไปไม่ได้
ถ้าร้านขายอสูร ขายไข่อสูรทอง ก็คงมีแต่ที่อ่อนแอที่สุดในโลกกระมัง? อย่าว่าแต่อสูรสาวสวยเลย ถ้าเจ้าอ้วนไห่ระบุย้ำไปว่าต้องการจะทำสัญญากับเฉพาะอสูรสาวสวย บางทีเขาคงจะไม่มีทางได้ทำสัญญาอีกต่อไปเลยก็ได้ นอกจากที่ทำไว้กับแรดเหล็ก อสูรทองแดงระดับ 2
เย่ว์หยางพูดเรียบๆ เขาไม่ได้พูดกล่าวว่าเจ้าอ้วนไห่หมกมุ่นเรื่องผู้หญิง แต่พูดปลอบโยนเขาแทนว่า “แรดเหล็ก อสูรทองแดงระดับ 2 ของเจ้า มันก็เป็นตัวเมียอยู่แล้ว ถ้าเจ้าบ่มเพาะมันดีๆ ใครจะรู้? มันอาจจะกลายเป็นแรดสาวแสนสวย อสูรชั้นทองก็ได้ แต่เรื่องนี้ เจ้าต้องใช้ความพยายามอย่างหนักเพื่อให้งานสัมฤทธิ์ผลให้ได้ ที่สำคัญ เจ้าเป็นลูกพี่แน่นอน ข้าจะช่วยสนับสนุนเจ้า ข้าเชียร์เจ้าเต็มที่”
หลังจากพูดอย่างนี้ ทั้งอี้หนานและเย่ว์ปิงแอบปิดปากทันที
ยังไม่ต้องพูดถึงความลำบากยากเข็ญในการวิวัฒนาการแรดเหล็ก อสูรทองแดงระดับ 2 เลย แค่มองดูโครงสร้างร่างกายของแรดแล้ว มันจะกลายเป็นอสูรสาวแสนสวยได้อย่างไร?
เรื่องยากแบบนี้อาจจะยากยิ่งกว่าบ่มเพาะหนูบ้านธรรมดาๆ ให้เป็นสัตว์อสูรชั้นเทพสามารถทำลายได้ทั้งโลกและสวรรค์.. เย่คงต้องการจะบอกเจ้าอ้วนไห่ในเรื่องนี้ว่า ถ้าเขาสามารถวิวัฒนาการแรดเหล็กอสูรทองแดงระดับ 2 ให้เป็นอสูรสาวแสนสวยชั้นทองได้ เขาจะยอมแก้ผ้าวิ่งรอบทั้งทวีปมังกรทะยาน
“อา, ทำไมข้าถึงไม่ได้คิดเรื่องนี้นะ?” เจ้าอ้วนไห่แสดงท่าทางเหมือนกับว่าเพิ่งจะได้รับรู้ เขาจับมือเย่ว์หยางแน่น พลางพูดว่า “เมื่อข้าได้แรดสาวสวยแล้ว จากนั้นพวกเรา 2 พี่น้องจะได้มีฉายาว่าคู่หูนักฆ่าอสูรสาวแสนสวย”
“ชื่อแบบนี้…” เย่ว์หยางเกือบจะทุบตีเจ้าอ้วนไห่ให้ตายเสียแล้วเพราะคำพูดแบบนี้
“เป็นอะไรไปเหรอ?” เจ้าอ้วนไห่งุนงง เขามองเห็นเย่ว์หยางมีท่าทีแปลกๆ จึงถามดู
“ข้าขอเชิดชูเจ้าเต็มที่เลย, ตกลงตามนั้น, ข้าจะพยายามหาวิธีบ่มเพาะเต็มที่เพื่อให้เจ้าได้แรดสาวแสนสวย และให้กำเนิดคู่หูนักฆ่าอสูรสาวแสนสวย” เย่ว์หยางหลอกล่อได้สำเร็จ จนทำให้อี้หนานและเย่ว์ปิงหัวเราะจนน้ำตาเล็ด เย่คงกับพี่น้องตระกูลหลี่ได้แต่กรอกตาไปมา พวกเขารู้สึกว่าเจ้าอ้วนไห่ต้องการบ่มเพาะแรดเหล็กให้เป็นแรดสาวแสนสวย เขาควรจะบ่มเพาะตัวเองให้แรดตัวผู้ยังจะดีเสียกว่า ระดับความยากในวิธีการแบบนั้นอาจจะต่ำกว่ามากก็เป็นได้
ขณะที่รอเจ้าอ้วนไห่ เย่คงและคนอื่นๆ ก็จบภารกิจหัวใจต้นโอ๊ค หลังจากผ่านไปได้วันหนึ่ง
เวลานี้เย่ว์ปิงได้เรียนทักษะหนามไม้และพุ่มหนาม และทักษะขดรากแล้ว ปัญหาก็มีเพียงความเร็วในการเปิดการใช้งานของนาง ยังช้าไปเล็กน้อย
ถ้าเย่ว์ปิงไม่ได้แอบซุ่มโจมตี อสูรที่เป็นปฏิปักษ์กับนางที่ไม่สามารถบินได้ ก็อาจประสบความตายที่น่าสยดสยอง
หลังจากสำเร็จภารกิจหัวใจต้นโอ๊คแล้ว เย่คงและพี่น้องตระกูลหลี่ก็ได้ปรับยกระดับด้วยเช่นกัน
มีเพียงแรดเหล็กของเจ้าอ้วนไห่ยังคงเป็นอสูรทองแดงระดับ 2
อย่างไรก็ตาม รังสีเขียวจากหัวใจต้นโอ๊คก็ยังคงส่งผลต่อมัน โครงสร้างของแรดเหล็กใหญ่ขึ้นกว่าเดิม นอของมันดูเหมือนจะงอกยาวขึ้นอีกนิด ทุกคนรู้สึกว่า แม้มันจะเป็นไปไม่ได้ที่หวังจะให้มันกลายเป็นอสูรสาวแสนสวย แต่คงไม่มีปัญหาที่จะเปลี่ยนมันให้เป็นเครื่องจักรสงครามโดยให้มันจู่โจมศัตรูได้ ถ้ามันได้ยกระดับไปถึงเป็นอสูรทองแดงระดับ 5 หรือสูงกว่า โครงสร้างร่างของมันจะไม่แตกต่างกับอสูรที่ใช้เฉพาะต่อสู้เท่านั้น
เย่ว์หยางรู้สึกว่าแรดขาวของเจ้าอ้วนใหญ่จะมีศักยภาพใหญ่ในอนาคต เพราะเป็นมันอสูรพิทักษ์
ถ้าเขาใช้คำพูดของนักสู้ระดับสูงเพื่อแสดงว่า “ในโลกนี้ไม่มีของขวัญที่ไร้ประโยชน์ ไม่มีสัตว์อสูรที่ไร้ประโยชน์, มีแต่คนที่ไร้ประโยชน์เท่านั้น” เย่ว์หยางเห็นด้วยกับเรื่องแบบนี้จริงๆ
ต้นดอกหนามถูกคนอื่นๆ คิดว่าเป็นแค่สวะ มันเป็นแค่ขยะยามอยู่ในมือของคนอื่นๆ อย่างไรก็ตาม เขาสามารถเปลี่ยนมันให้เป็นนางพญาดอกหนามมงกุฎทอง ผู้ที่มีพลังสามารถกำจัดกองทัพปีศาจได้ทั้งหมด นักรบพฤกษาก็ถูกตัดสินว่าเป็นขยะในหมู่ขยะ แต่ในเงื้อมมือของเย่ว์ปิง มันสามารถทำให้คู่ต่อสู้ของนางต้องปวดเศียรเวียนเกล้าได้ แรดขาวของเจ้าอ้วนไห่ ถ้าใช้มันดีๆ ก็สามารถเปลี่ยนจากขยะได้เหมือนกัน เหตุผลที่ทำให้เจ้าอ้วนไห่ใช้มันได้ไม่ค่อยดี เพราะเขาต้องการให้มันเป็นพาหนะ ไม่ใช่เพียงแค่นั้น เขามองข้ามข้อเท็จจริงที่ว่าแรดเป็นสัตว์อ่อนแอยามเผชิญกับน้ำ ถ้าเจ้าอ้วนไห่สามารถเกาะกุมหาลักษณะพิเศษของแรดเหล็กว่าจะพัฒนาได้อย่างไร เขาจะสามารถใช้ความแข็งแกร่งของมันได้เพิ่มเป็นทวีคูณ
หลังจากกลับมาที่สมาคมนักรบ หัวหน้าหน่วยทหารรับจ้าง 2 นายได้นำศพของนางปีศาจดาบสังหาร, มังกรบิน,และขุนพลปีศาจมาไว้ที่คลังสินค้าตามบัญชาของเจ้าเมืองโล่วฮัว
พวกเขารอให้เย่ว์หยางกลับมาเพื่อให้ภารกิจของพวกเขาเสร็จสมบูรณ์
“เจ้าเมืองโล่วฮัวได้จ่ายค่าจ้างให้พวกเราไปแล้ว รากและสมุนไพรที่เราได้รับจากสะสางสนามรบได้ส่งให้ท่านเจ้าเมืองไปแล้ว ทั้งหมดที่เหลือตอนนี้คือ เงิน 600 เหรียญทองและเกราะรบของขุนพลปีศาจอีก 2-3 ชิ้น โปรดตรวจรับด้วยขอรับ ถ้าท่านไม่ว่าอะไรเรายินดีเอาไปขึ้นรางวัลให้ สำหรับศพปีศาจอื่นๆและฮาร์ปีเหล่านั้น พี่น้องของเราก็ต้องการความดีความชอบด้วย..” หัวหน้าทหารรับจ้างทั้งสองคนรู้ว่าเป็นการขอที่มากเกินไปหน่อย เพราะมูลค่าของศพเหล่านั้นสูงกว่าราคาที่เย่ว์หยางรับปากว่าจะให้พวกเขาเป็นร้อยเท่า ศพเหล่านี้มีมูลค่าสูงสำหรับพวกเขา แต่ไร้ประโยชน์สำหรับพวกนักสู้ แน่นอนว่าพวกเขารวบรวมความกล้าเพื่อจะขอจากเย่ว์หยาง ด้วยหวังอย่างยิ่งว่านักสู้ท่านนี้จะมีใจเมตตา ยอมให้พวกเขาได้ทำให้เหล่าพี่น้องแปลกใจ ที่ขนศพกลับมาได้ทั้งหมด
“พวกท่านทำหน้าที่ลุล่วงเป็นอย่างดี ข้ายอมรับข้อเสนอของพวกท่าน” ทันทีที่เย่ว์หยางผงกหัว เขาให้ทอง 2-3 เหรียญเป็นรางวัลแก่เจ้าหน้าที่ทะเบียนของสมาคมนักรบ
“พวกเราซาบซึ้งความเมตตาของท่าน…” หัวหน้ากองทหารรับจ้างทั้งสองคน รู้สึกตื้นตันจนลิ้นจุกพูดไม่ออก
ขณะที่พวกทหารรับเจ้ากำลังรอข่าวดีอยู่ในที่ห่างออกไป พอเห็นหัวหน้าทีมของตนชูกำปั้นอยู่ไหวๆ เหมือนกับจะบอกว่าพวกเขาทำข้อตกลงได้สำเร็จ ทำให้ทุกคนออกอาการร่าเริง
หลังจากเคลื่อนย้ายซากปีศาจและฮาร์ปีออกไปเพื่อแลกเปลี่ยนรับรางวัลที่สมาคมนักรบ หัวหน้าหน่วยทหารรับจ้างทั้งสองคนได้ขุดเอาผลึกเวทเล็กๆที่ฝังอยู่ในหัวใจของยักษ์เวทมาทำความสะอาดและมอบให้เย่ว์ในสภาพเรียบร้อย
สำหรับทรัพย์สินของนักสู้ พวกเขาไม่กล้าโลภเก็บไว้ เย่ว์หยางยินยอมด้วยวาจาไปแล้วว่ายอมให้พวกเขาได้ครอบครองซากศพเหล่านั้น
นายทะเบียนยิ้มจนแก้มแทบฉีก เขาไม่เคยเห็นนักสู้ที่ใจดีมาก่อนในชีวิต
การประกอบอาชีพของเขาก็คือเป็นนายทะเบียน ไม่จำเป็นต้องมีค่าตอบแทนเพิ่มเติม ไม่ใช่แต่เพียงแค่นั้น การได้รับรางวัลจากนักสู้ถือเป็นเกียรติยศสำหรับสมาคมนักรบของพวกเขา หลังจากรับรางวัลจากเย่ว์หยางอย่างยินดีแล้ว เขาโค้งคำนับแล้วกล่าวว่า ถ้าท่านจะยอมอนุญาต ข้าสามารถหาช่างเครื่องหนังที่ดีที่สุดมาให้ท่านได้ทันที และจะประมูลราคาที่ดีที่สุดให้กับท่าน จากผิวมังกร สามารถเอามาทำเกราะหนังมังกรได้เหมือนกับที่พระราชาใช้เลย หนังและกระดูกเอามาทำอาหารที่ประณีต สำหรับฟันและตาของพวกมันก็เอามาประมูลได้ ขณะที่ขุนพลปีศาจ…”
“ข้าจะจัดการขุนพลปีศาจด้วยตัวเอง” เย่ว์หยางยิ้มมีเลศนัย “ข้าจะปล่อยให้ท่านจัดการเรื่องซากมังกรในช่วงไม่กี่วันนี้ ถ้าจัดการได้ดีน่าทึ่ง ข้าจะตบรางวัลให้เจ้าอีก 10 เหรียญทอง”
“ข้าไม่กล้าขอรางวัลมากหรอกขอรับ มันเป็นเกียรติที่ได้ทำงานให้นักสู้” นายทะเบียนยินดีอย่างมากและโค้งคำนับเขา จากนั้นรีบวิ่งออกไปตามคน
พอเจอศพนางปีศาจดาบสังหาร, มังกร 5 ตัว ขุนพลปีศาจ 5 ตนในโกดัง เย่คงและคนอื่นๆ ถึงกับตะลึง พวกเขาทำอะไรไม่ถูกอยู่ถึงครึ่งค่อนวัน
ผ่านไปนาน พวกเขาก็ค่อยรู้สึกตัวจนได้
ทุกคนมองหน้าเย่ว์หยาง ตกตะลึงเต็มที่ “ท่านฆ่าพวกนี้ทั้งหมดหรือ?”
พอเห็นว่าทุกคนกลัวจนตัวแข็ง เขารีบโบกมือพัลวันพูดว่า “ไม่ใช่นะ นี่เป็นฝีมือของเจ้าเมืองโล่วฮัว แต่นางไม่ชอบศพ ชอบแต่ดอกไม้ ดังนั้นนางจึงยกพวกมันให้ข้า ที่สำคัญที่สุด เมื่อนางพญากระหายเลือดกรีดร้อง พวกขุนพลปีศาจและนางปีศาจดาบสังหารที่กำลังต่อสู้กันอยู่ ต่างก็ได้รับบาดเจ็บล้มลงทั้งสองฝ่าย”
เจ้าอ้วนไห่ไม่เชื่อเรื่องนี้จริงๆ
เขารู้สึกว่าถ้าการล่อลวงของนางพญากระหายเลือดใช้ได้ผลจริงๆ เสียงของนางจะทรงพลังมากได้อย่างไร?
อย่างไรก็ตาม ต่อแต่นี้ อี้หนานเชื่อและผงกศีรษะยืนยัน “เจ้าอ้วนไห่! เจ้าเสียเวลาเข้าโรงเรียนไปเปล่าๆ หรือไง? เสียงกรีดร้องของนางพญากระหายเลือดทรงพลังอย่างมาก สามารถทำร้ายให้บาดเจ็บหนักได้ เสียงกรีดร้องจะแหลมโหยหวน พลังกรีดร้องจะรุนแรงมาก เดิมทีนางเป็นจ้าวอสูรทองอยู่แล้ว เสียงกรีดมรณะจะมีพลังน่ากลัวมากกว่าเสียงกรีดปกติถึง 10 เท่า ขุนพลปีศาจเหล่านี้ บาดเจ็บอย่างหนักและตายจากเสียงกรีดร้องระดับธรรมดา”
เย่ว์ปิง เย่คงและคนอื่นๆ ผงกหัวเห็นด้วย เพียงแต่เย่ว์ปิงและคนอื่นๆ พลาดจุดสังเกตไปอย่างหนึ่งคือ เสียงกรีดร้องสามารถฆ่าขุนพลปีศาจได้ เย่ว์หยางไม่ได้รับบาดเจ็บได้อย่างไร?
เพราะพวกเขาไม่เคยสงสัยเย่ว์หยาง ในที่สุดพวกเขาจึงลืมข้อสังเกตปลีกย่อยเล็กน้อยนี้
“ข้ากำลังเตรียมจะจัดการกับมังกร เย่คง ข้าจะปล่อยซากนางปีศาจดาบสังหารให้กับอสูรของเจ้า แม้ว่าโดยหลักแล้วมันต้องอาศัยการกลืนกินผลึกเวทเพื่อความก้าวหน้า แต่นางปีศาจดาบสังหารเป็นอสูรทองแดงระดับ 7 ที่แข็งแกร่ง ซากของมันยังใช้ประโยชน์ได้บ้าง เจ้าจงใช้มันเป็นอาหารของอสูรของเจ้า สำหรับเกราะเวทของขุนพลปีศาจ พวกเจ้าทุกคนเอาไปใช้ได้เลย ที่สำคัญยิ่งกว่า มันจะเพิ่มความสามารถในการต่อสู้ให้กับทุกคน ไม่ต้องอาย, อย่างไรก็ตาม ข้ายังต้องการศพของขุนพลปีศาจ” พอพูดอย่างนี้จบ เย่คงและคนอื่นๆ คิดว่าเย่ว์หยางจะเอาศพขุนพลปีศาจไปแลกรางวัลความสำเร็จที่สมาคมนักรบ พวกเขาคิดไม่ถึงว่าเย่ว์หยางจะใช้มันเป็นปุ๋ยของต้นดอกหนามของเขา
จากนั้นเย่ว์หยางให้แก่นเวทของยักษ์เวทกับเย่คง และอนุญาตให้เขาจัดสรรให้กับคนอื่นอย่างอิสระ
ขณะที่เย่ว์ปิงและพี่(ชาย)อี้หนาน ก็ได้รับแก่นพลังเวทของมังกรด้วย เย่ว์ปิงไม่คิดอะไรมาก นางรับของจากพี่ชายพลางขอบคุณซ้ำแล้วซ้ำอีก
ขณะที่อี้หนานรับไว้อย่างเขินๆ “นั่นมากเกินไปแล้ว มันน่าละอายที่จะรับไว้” อย่างไรก็ตาม นางกำศิลาเวทของมังกรสายฟ้าไว้แน่นไม่ยอมปล่อย ศิลาเวทนี้จะเป็นประโยชน์แก่เพกาซัสน้อยของนางอย่างมาก
ยิ่งไปกว่านั้น นางจะปฏิเสธสิ่งที่เย่ว์หยางให้นางได้อย่างไร?
หลังจากนั้นไม่นาน นายทะเบียนพาคน 2-3 เข้ามาหาเย่ว์หยาง
บุรุษชรา 2 คนโดดขึ้นมายืนบนซากมังกร พวกเขาไม่สนใจใครอื่นเลย แม้เมื่อนายทะเบียนจะบอกพวกเขาให้ไปทักทายเย่ว์หยางก่อน ถึงกระนั้นพวกเขาก็ไม่ยอมตอบดีๆ “เราไม่ได้มาที่นี่เพื่อทักทายผู้คน ตอนนี้ผิวมังกรยังสดอยู่ ถ้าเราชักช้าคุณภาพมันจะตกลงไป อย่ามากวนใจเรา”
นายทะเบียนชักจะปวดหัว แต่เขารู้จักนิสัยประหลาดๆ ของทั้งสองคนนี้เป็นอย่างดี
เขาหันกลับมาแนะนำเย่ว์หยางให้รู้จักพ่อค้าอื่นอีก 2-3 คนและผู้จัดการประมูลเนื้อและกระดูก
หลังจากทำการเจรจาเสร็จหมดแล้ว จากนั้นนายทะเบียนหยิบจดหมายที่เขียนด้วยลายมือออกมาจากเสื้อของเขา และน้อมให้เย่ว์หยางกล่าวว่า “จดหมายนี้มาจากบ้านของท่าน เพิ่งจะได้รับมาเมื่อวานนี้ แต่ แต่ข้าไม่รู้จักชื่อของท่าน และชื่อคุณเย่ว์ปิงมาก่อน ก็เลยส่งให้ท่านทันเวลาไม่ได้ อภัยให้ข้าด้วยเถอะ”
“จดหมายของแม่เหรอ?” แค่ดูจากลายมือ เย่ว์ปิงรู้ได้จากการเห็นแว่บแรกก็รู้ว่ามาจากมารดาของนาง
“เป็นไปได้ว่ามีเรื่องเกิดขึ้นที่บ้านเหรอ?” เย่ว์หยางสะดุ้งและรีบเปิดจดหมายออกดู และเห็นว่าเป็นจดหมายจากหญิงงามที่ส่งให้ลูกชายและลูกสาวของนาง นางถามว่าเย่ว์หยางจะหาน้องสาวพบได้อย่างไร ถ้าเขาพบนางแล้ว จากนั้นเขาควรรีบกลับบ้านทันทีเพื่อทำให้นางหายห่วงหายกังวล นี่เป็นจดหมายจากบ้าน แม้ว่าจะเป็นเรื่องเรียบง่ายและธรรมดาจากหญิงงาม เย่ว์หยางก็ยังรู้สึกอบอุ่นใจและความรักห่วงใยจากจดหมายธรรมดานี้ที่ส่งมาจากบ้าน เขาสามารถรู้สึกได้ว่าแม่สี่คิดถึงบุตรและธิดาของนางมากเพียงไหน และกังวลห่วงใยมากเพียงไหน…
จดหมายจากบ้านคือสมบัติที่ล้ำค่าจริงๆ
บางทีอาจเป็นความรู้สึกยินดีปรีดาที่มีผลมาจากบทกวีของตู้ฝูที่รู้สึกได้เวลานั้น ที่เย่ว์หยางรู้สึกได้ขณะได้รับจดหมายจากแม่สี่
กับคนที่ดูแลเขา กังวลถึงเขา คิดถึงเขา ปรารถนาดีต่อเขายามที่ห่างไกลบ้าน ความรู้สึกแบบนี้ ดีจริง
หลังจากเย่ว์ปิงอ่านจดหมายจบ นัยน์ตาของนางแดงเล็กน้อย นางผงกศีรษะแต่ไม่ได้ร้องไห้ทันที นางพูดเบาๆ กับเย่ว์หยางว่า “พี่สาม! กลับบ้านกันเถอะ นี่ก็เกือบจะปีใหม่แล้ว เราต้องกลับบ้านไปให้ท่านแม่แปลกใจ!”
กลับบ้านเหรอ?
ในที่สุด ตอนนี้เขามีบ้านอบอุ่นให้กลับไปแล้ว
ในบ้านหลังน้อย มีแม่สี่ผู้อ่อนโยนเหมือนสายน้ำและน้องตัวน้อยรอให้เขากลับไป
จะมีอะไรสำคัญกว่าการได้กลับไปรวมกับสมาชิกครอบครัวที่้บ้านเล่า? นอกจากนี้ นี่ก็ใกล้จะถึงปีใหม่แล้ว หญิงงามคงจะต้องกลับไปที่ปราสาทตระกูลเย่ว์เพื่อเคารพผู้อาวุโสของนาง ไม่มีเย่ว์หยางและเย่ว์ปิงอยู่ข้างๆ นางจะถูกคนอื่นๆ รังแกแน่นอน เขาจะต้องไปพร้อมกับนางและสนับสนุนนางให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ เขาจะได้ช่วยให้นางได้ระบายความไม่พอใจ เขาสามารถมาฝึกฝนที่หอทงเทียนอีกเมื่อไหร่ก็ได้ หลังจากปีใหม่ เขาสามารถเหยียบย่ำเจ้าพวกอัจฉริยะจากครอบสาขาต่างๆและกู้ศักดิ์ศรีคืนมาให้แม่สี่ เขาจะทวงความยุติธรรมคืนมาให้แม่สี่ที่ยอมโดนขับไล่ออกจากปราสาทตระกูลเย่ว์เพื่อปกป้องเจ้าเด็กที่น่าสงสาร นอกจากนี้เขายังค้นไม่พบความจริงที่อยู่เบื้องหลังการยกเลิกการหมั้นระหว่างเจ้าเด็กที่น่าสงสารผู้โดดน้ำตายและคุณหนูตระกูลเสวี่ย เมื่อเขากลับมาหอทงเทียนอีกครั้ง ก็ยังไม่สายเกินไปที่เขาจะฝึกฝนต่อ
พอคิดถึงเรื่องหญิงงามใช้ทรัพย์สินของนางทั้งหมด แม้แต่เครื่องแต่งตัวของนางเพื่อใช้ซื้อยาปลุกสัตว์อสูร ทำให้นางต้องใช้ปิ่นปักผมเครื่องประดับที่ทำจากไม้ทั้งหมด เขาทำอะไรไม่ได้ ได้แต่สัมผัสถึงความรักฉันท์มารดาที่นางแสดงออกมา
แม่สี่, จะเป็นไปได้อย่างไรที่จะคนอย่างแม่สี่คนที่สองในโลกนี้ได้?
********************