เดิมพันเสน่หา – ตอนที่ 138 ปิดล้อมอย่างแน่นหนา

หนานกงเยี่ยคิดว่า ข้าวของของเหลิ่งรั่วปิงยังอยู่ที่วิลล่าหย่าเก๋อ ต่อให้เธอจะไปจากเขาก็ต้องกลับไปเก็บของก่อน ดังนั้นเขาจึงขับรถกลับไปยังวิลล่าหย่าเก๋อ

แต่ความเป็นจริง เหลิ่งรั่วปิงไม่ได้กลับไปที่วิลล่าหย่าเก๋อ เธอไม่เคยซื้อของราคาแพงมาก่อน อีกทั้งยังไม่มีเสื้อผ้าหรือเครื่องประดับราคาแพงที่รู้สึกเสียดายที่จะทิ้ง ในเมื่อตัดสินใจไปจากเขา เธอก็ทิ้งทุกอย่างเอาไว้ที่นั่นไม่เก็บอะไรไว้เป็นที่ระลึก

เธอออกไปจากไนท์คลับเฟิ่งหวงไถ ด้วยหัวใจที่เจ็บปวด ทิ้งของขวัญในมือลงถังขยะข้างถนน ทิ้งของขวัญแล้วเอาหัวใจของตนเองกลับมา เหลิ่งรั่วปิงรู้สึกว่าตนเองโชคดีมาก ที่ยังไม่ได้ยกหัวใจของเธอให้เขา ศักดิ์ศรีและความรู้สึกของเธอมันยังเป็นของเธอ นี่เป็นครั้งแรกที่เธออยากจะยกหัวใจตนเองให้กับผู้ชาย แต่กลับถูกเหยียบย่ำอย่างไร้หัวใจ ถึงแม้เธอจะรู้สึกเจ็บปวด แต่สิ่งนี้ทำให้เธอออกไปอย่างสง่างามยิ่งกว่าเดิม

แม้เธอจะซึ้งใจมากที่หนานกงเยี่ยช่วยเธอแก้แค้น แต่เธอไม่รู้สึกว่าตนเองติดค้างอะไรเขา เพราะเธอได้เอาสิ่งที่มีค่าที่สุดของเธอแลกให้กับเขาแล้ว

หลังจากโยนของขวัญทิ้ง เหลิ่งรั่วปิงเปลี่ยนเป็นซิมการ์ดใหม่ทันที เธอโยนซิบการ์ดเก่าลงถังขยะ เพราะเธอจะไปจากที่นี่แล้ว ไม่จำเป็นต้องติดต่อใครที่นี่อีก

หลังจากทำทุกอย่างเสร็จ เธอแหงนหน้าขึ้นไปบนฟ้าแล้วคลายยิ้มบางๆ เธอยิ้มแล้วโทรหาอาเธอร์ “อาเธอร์ มารับฉันที่ลานหลงเต๋อหน่อย ฉันจะไปจากเมืองหลงตอนนี้”

โทรคุยกับเขาเสร็จ เหลิ่งรั่วปิงขึ้นไปนั่งบนรถแท็กซี่ สิบนาทีให้หลังเธอก็ไปถึงลานหลงเต๋อ ตอนนี้เป็นเวลาประมาณเที่ยงวัน เป็นเวลากินมื้อเที่ยงพอดี ที่ลานหลงเต๋อคนไม่พลุกพล่าน มีแค่คนแก่สองคนกำลังเล่นว่าวกับหลานเท่านั้น

เหลิ่งรั่วปิงยืนอยู่ที่ลานหลงเต๋อ เธอใจลอยไปพักหนึ่ง ภาพความอบอุ่นนั้นทำให้เธอคิดถึงผู้เป็นพ่อ ตอนเด็กๆ พ่อมักจะพาเธอมาเล่นว่าว เธอในตอนนั้นมีความสุขมาก ไม่เคยรู้มาก่อนว่าความเครียดหน้าตาแบบไหน เวลาอยู่กับหนานกงเยี่ย มีหลายครั้งที่ทำให้เธอคิดถึงพ่อ นี่คือเหตุผลที่เธออาลัยอาวรรณ์ในตัวเขา เขาเป็นคนปลุกความหวั่นไหวที่ซ่อนเอาไว้ด้านในหัวใจของเธอให้ตื่น ดังนั้น เธอจึงฝันในสิ่งที่ไม่ควรฝัน

แต่ว่าวันนี้ เขาได้ทำลายความฝันของเธอทิ้งอย่างไร้เยื่อใย

มันก็ดีเหมือนกัน ในที่สุดเธอก็ตาสว่างตื่นจากฝันสักที!

บนโลกใบนี้ไม่มีผู้ชายคนไหนรักเธอเหมือนที่พ่อรักเธอ หนานกงเยี่ยเป็นแค่ความเข้าใจผิดเท่านั้น

เสียงแตรดังขึ้น เหลิ่งรั่วปิงตื่นจากภวังค์ เธอหันหลังกลับไป เห็นอาเธอร์นั่งอยู่ในรถแล้วส่งยิ้มมาให้เธอ เหลิ่งรั่วปิงเองก็ยิ้มตอบเขา เธอรีบขึ้นรถ สิ่งเดียวที่เธอปรารถนาในตอนนี้ก็คือ รีบไปจากเมืองหลง ไม่กลับมาที่นี่อีก ในที่สุดเธอก็สามารถไปตามหาอิสรภาพและความสุขกับชีวิตที่เรียบง่ายได้แล้ว

“ตัดสินใจแล้ว?” อาเธอร์ถาม

“อื้ม”

“ไม่เสียใจทีหลัง?”

เหลิ่งรั่วปิงยิ้ม “นายเคยเห็นฉันเสียใจกับการตัดสินใจของตนเองด้วยหรอ”

อาเธอร์มองดูเหลิ่งรั่วปิงเงียบๆ อยู่หลายวินาที “เธอไม่อยากให้โอกาสเขาในการอธิบายสักหน่อยหรอ”

เหลิ่งรั่วปิงหัวเราะในลำคอ “อธิบาย มีอะไรที่ต้องอธิบาย เขาจะแต่งงานกับอวี้หลานซี แต่ยังเหยียบย่ำศักดิ์ศรีของฉันแบบนี้ สิ่งเดียวที่ฉันอยากทำที่สุดในตอนนี้ก็คือไปจากเขา”

“ก็ดีเหมือนกัน แล้วเธอคิดออกหรือยังว่าอยากไปที่ไหน” อาเธอร์รู้สึกปวดใจแทนเหลิ่งรั่วปิง ความเป็นจริงเขาดูออกว่าเหลิ่งรั่วปิงมีใจให้กับหนานกงเยี่ย เพียงแต่เธอไม่ยอมรับก็เท่านั้น อีกทั้งเรื่องที่เกิดขึ้นวันนั้นบนเรือยอร์ช หนานกงเยี่ยเอาชีวิตของตนเองมาปกป้องเหลิ่งรั่วปิง ดังนั้นเขาจึงมั่นใจว่าหนานกงเยี่ยรักเหลิ่งรั่วปิงจริงๆ เพียงแต่พวกเขาทั้งสองคนเป็นคนหยิ่งทั้งคู่ ทำให้สุดท้ายเดินมาถึงจุดนี้

ไปไหน เหลิ่งรั่วปิงเงียบไปพักหนึ่ง เธอจะไปที่ไหน

กลับซีหลิง? ไม่ ถ้ากลับไปซีหลิง ชีวิตนี้เธอก็อย่าคิดที่จะไปจากซีหลิงได้อีก

ไปประเทศเอ้าตู? ถึงแม้เธออยากไปประเทศที่สวยงามนั่นมาโดยตลอด แต่ไซ่ตี้จวิ้นอยู่ที่นั่น ถึงแม้เธอจะคิดถึงเขา แต่ชีวิตต่อจากนี้ของเธอ เธอไม่อยากเจอคนรู้จักอีก

“เธอแน่ใจแล้วหรอว่าจะไม่กลับวิหาร” ผ่านไปนานครู่หนึ่ง อาเธอร์ถามขึ้น

“อาเธอร์ ฉันรู้สึกขอบคุณเจ้าวิหารมาก ฉันเองก็คิดถึงเจ้าวิหาร แต่ฉันไม่อยากกลับไปวิหารแล้วจริงๆ เขาบอกว่าเขาชอบฉัน บอกว่าจะให้ฉันได้ยืนอยู่เคียงข้างเขาอย่างเปิดเผย แต่เส้นทางนั้นมันโรยไปด้วยเลือด ฉันไม่อยากเดินทางแบบนั้นอีกแล้ว ฉันเหนื่อย ชีวิตที่เหลือต่อจากนี้ฉันอยากมีชีวิตที่สงบสุข”

“ฉันเข้าใจ” อาเธอร์ยื่นมือมาตบมือเหลิ่งรั่วปิงเบาๆ “ไปประเทศเอ้าตู ฉันมีคนรู้จักอยู่ที่ประเทศเอ้าตูคนหนึ่ง เขาเป็นหมอศัลยกรรมเปลี่ยนหน้า ชื่อว่าฉู่เทียนรุ่ย เธอเคยได้ยินชื่อนี้ไหม”

·ฉู่เทียนรุ่ย เหลิ่งรั่วปิงรู้จัก เขาเป็นหมอศัลยกรรมเปลี่ยนหน้าที่มีชื่อเสียงระดับโลก สิ่งที่เขาเชี่ยวชาญที่สุดคือการทำหน้ากาก ซึ่งหน้ากากที่เขาทำสามารถหดเข้ากับรูปหน้าและสามารถขยายเข้ากับรูปหน้าได้อีกด้วย เวลาใส่หน้ากากนั้น แทบจะเหมือนเป็นหน้าจริงๆ เขาสามารถเปลี่ยนหน้าคนได้โดยที่ไม่พึ่งมีด แต่ค่าใช้จ่ายในการเข้าพบเขาสูงมาก ไม่ใช่ราคาที่คนธรรมดาสามารถรับได้ แน่นอนว่าสิ่งนี้เหลิ่งรั่วปิงไม่เป็นกังวลเลยสักนิด เพราะตอนนี้เธอมีเงิน เงินที่ใช้ทั้งชีวิตก็ไม่หมด

“นายรู้จักฉู่เทียนรุ่ยได้ยังไง” เท่าที่เหลิ่งรั่วปิงจำได้ อาเธอร์เข้ามาอยู่ในวิหารตั้งแต่เด็ก ได้รับการฝึกฝนให้เป็นสายลับ เขาไม่มีโอกาสได้ทำความรู้จักกับเพื่อนแบบนี้แน่นอน

“อันที่จริงฉู่เทียนรุ่ยเป็นน้าของฉัน แต่เขาอายุมากกว่าฉันแค่สองปี ตอนที่เขาอายุสิบสองปีถูกคนจับตัวไป ปู่กับย่าและพ่อแม่ของฉัน ขายทรัพย์สมบัติทั้งหมดทิ้งเพื่อตามหาเขา เวลาสั้นๆ แค่สองปี ปู่กับย่าตรอมใจจนสิ้นใจ ในตอนหลังพ่อกับแม่ฉันได้ข่าวว่าเขาอยู่ที่ประเทศเอ้าตู ด้วยเหตุนี้ท่านทั้งสองจึงนั่งเรือไปตามหาเขา แต่เรือกลับล่มที่ทะเล ทำให้ทั้งครอบครัวเหลือแค่ฉันคนเดียว ตอนที่ฉันอายุสิบสอง เจ้าวิหารพาฉันกลับมาที่วิหาร แล้วฉันก็ได้กลายเป็นอาเธอร์

เมื่อสามปีก่อน น้าของฉันฉู่เทียนรุ่ยกลับประเทศมาตามหาญาติ เขาประกาศตามหาผ่านหน้าหนังสือพิมพ์ ฉู่เทียนรุ่ยมีจี้หยกซึ่งเป็นมรดกตกทอดของตระกูล ถึงแม้ว่ามันจะไม่ใช่ของมีค่าอะไร แต่นั่นก็สัญลักษณ์ของครอบครัว ดังนั้น ฉันจึงรู้ว่าเป็นเขาทันที แต่เนื่องจากตัวตนของฉันในตอนนี้ ทำให้ฉันไม่สามารถไปหาเขาได้ ถ้าเธอคิดจะไปประเทศเอ้าตู เอาจี้หยกของฉันไปด้วย เขาจะต้องต้อนรับเธอเป็นอย่างดีแน่นอน เธออยากเปลี่ยนตัวตนของตนเองไม่ใช่หรอ ถ้าอย่างนั้นก็บอกให้เขาทำหน้ากากให้เธอหนึ่งอันสิ”

เหลิ่งรั่วปิงกุมมืออาเธอร์ด้วยความปวดใจ คิดไม่ถึงว่าเขาจะมีอดีตที่เศร้าขนาดนี้ “นายไปประเทศเอ้าตูกับฉันสิ พวกเราไปใช้ชีวิตอย่างที่พวกเราต้องการ”

อาเธอร์คลายยิ้มบางๆ “ไม่ ฉันจะกลับวิหาร เธอกับฉันไม่เหมือนกัน ฉันอยู่ในวิหารตั้งแต่อายุสิบสองปี ไม่ว่าอยู่หรือตายฉันก็ขอเป็นคนของวิหาร ความคิดนี้ฝังลึกอยู่ในใจของฉันแล้ว ฉันไม่มีทางหักหลังเจ้าวิหาร”

ใช่แล้ว เด็กอายุสิบสองปีเป็นช่วงปลูกฝังความคิด อาเธอร์ถูกเลี้ยงและเติบโตในวิหารมาสิบกว่าปี แนวความคิดของวิหารได้ฝังเข้าไปในจิตวิญญาณของเขา เขาไม่สามารถหักหลังจิตวิญญาณของตนได้ แตกต่างกับเหลิ่งรั่วปิง ตอนที่เธอเข้าไปอยู่ในวิหาร เธออายุสิบเจ็ดปีแล้ว ประสบการณ์ในชีวิตทำให้เธอมีความคิดเป็นของตนเอง ตลอดหลายปีที่ผ่านมาถึงแม้เธอจะทำงานให้กับวิหาร แต่จิตวิญญาณในตัวเธอก็ยังเป็นของเธอมาโดยตลอด เพราะเหตุนี้เธอจึงวิ่งไล่หาอิสรภาพ อาเธอร์สนับสนุนเธอ เข้าใจเธอ แต่ไม่มีทางที่จะยอมไปกับเธอ

“อาเธอร์ ฉันไม่อยากไปจากนายเลย” เหลิ่งรั่วปิงร้องไห้

“คนโง่ เธอร้องไห้เป็นด้วย” อาเธอร์ยิ้มแล้วหยิบจี้ออกมา วางลงบนฝ่ามือของเหลิ่งรั่วปิง “เก็บเอาไว้ให้ดีนะ”

เหลิ่งรั่วปิงจับจี้เอาไว้แน่น จี้หยกเย็นเฉียบ แต่กลับทำให้เธอรู้สึกอบอุ่น

อาเธอร์ “ฉันคิดว่าหนานกงเยี่ยคงไม่ปล่อยให้เธอออกไปจากเมืองหลงง่ายๆ แน่ ตอนนี้เขาคงปิดล้อมทุกทางอย่างหนาแน่นแล้ว ดังนั้น พวกเราต้องวางแผนกันก่อน”

จู่ๆ เสียงโทรศัพท์ของอาเธอร์ก็ดังขึ้น คนที่โทรมาคือซือคงอวี้ สิ่งนี้ทำให้อาเธอร์ตกใจเป็นอย่างมาก เพราะซือคงอวี้ไม่เคยเป็นฝ่ายติดต่อสายลับอย่างพวกเขาก่อน

อาเธอร์ไม่กล้าชักช้า เขารีบรับโทรศัพท์ทันที “เจ้าวิหารครับ”

“ฉันจะคุยกับเหลิ่งรั่วปิง นายจัดการที” เสียงของซือคงอวี้เย็นยะเยือก แฝงด้วยอำนาจ ทำให้คนไม่สามารถขัดคำสั่งได้

อาเธอร์มองมาที่เหลิ่งรั่วปิง หลังจากได้รับอนุญาตจากเหลิ่งรั่วปิง เขาจึงเอาโทรศัพท์ให้เธอ

“เจ้าวิหาร” เหลิ่งรั่วปิงพูดเสียงนิ่ง แต่เสียงนั้นมีความเศร้าปนอยู่ด้วย ถึงแม้เธอจะไม่ได้รักซือคงอวี้ แต่เธอรู้สึกขอบคุณเขา เธอต้องบอกลาเขาแล้ว จึงอยากพูดคุยกับเขาสักนิด

“รั่วปิง” ซือคงอวี้ดูดีใจเป็นอย่างมาก “บอกกับผมว่าคุณกำลังจะกลับมา ใช่ไหม”

“…ใช่ค่ะ”

“ดีมาก ผมจะสั่งคนไปรับคุณเอง” ซือคงอวี้พูดด้วยความพึงพอใจ “ถ้าหนานกงเยี่ยไม่ยอมปล่อยคุณกลับมา คุณหารือกับอาเธอร์เรื่องแผนการ เดี๋ยวผมส่งคนไปช่วย”

“ได้ค่ะ” ภายในใจของเหลิ่งรั่วปิงรู้สึกผิด

“รั่วปิง ผมจะรอคุณกลับมา”

เสียงของซือคงอวี้เหมือนเป็นเอคโค่ ดังสะท้อนในหูของเหลิ่งรั่วปิงอยู่หลายครั้ง ก่อนจะค่อยๆ เงียบลง เธอยื่นโทรศัพท์คืนให้กับอาเธอร์ “ตอนนี้พวกเราจะไปที่ไหน”

“ในเมืองหลง ต้องมีคนของเจ้าวิหารแน่นอน อีกทั้งหนานกงเยี่ยคงไม่มีวันยอมลามือง่ายๆ พวกเราต้องซ่อนตัวจากสองอำนาจนี้ แล้วหนีไปประเทศเอ้าตู โดยสิ่งที่เราต้องทำก็คือการหลอกล่อ แต่ก่อนอื่นเราต้องหาที่ซ่อนตัวเพื่อดูสถานการณ์

ถึงแม้เหลิ่งรั่วปิงจะไม่ได้พูดออกมา แต่ในใจของเธอกำลังหัวเราะหยัน เธออยากจะรู้จริงๆ หนานกงเยี่ยจะไม่ยอมลามือถึงขั้นไหน เขาจะใช้ความพยายามมากมายเท่าไหร่ในการตามหาผู้หญิงที่เขาอยากจะกักขังเอาไว้ข้างกาย

*****

อาเธอร์เดาไม่ผิด หนานกงเยี่ยจะยอมปล่อยเธอไปง่ายๆ ได้ยังไง

เขากลับไปที่วิลล่าหย่าเก๋อ พบว่าเหลิ่งรั่วปิงไม่อยู่ที่นี่ พ่อบ้านบอกว่าเหลิ่งรั่วปิงไม่ได้กลับมา เขาจึงรีบโทรศัพท์ไปหาเหลิ่งรั่วปิง แต่เธอกลับปิดเครื่องไปแล้ว หนานกงเยี่ยกระวนกระวายขึ้นมาทันที เพราะครั้งนี้ไม่เหมือนกับทุกครั้ง ครั้งนี้เธอจะไปจากเขาแล้วจริงๆ

เธอไม่ใช่ผู้หญิงบอบบางเหมือนผู้หญิงทั่วไป เธอมีความสามารถ มีลูกไม้ต่างๆ มากมาย การที่เธอจะหนีออกไปจากเมืองหลงเป็นเรื่องง่าย ดังนั้นเขาจึงไม่กล้ารอช้า รีบโทรหาก่วนอวี้ทันที “ส่งคนของฉันทั้งหมด ไปปิดกั้นทางเข้าออกของสถานีขนส่งและสนามบินทุกแห่ง แล้วตามหาเหลิ่งรั่วปิง ถ้าเธอหนีไปจากเมืองหลงได้ นายก็เอาหัวของตัวเองมาให้ฉันแล้วกัน”

ก่วนอวี้กำลังปลอบอวี้หลานซีอยู่ที่บ้านหนานกง ตอนที่เขาได้รับคำสั่งของหนานกงเยี่ย เขาไม่กล้ารอช้า รีบส่งคนของตระกูลหนานกงทั้งหมด ปิดทางเข้าออกของเมืองหลง แม้แต่แมลงวันยังยากที่จะบินหนีออกไป หลังจากปิดกั้นทุกทางเข้าออก ก็เริ่มทำการค้นหาเธอทันที เขารู้ว่าเหลิ่งรั่วปิงเป็นคนมีความสามารถ ดังนั้นเขาจึงไม่กล้าประมาท ค้นหาทุกจุดอย่างละเอียด

หลังจากสั่งก่วนอวี้เสร็จ หนานกงเยี่ยนั่งอยู่ที่โซฟาในห้องรับแขกของวิลล่าหย่าเก๋อ เขาปวดหัวจนแทบจะระเบิด ผู้หญิงคนนี้ไม่มีหัวใจเลยสักนิด ไม่อาลัยอาวรรณ์เขาแม้แต่น้อย แต่ไม่เป็นไร เขาจะจับเธอกลับมาให้ได้ ถ้าคนอย่างหนานกงเยี่ยคิดจะเก็บใครสักคนเอาไว้ เธอไม่มีวันไปจากเขาได้ เพราะเขาจะปิดล้อมทุกทางเพื่อตามหาเธอ

แต่ทว่า ผ่านไปหนึ่งชั่วโมงแล้ว ก่วนอวี้ไม่ส่งข่าวใดๆ มาให้

สองชั่วโมงผ่านไป เขาก็ยังคงไม่ส่งข่าวใดๆ มาให้

เดิมพันเสน่หา

เดิมพันเสน่หา

เดิมพันเสน่หา

Comment

Options

not work with dark mode
Reset