ตอนที่ 61 การบอกลาครั้งสุดท้าย (1)
เวลาเลิกงาน เหลิ่งรั่วปิงทำตัวชักช้าไม่กล้าลงไปชั้นล่าง เพราะมีคนใช้ลิฟต์เป็นจำนวนมาก เธอกลัวว่าจะมีคนเห็น
ดังนั้น เธอจึงรอให้ทุกคนออกจากบริษัทจนหมดก่อน จากนั้นเธอค่อยใช้ลิฟต์ลงไปชั้นล่างเพียงลำพัง ลิฟต์ลงไปถึงลานจอดรถชั้นใต้ดิน เมื่อประตูลิฟท์เปิดออก เธอก็รีบวิ่งไปที่รถของหนานกงเยี่ยทันที เหลิ่งรั่วปิงกวาดสายมองไปรอบๆ เมื่อแน่ใจว่าไม่มีใครเห็น เธอค่อยเปิดประตูขึ้นไปนั่งบนรถ
“ทำไมถึงมาสายขนาดนี้” หนานกงเยี่ยรู้สึกไม่พอใจ
“ฉันกลัวคนอื่นจะเห็นค่ะ” เหลิ่งรั่วปิงตอบกลับอย่างเป็นธรรมชาติ ในสัญญาที่ตกลงกันเอาไว้นั้น มีเงื่อนไขข้อหนึ่งซึ่งก็คือห้ามให้คนอื่นรู้ถึงความสัมพันธ์ของพวกเขา เธอจึงต้องทำทุกอย่างตามเงื่อนไขที่กำหนดไว้อย่างเคร่งครัด
หนานกงเยี่ยขมวดคิ้วเล็กน้อย และไม่ได้พูดอะไรอีก จากนั้นก็หันไปสั่งก่วนอวี้ “ไปกันเถอะ”
ก่วนอวี้เหมือนจะคาดการณ์ได้ว่าหนานกงเยี่ยจะทำอะไรต่อ เขาจึงพยายามขับรถให้นิ่งที่สุด และไม่ลืมที่จะกดแผ่นกั้นที่เก็บเสียงซึ่งอยู่ตรงกลางด้วยความใส่ใจ
เมื่อเห็นแผ่นกั้นค่อยๆ เลื่อนปิด ตรงเบาะที่นั่งด้านหลังจึงกลายเป็นช่องว่างลับ เหลิ่งรั่วปิงหยุดชะงักไปครู่หนึ่ง แต่เธอก็ไม่ได้คิดอะไรมาก คนสำคัญอย่างเขาล้วนอยากมีพื้นที่ส่วนตัว เธอพอจะทำเข้าใจเรื่องนี้ได้
ภายในรถยนต์ร้อนมาก หนานกงเยี่ยสวมใส่แค่เสื้อเชิ้ตสีดำ เหลิ่งรั่วปิงเองก็ถอดเสื้อชั้นนอกของตัวเองออกมา เวลานี้เธอสวมใส่แค่เสื้อเชิ้ตสีขาวและกระโปรงสีดำ ซึ่งคือยูนิฟอร์มทำงานที่เป็นทางการของเธอ
เธอวางเสื้อคลุมลง ทว่าอยู่ดีๆ หนานกงเยี่ยก็ดึงเธอเข้าไปในอ้อมกอดของเขา จากนั้นก็จูบเธอด้วยความเร่าร้อน จูบของเขานั้นดูดดื่มและร้อนแรงมากๆ ริมฝีปากบางปิดปากของเธอไว้จนแทบจะหายใจไม่ออก
“คุณเป็นพนักงานดีเด่น ผมตัดสินใจยกสิทธิ์ทั้งหมดในการออกแบบแลนด์มาร์คของเมืองหลงให้คุณ มีแค่คุณเพียงคนเดียวเท่านั้น คุณไม่ต้องไปแย่งชิงกับสถาปนิกอีกห้าคนที่เหลือ
“จริงหรอคะ”
“อืม ผมพูดอะไรไม่เคยคืนคำอยู่แล้ว”
“ขอบคุณคุณมากๆ นะคะ คุณหนานกง” เหลิ่งรั่วปิงรู้สึกตื่นเต้นและดีใจ จากนั้นก็เป็นฝ่ายดึงตัวเขาเข้ามาจูบ
หนานกงเยี่ยโอบกอดเธอเอาไว้แน่นๆ ใบหน้าหล่อเหลาถูลงบนเส้นผมของเธอด้วยความรักและเอ็นดูไปหลายครั้ง นัยน์ตาของเขาหยั่งลึกจนไม่สามารถเดาความคิดได้ คล้ายว่าแววตานั้นจะมีความเศร้าปนอยู่ด้วย
กระทั่งรถขับมาถึงหน้าประตูใหญ่ของวิลล่าหย่าเก๋อ แม่บ้านและคนใช้ต่างก็รออยู่ตรงข้างรถตั้งนานแล้ว เพื่อรอปรนนิบัติรับใช้เจ้านายของตน หนานกงเยี่ยไม่ได้สนใจคนอื่น เขาใช้เสื้อสูทสีดำของตัวเองห่อหุ้มเรือนร่างของเหลิ่งรั่วปิงไว้แน่นเหมือนห่อบ๊ะจ่าง จากนั้นก็ช้อนตัวเธอขึ้นมา แล้วเปิดประตูรถ
เขาลงจากรถ แล้วเดินมุ่งหน้าไปที่ชั้นสองของวิลล่า
ในห้องนอน เขายังไม่ทันได้วางเธอลงก็ได้จูบเธออย่างดูดดื่มไปนานพอสมควร
“หลังจากที่เราเลิกกันแล้ว คุณจะคิดถึงผมไหม” จู่ๆ หนานกงเยี่ยก็พึมพำข้างหูเธอ
“…” ขนตางอนยาวของเหลิ่งรั่วปิงสั่นเทาไปสองครั้ง เธอไม่ได้ตอบกลับเขา ในที่สุดเขาก็ตัดสินใจจบความสัมพันธ์กับเธอแล้วใช่ไหม
อยู่ดีๆ เหลิ่งรั่วปิงก็เชื่อฟังขึ้นมาทันที เธอพูดด้วยเสียงอ่อนโยน “คุณหนานกงไม่ชอบให้ผู้หญิงคนไหนมายุ่งเกี่ยวกับคุณไม่ใช่หรอคะ ในเมื่อคุณไม่ชอบ แล้วจะแคร์ว่าฉันจะคิดถึงคุณทำไมคะ” ความสัมพันธ์ของพวกเขาเริ่มต้นอย่างสกปรก มันถูกกำหนดเอาไว้แล้วว่าไม่มีวันมีความบริสุทธิ์ใจให้กัน การไม่คิดถึงคือสิ่งที่ดีที่สุด และการไม่ได้เจอกันยังจะดีเสียกว่า
หนานกงเยี่ยหยุดชะงักไป จากนั้นนิ่งเงียบอยู่ตรงซอกคอของเธอสักพัก เขาคลายยิ้มขึ้นมา “ใช่ คุณพูดถูก ทำไมผมต้องสนใจ”
เขาเงียบไปพักใหญ่ๆ แล้วก็สั่งให้แม่บ้านเตรียมมื้อค่ำ จากนั้นก็พาเหลิ่งรั่วปิงลงไปชั้นล่าง
มื้อค่ำมื้อนี้พวกเขารับประทานกันเงียบๆ ไม่มีใครยอมพูดอะไรออกมา ในเมื่อพรุ่งนี้ก็จะจบความสัมพันธ์กันแล้ว ถ้าอย่างนั้นวันนี้ก็อยู่ด้วยกันอย่างสงบสุขเถอะ พวกเขาไม่ใช่คนรักกันจริงๆ และก็ไม่ใช่คู่สามีภรรยากันด้วย การเลิกราคือขั้นตอนหนึ่งก็เท่านั้น ไม่มีใครจำเป็นต้องรู้สึกเจ็บปวดและไม่จำเป็นต้องพูดจาเพื่อรั้งอีกฝ่ายเอาไว้
หลังจากที่ทานมื้อค่ำเสร็จ ก็กลับไปที่ห้องนอน จู่ๆ หนานกงเยี่ยก็ถามขึ้น “มีเรื่องอะไรที่อยากทำไหม”
“ไม่มีค่ะ แล้วคุณล่ะ”
“ผมก็ไม่มี” คืนสุดท้ายก่อนที่จะจบความสัมพันธ์ เขาคงไม่ให้มันผ่านไปกับเรื่องบนเตียง เขาไม่ใช่ผู้ชายที่หวังแต่จะได้
“เราไปเล่นหิมะกันเถอะค่ะ” เหลิ่งรั่วปิงมองหิมะที่ตกลงนอกหน้าต่าง จากนั้นก็ยิ้มอย่างอ่อนโยน คืนนี้เป็นคืนที่คุ้มค่าในการระลึกถึง เธอได้รับสิทธิ์ในการออกแบบแลนด์มาร์คของเมืองหลง อีกทั้งยังได้ชีวิตที่เป็นอิสระกลับคืนมา
หนานกงเยี่ยก้มหน้ามองเธอ แล้วคลายยิ้ม “ได้” คืนนี้เป็นคืนที่คุ้มค่าในการระลึกถึงจริงๆ เขาไม่เคยทำเรื่องที่โรแมนติกแบบนี้มาก่อน
ตอนที่ 62 การบอกลาครั้งสุดท้าย (2)
จากนั้น พวกเขาทั้งสองคนก็ลุกขึ้นแต่งตัว แล้วไปที่สวนดอกไม้
สวนดอกไม้ที่นี่กว้างมาก เหมือนสนามเด็กเล่นในมหาวิทยาลัย
เวลานี้ หิมะตกหนักมาก เกล็ดหิมะขนาดใหญ่ตกลงมา มันร่วงหล่นลงมาเหมือนขนของหงส์ เกล็ดหิมะที่อยู่ภายใต้แสงไฟข้างถนนนั้น เหมือนกลีบดอกไม้
บนพื้นขาวโพลนไปด้วยหิมะ ตอนที่เดินอยู่บนพื้นนั้น มีเสียงเสียดสีของพื้นผิวดังขึ้น
นี่เป็นการเหยียบหิมะครั้งแรกในชีวิตของหนานกงเยี่ย เมื่อก่อนเขาไม่เคยรู้มาก่อนว่า การเหยียบบนพื้นหิมะจะเป็นความรู้สึกที่มหัศจรรย์แบบนี้
เหลิ่งรั่วปิงชอบมาก เธอคิดถึงพ่อของเธอขึ้นมา ตอนที่เธอยังเด็กนั้น ทุกครั้งที่หิมะตก พ่อของเธอจะนั่งดูหิมะไปพร้อมกับเธอและท่านก็จะคอยเดินเหยียบบนพื้นหิมะ เล่นปาหิมะ สร้างมนุษย์หิมะกับเธอ แต่น่าเสียดายที่เวลานี้ บนโลกใบนี้ไม่มีคนที่รักเธอแบบนี้อีกต่อไปแล้ว
การเล่นปาหิมะ เป็นความรู้สึกยังไง ในความทรงจำของเธอมันเลือนลางไปแล้ว
เธอย่อตัวลงนั่งบนพื้นแล้วก่อบอลหิมะขึ้นมา เหลิ่งรั่วปิงเงียบอยู่นานครู่หนึ่ง
ทางด้านหนานกงเยี่ยเองก็ไม่ได้พูดอะไร เขาเพียงแค่นั่งมองดูเธอเงียบๆ เท่านั้น เขาไม่เคยคาดเดาได้มาก่อนว่าผู้หญิงคนนี้กำลังคิดอะไรอยู่ ด้านในหัวใจของเธอเหมือนทะเลที่ลึกจนไม่เห็นก้นบึ้ง เขาทั้งอ่านความคิดของเธอไม่ได้และไม่สามารถเข้าไปได้
ทันใดนั้นเอง เหลิ่งรั่วปิงหันหลัง แล้วโยนบอลหิมะไปที่หนานกงเยี่ย
หนานกงเยี่ยที่กำลังเหม่อลอยอยู่นั้น ทำให้บอลหิมะปาโดนแผงอกของเขาอย่างเต็มแรง นี่เป็นครั้งแรกในชีวิตของเขาที่มีคนกล้าทำเรื่องแบบนี้ หนานกงเยี่ยก้มหน้ามองดูเสื้อผ้าของเขาที่เปื้อนไปด้วยหิมะ หนานกงเยี่ยโมโหขึ้นมา “เหลิ่งรั่วปิง คุณอยากตายใช่ไหม”
เหลิ่งรั่วปิงเอียงคอแล้วหัวเราะ “ในเมื่อพรุ่งนี้เราก็จะเป็นคนแปลกหน้าของกันและกันแล้ว คุณช่วยตามใจฉันสักครั้งสิคะ” เธอแค่คิดถึงความรู้สึกตอนที่อยู่กับพ่อก็เท่านั้น
หนานกงเยี่ยมองหน้าเหลิ่งรั่วปิงเงียบๆ จากนั้นเขาก็หัวเราะออกมา “ได้ ผมตามใจคุณหนึ่งวันก็แล้วกัน”
สิ้นเสียงของหนานกงเยี่ย เหลิ่งรั่วปิงก็โยนบอลหิมะลูกที่สองไป ครั้งนี้เขาก็หลบไม่ทันเหมือนกัน บอลหิมะโดนที่คอเสื้อของเขาพอดี หิมะที่หนาวเย็นนั้นกลิ้งลงไปด้านใน และละลายกลายเป็นน้ำอย่างรวดเร็ว มันไหลลงไปยังแผงอกของเขา
หนานกงเยี่ยสูดลมหายใจเข้าลึกๆ เขากัดฟันกรอดแล้วยิ้ม “เหลิ่งรั่วปิง คุณยิ่งอยู่ก็ยิ่งใจกล้าจริงๆ”
“ฉันเป็นคนที่ใจกล้ามาโดยตลอดค่ะ ไม่อย่างนั้นฉันจะกล้าไปยุ่งกับคนที่มีอำนาจมากที่สุดในเมืองหลงได้ยังไงคะ”
หนานกงเยี่ยพยักหน้า “ดีมาก ผมจะแสดงให้คุณเห็นเองว่าคนที่มายุ่งกับผมนั้นจะมีจุดจบยังไง”
พูดจบ หนานกงเยี่ยเดินสาวเท้าใหญ่ๆไปทางเหลิ่งรั่วปิง เขายื่นมือไปคว้าจับเธอเพื่อที่จะดึงตัวเธอเข้ามากอด แต่เหลิ่งรั่วปิงไม่รอให้หนานกงเยี่ยขยับเข้ามาใกล้ เธอรีบหันหลังแล้ววิ่งหนี เหลือทิ้งไว้เพียงแค่เสียงหัวเราะสดใสเหมือนเสียงระฆัง
ทั้งสองคนวิ่งไล่จับกันในสวนดอกไม้ บอลหิมะถูกปาไปมา และเคล้าไปด้วยเสียงหัวเราะของหญิงสาวและชายหนุ่ม
ก่วนอวี้ที่ยืนอยู่ด้านนอกรั้วของสวนดอกไม้ เขาถอนหายใจอย่างจนปัญญา เขามีลางสังหรณ์ คุณชายเยี่ย คุณต้องเสียใจอย่างแน่นอน
เหลิ่งรั่วปิงเป็นคนที่สุขภาพแข็งแรงมาโดยตลอด หรือบางทีอาจจะเป็นเพราะหนานกงเยี่ยจงใจอ่อนข้อให้เธอ เขาวิ่งไล่ตามเธออยู่นานแต่ก็ไม่สามารถจับตัวเธอได้ ในทางตรงกันข้ามเขากลับถูกเธอปาลูกบอลหิมะอยู่หลายครั้ง
สุดท้าย ทั้งสองคนเหนื่อยจนหายใจหอบ พวกเขานั่งพิงไหล่อยู่บนพื้นหิมะใต้ต้นไม้ใหญ่ บนหน้าผากของทั้งสองคนเต็มไปด้วยเหงื่อ จมูกและริมฝีปากของทั้งคู่พ่นควันสีขาวออกมา
หนานกงเยี่ยเอียงคอแล้วหัวเราะเบาๆ “เหลิ่งรั่วปิง อันที่จริงแล้วคุณเป็นผู้หญิงที่บ้ามาก”
เหลิ่งรั่วปิงเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้าที่มืดสนิทและมีหิมะตกลงมา ความทรงจำของเธอหวนกลับไปเมื่อสิบปีก่อน ในตอนนั้น ฤดูหนาวของทุกปีล้วนเป็นช่วงเวลาที่เธอมีความสุข เพราะทุกครั้งที่หิมะตกพ่อของเธอจะเล่นไล่จับกับเธอ แต่น่าเสียดาย ที่วันเวลาเหล่านั้นไม่มีวันหวนย้อนกลับมาอีกแล้ว
เขามองดูเธอที่อยู่ดีๆ ก็ทำหน้าเศร้า หัวใจของหนานกงเยี่ยอดไม่ได้ที่จะสั่นเทา “เป็นอะไรไปครับ”
เหลิ่งรั่วปิงเอียงคอแล้วคลายยิ้ม “ในอนาคตข้างหน้า คุณจะคิดถึงฉันไหมคะ”
“…” หนานกงเยี่ยขมวดคิ้ว เขาควรจะตอบคำถามข้อนี้ยังไงดี
Related