พอพูดถึงเรื่องนี้ ถังเฮ่าจึงรู้สึกสนใจขึ้นมา ทันใดนั้นเขาจึงวางแก้วในมือลง “ฉันก็อยากจะรู้เหมือนกัน ผู้หญิงคนไหนจะสามารถเข้าตาแกได้”
มู่เฉิงซีเอาเท้าเหยียดลงแล้ววางไว้บนพื้น เขานั่งตัวตรง “ใช่ ฉันนึกว่าชาตินี้แกจะไม่กินอาหารคาวแล้วซะอีก!”
“ฮ่าๆๆ…” อวี้ไป่หันเห็นว่าพวกเขามีเรื่องที่ทุกคนต่างสนใจ จึงยิ้มเหมือนสุนัขจิ้งจอก “หนานกง รีบว่ามา เธอเป็นผู้หญิงแบบนี้กันแน่”
หนางกงเยี่ยยกแก้วเหล้าขึ้น แล้วครุ่นคิดโดยเร็วไปสักพักว่าเหลิ่งรั่วปิงเป็นผู้หญิงแบบไหน จู่ๆ ก็หาคำพูดที่มาบรรยายเธอไม่เจอ
จะบอกว่าเธอเป็นผู้หญิงที่ใสซื่อบริสุทธิ์ เธอกลับดูยั่วเล็กน้อย บอกว่าเธอสง่างามทว่าเธอกลับทำให้เสน่ห์อย่างหนึ่งที่บอกไม่ถูก จะว่าเธอเป็นคนอ่อนโยน เธอกลับดูดื้อรั้น จะว่าเธอเป็นนางฟ้า เธอกลับแสดงทีท่าที่โหดเหี้ยม จะว่าเธอเป็นง่ายๆ ทว่าตอนเธอทำงานกลับดูจริงจังมากๆ
เธอดูทั้งแข็งแกร่งและทั้งอ่อนแอ ดูใจดีทว่าก็ดูร้ายกาจ ไม่สามารถบรรยายความเป็นเธอออกมาได้จริงๆ
พอเห็นหนานกงเยี่ยไม่ตอบกลับ อวี้ไป่หันรู้สึกใจร้อนขึ้นมาทันที “ไม่ใช่ หนานกง แกยังคิดจะปิดบังอีกหรอ”
ที่ผ่านมาถ้าหนานกงเยี่ยมีผู้หญิง ก็มักจะพามาเปิดตัวให้กับทุคนได้เห็นกันทันที ไม่เคยชักช้าเหมือนครั้งนี้
หนานกงเยี่ยหันไปมองสายตาของทุกคนที่กำลังรอฟังคำตอบ จากนั้นเขาจึงเอ่ยปากพูดด้วยความลำบาก “เป็นผู้หญิงคนหนึ่ง…ที่พิเศษ”
“เชอะ!” คนพวกนั้นพึมพำด้วยเสียงเย็นชา ทำให้เห็นอย่างชัดเจนว่าเขาตอบกลับอย่างพอเป็นพิธี
หนานกงเยี่ยรู้สึกว่าตัวเองถูกเข้าใจผิด ทว่ากลับขี้เกียจอธิบาย เขาไม่เคยคุ้นชินที่จะอธิบายอะไรกับใคร ทันใดนั้นเขาจึงกระตุกคิ้วขึ้น แล้วคงความเย็นชาและสูงส่งเหมือนเดิม
ผ่านไปสักพักอวี้ไป่หันก็เอ่ยพูดขึ้น “เรื่องนี้หลานซีไม่รู้ใช่ไหม พูดถึงหลานซีก็รอแกมาหลายปีแบบนี้ ความรู้สึกของเธอที่มีต่อแก พวกฉันทุกคนต่างก็รู้ดี แกคิดยังไงกันแน่”
“ฉันจะคิดยังไงได้ ฉันกับเธอไม่เหมาะสมกัน” หนานกงเยี่ยวางแก้วลงอย่างเย็นยะเยือกทำให้เห็นอย่างชัดเจนว่าเขาไม่อยากพูดถึงเรื่องนี้
เขากับอวี้หลานซีโตมาด้วยกัน ก็เห็นว่าเธอเป็นพี่น้องไปตั้งนานแล้ว เธอสุภาพเรียบร้อยและสง่างาม เป็นผู้หญิงที่ดี ทว่าผู้หญิงที่ดีอาจจะไม่เหมาะกับเขาหนานกงเยี่ยก็ได้ ผู้หญิงที่อยู่ข้างเขา ต้องมีเสน่ห์และความสามารถที่แข็งแกร่งที่สามารถต้านดาบต้านธนูตามลำพังได้ แต่ไม่ใช่ผู้หญิงที่เอาแต่ซบอยู่กลางอ้อมกอดแล้วให้เขาปกป้องเธอตลอดเวลาได้ เขาไม่มีเวลาแบบนั้น และไม่มีใจด้วย
ผู้หญิงที่สามารถยืนเคียงไหล่กับเขาได้ จวบจนทุกวันนี้เขายังไม่เจอเลย
หลังจากที่นั่งลงไปสักพัก หนานกงเยี่ยก็เหยียดกายลุกขึ้นแล้วออกจากไนท์คลับเฟิ่งหวงไถ ตั้งแต่ผ่านเมื่อคืนมา ร่างกายของเขาคิดถึงเธอมากๆ ในใจเหมือนมีมดเป็นหมื่นตัวกัดจนทำให้เขารู้สึกคันมากๆ และอาการแบบนี้กำลังเร่งให้เขารีบกลับวิลล่าหย่าเกอ
“คุณชายเยี่ย ไปไหนครับ” ตอนที่ขึ้นรถ ก่วนอวี้ก็ถามขึ้น
“หย่าเกอ” เขาเอ่ยสองคำพูดออกมาด้วยความเย็นชา หนานกงเยี่ยพิงลงบนเบาะหลังแล้วหลับตาเพื่อพักผ่อน
“…” ก่วนอวี้หยุดชะงักไปสักพัก จากนั้นก็สตาร์ทรถ เขาหยุดชะงักไป ก็เพราะว่าคุณชายเยี่ยไม่เคยอยู่กับผู้หญิงหลายคืนติดต่อกันแบบนี้มาก่อน เขาไม่ได้มีความต้องการทางเพศมากขนาดนั้น จึงไม่จำเป็นต้องไปใช้ชีวิตกลางคืนแบบนั้น เขารู้สึกได้อีกครั้งแล้วคุณเหลิ่งเป็นคนพิเศษ คุณชายเยี่ยสามารถแหกกฎหลายๆ ข้อในเวลาแค่วันเดียวเพื่อเธอ
พอกลับถึงวิลล่าหย่าเกอก็ดึกมากแล้ว เมื่อเห็นแสงไฟในห้องนอนของเหลิ่งรั่วปิงยังคงสว่างอยู่ หนานกงเยี่ยจึงรู้สึกเหมือนได้รับการปลอบใจ ต่อให้เขารู้สึกว่าเธอไม่มีทางรอเขาก็ตาม
จากนั้นเขาก็ยื่นชุดสูทไปให้คนรับใช้ แล้วเดินขึ้นชั้นบนโดยตรง และผลักประตูห้องของเหลิ่งรั่วปิงออก
ภายใต้แสงไฟสีเหลืองสลัว มีผู้หญิงคนหนึ่งกำลังตั้งใจวาดโครงสร้างอยู่บนโต๊ะ ท่าทางที่ตั้งใจและจดจ่อทำให้กลายเป็นภาพวาดที่งดงามมากๆ
ผ่านไปสักพัก เรือนร่างของเธอเผยกลิ่นกายออกมาลอยเข้ามาตรงจมูกของเขา ทำให้เขารู้สึกทั้งร่างกายของตัวเองเต็มไปด้วยความรุ่มร้อน…
Related